มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืนเราต้องอาศัยจินตนาการ

Website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษา
โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ

หากต้องการติดต่อกับ
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ส่ง mail ตามที่อยู่ข้างล่างนี้
midnight2545(at)yahoo.com

ผลงานเรื่องสั้นชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซค์ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ : ไม่สงวนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ 411 หัวเรื่อง
สุนทรกถาการมอบปริญญาบัตร
อาจารย์ สุลักษณ์ ศิวรักษ์
นักวิชาการอิสระ และ
นักต่อสู้แนวทางสันติวิธี

R
relate topic
230647
release date
ผลงานภาพประกอบดัดแปลง ใช้ประกอบบทความบริการฟรีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
H
แด่คุณเจริญ วัดอักษร นักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆที่เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ


คณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ขอประกาศว่า
วันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี เป็นวัน"เจริญ วัดอักษร"
เพื่อไว้อาลัยแด่ด็อกเตอร์ เจริญ วัดอักษร
ประชาชนคนเล็กๆ ผู้ต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น และวัฒนธรรมชุมชน

 

คำประกาศเกียรติคุณชุมชนบ่อนอกและตำบลธงชัย
โดย มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(คำประกาศนี้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2544)

ท้องถิ่นในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการรุกเข้าครอบงำและตักตวงผลประโยชน์ของทุน โดยไม่ใส่ใจวิถีชีวิตอันสงบสุขของชาวบ้านท้องถิ่น นับวันทุนที่รุกเข้ามาก็เป็นทุนที่ใหญ่ขึ้นๆ และมีลักษณะเป็นทุนข้ามชาติมากขึ้นตามกระแสโลกาภิวัตน์ของปัจจุบัน ฉะนั้นประชาชนในท้องถิ่นจึงถูกมองข้ามทั้งจากทุนและรัฐหนักมากขึ้น

เพราะรัฐไม่พัฒนาทั้งความสามารถและเจตนารมณ์ที่จะเข้ามาเป็นคนกลางในการเปิดเวทีต่อรองระหว่างชาวบ้านและทุน ตรงกันข้ามกลับมีทีท่าหนุนหลังทุนในเกือบทุกกรณี ในยามนี้นี่เองที่ชุมชนบ่อนอกและตำบลธงชัย ได้ร่วมแรงร่วมใจต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทร่วมทุนข้ามชาติ ซึ่งได้มีการตัดสินใจผูกมัดสัญญาให้ก่อสร้างขึ้นที่ตำบลบ่อนอกและบ้านหินกรูด โดยชาวบ้านไม่เคยมีส่วนร่วมในการพิจารณาโครงการและให้ความเห็นชอบ

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านกลุ่มผู้ต่อต้านต้องเผชิญกับการใช้ความรุนแรงนานาชนิด ที่ร้ายแรงที่สุดคือการบิดเบือนและฉ้อฉลความจริง ทั้งจากฝ่ายทุนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังไม่นับการใช้อาวุธและกำลังทำร้ายชาวบ้านด้วยประการต่าง ๆ

แต่ชาวบ้านในชุมชนทั้งสองก็ยังยืนหยัดที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ใช่แต่เพียงเท่านั้น กระบวนการของชาวบ้านยังประกอบด้วยการค้นหาข้อมูลเพื่อเผชิญกับข้อมูลบิดเบือน ซึ่งทุนซื้อหาจากนักวิชาการบางประเภท

พร้อมกันไปนั้นก็ค้นหาศักยภาพของชุมชนตนเองอย่างแข็งขัน ทำให้ชาวบ้านสามารถมองเห็น ทางเลือกของการพัฒนาอันหลากหลายที่ตนสามารถเลือกได้ โดยไม่มีผลกระทบร้ายแรงต่อวิถีชีวิตที่ตนเองชื่นชอบ จึงเป็นเหตุให้ชุมชนทั้งสองสามารถมองปัญหาขัดแย้งที่ตนมีกับทุนและรัฐไปได้ลึกกว่าโรงไฟฟ้าและการทำกำไรอย่างมักง่าย
ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทุนและรัฐยัดเยียดโครงการต่าง ๆ เข้าสู่ท้องถิ่นด้วยข้ออ้างว่า จะมีผลทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นได้รับการพัฒนาเสมอ แท้จริงแล้ว ทั้งทุนและรัฐมองการพัฒนาในแนวทางเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่ปันผลของการพัฒนาลงมาไม่ถึงชาวบ้าน

ฉะนั้นในกระบวนการต่อสู้ของชาวบ้านในท้องถิ่นใด ๆ ก็ตาม จึงต้องรวมถึงการแสวงหาทางเลือกของการพัฒนา ที่ชาวบ้านสามารถกำหนดเองและเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของชาวบ้านในท้องถิ่นให้สูงขึ้นในทุกทางด้วย

