เรื่องของอาหารดัดแปลงพันธุกรรม ที่ปนอยู่ในอาหารที่เราบริโภคกันทุกวัน โดยไม่มีโอกาสล่วงรู้ และไม่อาจป้องกันตนเองได้

Bgmo2.jpg (17555 bytes)

แปลจากเรื่อง"WHAT'S FOR DINNER?" By Jim Hightower

คุณเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ “butterfly effect.”ไหม? มันเป็นทั้งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์และความจริงทางนิเวศวิทยา, สาระสำคัญของมันก็คือ ผีเสื้อนับล้านตัวขยับปีกที่ใจกลางเม็กซิโก สามารถก่อให้เกิดผลกระทบตามมาในกรุงนิวยอร์ค, โรม, หรือฮ่องกงได้. แนวคิดดังกล่าวบอกกับเราว่า โลกในทางฟิสิกส์นั้น มันมีดุลยภาพอย่างสลับซับซ้อนยิ่งกว่าที่เราล่วงรู้เสียอีก. ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่เกี่ยวเนื่องกัน สามารถส่งผลกระทบให้กับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปมากๆได้ ทั้งในด้านเวลาและสถานที่. ถึงตรงนี้, ขอให้ข้าพเจ้าได้นำเรื่องนี้ลงมาจากท่าทีทางวิชาการ และวางมันลงาในความเข้าใจของตัวเองสักหน่อย : กล่าวคือ เรา ในฐานะมนุษย์ที่มีอัจฉริยภาพ ไม่เคยทราบเลยถึง สมมุติว่าคือ “%$XWM” อันเป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่.

ทุกวันนี้ และ ณ ชั่วโมงนี้ โรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทต่างๆได้พ่นหรือคลายสารเคมีที่สกปรกเป็นตันๆที่เรียกว่า organochlorines ออกมา แล้วเข้าสู่บรรยากาศและน้ำของเรา และต่อมามันได้มีผลให้จระเข้ตัวผู้ที่เกิดขึ้นในฟลอริด้าไม่มีอวัยวะเพศ (อันนี้เราทุกคนต่างรู้ดีว่า จระเข้าตัวผู้ต้องมีอวัยวะเพศ ใช่ไหม ?). เมืองดีทรอยท์ได้มีการใช้สาร CFCs กับแอร์คอนดิชั่นที่มีมากจนเกินไป – อันนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร ? ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ มันได้ทำให้เกิดช่องหรือรูโหว่ขนาดใหญ่ในชั้นบรรยากาศโอโซนของโลก. ประเด็นในที่นี้ เป็นการดำเนินการหรือปฏิบัติการทางด้านอุตสาหกรรม ที่เสมือนหรือดุจเดียวกันกับ การพยายามที่จะปอกเปลือกของผลองุ่นด้วยขวานนั่นเอง – การนำเอาขวานมาปลอกเปลือก, ผลที่ได้กลับกลายเป็นความยุ่งยาก และอันตรายอย่างยิ่งต่อเนื้อของผลองุ่นอันอ่อนนุ่ม.

เมื่อสองทศวรรษที่ผ่านมา, การดำเนินงานทางด้านอุตสาหกรรมอันไร้เหตุผลนี้ ได้ถูกประยุกต์เข้ามาสู่ระดับพันธุศาสตร์เกี่ยวกับการแพร่กระจายทางด้านอาหารการกินของเรา – และมาถึงตอนนี้ ผลกระทบผีเสื้อ(butterfly effect) กำลังเริ่มต้นที่จะมีผลกระทบต่อผีเสื้อทั้งหลายแล้ว… อันนี้ไม่ได้พูดถึงแค่คุณกับผมเท่านั้น.. คนที่กำลังกวัดแกว่งขวานอันนี้ ก็คือยักษ์ใหญ่ทางด้าน biotechnology ที่ได้ถูกกำหนดเพื่อเอาชนะต่อมารดาธรรมชาติโดยการยักย้ายเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง DNA ในระดับเซลล์ของพืชพันธุ์ต่างๆ. คนพวกนี้จะนำเอายีนจากปลาและใส่มันลงไปในมะเขือเทศ, หรือนำเอายีนจากหนูและใส่มันลงไปในเซลล์ต่างๆของข้าวโพด, หรือนำเอายีนจากพืชจำพวกถั่วใส่ลงไปในมันผรั่งต่างๆ. ยีนที่มีการย้ายหรือนำมารวมกันต่างๆนี้ไม่มีขีดจำกัด, นั่นก็ยีนหนึ่ง / ยีนจากทุกหนทุกแห่ง, ยีน / Old McDonald มีแล็บหรือห้องทดลอง / E-I-E-I-O.

