H

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืนเราต้องอาศัยจินตนาการ

Website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษา
โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ

เว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ทางเลือกเพื่อการศึกษาสำหรับสังคมไทย :

บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ 322 หัวเรื่อง
คำไว้อาลัยเอ็ดวาร์ด ซาอิด

สมเกียรติ ตั้งนโม : แปลและเรียบเรียง
คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)

(บทความนี้ยาวประมาณ 7 หน้า)
หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลดขนาดของ font ลง จะแก้ปัญหาได้

บทความของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน สามารถคัดลอกไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการได้ หากนำไปใช้ประโยชน์ กรุณาแจ้งให้ทราบที่

midnightuniv(at)yahoo.com
midnight2545(at)yahoo.com

071146
release date
R
นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆของเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ
Wisdom is the ability to use your experience and knowledge to make sensible decision and judgements

เนื่องในมรณกรรมของเอ็ดวาร์ด ซาอิด
สมเกียรติ ตั้งนโม : แปลและเรียบเรียง
คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(บทความนี้ยาวประมาณ 8 หน้ากระดาษ A4)


หมายเหตุ : บทความนี้นำมาจากคำไว้อาลัย 3 ฉบับ (เขียนขึ้น ณ วันที่ 25 กันยายน 2546) คือ

1. Edward Said, Dead at 66 "A Mighty and Passionate Heart" by Alexander Cockburn 
      CounterPunch September 25, 2003
2. "Edward Said" by Ali Abunimah September 25, 2003
3. "Edward Said" by Mustafa Barghouthi September 25, 2003

1.Edward Said, Dead at 66
A Mighty and Passionate Heart
by Alexander Cockburn. CounterPunch September 25, 2003
http://www.zmag.org/content/showarticle.cfm?SectionID=22&ItemID=4251

เอ็ดวาร์ด ซาอิด : ผู้มีหัวใจที่ทรงพลังและเร่าร้อน
เอ็ดวาร์ด ซาอิด ได้ถึงแก่กรรมลงที่โรงพยาบาลในกรุงนิวยอร์ค ในวันพุธที่ 25 กันยายน 2546 เวลา 18.30 น. ซึ่งเขาได้ล้มป่วยลง เนื่องมาจากสาเหตุอันซับซ้อนจากโรคลูคีเมีย(โรคโลหิตขาวมากเกินผิดปกติ) ที่เขาต้องต่อสู้กับมันอย่างกล้าหาญมานับตั้งแต่ช่วงต้นปีทศวรรษ 1990s

พวกเราต่างเรียงแถวกันมาโดยที่เราทั้งหลายต่างรู้ว่า เพื่อนร่วมอุดมการณ์(comrades in arms)กำลังร่วมทางมากับเรา ภายใต้ร่มธงต่างๆอย่างเดียวกัน, โบยบินไปด้วยสีเดียวกัน, และยืนหยัดมั่นคงด้วยความหวังและความเชื่อมั่นที่เหมือนกัน

พวกเขาอาจอยู่ ณ ที่นั้นห่างออกไปนับพันไมล์; เราอาจไม่สามารถพูดกับเขาได้นับเป็นเดือนๆ; แต่ความเป็นเพื่อนของพวกเขา ได้เผารนอยู่ในดวงวิญญานของพวกเรา และพวกเราได้รับการประคองและค้ำจุนโดยความรู้ที่ว่า พวกเขาต่างอยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้

น้อยกว่าเอ็ดวาร์ด ซาอิด, สำหรับผมและอีกหลายคนที่อยู่ห่างออกไป กี่ครั้งกัน หลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่ง หรือกว่าหนึ่งเดือน ที่ผมได้โทรศัพท์ไปถึงเขาและภายในเสี้ยววินาทีที่ถูกเตะโด่งขึ้นไปสู่ห้วงของจิตวิญญานของตัวเอง ดังที่พวกเราได้ถูกอัดโดยข้อมูลใหม่ๆของพวกเรา: การเดินทางของเขา, การประสบชัยชนะของเขา, การสบประมาทต่างๆยังคงดำเนินต่อไป; บรรดาศัตรูทั้งหลายยังคงดุด่าว่าร้าย และโบยบินไป

แม้กระทั่งในเรื่องหยุมหยิมไม่เป็นสาระของเขา เขาก็ดูผึ่งผายสง่างาม และขณะที่ผมหัวเราะในความโกรธของเขา อันเนื่องมาจากการเยาะเย้ยถากถางแบบทรามๆที่โยนไปให้เขา เช่นว่า เขาเป็นเสมียนขั้น 8, เขาก็จะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากฐานของความทุกข์ทรมานนั้น และหัวเราะกับตัวของเขาเอง