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเห็นว่า การต่อสู้ของชาวบ้านในชุมชนบ่อนอกและธงชัย ไม่ได้มีนัยะจำกัดแต่เพียงการจะสร้างหรือไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในท้องถิ่นดังกล่าวเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเป็นหนึ่งในแนวหน้าสำคัญของการเคลื่อนไหวของประชาชนระดับล่างของไทยทั้งหมด ในอันที่จะเป็นอิสระเสรีในการกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง รวมทั้งกำหนดความเปลี่ยนแปลงซึ่งจะเกิดขึ้นในท้องถิ่นของตนเอง

นี่เป็นประเด็นสำคัญที่หมายถึงอนาคตของประชาชนไทยในท้องถิ่นทั้งหมด

ถ้าชาวบ้านทั้งสองชุมชนประสบความล้มเหลวในการต่อสู้ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ ก็เป็นไปได้ที่อนาคตของประชาชนไทยทั้งหมดจะถูกขายทอดตลาดให้แก่ทุนขนาดใหญ่ไปจนหมดตัว

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๔
............................................                                          ......................................
     นายกสภามหาวิทยาลัย                                                            อธิการบดี
      

 

 

แด่คุณเจริญ วัดอักษร
สุนทรกถาในงานมอบปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิต
ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

โดย: อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ประธานการมอบปริญญาบัตรให้กับคุณจินตนา แก้วขาว และคุณเจริญ วัดอักษร

สุนทรกถาครั้งนี้ แสดง ณ ชายหาดบ้านกรูด (หน้าร้านอาหารลุงสมคิด) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2544
(บทความชิ้นนี้ยาวประมาณ 10 หน้ากระดาษ A4)

 


สุนทรกถาในงานมอบปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอให้ข้าพเจ้ามามอบปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตแด่นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด และนายเจริญ วัดอักษรประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก เมื่อได้ทำพิธีมอบรางวัลแล้ว เขาขอให้แสดงสุนทรกถา

อันคำว่าสุนทรกถานั้น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้ง เพื่อสรรเสริญเยินยอกัน ซึ่งไม่ใช่ สุนทรหมายถึงความจริง ดัง สุนทรวาณี หมายถึงวาจาที่เป็นจริงคือพระธรรม สมเด็จพระวันรัต (แดง) โปรดให้ช่างเขียนรูปดังกล่าวไว้ที่วัดสุทัศน์ เพื่อท่านกราบไหว้บูชาเป็นประจำ

เฉกเช่นพระพุทธวัจนะที่แปลกันว่า ไพเราะในเบื้องต้น ในเบื้องกลาง และในเบื้องปริโยสานนั้น ก็แปลคำว่า กัลยาณ ผิดไป ตามพระบาลีมีความว่า อาทิกัลยาณํ มัชเฌกัลยาณํ ปริโยสานกัลยาณํ ท่านหมายความว่าพระพุทธพจน์มีเนื้อหาสาระในทางเกื้อกูลผู้ที่ได้สดับ ซึ่งจักได้ประโยชน์ทั้งในเบื้องต้นสำหรับนำเอามาใช้ในปัจจุบัน ในเบื้องกลาง คือเพื่อนำเอาไปใช้ในโลกหน้า และในที่สุด คือเพื่อให้เข้าถึงพระอมตธรรมหรือโลกุตรธรรม

ด้วยเหตุนี้ สุนทรกถาของข้าพเจ้าจึงจักไม่มีถ้อยคำอันไพเราะเสนาะโสต หากจักเป็นถ้อยคำที่เนื่องด้วยความจริง และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านทั้งหลายที่ตั้งใจฟัง

การที่มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมอบปริญญาบัตรแก่บุคคลทั้งสองในวันนี้ นับว่าเป็นการสมควร เพราะนอกจากทั้งสองคนจะยืนหยัดอยู่กับมิตรสหายในการต่อสู้กับอธรรมอย่างสันติแล้ว ยังแสวงหาวิชาความรู้อย่างเป็นองค์รวม โดยมุ่งที่ความดีงามอย่างควบคู่กันไป ทั้งมหาวิทยาลัยยังมอบปริญญาเอกให้ กับผู้ที่สังคมอันดัดจริตดีดดิ้นหาว่าปราศจากความรู้ด้วยแล้ว ยิ่งชี้ชัดว่ามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนไม่แบ่งชั้นวรรณะ แม้คนที่ไม่มีวิทยะฐานะตามแบบแผนของกระแสหลัก ก็อาจมีสติปัญญาและความรู้อันเป็นเลิศได้ ดังในทางพระพุทธศาสนา คนฉลาดหรือคนโง่ ก็อาจตรัสรู้ธรรมได้อย่างไม่มีขีดคั่น ถ้ามหาวิทยาลัยในกระแสหลักเกิดมนสิการ คงจะหันมาพยายามมอบปริญญาบัตรแก่ประชาชนคนธรรมดาที่อยู่ปลายอ้อปลายแขมบ้าง โดยที่ท่านพวกนั้นหลายคนมีภูมิปัญญาชาวบ้าน และรอบรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างโยงใยไปถึงศาสนธรรม ที่ชนชั้นบนเข้าได้ไม่ถึงเอาเลย