ผลลัพธ์ที่ออกมาต่างๆได้ถูกรู้จักกันในฐานะอาหารประเภท GA ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า Genetically-altered food, GMO หรือ genetically modified organisms, GM หรือ genetically-manipulated, GE หรือ genetically engineered …หรือ, หากใช้ภาษาซึ่งค่อนข้างไม่สุภาพเท่าไรนัก เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “อาหารของแฟรงค์เก็น”(Frankenfood).

แนวหน้าสุดของอาหารที่ท้าทายหรือเสี่ยงภัยนี้(Brave new Food World)ก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 4 บริษัท ผู้ซึ่งอ้างอิงตัวเองอย่างหน้าซื่อๆในฐานะที่เป็นบริษัท”วิทยาศาสตร์แห่งชีวิต”(life science corporations): บริษัทเหล่านี้ได้แก่ Monsanto, Novartis, Dupont, และ Hoescht. เจตนาหรือความตั้งใจของบริษัทเหล่านี้ ได้กล่าวอ้างอย่างโอหังว่ามันจะเป็นการกระจายแหล่งอาหารและผลผลิตของโลกกันใหม่, และการกระทำทั้งหมดเหล่านี้ กระทำขึ้นภายใต้ผลประโยชน์ของมนุษยชาติ, แน่นอน, รวมไปถึงอาหารต่างๆที่มีวัคซีนต่างๆในอาหารด้วย, อาหารซึ่งสามารถอยู่ได้เป็นสัปดาห์ๆโดยไม่เน่าเสีย, และอาหารที่สามารถต้านทานศัตรูพืชได้ในระดับยีนที่ใส่เข้าไปในพืชพันธุ์เหล่านั้น. แต่หากว่าเราเป็นโรคภูมิแพ้ที่รุนแรงต่อพวกถั่วในมันฝรั่งที่ได้รับการประกอบกันขึ้นมา, หรือถ้าหากว่าเราไม่ต้องการให้ลูกๆของเราบริโภคอาหารต่างๆที่มีวัคซีนและเซ้กซ์ฮอร์โมนซึ่งเราไม่รู้จัก (ใช่, เซ็กซ์ฮอร์โมนต่างๆ, ด้วยเช่นกัน, ได้ถูกรวมเข้าไปโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ”วิทยาศาสตร์แห่งชีวิต”ที่ดีมากๆ)… และจำพวกยาต้านแมลงที่ถูกใส่เข้าไปในอาหารต่างๆ เราจะทำอย่างไรล่ะ ?

ไม่มีปัญหา, บางคนคิดว่าอย่างนั้น, ฉันก็ไม่ซื้อไอ้พวก GA, GM, GMO, GE, หรืออะไรก็ตามที่เป็นพวก GD อื่นๆที่ใช้กับอาหารแฟรงเก็นสไตน์ ที่หลุดออกมาจากห้องทดลองทางด้านอาหารพวกนี้. คุณอาจจะปรารถนา, หรือคุณอาจต้องการให้เด็กๆของคุณดื่มโคคาโคล่า, หรือกินมันฝรั่งจำพวก french fry ของ McDonald, หรือมี kraft salad dressing บนโต๊ะอาหารของคุณไหม? คุณได้เทช็อคโคแล็ทร้อนๆของ Nestle ถ้วยหนึ่งสำหรับตัวเอง, หรือเนย Land o’ Lake ในตู้เย็น, คุณได้ใช้ NutraSweet, หรือคุณได้ป้อน Similac ให้กับทารกของคุณใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของอาหารเสี่ยงภัยเลยครับ. ทั้งหมดนี้ของผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารได้มีการยักย้ายส่วนประกอบของยีนหมดแล้ว. ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารมากกว่า 3 หมื่นชนิด, บนชั้นวางของในร้านโกรเซอรีหรือร้านขายของชำในอเมริกาทุกวันนี้ ตั้งแต่นมจนไปถึงน้ำโซดา, หรือจาก Big Macs ไปถึงเต้าหู้ ได้มีการยักย้ายองค์ระบบเกี่ยวกับยีนทั้งสิ้น.

เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีการแก้ไขจากห้องทดลองต่างๆของยักษ์ใหญ่ biotech ต่างๆ ปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ในการเพาะปลูกถึง 25 เปอร์เซนต์ของธัญพืชประเภทข้าวโพดในอเมริกา, และพวกถั่วเหลืองก็ใช้เมล็ดพันธ์ที่มีการแก้ไขในระดับยีนทำการเพาะปลูกถึง 30 เปอร์เซนต์ด้วยกัน, และพืชจำพวกฝ้ายมีถึง 40 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว, และ 50 เปอร์เซนต์พวก canola. ใช่เลย แน่นอน พืชพันธุ์เหล่านี้ล้วนปลอดภัย…ถูกต้องไหม? รัฐบาลได้ทำการทดสอบพืชแต่ละชนิดเหล่านี้แล้วเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีอะไรเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นมาได้จากการบริโภคสิ่งเหล่านี้ ที่มีการคัดสรรและเปลี่ยนแปลงแก้ไข DNA, ไม่ใช่หรือ? และจวบจนกระทั่งบัดนี้ the FDA และ FPA ก็ยังยืนยันว่าอาหารวิศวพันธุกรรมเหล่านี้ต่างก็มีความปลอดภัย.

อันที่จริง, สิ่งเหล่านี้ได้รับการเรียกขานว่า public watchdogs (หรือ สุนัขเฝ้ายามให้กับสาธารณชน) ซึ่งได้ทำความมั่นใจอย่างฉลาดในทางที่ตรงกันข้าม, และยืนยันว่าสิ่งที่ดึงดูดใจเกี่ยวกับวิศวกรรมทางชีวภาพต่างๆ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าไม่ปลอดภัย.

ขณะที่นักกิจกรรมและนักเขียนเชื้อสายอเมริกันพื้นเมืองโดยกำเนิด Vine DeLoria เคยพูดเอาไว้ครั้งหนึ่งว่า, “แน่นอน คุณสามารถให้ความไว้วางใจรัฐบาลได้. คำตอบต่อข้อซักถามของอินเดียนคนหนึ่ง”. บรรทัดล่างลงมา: มันยังไม่ได้มีการทดสอบที่ยาวนานเพียงพอต่อผลิตผลต่างๆเหล่านี้. รัฐบาล, โดยคำสั่งของบรรดาโรงงาน biotech ต่างๆ, ได้ผลักดันภาระในการพิสูจน์ให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างง่ายๆ, ซึ่งกล่าวได้ว่า คุณและครอบครัวของคุณ โดยแท้จริงแล้ว คือหนูตะเภาที่ได้ถูกนำมาทดลองในโครงการทดลองทางด้านยีนอันยิ่งใหญ่นี้.