เขาไม่เคยหมดเชื้อไฟในตัว แม้แต่ตอนที่ถูกกดดันโดยโรคลูคีเมีย เขาต้องได้รับการบำบัดไปตามอาการป่วยนั้น และถูกกดดันอีกครั้ง. เขามีชีวิตอยู่ในข่ายที่เรียกว่าลุ่มๆดอนๆ ซึ่งอาจจะล้มลงแล้วก็กลับคืนมาดี เขาต้องจับเครื่องบินไปลอนดอนเพื่อรับปริญญากิตติมศักดิ์ แล้วบินไปเลบานอน ไปที่เวสท์แบงค์ ไปที่ไคโร แล้วกลับมาที่นิวยอร์ค

และทั้งหมดโดยตลอดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ดังที่ซาอิดได้เขียนระบายออกมาให้ CounterPunch และให้กับผู้อ่านจำนวนมากบนโลกนี้: ผมรู้สึกสนุกสนานส่วนใหญ่กับการดุด่าอย่างรุนแรงและเผ็ดร้อน. จุดสุดยอดในแบบฉบับงานเขียนร้อยแก้วของเขา ปราศจากความรู้สึกสงสาร จัดเจนและไม่ผ่อนปรนเหมือนนกนางนวล

ชาวปาเลสไตน์ไม่เคยล่วงรู้ถึงนักต่อสู้ในเชิงศิลปะการโต้เถียงที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง. ไม่กี่สัปดาห์หลังจาก การอนุญาตอย่างมีไมตรีจากเขา, ขณะที่ผมกำลังเรียบเรียงความเรียงของเขา 3 ชิ้น สำหรับงานสรุปในการเตรียมเนื้อหาให้กับ CounterPunch ที่กำลังจะออกสู่สายตาผู้อ่าน ในเรื่อง"การเมืองเกี่ยวกับการต่อต้านยิว"(The Politics of Anti-Semitism). ผมถูกจับให้อยู่นิ่งๆ เช่นดังหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านั้น โดยพลังอำนาจของงานร้อยแก้วของเขา: ใครจะสามารถอ่านประโยคที่เผารนเหล่านั้นและไม่รู้สึกเดือดพล่านทางอารมณ์ขึ้นมาได้, ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมไปพร้อมๆกันกับความใจกว้างของดวงวิญญานของซาอิด: นั่นด้วยเหตุเพราะความยุติธรรมที่สำคัญยิ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และความเป็นชาติสำหรับผู้คนของเขาและความเป็นมนุษย์ ที่เรียกร้องการประนีประนอมระหว่าง"ชาวปาเลสไตน์"กับ"ชาวยิวอิสราเอล"

พลังทางด้านตัวอักษรและการประพันธ์ของเขาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์. บันทึกความทรงจำ, การวิจารณ์, เทศนาสั่งสอน, เรื่องที่เสกสรรค์ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ได้รินหลั่งออกมาจากปลายปากกาของเขา, ปากกาหมึกซึมนั้นได้เตือนให้ใครคนหนึ่งนึกว่า เอ็ดวาร์ดเป็นปัญญาชนคนหนึ่งเอามากๆในขนบจารีตของคริสตศตวรรษที่ 19 ของ Zola หรือ Victor Hugo ผู้ซึ่งได้ให้ข้อคิดว่า "อัจฉริยะคือยอดแหลมอันไม่สิ้นสุด". ผมอ่านบรรทัดนั้นดั่งกับเด็กนักเรียนคนหนึ่ง, เขียนมันลงไปในสมุดบันทึกและแม้ว่าผมจะหัวเราะออกมาตอนนี้เล็กน้อย เกี่ยวกับข้อความที่อวดอ้างบรรทัดนั้น แต่ผมคิดถึงเอ็ดวาร์ดในฐานะที่เป็นยอดแหลม, ก้อนกายภาพที่สำคัญอันหนึ่งในทางสติปัญญาและทิวทัศน์ทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อผู้คน, อย่างไรก็ตาม ผู้คนอาจไม่เต็มใจนักที่จะเผชิญหน้ากับประสบการณ์ของชาวปาเลสไตน์