อนึ่ง การให้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยในกระแสหลักนั้น มักเน้นไปที่นักการเมือง นักการคลัง และนักการค้า ซึ่งส่วนใหญ่เอารัดเอาเปรียบมหาชน หาไม่ก็มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม และถ้าไม่ใช่อภิชนแล้ว อย่างเก่งมหาวิทยาลัยก็ให้เพียงมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ดังกรณีของ นายสุภา ศิริมานนท์ กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น โดยที่มหาวิทยาลัยนั้นปฏิเสธที่จะให้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ นายปรีดี พนมยงค์ ผู้ก่อกำเนิดมหาวิทยาลัยนั้นด้วยซ้ำไป ส่วนผู้ที่ได้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ๒ คนแรกของมหาวิทยาลัยทางด้านสื่อสารมวลชนนั้น คนหนึ่งคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในทางใช้สื่อเพื่อตระบัดสัตย์ เพื่อยกย่องศักดินาให้เลอเลิศเหนือมหาชน อีกคนเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่ากรมกร๊วก และคนๆนี้ เมื่อรับปริญญาเอกจากธรรมศาสตร์แล้วไม่ทันไร ก็ถูกเข้าคุก ข้อหาในเรื่องทุจริตอย่างเลวร้าย

ข้าพเจ้าเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมีวัตถุปะสงค์ที่สำคัญคือ แสวงหาความรู้ เพื่อเผยแผ่และสั่งสอนความรู้นั้นๆอย่างเป็นองค์รวม จนรวมความรู้เข้าด้วยกัน เพื่อเข้าได้ถึงสัจจะหรือความจริง โดยที่ความจริงนี้แล จะเข้าถึงได้ ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ อย่างไม่เลี่ยงไปจากตัวทุกขสัจ ดังที่ประชาชนพลเมืองของเราส่วนใหญ่ประสบกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะก็จำแต่ชนชั้นบนของบ้านเราหันไปสมาทานลัทธิทุนนิยมและบริโภคนิยม โดยเชื่อว่าเทคโนโลยี่ยิ่งทันสมัยเท่าไร จักเป็นคุณเท่านั้น ทั้งๆที่นี่คือมิจฉาทิฐิ

มหาวิทยาลัยอื่นๆก็ควรมีหน้าที่ในการแสวงหาความรู้ แต่แสวงหาความรู้อย่างเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่เป็นองค์รวม ยิ่งไปเชื่อว่าตำราฝรั่งซึ่งให้ความรู้แต่ในทางตำรา โดยนักรู้หรือครูอาจารย์ แม้จนนักวิจัย ไม่ออกไปสัมผัสกับความทุกข์ยากของราษฎร ความรู้นั้นๆก็เลยไม่เดินเข้าหาความจริงหรือสัจจะ นักรู้ก็เลยอยู่บนหอคอยงาช้าง ห่างเหินจากคนยากไร้ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศ หรือในโลก

เมื่อความรู้ไม่เป็นไปเพื่อความจริง ก็ย่อมเข้าหาความดีไม่ได้ ดังมหาวิทยาลัยกระแสหลักไม่อาจสอนในเรื่องความดีได้ เพราะพุทธิศึกษาต่างไปจากจริยศึกษาโดยสิ้นเชิง ต่อเมื่อเข้าได้ถึงความจริงหรือสัจจะ นั่นแหละผู้รู้จึงจักเป็นคนดี ยิ่งรู้อย่างเห็นแก่ตัวน้อยลงไปเพียงใด ความรู้ก็จะกลายเป็นความเข้าใจในทางสัจจะยิ่งๆขึ้น จนเป็นปัญญาหรือปรัชญา ซึ่งย่อมควบคู่ไปกับกรุณา หรือความรักและความเอื้ออาทรต่อผู้ยากไร้ โดยเราสามารถร่วมกันหาเหตุแห่งทุกข์ได้ เพื่อดับทุกข์ตามครรลองของสันติประชาธรรม