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปลอดภัยไหม ? ต่อคำถามนี้ เราสามารถที่จะค้นหาคำตอบได้ 3 วิธีคือ:

  1. ถามอุตสาหกรรมประกันภัยดูทีว่ามันปลอดภัยเพียงพอไหม ? แน่นอน ได้มีการปฏิเสธหรือบอกปัดที่จะทำประกันภัยในระยะยาวสำหรับบริษัทต่างๆ หรือชาวนาทั้งหลายที่ผูกมัดกับการสุ่มเสี่ยงทางด้าน biotech เหล่านี้. ถ้าหากว่าปีศาจร้ายทางด้านยีนซึ่งมีการแก้ไขดัดแปลงเหล่านี้หลุดออกมาจากขวด และทำให้เกิดการเปรอะเปื้อนต่อธัญพืชทั้งหลาย หรือเข้าไปผสมกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบข้างล่ะ. หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่ต้องคิดกันเลยว่ามันจะไม่มีผลในทางทำลายเกิดขึ้นตามมาแน่นอน – แล้วใครล่ะที่จะเป็นคนรับผิดชอบ ? ปัญหาเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วกับ พืชพันธุ์ 87,000 ถุงที่ส่งจากสหรัฐอเมริกาไปยังยุโรป มันได้ถูกปฏิเสธในปีนี้ เพราะผลของการทดสอบโดยผู้นำเข้าพบว่า พืชพันธุ์ต่างๆเหล่านี้ได้มีการดัดแปลงยีนนั่นเอง. ปรากฎว่า พืชพันธุ์เหล่านี้ที่ผลิตขึ้นมาได้ถูกปนเปื้อนโดยการผสมเกสรแบบข้ามพันธุ์จากพืชพันธุ์ที่แวดล้อมอยู่ในฟาร์มซึ่งได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลากหลายของพืชพันธุ์เหล่านี้. ถุงที่บรรจุพืชพันธุ์ดังกล่าวจำนวน 87,000 ถุงได้ถูกนำไปทำลาย.
  2. ให้ถามผีเสื้อต่างๆกันดู. ครึ่งหนึ่งของผีเสื้อ monarch ที่มีลวดลายสีดำ ส้ม และสวยงามของอเมริกาเหนือซึ่งได้มีการแพร่พันธุ์ในเขตที่พืชพันธุ์ทางแนวตะวันตกตอนกลาง ที่ซึ่งหนอนผีเสื้อ monarch ต่างๆได้รับการหล่อเลี้ยงจากธัญพืชของมันที่แพร่กระจายอยู่ คือ พืชจำพวกยางขาวหรือต้นหม่อน บ่อยครั้ง ได้เจริญเติบโตขึ้นมาไปตามเขตแนวรั้วยาวของทุ่งข้าวโพด. นับเป็นล้านๆเอเคอร์ของทุ่งข้าวโพด ปัจจุบันมันเป็นพวก Bt ที่หลายหลาก – ได้ถูกเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในเชิงวิศวกรรมโดยบริษัท Monsanto. Dupont, และ Novartis เพื่อบรรจุ Bt toxin ไปทั่ว. สำหรับ Bt นี้ต้องการที่จะฆ่าแมลงประเภทดูดเจาะพืชพันธุ์เหล่านี้. บรรดาบริษัทเหล่านี้อ้างว่า สิ่งที่ตนเองได้กระทำนั้น มีโอกาสเป็นศูนย์ที่จะเกิดไปทำลายบรรดาแมลงต่างๆที่ไม่ใช่เป้าหมาย, หรือนก, หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ. แต่งานวิจัยจากทีมงานที่ทำวิจัยของมหาวิทยาลัย Cornell รายงานในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ลมอ่อนๆได้ช่วยละอองเกสรจากข้าวโพดที่มีการแก้ไขพันธุกรรมลอยไปฆ่าผีเสื้อ monarch. ในการศึกษาที่มีการควบคุม, ใบของต้นหม่อนได้รับการโปรยปรายด้วยละอองเกสรข้าวโพดที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม. เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ครึ่งหนึ่งของหนอนผีเสื้อ monarch ที่ต้องกินใบหม่อนเหล่านี้เป็นอาหาร ต้องล้มตายลงไปเป็นจำนวนมาก, และที่เหลือรอดอีกครึ่งหนึ่งนั้น ก็เติบโตเพียงขนาดเพียงครึ่งเดียวของขนาดของผีเสื้อพันธุ์นี้เท่านั้น. ส่วนบรรดาผีเสื้อ monarch ที่กินใบหม่อนที่มิได้ปนเปื้อนละอองเกสรของข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมยังคงสมบูรณ์ดีเช่นเดิม. คำถามในที่นี้ก็คือว่า “ทำไมการศึกษาวิจัยนี้จึงไม่ทำขึ้นมาก่อนการยินยอมให้มีการปลูกข้าวโพด Bt ล่ะ ? อันนี้เป็นการตั้งคำถามกับสหภาพนักวิทยาศาสตร์ที่มีจิตสำนึกทางสังคม(the union of Concerned Scientists). ตอนนี้เรามีข้าวโพด Bt อยู่ประมาณ 20 ล้านเอเคอร์ที่สายเกินไปแล้ว. ซึ่งเรื่องดังกล่าวควรจะเป็นการเตือนว่า มันเป็นความประหลาดใจที่ไม่น่าพอใจมากนัก.
  3. และที่สำคัญที่สุด, ให้ถามตัวคุณเอง, ให้คุณลองถามตัวคุณเองว่า ทำไมอุตสาหกรรมต่างๆและรัฐบาล, ในกลุ่มการเมืองที่มีความโลภและหยิ่งผยอง, จึงปล่อยให้เทคโนโลยีนี้หลุดออกไปอย่างรวดเร็วและอย่างเงียบเชียบมาก. กระแสคลื่นที่รวดเร็วของธัญพืชเหล่านี้ ได้ทะลักออกมาเพียงไม่กี่ปีมานี้ โดยปราศจากการอภิปรายหรือถกเถียงกันอย่างเป็นสาธารณะ. กระนั้นก็ตาม, ไม่ว่าคุณจะต้องการมันหรือไม่, ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารไม่น้อยเลย ที่คุณกำลังซื้อหากันอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นอาหารซึ่งได้รับการรับรอง(ว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย), ซึ่งอันที่จริง มีโอกาสที่เป็นไปได้มากทีเดียวก็คือว่า ครอบครัวของคุณกำลังบริโภคอาหารที่มีการดัดแปลงแก้ไขยีนเป็นจำนวนมากมายมหาศาลอยู่ทุกๆวัน, โดยไม่รู้เลยว่าคุณกำลังทำเช่นนั้นอยู่. ด้วยเช่นกัน, ถ้าวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านี้มันปลอดภัยจริงแล้วละก็, ให้ถามตัวเราเองว่า ทำไมมันจึงไม่มีการปิดฉลากให้คุณทราบว่า คุณกำลังซื้ออะไรไปบริโภคกันอยู่. อุตสาหกรรมทางด้านอาหารจะต้องปิดฉลากให้ทราบว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆมีเกลือแร่, ไขมัน, และโคเลสเทอรอน อยู่จำนวนปริมาณเท่าไร ?, ทั้งนี้เพื่อใผู้บริโภคตัดสินใจได้ด้วยตนเองถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ต้องการซื้อ, เรื่องทำนองเดียวกันนี้ เราไม่ได้รับการบอกกล่าวเอาไว้เลย ไม่ว่าที่ลังบรรจุข้าวโพด กล่องบรรจุอาหาร รวมไปถึงหีบห่อต่างๆว่า สิ่งเหล่านี้ได้มีการจัดการแก้ไข DNA กันใหม่หรือไม่ อย่างไร ?, หรือเขียนเอาไว้ที่ข้างกล่องนมว่า มันประกอบด้วยเซ็กซ์ฮอร์โมนเทียมในนั้นหรือไม่.

