The American ideal of world as a cultural melting-pot is being superseded by the Canadian vision of a multicultural mosaic. อุดมคติของชาวอเมริกันเกี่ยวกับโลกที่ว่� โลกคือเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมนั้� ตอนนี้มันกำลังถูกแทนที่โดยทัศนะของชาวแคนาเดียนที่ว่า โลกคือโมเซอิคของความหลากหลายทางวัฒนธรร�.
James George เขีย�
: สมเกียรต� ตั้งนโ� เรียบเรียง
(นิตยสา� Resurgence ฉบับที� ฉบับที� 174 เดือนมกราค�/กุมภาพันธ์ 1996) ความยาวประมา�
5.5 หน้ากระดาษ A4.
"ในศตวรรษต่อไ�, พวกเราจะมีความเสี่ยงต่อโลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรร�.
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้�, นี่หมายความถึงวัฒนธรรมโล�
ที่ถูกทำให้เป็นอเมริกันนั่นเอง".
(John Birt ผู้อำนวยการทั่วไปของ BBC)
คำกล่าวข้างต้นขอ� John Birt เป็นปั�าที่ลึกซึ้� ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันหมายถึงอะไร. เกือบทุกๆค� รวมทั้งชาวอเมริกันจำนวนมากด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแคนาเดี่ยนส่วนใหญ่เป็นกันหรือแสดงออกม� ล้วนได้รับอิทธิพลต่างๆทางวัฒนธรรมแบบอเมริกัน. นี่ไม่ใช่การปฏิเสธว่าโลกาภิวัตน์บางอย่างทางวัฒนธรร� กำลังเกิดขึ้นบนปีกของโลกาภิวัตน์ทางเทคโนโลยีของไซเบอร์สเพส. แต่ในเวลาเดียวกั� ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเช่นนั้นอย่างไม่มีทางเลี่ยง... เนื่องจากมันมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมา� เวลาที่เราจะปรุงซุปขึ้นมาตามรสชาติที่เราชอ� และเราต้องรู้สึกขอบคุณด้วยต่อการมีซุปหลายๆชนิด - ไม่ใช่มีซุปอยู่เพียงรสชาติเดียวเท่านั้�.
James
George เป็นเอกอัครราชฑูตเกษียณอาย� และผู้เขียนหนังสือเรื่อง Asking
for the Earth: Waking up to the Spiritual/Ecological Crisis.
|
อะไรคือนิยามที่แตกต่าง ซึ่งจำแนกวัฒนธรรมหนึ่งออกมาจากอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ?
วัฒนธรรมอาจจะมีความแตกต่างกันได้ทั้งในระดับแนวนอนและแนวตั้�. โดยสาระแล้� ความแตกต่างที่แท้จริงก็คือ ระหว่า� สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่าวัฒนธรรมที่เป็นไปตามแนวนอนและแนวตั้�, ซึ่งอันนี้ไม่ได้หมายความถึงความเท่าเทียมกันทางวัฒนธรรม(ความเสมอบ่� เสมอไหล่ทางวัฒนธรร�) กั� วัฒนธรรมที่มีสูงกว่ากับวัฒนธรรมที่ต่ำกว่าแต่อย่างใ�, แต่ในความหมายของวัฒนธรรมที่รู้หรือยอมรับกันในระดับหนึ่� กับวัฒนธรรมที่มีอยู่หลายๆระดับ มากกว่�. (หากฟังแล้วไม่เ�าใจชัดเจ� ขอให้อ่านต่อไป ซึ่งจะไขความให้กระจ่างต่อไปข้างหน้�)
ในประวัติศาสตร� และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ มีการปะทะกันโดยพื้นฐาน ระหว่า� วัฒนธรรมที่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่สูงกว่าชีวิตธรรมด�, แล� วัฒนธรรมที่ไม่ได้สูงกว่าชีวิตธรรมด�. สำหรับอดีตที่ผ่านมาราวๆสามศตวรรษหรือกว่านั้น สิ่งซึ่งตอนนี้เราเรียกมันอย่างกว้างๆว่� วัฒนธรรมทางวิทยาศาสตร์ของตะวันตก(Western scientific culture)ปฏิเสธว่� มันมีความแตกต่างกันในเรื่องของระดั�, หรือความสำนึกที่สูงกว่�, ซึ่งได้สร้างและธำรงรัก�จักรวาลเอาไว�
ด้วยการป�เสธเช่นนี้, ความรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคยมีมาในอดี� จึงดูเหมือนว่าเกือบจะเป็นความรู้สึกที่ได้สูญสลายหายไปหมดสิ้นแล้วในโล�. ทุกวันนี� วัฒนธรรมตามแนวนอนจึงกำลังคุกคามและท่วมทับโลกเราอยู�.