เมื่อความรู้แนบสนิทกับความจริง และเดินเข้าหาความดี การแสวงหาความรู้ก็ดี ความจริงก็ดี แม้จนการแสดงออกซึ่งความรู้ก็ดี ย่อมเป็นไปอย่างงดงาม อย่างประณีต กล่าวคือ เกิดเป็น นฤมิตรกรรมหรือศิลปกรรม ตลอดจนการอนุรักษ์ธรรมชาติอันงดงาม ย่อมเป็นไปตามความรู้ที่ไม่เลอะเลือน ไม่หลอกลวง และความรู้ที่ช่วยให้ผู้รู้อ่อนน้อมถ่อมตน โดยได้เข้าสัมผัสกับมหาชนผู้ยากไร้ แล้วพร้อมที่จะเรียนจากคนเล็กคนน้อย คนแก่คนเฒ่า แม้จนจากเยาวชน และเรียนจากธรรมชาติ จากนก จากปลา จากป่า จากเขา จากทะเล นี้แล คือขบวนการแห่งความรู้ซึ่งเป็นความจริง และเป็นไปอย่างบรรสานสอดคล้องกันเท่าไร ก็แสดงออกซึ่งความดีงามเท่านั้น

ความรู้ที่เข้าถึงความจริง จึงประสานกับความงามและความดี ด้วยประการฉะนี้

ข้าพเจ้าเชื่อว่ามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมีคติเช่นนี้ พวกครูอาจารย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าวจึงเปิดกว้าง ออกไปเรียนรู้จากผู้ยากไร้ ไม่ว่าจะที่ปากมูล หรือที่บ้านกรูด บ่อนอก กาญจนบุรี หรือที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา รวมถึงชาวเขาเผ่าต่างๆ ซึ่งก็คือพี่น้องของเราด้วยกันทั้งสิ้น ดังการมอบปริญญาคราวนี้ ทั้งนายกสภามหาวิทยาลัย และอธิการบดีก็กล่าวไว้ชัดเจนว่า ชาวบ้านกรูดและชาวบ่อนอก ให้เกียรติมหาวิทยาลัยเท่าๆกับที่มหาวิทยาลัยให้เกียรติแก่ชุมชนทั้งสอง ถ้าต่างฝ่ายต่างให้เกียรติกัน อย่างเสมอบ่าเสมอไหล่กันและอย่างมีศักดิ์ศรี โดยมีทั้งความดี ความจริงและความงาม นี้แลคือกุศลจรรยา

ที่มหาวิทยาลัยกระแสหลักผิดพลาดก็เพราะ การแสวงหาความรู้ของเขาเป็นไปเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่เป็นองค์รวม ดังกล่าวแล้ว จึงเข้าหาความดีไม่ได้ และไม่เข้าใจด้วยว่าความงามคืออะไร ยิ่งจะให้เห็นอกเห็นใจประชาชนคนธรรมดายิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเหล่านี้นึกว่าตัวสูงส่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้สึกด้อย ที่คอยตามส้นเท้านักวิชาการฝรั่ง ซึ่งก็หาความรู้ได้เป็นเสี่ยงๆตลอดมา อย่างน้อยก็แต่สมัยเรอเนต์ เดส์คาตส์เป็นต้นมา

ยกตัวอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของไทย ดูสิว่ามีอาคารใดที่งดงามอย่างบรรสานสอดคล้องกับอาคารอื่นๆในทางสถาปัตยกรรมบ้างไหม และชุมชนสามย่านที่อยู่ข้างๆมหาวิทยาลัยนั้นเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา ให้นิสิตนักศึกษามาซื้ออาหาร ซื้อหนังสือ ตลอดจนยารักษาโรค รวมถึงยังมีที่ที่ให้อาจารย์และนิสิตได้มีโอกาสไปอาบอบนวดอีกด้วย

แต่แล้วผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็บอกว่าต้องไล่ร้านรวงทั้งหมดเหล่านี้ออกไป ในนามของคำว่า พัฒนา เพื่อก่อให้เกิดศูนย์ศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยที่สุด

ข้าพเจ้าตั้งร้านหนังสืออยู่ที่นั่นมา ๒๕ ปี เป็นที่ที่เพาะภูมิปัญญา ให้คนรุ่นใหม่เกิดความ
กล้าหาญทางจริยธรรมมิใช่น้อย หลายคนออกไปท้าทายเผด็จการจนเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ขึ้น นี่ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ทางราชการบ้านเมืองคงมาติดป้ายไว้ที่หน้าร้าน ถึงความสำคัญอันเล็กน้อยที่เรามีส่วนร่วมในขบวนการประชาธิปไตยของไทย แต่เปล่าเลย ร้านของเราก็ถูกขจัดไปอย่างไม่ใยดีเฉกเช่นร้านอื่นๆ ดังบัดนี้ มีอาคารอันน่าเกลียดโผล่ขึ้นมาดุจดังสากกระเบืออันมโหฬาร ๒ แท่ง ซึ่งสร้างค้างมานับเวลาได้ถึงหนึ่งทศวรรษแล้ว ทั้งนั้โดยไม่มีใครรับผิด ในความน่าเกลียด ในการทำลายล้างชุมชน มีแต่คนรับความชอบ