หลายปีมาแล้ว ภรรยาของเขา "มาเรียม" ได้ขอร้องผม… ถ้าเป็นไปได้เธอขอให้ผมทำให้อพาร์ทเม้นท์ของตัวเองในนิวยอร์ค, ที่ซึ่งผมได้พำนักอยู่ในช่วงนั้น, เป็นสถานที่สำหรับสร้างความประหลาดใจ(surprise)ในวันเกิดครบรอบ 40 ปีของเอ็ดวาร์ด. ผมไม่ชอบงานปาร์ตี้ประหลาดใจ(surprise parties)เท่าใดนัก แต่แน่นอน ผมตอบตกลงไปกับเธอ

เย็นวันนั้นมาถึง; บรรดาแขกทั้งหลายได้มารวมกันในห้องนั่งเล่นบนชั้นที่ 11 ของ 333 Central Park West. โต๊ะในห้องกินข้าวลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปด้วยน้ำหนักของอาหารอันโอชะแบบตะวันออกกลาง. ถัดจากนั้นก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากหน้าประตู "เอ็ดวาร์ดและมาเรียมได้มาถึงแล้ว! พวกเขากำลังขึ้นลิฟมา" ต่อมาพวกเราทั้งหมดได้ยินเสียงที่แผดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวของเอ็ดวาร์ด: "แต่ผมไม่ต้องการที่จะไปกินอาหารเย็นกับ******, Alex!"

ในที่สุด พวกเขาก็เข้ามา และเสียงตะโกนก็ดังขึ้นจากลำคอของคน 70 คน, สุขสันต์วันเกิด, Happy Birthday! เขาถึงกับหมุนคว้างด้วยความประหลาดใจ และถัดจากนั้นก็ค่อยๆปรับตัวให้เป็นปกติ และต่อจากนั้นเขาก็เห็นว่าในห้องดังกล่าวเต็มไปด้วยเพื่อนๆทั้งหมด ซึ่งมีความสุขที่ได้เดินทางมานับเป็นพันๆไมล์เพื่อมาจับมือกับเขา. ผมเห็นเขาค่อยๆเบ่งบานด้วยความสุขอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าแต่ละใบหน้าที่ไม่คาดคิดใหม่ๆและการคารวะด้วยใจจริง

เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับใบหน้าของมิตรภาพและความชื่นชม หรืออันที่จริงคือการให้เกียรติ เทียบกับการที่เขาไม่เคยรู้สึกระคายผิวกับคนที่มาว่าร้ายเขา. การดูถูกหรือสบประมาทแต่ละครั้งมันสดคล้ายกับบาดแผลในตอนแรก ดังที่เขาเคยประสบมา

ประมาณหนึ่งในสี่ของศตวรรษมาแล้ว เขาเรียกชื่อผมด้วยท่วงทำนองภาษาอังกฤษแบบพระเอกในเชิงล้อเลียนว่า "Alex-and-er, คุณเห็นอุตมรัฐใหม่(New Republic)ล่าสุดนั้นไหม? คุณได้อ่านเรื่องที่ชั่วช้านั้นหรือยัง, การด่ากราดอย่างน่ารังเกียจสุดๆอันนี้? คุณยังไม่ได้อ่านรึ? โอ้! ผมรู้ คุณไม่กังวลร้อนใจเกี่ยวกับความรู้สึกของคนดำเพียงคนหนึ่งอย่างเช่นตัวผมหรอก"

ผมเริ่มหัวเราะ และพูดว่า ผมมีอะไรดีๆที่จะทำมากกว่าจะไปนั่งอ่านงานของ Martin Peretz, หรือ Edward Alexander หรือใครก็ตามที่เป็นพวกชอบใส่ร้ายป้ายสีพวกนั้น, แต่อีกครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาครุ่นคิด, ด้วยการซ้อมการโต้แย้งหักล้างอย่างเผ็ดร้อน และฟังด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ดังที่ผมบอกกับเขาว่าอย่าไปให้ความสนใจกับมัน

เขาไม่เคยสูญเสียความสามารถหรือสติปัญญาจากการถูกทำให้เกิดบาดแผล โดยการทรยศหักหลังและการฉวยโอกาสของเพื่อนที่หลอกลวง ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้โทรศัพท์ถึงผมและถามว่า ผมได้อ่านงานซึ่งโจมตีเขาโดยเฉพาะอย่างโง่ๆหรือไม่ โดยเพื่อนเก่ามากคนหนึ่งของเขาที่ชื่อว่า Christopher Hitchens ใน the Atlantic Monthly. เขาได้อธิบายด้วยการถากถางเหน็บแนมที่เจ็บปวดทางโทรศัพท์ ซึ่งสันนิษฐานว่า Hitchens พยายามที่จะแก้หรือปรับระดับคุณธรรมความรู้สึกผิดชอบของตัวเอง ด้วยการโฆษณาถึงเอ็ดวาร์ดด้วยการทำลายชื่อเสียงกลายๆ