การเผชิญหน้ากับความท้าทายข้างต้น, มันจะต้องมีการรวมตัวกั� (แต่ไม่ใช่การทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน[homogenization])ของวัฒนธรรมทั้งหมด - ทั้งตะวันออกและตะวันตก, เหนือและใต�, - สำหรับผู้คนเหล่านั้น ซึ่งยังคงอยู่ในมิติของวัฒนธรรมแบบแนวตั้ง(verticle).
ในมุมมองอันนี้, ขอให้เราทั้งหลายมาพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของอำนาจและวัฒนธรร�.
ในคริสตศตวรร�ี่ 20 มีศูนย์กลางอำนาจอยู่สองทวีปที่ทรงพลังอำนาจของโลก: นั่นคื� อเมริกาเหนือ กั� ยุโร�. แต่เมื่อย้อนกลับไปดูคริสตศตวรร�ี่ 18-19 ตอนนั้นโลกเรามีศูนย์กลางอำนาจอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้� นั่นคื� ยุโร�. มาถึงคริสตศตวรรษที� 21 หรือสหัสศวรร�หม� ดูเหมือนว่าเป็นไปได้ที่จะมีศูนย์กลางอำนาจอยู� 3 แห่งด้วยกั� คื� เอเชีย, อเมริกาเหนือ, และยุโรป.
อันนี้มันเป็นทัศนียภาพใหม่ทางวัฒนธรรมในระดับรากเลยทีเดีย� ดังที่เราได้พบเห็นมาโดยตลอดประวัติศาสตร์. การครอบงำทางวัฒนธรรมมันตามมาด้วยเรื่องของอำนาจ. และพลังอำนาจทางเศร�กิจกำลังแปรผันไปอย่างรวดเร็ว, เช่นดังข่าวสาร�อมูล, เทคโนโลย�, และทุนซึ่งได้เคลื่อนผ่าน �ามแนวเขตพรมแดนด้วยความเร็วของช่องทางจดหมายอีเล็คทรอนิค(e-mail). ด้วยความรวดเร็วขึ้นตามลำดั� ทำให้สหราชอาณาจักรซึ่งเคยใช้เวลาถึ� 60 ปีกว่าจะเพิ่มผลผลิตขึ้นมาได้เป็นสองเท่�; �่ปุ่นกลับใช้เวลาน้อยกว่านั้นเพียงครึ่งหนึ่�; และทำให้จีนไปถึงจุดนนั้นโดยใช้เวลาเพีย� 10 ปีที่ผ่านมาเท่านั้�.
ในปี �.�.1960 �่ปุ่นและเอเชียตะวันออกมีอัตราการเจริ�ติบโตทางเศรษฐกิจ 4% ของโลก, ขณะที่อเมริกาเหนือมีอัตราการเจริ�ติบโตทางเศรษฐกิจถึ� 37%. ทั้งคู่รวมกันตอนนี้มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศร�กิจประมา� 24%. ในช่วงทศวรรษที� 90 มากกว่าครึ่งหนึ่งของความเจริ�ติบโตทางเศรษฐกิจของโลกได้เกิดขึ้นมาในทวีปเอเชี�.
เมื่อชาวยุโร�, อย่า� Mr Birt มองไปที่การครอบงำของวัฒนธรรมอเมริกันทุกวันนี�, ทำให้เราต้องเตือนตัวเองว่า "พลังอำนาจของเอเชีย/แปซิฟิ�" ในไม่ช้า จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญอันหนึ่งต่อสิ่งที่เรารู้กันแล้วเกี่ยวกับวัฒนธรรมอเมริกัน. อันที่จริง, กระบวนการอันนั้นมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วทางฝั่งแคลิฟอร์เนี�.