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็อาจถอนรากถอนโคนออกจากชุมชนท่าพระจันทร์ ไปรังสิต เพื่อฆ่าวิถีชีวิต อันมีเนื้อหาสาระในทางประชาธิปไตย ในทางที่นักศึกษาพึ่งประชาชน และประชาชนเอื้ออาทรกับนักศึกษาคล้ายๆกัน

จึงไม่แปลกประหลาดที่นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยกระแสหลัก จักแสดงผลงานวิจัยออกมาอย่างปราศจากสัจจะ เพราะนักวิชาการนั้นๆเข้าไม่ถึงความดี ก็เลยมีความชั่ว ความโลภ และอคติที่ติดยึดตำราฝรั่งเป็นเกณฑ์ โดยไม่เคยลดตนลงมาหารือหรือเรียนรู้จากชาวบ้าน จนบางคนถึงกับขายตัวให้กับบริษัทที่ให้เงินมาทำวิจัยเอาเลย จึงนับว่าสาสมแล้วที่ผู้หญิงชาวบ้านจะเอากางเกงในไปครอบหัวให้

สิ่งซึ่งเกิดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บ้านกรูด ที่บ่อนอก ที่ปากมูล ที่เมืองกาญจน์ ที่จะนะ ฯลฯ มีผลมาจากนักวิชาการจอมปลอมของเรา ที่รู้เป็นเสี่ยงๆด้วยการอยากเอาอย่างฝรั่ง แล้วไปรับใช้นักการเมืองที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เชื่อตามฝรั่งอย่างงมงาย นึกว่าเทคโนโลยี่คือคำตอบ นึกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือพลังงานปรมาณูจะช่วยอำนวยประโยชน์ โดยมองไม่เห็นโทษของมัน ในขณะที่ชาวบ้านกลับเข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจน

การแสวงหาความรู้ของชาวบ้านอย่างคุณจินตนานั้นนับว่าน่าสนใจ เพราะเธอสำนึกว่าเธอไม่รู้ เธอจึงแสวงหาความรู้จากทุกกระแส และทดสอบจนเชื่อได้แน่ว่านี่คือความจริง ซึ่งจะโยงใยไปในทางบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และความรู้ดังกล่าวจะอนุรักษ์ธรรมชาติไว้อย่างเหมาะสมให้เป็นความงาม เธอจึงเข้าได้ถึงองค์รวมแห่งความรู้ และความรู้หรือความเข้าใจดังกล่าวจึงเดินเข้าหาปัญญา ซึ่งควบคู่ไปกับกรุณา เธอจึงสามารถปลุกมโนธรรมสำนึกของพี่น้องทั้งหลาย ให้รวมตัวกันเป็นสามัคคีธรรม ต่อสู้อย่างสันติ เพื่อเอาชนะมาร แม้มันจะมาในนามของการพัฒนา หรือในนามของนักวิชาการหรือนักการเมืองก็ตามที

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ ชนชั้นนำของเราต่อสู้กับจักรวรรดินิยมฝรั่งได้สำเร็จ หากบัดนี้ชนชั้นบนของเราสยบยอมกับจักรวรรดินิยมอย่างใหม่ที่ใช้คำว่าโลกาภิวัฒน์ ใช้คำว่าพัฒนา ใช้คำว่าตลาดเสรีหรืออิสระเสรีอย่างใหม่ ซึ่งล้วนให้โทษกับบ้านเมือง ให้โทษกับมหาชน และให้โทษกับธรรมชาติทั้งหมด เท่ากับชนชั้นนำกำลังขายชาติ ปล่อยให้บรรษัทข้ามชาติและอภิมหาอำนาจมาปล้นทรัพยากรทางธรรมชาติของเราไป บนความเดือดร้อนของราษฎรส่วนใหญ่

นิมิตรดีก็ตรงที่ราษฎรเหล่านี้แลเห็นโทษภัยของอาณานิคมอย่างใหม่ เห็นโทษของนักวิชาการจอมปลอม และเห็นโทษของนักการเมืองประเภทมือถือสากปากถือศีล จึงขอให้กำลังใจให้มวลชนรวมตัวกันด้วยสามัคคีธรรม ยึดมั่นในสัจจะ หรือความจริง โดยเอาความจริงมาอิงความดี โดยมีความงามเป็นองค์ปะกอบ

ถ้าท่านทั้งหลายร่วมกันในระดับรากหญ้า โดยโยงกับนักวิชาการที่ไม่ขายตัว และกับคนในองค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งเป็นเพียงองค์ประกอบ แม้จนหาทางสนทนาวิสาสะกับนักการเมืองเพื่อให้เขาไม่ขายตัว รวมถึงนักวิชาการในกระแสหลัก เพื่อผลักดันให้เขาเกิดมโนธรรมสำนึก ข้าพเจ้าเชื่อว่าวิธีการเช่นนี้เป็นกุศโลบาย แม้จะต้องใช้เวลา ต้องอดทน แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสเตือนไว้แล้วว่า ขันติเป็นธรรมที่สำคัญสุด