แต่เป็นที่น่ายินดีเกี่ยวกับข่าวที่ว่า ปัจจุบันได้มีการกบฎต่อบริษัทลวงโลกที่คุกคามเราเหล่านี้อยู่ ซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นมาทั่วโลก. ตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่น, สองในสามของรัฐบาลท้องถิ่นได้เรียกร้องให้มีการบังคับให้ทำการปิดป้ายฉลากทั่วประเทศเกี่ยวกับอาหารดัดแปลงพันธุกรรมทั้งหลาย. ส่วนในประเทศอินเดีย, ศาลสูงได้ให้การสนับสนุนป้ายฉลากที่บอกถึงการทดสอบเกี่ยวกับธัญพืชพวกนั้น, และรู้สึกเดือดดาลกับพวกชาวนาทั้งหลาย ที่มีการทดสอบพืชพันธุ์ อันยังเป็นที่น่าสงสัยและร้ายแรงเหล่านี้ให้กับบริษัท Monsanto. ในประเทศอังกฤษ, สมาคมทางการแพทย์ของอังกฤษได้มีการเรียกร้องให้ปิดป้ายฉลาก ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ ในการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเหล่านี้, และนอกไปจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากเจ้าฟ้าชาย Charles, ซึ่งได้ปฏิญานพระองค์ว่าจะไม่เอ่ยหรือตรัสถึงเรื่องของอาหาร biotech หลุดออกมาจากริมฝีปากของพระองค์เลย.