ผมได้ถามไปว่า ทำไมเขาจึงรู้สึกประหลาดใจ และอันที่จริงทำไมเขาต้องกังวลใจด้วย. แต่เขารู้สึกประหลาดใจและห่วงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้. หนังของเขาเป็นหนังแท้, บอบบางมากโดยเฉพาะสำหรับเพื่อนเก่า, ผมคิดเพราะเขารู้ว่า ตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่, ตราบใดที่เขายังมุ่งไปข้างหน้าด้วยความภาคภูมิ, ชาวปาเลสไตน์ที่ไม่อาจให้อภัยได้และชาวปาเลสไตน์ที่กู่ร้องตะโกนจนหนวกหู, นั่นคือศัตรู ที่หลังคาของเพื่อนบ้านหลังถัดไปต้องการจะเทสิ่งโสโครกลงบนศีรษะของเขา

เอ็ดวาร์ด เพื่อนรัก ผมโบกมือลาคุณจากอีกด้านหนึ่งของห้วงเหวลึก. ผมไม่เคยต้องการที่จะปิดตาผมเพื่อลิ้มรสการมีอยู่ของคุณ, การถากถางของคุณหรือการหัวเราะอย่างร่าเริง ความสง่างามของคุณ จิตวิญญานของคุณช่างมีชีวิตชีวาเท่าๆกับของ d'Artagnan, Gascon ที่เร่าร้อน. คุณจะเผาไหม้ดุจดั่งไฟที่สว่างจ้าที่สุดในความทรงจำของผม เช่นดั่งที่คุณจะดำรงอยู่ในความทรงจำของทุกคนซึ่งรู้จัก ชื่นชม และรักคุณ

2. Edward Said
by Ali Abunimah September 25, 2003

พวกเรารู้สึกเสียใจกับความเศร้าโศกครั้งยิ่งใหญ่สุดต่อการมรณกรรมของศาสตราจารย์ เอ็ดวาร์ด ดับเบิลยู. ซาอิด. และพวกเราขอขยายความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมทั้งเสียใจร่วมกับครอบครัวของเอ็ดวาร์ด ซาอิดด้วย และพวกเราขอมีส่วนร่วมในความรู้สึกอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสียครั้งนี้กับชุมชนอันหลากหลายและคนอีกเป็นจำนวนมากที่รักและเคารพในตัวเขา

ศาสตราจารย์ซาอิด ได้ธำรงรักษาความผูกพันของเขาอย่างไม่เคยเสื่อมคลายกับผู้คน วัฒนธรรม และการเมืองทั่วโลก แม้กระทั่งในช่วงหลายสัปดาห์สุดท้ายของการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมายาวนานนับทศวรรษ

ซาอิดเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะปัญญาชนสาธารณะคนหนึ่ง และมีไม่เพียงกี่สาขาของความพยายามทางสติปัญญาเท่านั้น ที่ไม่เคยถูกสัมผัสโดยงานเขียนต่างๆของเขา. นักวิชาการในลักษณะบุกเบิกและเต็มไปด้วยผลงานคนหนึ่ง งานเขียนต่างๆของเขาได้ช่วยเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติและสังคมศาสตร์, ผลกระทบและความผูกพันของซาอิดไปไกลเกินกว่างานวิชาการ. ซาอิดยังเป็นนักกิจกรรมด้วย ผู้ซึ่งได้ทำงานอย่างหาญกล้าเพื่อความยุติธรรม และปราศจากความกลัวที่จะพูดความจริงต่อผู้ที่มีอำนาจ

เมื่อภาพและการบรรยายต่างๆเกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ ได้ถูกครอบงำโดยการนำเสนออย่างผิดๆ, ด้วยภาพล้อเลียนและทัศนคติที่ตายตัวในลักษณะที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่างๆ ซาอิดเป็นเพียงคนเดียวซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างอย่างมีประสิทธิภาพในอเมริกา เพื่อนำเอาความจริงและแสงสว่างมาสู่ชาวปาเลสไตน์อยู่บ่อยๆ และเป็นเวลาหลายต่อหลายปีที่เขาได้ทำเช่นนั้น