โดยที่ท่านมีฉันทะในการแสวงหาความรู้ที่เป็นองค์รวม และต่อสู้อย่างสันติวิธีมาเป็นเวลานาน แสดงว่าท่านมีวิริยะอย่างแก่กล้า ทั้งท่านยังมีจิตตะ คิดอ่านโดยหาทางต่างๆอย่างรอบคอบ ประกอบไปด้วยวิมังสา คือตรองหาเหตุ เลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม ทิ้งวิธีการที่ใช้ไม่ได้แล้วอีกต่อไป ทั้งหมดนี้แลรวมกันเป็นองค์ ๔ แห่งอิทธิบาท ซึ่งพระบรมศาสดาตรัสว่า ใครก็ตามที่มีอิทธิบาท แม้ต้องการตรัสรู้ก็เป็นไปได้ จึงเชื่อว่าถ้าท่านเดินตามหนทางของอิทธิบาททั้งสี่ ท่านจักได้ชัยชนะอย่างแน่นอน

และนั่นจักไม่เป็นเพียงชัยชนะของชาวบ่อนอกหรือชาวบ้านกูด ชาวจะนะ ชาวปากมูล ฯลฯ หากจะเป็นชัยชนะของราษฎรทั้งหมด ซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางของการพัฒนามาเป็นภาวนา จะเปลี่ยนจากบนลงล่าง มาเป็นล่างขึ้นบน จะเปลี่ยนความคิดแบบเป็นเสี่ยงๆมาเป็นความคิดแบบเป็นองค์รวม ซึ่งประสานหัวสมองมารับใช้หัวใจ ให้เกิดศีลคือความยุติธรรมในสังคม ให้เกิดสมาธิ คือการมีจิตมั่นในอันที่จะแผ่ไมตรีจิตมิตรภาพออกไปอย่างไม่มีขอบเขตอันจำกัด และให้เกิดปัญญา คือความรู้รอบที่เป็นองค์รวม โดยที่ความรู้ย่อมจะคู่ไปกับความรัก ความหวังดีต่อกันและกัน และต่อสรรพสัตว์

ณ บ้านกรูด ประจวบคีรีขันธ์
วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๔

ชีวิตนักสู้แห่งบ่อนอก

เจริญ วัดอักษร เป็นคนประจวบคีรีขันธ์โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2510 อายุ 37 ปี เป็นบุตรคนที่ 8 ของนายชั้น และนางวิเชียร วัดอักษร เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันราชภัฏเพชรบุรี
ในปี 2538 เริ่มเข้ามาคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.ประจวบฯ จนถูกขู่ฆ่าหลายครั้ง กระทั่งการคัดค้านของชาวบ้านประสบผลสำเร็จ รัฐบาลมีคำสั่งให้ย้ายโรงไฟฟ้าออกจากพื้นที่

"เจริญ เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมาก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่น การพนัน และไม่ใช่นักเลง เคยเตือนเขาหลายครั้งว่าถ้าทำตรงนี้ก็ ต้องมีวันนี้เพราะมีตัวอย่างให้เห็น แต่เขาไม่ยอมถอย" พระครูวิชิตพัฒนวิธาน เจ้าอาวาสวัดสี่แยกบ่อนอก พี่ชายของเจริญ ให้ข้อมูล

จากความสำเร็จในการคัดค้านโรงไฟฟ้า เจริญ ได้รับเชิญให้เป็น วิทยากรเพื่อให้ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์แก่ชาวบ้านทั่วประเทศ และได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ที่มีอ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นอธิการบดี
เจริญ มีอาชีพค้าขายและธุรกิจบริการ มีร้านอาหาร ที่พักแบบชนบทอยู่ชายทะเล ต.บ่อนอก ชื่อร้านครัวชมวาฬ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในท้องถิ่นและคนเมือง
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9470000011778

Dear Farung

Thanks for the news. It is very sad to know that he has been murdered. He used to say he
was not afraid and was prepared for the worst. It really happened to him, sadly.
Has anyone been arrested ? Please send my condolence to his family and our
environtmentalist friends.