ปฏิกริยาสาธารณชนในยุโรปค่อนข้างไปในทางปฏิเสธหรือแง่ลบอย่างดุเดือด ต่อชื่อของบริษัท Monsanto ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคำเรียกไปแล้ว, และบริษัทผู้ค้าในตลาดต่างๆทางด้านอาหารหลักนั้น อย่างเช่น Unilever, Nestle, และ Cadbury-Schwepps ได้ประกาศออกมาเมื่อไม่นานมานี้ โดยบอกว่า ผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัทต่างๆของพวกตน ปลอดจากเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ(biotech-free). นอกจากนั้น เครือข่ายซูปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่สุด ในหกประเทศของทวีปยุโรปได้ทำข้อผูกมัดและให้คำมั่นสัญญากับสาธารณชนว่า พวกเขาจะไม่ขายผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการดัดแปลงแก้ไขพันธุกรรมต่างๆ.

มาถึงตอนนี้, อาหารแฟรงเก็นได้กลายมาเป็นประเด็นหลักทางการเมืองไปแล้ว – สมาชิกท่านหนึ่งของรัฐสภาอังกฤษเคยประณามบริษัท Monsanto ในสภาสามัญในฐานะที่เป็นศัตรูของสาธารณชนหมายเลข 1. กระนั้นก็ตาม, บรรดานักการเมืองทั้งหลายและสาธารณชนโดยทั่วไป ต่างก็มีท่าทีเงียบๆเกี่ยวกับเรื่องนี้, ไม่ใช่ว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือยอมรับมัน, แต่เป็นเพราะว่าบริษัทต่างๆ, รัฐบาล, และสื่อต่างๆได้เก็บงำเอาเรื่องราวเหล่านี้ ฝังเอาไว้โดยไม่เปิดเผยออกมานั่นเอง. ดังนั้น มันจึงยังคงถูกฝังอยู่. ขอขอบคุณต่อกลุ่มกิจกรรมต่างๆและรายงานข่าวอิสระทั้งหลาย ที่ได้มีการเผยถึงเรื่องนี้ออกมา(รวมไปถึงจดหมายข่าวและรายการวิทยุของข้าพเจ้า), เรื่องราวเหล่านี้ได้เผยแพร่ออกไป อันนี้กำลังเกิดขึ้นกับเรา และเช่นดังในทุกๆส่วนของโลกใบนี้, มันจะกลายเป็นประเด็นที่โด่งดังอย่างกับระเบิดเลยทีเดียว.

เราไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่มย่ามหรือพัวพันอยู่กับผู้คนทั้งหลายได้ หรือทำการตรวจตราผู้คนว่าได้ป้อนอะไรเข้าไปในปากของพวกเด็กๆหรือทารกน้อย โดยคิดกันไปว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆตามมา. ก่อนที่มันจะเลยผ่านไป, พวกเราในที่นี้จะต้องตามไล่ล่าผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับพฤติกรรมอันวิปริตผิดปกติเหล่านี้ เช่นเดียวกับสุนัขไล่ล่าเนื้อเลยทีเดียว.

 

Back to midnight's home E-mail address : midnightuniv(at)yahoo.com