โดยไม่คำนึงถึงการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีตัวบุคคลอย่างไร้ความปรานีและเลวทราม ซาอิดไม่เคยทอดทิ้งวิสัยทัศน์อันหนึ่งเกี่ยวกับสันติภาพระหว่าง"ชาวอิสราเอล"และ"ชาวปาเลสไตน์" ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ในประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าของคนอื่น และการประนีประนอมกัน ซึ่งจะน้อมนำไปสู่ความเท่าเทียมและความเสมอภาคที่สมบูรณ์. เขาได้สอนสั่งและเป็นแรงบันดาลใจให้กับบรรดานักกิจกรรมรุ่นใหม่ๆทั้งหลายให้พูดออกมาอย่างชัดเจน และให้ค้นหาเพื่อความจริงอยู่เสมอ แม้ว่ามันจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับใครบางคนก็ตาม

โดยตลอดในช่วงทศวรรษที่ 1990s คอลัมภ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ของซาอิด ได้นำเสนอบทวิจารณ์เกี่ยวกับการขโมย, ความไม่ถูกต้อง และความล้มเหลวของกระบวนการสันติภาพออสโล(the Oslo "peace process") ซึ่งได้น้อมนำไปสู่ความแปลกแยกและความเหินห่างของชาวปาเลสไตน์มากยิ่งขึ้นจากดินแดนของพวกเขา และการทรยศต่อวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความปรองดองและความยุติธรรม ซึ่งเขาพยายามต่อสู้อย่างหนัก

ซาอิดถือเป็นคนที่อยู่ในท่ามกลางคนกลุ่มแรกๆที่เข้าใจและพูดออกมาอย่างชัดเจนว่ากระบวนการนี้เป็นอย่างไร, เขาได้เสนอหลักฐานเกี่ยวกับการปกปักรักษาภาวะของการไร้ดุลยภาพทางอำนาจอย่างมหาศาลและความอยุติธรรม ระหว่าง"ชาวอิสราเอล"และ"ชาวปาเลสไตน์" ซึ่งมันจะนำไปสู่ความหายนะ(ดังที่ปรากฎในปัจจุบัน) และเขาไม่เคยหนีความรับผิดชอบจากการวิพากษ์วิจารณ์บรรดาผู้นำของชาวปาเลสไตน์ทั้งหลาย ซึ่งได้ให้การสนับสนุนต่อสถานการณ์ที่เป็นไปของรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว

การเดินทางหวนกลับไป ณ แดนเกิดของซาอิดในช่วงต้นทศวรรษ 1990s หลังจากการพลัดบ้านเมืองมาหลายทศวรรษ ได้ช่วยให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเรียนรู้ที่จะยอมรับประสบการณ์ของตัวพวกเขาเองเกี่ยวกับการพลัดถิ่น และการถูกถอดถอน มันได้กระตุ้นพร้อมสนับสนุนชาวปาเสไตน์จำนวนมากให้ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขาเอง

หนังสือหลายเล่มของซาอิด ซึ่งในท่ามกลางงานตัวอักษรเหล่านั้น "The Question of Palestine," "After the Last Sky," "The Politics of Dispossession," และบันทึกความทรงจำในวัยเด็กของเขาเรื่อง "Out of Place," ยังคงเป็นงานต่างๆที่มีอิทธิพลอย่างมาก ต่อสถานการณ์อันยากลำบากของชาวปาเสไตน์ทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะของความเป็นมนุษย์ และได้วางมันลงในบริบททางการเมือง. บันทึกความทรงจำของเขา เขาได้เผยให้เห็นความลึกเกี่ยวกับความหาญกล้าและสัตย์ซื่อ โดยการเผชิญหน้ากับตัวเขาเอง อดีตของเขา และสังคมของเขาด้วยสายตาในเชิงวิพากษ์ดวงหนึ่ง

โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ที่แย่ลงในปาเลสไตน์ ซาอิดไม่เคยยอมจำนนหรือตกอยู่ในอำนาจของความสิ้นหวัง. จนกระทั่งใกล้จะวาระสุดท้ายของชีวิต เขายังคงผูกพันอย่างกระตือรือร้นอยู่กับขบวนการริเริ่มประชาชาติปาเลสไตน์ หรือ the Palestinian National Initiative, ซึ่งเป็นขบวนการหนึ่งที่พยายามระดมพลังของประชาชนทั้งมวลเพื่อน้อมนำไปสู่การต่อสู้แบบอหิงสา เพื่อสันติภาพและการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