Best,
Ubonrat (อาจารย์อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์)

 

แถลงการณ์ขอประณามการสังหาร
เจริญ วัดอักษร นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

รัฐบาลทักษิณต้องรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชน
ปัญหาวิฤตการณ์การจัดการทรัพยากรธรรมชาตินับวันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติโดยกลุ่มนายทุนอิทธิพลที่มีผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นภายใต้การเอื้อประโยชน์จากรัฐผ่านนโยบายและกฏหมาย หรืออาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ใช้อำนาจบาตรใหญ่ใช้อิทธิพลร่วมมือกับข้าราชการบางหน่วยบางคน ทำให้ชุมชนท้องถิ่นที่ออกมาปกป้องธรรมชาติต้องเผชิญกับความรุนแรงมากขึ้นยิ่งขึ้นเช่นกัน

ภายหลังจากรัฐบาลทักษิณขึ้นมามีอำนาจในการบริหารประเทศ รัฐบาลที่สังคมไทยคาดหวังว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย นำพาสังคมไทยสู่การปฏิรูปการเมือง สร้างสรรค์ประเทศให้มีความเป็นธรรมและยั่งยืน รวมทั้งเป็นรัฐบาลที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพชีวิตความปลอดภัยจากกลุ่มนายทุนอิทธิพล ผู้ต้องการเอาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของส่วนรวมมาเป็นผลประโยชน์ส่วนตน

แต่กลับปรากฎว่า มีชาวบ้านที่ต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ กลับต้องสังเวยชีวิตให้กับกลุ่มนายทุนอิทธิพลที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์กำไรส่วนตนจากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติ เช่น

นายจุรินทร์ ราชพล ผู้คัดค้านการรุกรานป่าชายเลน จ.ภูเก็ต, นายนรินทร์ โพธิ์แดง คัดค้านการสร้างโรงโม่หิน เขาชะเมา จ.ระยอง, นายพิทักษ์ โตนวุฒิ คัดค้านโรงโม่หิน หมู่บ้านชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก, นายฉวีวรรณ
ปีกสูงเนิน ผู้รณรงค์เหล้าพื้นบ้านให้เป็นอิสระจาก พ.ร.บ.2493, นายสุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ แกนนำต่อต้านบ่อขยะฝังกลบ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, นายสมพล ชนะพล ต่อต้านการสร้างอ่างเก็บน้ำกั้นป่าต้นน้ำคลองกระแดะ บ้านห้วยหอย ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี, นายแก้ว ปินปันมา ชาวบ้านตำบลดอยหล่อ กิ่งอำเภอดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เสียชีวิต โดยที่นายแก้วเป็นแกนนำในการเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินที่ได้เอกสารสิทธิ์มาโดยมิชอบแล้วปล่อยรกร้างว่างเปล่า
เป็นต้น

และเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 เวลาประมาณสามทุ่ม ได้มีการสังหารนายเจริญ วัดอักษร ซึ่งเป็นผู้นำในการคัดค้านนโยบายรัฐบาลและกลุ่มทุนในการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอก-หินกรูด ที่สร้างมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้นำในการเปิดโปงการบุกรุกที่สาธารณะของกลุ่มนายทุนอิทธิพลข้าราชการนักการเมือง

การเสียชีวิตของนายเจริญ วัดอักษร ในครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวงของของประชาชนคนธรรมดา ผู้เสียสละหยาด
เหงื่อแรงกายแรงใจเพื่อพิทักษ์ปกป้องทรัพยากรธรมชาติของประเทศชาติ

เราขอเรียกร้องและมีความคิดเห็นดังนี้ คือ
1. ขอประณามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายเจริญ วัดอักษร นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

2. รัฐบาลมีหน้าที่ในการคุ้มครองชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน รัฐบาลจึงต้องจัดการจับกุมผู้สังหารและอยู่เบื้องหลังการสังหารโดยเร่งด่วน ที่ผ่านมามีหลายกรณีที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการจับกุมได้ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล อีกทั้งรัฐบาลทักษิณมีนโยบายสำคัญต่อการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว ในอีกด้านหนึ่งถ้ารัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ก็เท่ากับว่ารัฐบาลได้ส่งเสริมให้ผู้มีอิทธิพลเหิมเกริมมากยิ่งขึ้น และหรือเป็นการเลือกปฏิบัติเฉพาะผู้มีอิทธิพลบางกลุ่มเท่านั้น

3. รัฐบาลต้องมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติการที่ชัดเจนในการจัดการกับขบวนการโกงกินคอรัปชั่นที่ดินสาธารณะของกลุ่มนายทุนอิทธิพล ไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองข้าราชการระดับไหนก็ตาม

4. รัฐบาลต้องมีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตราที่ 56 ที่ว่า "สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการบำรุงรักษา
และการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม"

ด้วยความเชื่อมั่นพลังประชาชน

สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ 45 องค์กร
เครือข่ายศิลปินล้านนา

 

แด่ ชีวิตที่มีความหมายของเจริญ วัดอักษร

อีกชีวิต ด่าวดิ้น ทิ้งความหมาย
ความตาย กระสุนปืน เริงร่า
ปลิดชีพ นักสู้ ของประชา
หากคนกล้า ข้างหลัง จะยังยืน

จะก้าวเดิน ต่อไป ในพงหนาม
แม้ร้าวราน จะยืนหยัด กัดฟันสู้
แม้เหนื่อยล้า มิล่าถอย จะพันตรู
เข้าโรมรัน ต่อสู้ กับอธรรม

ขอเธอจง หลับสงบ เพื่อภพหน้า
มีน้ำฟ้าเป็นพยานแห่งความหลัง
มีศรัทธาของเพื่อนเป็นพลัง
เป็นความหวังที่พร่างพรายใต้แสงดาว

คืนนี้ แม้ฟ้ามืด เดือนเลือนลับ
พรากชีวิต เธอดับ จากผองเพื่อน
พรุ่งนี้ ฟ้าใหม่ จะมาเยือน
จะย้ำเตือน ความฝัน ของผองเรา

จะต่อสู้ ต่อไป ไม่ล่าถอย
จะเรียงร้อย ศรัทธา ให้กล้าแข็ง
จะกล้าก้าว กล้าแกร่ง สานพลัง
เพื่อดุ่มดั้น เดินต่อไป สู่ปลายฟ้า

เพื่อตุ่มดั้น เดินต่อไป สู่ชัยชนะ......

บทกวีจาก subsb (สมาชิกกระดานข่าวมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)

แด่นักอนุรักษ์ธรรมชาติ เจริญ วัดอักษร

นักอนุรักษ์ทั้งหลาย
เธอเป็นผู้ร้ายเสมอ
กำหมัดหยัดสู้ชูชะเง้อ
ไร้เกลอเอออวยช่วยแรง

กอบกู้ด้วยใจใสซื่อ
เขาลือว่าคิดผิดแผลง
เหงื่อหยดหมดเลือดเดือดแดง
น้ำตาเหือดแห้งคาตา

จวบจนสังคมได้สติ
ความดีจึงผลิโผล่หน้า
เป็นไม้หม่นทนกาลกันดารมา
เพื่อแตกก้านบานกล้าออกท้าทาย

บทกวีโดย ฟ้าหม่น (สมาชิกกระดานข่าวมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)


 

สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I ประวัติ ม.เที่ยงคืน

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด กว่า 400 เรื่อง หนากว่า 4500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 120 บาท(รวมค่าส่ง)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

 

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com




สังคมที่เจริญ วัดกันที่คุณค่าทางจิตวิญญาน มิได้วัดกันที่กลจักรและฟันเฟืองของการพัฒนาตามหนทางแห่งกามและกิเลส
เผยแพร่ เพื่อสาธารณประโยชน์
หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบ
ปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลดขนาดของ font ลง
จะแก้ปัญหาได้

midnightuniv(at)yahoo.com
midnight2545(at)yahoo.com
midarticle(at)yahoo.com
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ ชนชั้นนำของเราต่อสู้กับจักรวรรดินิยมฝรั่งได้สำเร็จ หากบัดนี้ชนชั้นบนของเราสยบยอมกับจักรวรรดินิยมอย่างใหม่ที่ใช้คำว่าโลกาภิวัฒน์ ใช้คำว่าพัฒนา ใช้คำว่าตลาดเสรีหรืออิสระเสรีอย่างใหม่ ซึ่งล้วนให้โทษกับบ้านเมือง ให้โทษกับมหาชน และให้โทษกับธรรมชาติทั้งหมด เท่ากับชนชั้นนำกำลังขายชาติ ปล่อยให้บรรษัทข้ามชาติและอภิมหาอำนาจมาปล้นทรัพยากรทางธรรมชาติของเราไป บนความเดือดร้อนของราษฎรส่วนใหญ่ (อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์)
การที่มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมอบปริญญาบัตรแก่บุคคลทั้งสองในวันนี้ นับว่าเป็นการสมควร เพราะนอกจากทั้งสองคนจะยืนหยัดอยู่กับมิตรสหายในการต่อสู้กับอธรรมอย่างสันติแล้ว ยังแสวงหาวิชาความรู้อย่างเป็นองค์รวม โดยมุ่งที่ความดีงามอย่างควบคู่กันไป ทั้งมหาวิทยาลัยยังมอบปริญญาเอกให้ กับผู้ที่สังคมอันดัดจริตดีดดิ้นหาว่าปราศจากความรู้ด้วยแล้ว ยิ่งชี้ชัดว่ามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนไม่แบ่งชั้นวรรณะ แม้คนที่ไม่มีวิทยะฐานะตามแบบแผนของกระแสหลัก ก็อาจมีสติปัญญาและความรู้อันเป็นเลิศได้ ดังในทางพระพุทธศาสนา คนฉลาดหรือคนโง่ ก็อาจตรัสรู้ธรรมได้อย่างไม่มีขีดคั่น