กระนั้นก็ตาม สิ่งที่มีนัยสำคัญอันยิ่งใหญ่สุดเกี่ยวกับงานเขียนของซาอิด ไม่เพียงแค่การที่เขาเป็นคนหนึ่งซึ่งเป็นทนายที่โดดเด่น และให้การสนับสนุนต่อความยุติธรรมและสันติภาพในปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เขายังวางรากฐานจุดประสงค์นี้ลงในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก สำหรับวิสัยทัศน์ที่เป็นสากลและเพื่อความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง อันนำมาซึ่งการปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับชาตินิยมแบบชาติพันธุ์(ethno-nationalism) และลัทธิคลั่งศาสนา(religious fanaticism)

เขาสอนโดยการใช้ตัวอย่างที่คมคายและโน้มน้าว และด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยมต่อจุดประสงค์ข้างต้น โดยไม่ต้องบดบังความซื่อสัตย์ต่อบรรดาผู้นำต่างๆ หรือใช้สัญลักษณ์ และค่อนข้างวิจารณ์ตนเองและโต้เถียงอยู่ตลอดเวลาโดยถือเป็นสาระสำคัญ

ข้อเท็จจริงนี้หมายความว่า การผูกพันของเขากับโลกอาหรับ และการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดของเขาเกี่ยวกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ของมัน คือสิ่งที่สำคัญเท่าๆกับงานของเขาที่สื่อสารกับผู้คนในโลกตะวันตก

เอ็ดวาร์ด ซาอิด คือน้ำพุของมนุษยชาติ, คือสายธารแห่งความกรุณา, และสติปัญญาอันไม่เคยหยุดนิ่งและการสร้างสรรค์. ณ เวลาที่อำนาจดิบเถื่อนทับทวีคูณ และความบ้าคลั่งคุกคามโถมทับต่อโลก เสียงที่ไม่อาจมีใครแทนได้ของเขาจะดังขึ้นมาให้ได้ยิน และไม่เคยลดเสียงลงกว่านี้เลย

ของขวัญหรือเครื่องบรรณาการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชีวิตและผลงานของศาสตราจารย์ซาอิด คือการต่อสู้ด้วยพันธกิจที่เพิ่มขึ้น เพื่อวิสัยทัศน์ของความยุติธรรมและความเป็นมนุษย์ ซึ่งนั่นคือแรงดลใจทั้งหมดเกี่ยวกับความพยายามของเขาที่มีมาโดยตลอด

3. Edward Said
by Mustafa Barghouthi September 25, 2003

ถ้อยแถลงแสดงความเคารพต่อเอ็ดวาร์ด ซาอิด
ด้วยความเศร้าโศกและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ซึ่งสถาบันการริเริ่มประชาชาติปาเลสติเนียน(the Palestinian National Initiative) ได้ประกาศถึงการมรณกรรมอันน่าเศร้าของเอ็ดวาร์ด ซาอิด ที่ได้จากพวกเราไปในวันนี้ หลังจากสิบเอ็ดปีกับการต่อสู้กับโรคลูคิวเมีย. ณ เวลานี้ ความคิดและความรักของเราขอมีให้กับครอบครัวของเขา. เราปรารถนาให้พวกเขาเข้มแข็งและหาญกล้า และเชื่อมั่นว่าเอ็ดวาร์ด จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป ซึ่งไม่เพียงแค่ความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในฐานะเพื่อนของพวกเราคนหนึ่ง

แม้ว่าคำพูดอาจทำหน้าที่ได้เพียงเล็กน้อย ณ ช่วงเวลาที่ต้องการจะคลายความเจ็บปวดและความเศร้าโศกต่อบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งต้องการจะพูด เพื่อแสดงความเคารพต่อบุรุษคนหนึ่งและชีวิตๆหนึ่ง แต่โดยแท้จริงแล้ว พวกเราให้ความเคารพยกย่องเขาด้วยใจจริง

ชายคนหนึ่งด้วยความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่และความเชื่อมั่นที่ชัดเจน เอ็ดวาร์ด ซาอิดคือแสงสว่างที่สาดส่องในโลกที่สับสนดวงหนึ่ง. ในฐานะยักษ์ใหญ่ทางสติปัญญาที่แท้ ซาอิดได้ให้แรงบันดาลใจต่อความรู้ในทุกๆสาขาด้วยความสำเร็จของเขา. ความหลงใหลซึ่งซึมซาบอยู่ในความสามารถทางด้านสติปัญญาต่างๆของเขา ทำให้เขาเป็นคนๆหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์ต่างๆที่ชัดเจน ซึ่งได้รับความชื่นชม ความไว้วางใจและเป็นที่เคารพอย่างสูง

แม้ว่าความเชื่อและพันธกิจต่างๆของเขาจะน้อมนำเขาด้วยการท้าทายมากมาย โดยถ้อยแถลงของเขา และพยานหลักฐานที่มีอยู่อย่างมากเกี่ยวกับความเจ็บปวดต่อความหลอกลวง, ความขัดแย้ง, และความเสื่อมเสียที่มีอยู่ทั่วไปในโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาตั้งอยู่ในหลักคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ซึ่งเขาได้รับชื่อเสียงสำหรับสิ่งเหล่านี้

ในฐานะนักเขียนที่เต็มไปด้วยผลงาน ซาอิดได้พูดถึงประเด็นต่างๆทั้งหมดเกี่ยวกับวัฒนธรรม, ลัทธิอาณานิคม, จักรวรรดิ์นิยม, ภาษาและวรรณคดี. ในฐานะปาเลสติเนียนที่พลัดถิ่น งานเขียนทางด้านการเมืองของเขาเป็นจำนวนมาก มาจากความทรงจำต่างๆส่วนตัวของเขา กระนั้นก็ตาม เขายังมีเป้าประสงค์และได้วางรากฐาน ซึ่งไม่เพียงยืนยันถึงการมีอยู่ของชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่ยังชี้ไปยังอนาคตที่ซึ่งสันติภาพคือสิ่งที่เป็นไปได้ด้วย

ท่ามกลางโฆษกหรือผู้แถลงข่าวสำหรับชาวปาเลสไตน์ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่แน่นอน ไม่มีใครที่ชัดเจนไปกว่านี้, ให้แรงบันดาลใจได้มากกว่านี้, หรือน่าชื่นชมยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว

สำหรับสถาบันการิเริ่มประชาชาติปาเลสติเนียน(the Palestinian National Initiative), ขบวนการหนึ่งซึ่งมุ่งมั่นพยายามเพื่อสร้างประชาธิปไตยในปาเลสไตน์ มีผู้ร่วมก่อตั้งคือ ดร.ซาอิด, มรณกรรมของผู้นำที่โดดเด่นที่สุดและมีลักษณะเฉพาะนี้, มนุษย์อันทรงคุณค่าและยึดมั่นในคุณธรรมผู้ซึ่งเชื่ออย่างแท้จริงในอิสรภาพและความยุติธรรม คือการสูญเสียอันยิ่งใหญ่สุด

The Mubardara(the Palestinian National Initiative)ยังคงตั้งใจที่จะดำเนินรอยตามก้าวย่างของเขาอยู่ และยังคงผูกมัดกับวิสัยทัศน์ของเขา ถ่ายทอดความหวังต่างๆของเขาทั้งหมดและคุณค่าต่างๆ ไม่เพียงเพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์ และปาเลสติเนียนเท่านั้น แต่มันเป็นไปเพื่ออิสรภาพสำหรับทุกคนทั่วโลก

ความรู้สึกเกี่ยวกับการสูญเสีย โดยการมรณกรรมของปัญญาชนที่ยิ่งใหญ่ สุภาพบุรุษและเพื่อนเป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถวัดได้. ผลงานอันสูงส่งและโดดเด่นของเขาที่มีมาหลายทศวรรษ และทั้งหมดนั้น เขายืนหยัดเพื่อความยุติธรรม และจะยังคงเป็นอนุสาวรีย์ของความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนไปตลอด. ในฐานะของมนุษย์ที่กล้าหาญ เต็มไปด้วยความกรุณา ความหวังและการอุทิศตัว ความทรงจำของเขาจะยังคงอยู่ในห้วงหัวใจของพวกเราทั้งหลายตลอดไป

Mustafa Barghouthi
Secretary Palestinian National Initiative

http://www.zmag.org/content/showarticle.cfm?SectionID=22&ItemID=4249

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา I ประวัติ ม.เที่ยงคืน

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

สำหรับสมาชิกที่ต้องการ download ข้อมูล อาจใช้วิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้

1. ให้ทำ hyper text ข้อมูลทั้งหมด
2. copy ข้อมูลด้วยคำสั่ง Ctrl + C
3. เปิด word ขึ้นมา (microsoft-word หรือ word pad)
4. Paste โดยใช้คำสั่ง Ctrl + V
จะได้ข้อมูลมา ซึ่งย่อหน้าเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ
(กรณีตัวหนังสือสีจาง ให้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มในโปรแกรม Microsoft-word)

 

รวมบทความ 3 เรื่องเกี่ยวกับคำไว้อาลัยแด่ ศาสตราจารย์เอ็ดวาร์ด ซาอิด ผู้ร่วมก่อตั้ง The Palestinian Initiative
ภาพประกอบ เพื่อใช้ประกอบบทความไว้อาลัยแด่ นักต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและอิสรภาพชาวปาเลสไตน์
...เมื่อภาพและการบรรยายต่างๆเกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ ได้ถูกครอบงำโดยการนำเสนออย่างผิดๆ, ด้วยภาพล้อเลียนและทัศนคติที่ตายตัวในลักษณะที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่างๆ ซาอิดเป็นเพียงคนเดียวซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างอย่างมีประสิทธิภาพในอเมริกา เพื่อนำเอาความจริงและแสงสว่างมาสู่ชาวปาเลสไตน์อยู่บ่อยๆ และเป็นเวลาหลายต่อหลายปีที่เขาได้ทำเช่นนั้น. โดยไม่คำนึงถึงการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีตัวบุคคลอย่างไร้ความปรานีและเลวทราม
ซาอิดไม่เคยทอดทิ้งวิสัยทัศน์อันหนึ่งเกี่ยวกับสันติภาพระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ในประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าของคนอื่น และการปรองดอง-ประนีประนอมกันซึ่งจะน้อมนำไปสู่ความเท่าเทียมและเสมอภาคที่สมบูรณ์
A group of words from the text
ซาอิดเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะปัญญาชนสาธารณะคนหนึ่ง งานเขียนต่างๆของเขาได้ช่วยเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติและสังคมศาสตร์ เขาได้ทำงานอย่างหาญกล้าเพื่อความยุติธรรม และปราศจากความกลัวที่จะพูดความจริงต่อผู้ที่ทรงอำนาจ
โดยตลอดในช่วงทศวรรษที่ 1990s คอลัมภ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ของซาอิด ได้นำเสนอบทวิจารณ์เกี่ยวกับการขโมย, ความไม่ถูกต้อง และความล้มเหลวของกระบวนการสันติภาพออสโล(the Oslo "peace process") ซึ่งได้น้อมนำไปสู่ความแปลกแยกและความเหินห่างของชาวปาเลสไตน์มากยิ่งขึ้นจากดินแดนของพวกเขา เขาได้เสนอหลักฐานเกี่ยวกับภาวะของการไร้ดุลยภาพทางอำนาจอย่างมหาศาลและความอยุติธรรม ระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ ซึ่งมันจะนำไปสู่ความหายนะดังที่ปรากฎในปัจจุบัน และเขาไม่เคยหนีความรับผิดชอบจากการวิพากษ์วิจาร์ณบรรดาผู้นำของชาวปาเลสไตน์ทั้งหลาย ซึ่งได้ให้การสนับสนุนต่อสถานการณ์ที่เป็นไป
ในเรื่อง"การเมืองเกี่ยวกับการต่อต้านยิว"(The Politics of Anti-Semitism). ผมถูกจับให้อยู่นิ่งๆ เช่นดังหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านั้น โดยพลังอำนาจของงานร้อยแก้วของเขา: ใครจะสามารถอ่านประโยคที่เผารนเหล่านั้นได้โดยไม่รู้สึกเดือดพล่านทางอารมณ์ขึ้นมา, ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมไปพร้อมๆกันกับความใจกว้างของดวงวิญญานของซาอิด: นั่นด้วยเหตุผลเพราะความยุติธรรมที่สำคัญยิ่ง และความเป็นชาติสำหรับผู้คนของเขาและความเป็นมนุษย์ ที่เรียกร้องการประนีประนอมระหว่างชาวปาเลสไตน์กับชาวยิวอิสราเอล พลังทางด้านตัวอักษรและการประพันธ์ของเขาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์. มันได้รินหลั่งออกมาจากปลายปากกาของเขา ปากกาหมึกซึมนั้นเตือนให้ใครคนหนึ่งนึกถึงคำว่า"อัจฉริยะคือยอดแหลมอันไม่สิ้นสุด".