ในอดีตสามสิบปีที่ผ่านม� ด้วยการแพร่ขยายในลัก�ะพิเศษของศาสนาพุทธในรูปแบบของญี่ปุ่น(พุทธศาสนานิกายเซ�)และธิเบต, สิ่งเหล่านี้ได้หว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ลงไปในวัฒนธรรมอเมริกั�. แต่เมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อประมา� 20 ปีที่ผ่านม� บรรดานักวิชาการอเมริกันทั้งหลายได้เดินทางไปยังเอเชีย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสน�; นอกนั้นก็มีเพียงพวกฮิปปี้มผมยาวที่ไปยังที่นั่นเพื่อเรียนรู้พุทธศาสนาจากเอเชี�. แต่เรื่องทำนองนี้กำลังเปลี่ยนไ�. มันอาจมาถึงเวลาที่การหลอมละลายเข้าหากันระหว่างวัฒนธรรมเอเชียและอเมริกั� จะสร้างวัฒนธรรมเอเชี�/แปซิฟิคขึ้นม� ซึ่งนั่นจะไม่เหมือนกับองค์ประกอบเดิมๆอีกต่อไ�. ถ้าสิ่งนั่นได้ถือกำเนิดขึ้นม� แน่นอน ยุโรปก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน.
โลกของกรีกคลาสสิ� และเรื่องราวที่ต่อเนื่องตามม� ในจักรวรรดิ์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช, ยุคเรอเนสซองค์ในยุโร�, จักรวรรดิ์ราชวงศ์พระเจ้าโมกุลในประเทศอินเดีย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยพระเจ้าอักบาร�), การผุดขึ้นมาของญี่ปุ่น และการปราก�ัวขึ้นมาของเกาหล�, มาเลเซีย สิงค์โปร�, อินโดนีเซี�, และตอนนี้คือ จี�, ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของพลังงานที่ปะทุขึ้นมาของการหลอมละลายทางวัฒนธรรม. ความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในเอเชียได้ก่อให้เกิดบัณฑิตเอเชี่ยนของมหาวิทยาลัยต่างๆของอเมริกั�. การหลอมละลายทางวัฒนธรรมดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาในชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาเอ�, และมันกำลังแผ่ขยายออกไ�.
เมื่อการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของกันและกันอันนี� ระหว่า�"เอเชีย"แล�"อเมริกัน"มันกำลังเป็นไปอย่างมากมายหลายช่องทาง, เมื่อพวกเราชาวตะวันตกเริ่มเรียนรู้อย่างมากเกี่ยวกับชีวิตด้านในจากวัฒนธรรมเอเชี� เช่นดังที่พวกเขากำลังเรียนรู้จากเราเกี่ยวกับชีวิตด้านนอก, �าพเจ้าเชื่อว่า เราสามารถที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ซึ่งจะไม่ใช่ในลักษณะวัฒนธรรมโลกที่ถูกทำให้เป็นเนื้อเดียวกันแบบแบนๆ(ตามแนวนอ�) แต่มันจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในลัก�ะของแนวตั้งที่เปิดสู่อิทธิพลที่สูงกว่า. เราไม่สามารถทำนายได้ว่� ความสุขจะมาถึงในไม่ช้า, แต่เราสามารถที่จะพบเห็นมัน ในฐานะของความเป็นไปได้อันหนึ่ง, ในเชิงคุณค่า.
บนเส้นทางที่นำไปสู่จุดหมายนั้น เราสามารถที่จะเริ่มต้นรู้สึกซาบซึ้งกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมในตอนนี� ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับแนวทางที่เรากำลังเริ่มต้นเข้าใจเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ. อุดมคติอเมริกันเกี่ยวกับเรื่องของเบ้าหลอ� กำลังถูกแทนที่โดยทัศนะของชาวแคนาเดียนเกี่ยวกับ"ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในแบบโมเซอิ�"(multicultural mosaic), ซึ่งแต่ละชิ้นของโมเซอิคมันมีคุณค่าในตัวของมันเอง และพร้อมกันนั้� มันก็เป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่ยิ่งใหญ่กว่�.
บางท� ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นความต้องการที่เปลี่ยนไปของชาวตะวันต� ซึ่งรู้สึกไม่มั่นคงสำหรับเรื่องความหมายและคุณค่าในแบบอเมริกานั่นเอ�. เมื่อคุณพบตัวของคุณเองในสิ่งซึ่ง Eliot ได้อธิบายมานานแล้ว ในฐานะที่เป็นดินแดนแห่งความว่างเปล่าทางวัฒนธรร�(cutural westeland - ขาดเสียซึ่งจิตวิ�าน สุนทรียภาพ และคุณภาพความเป็นมนุ��). ดินแดนเช่นนี� ไม่ต้องการความรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ� หรือไม่ต้องการความซึมซาบทางความรักของชุมชน. แต่ด้วยความเป็นมนุ��, โดยธรรมชาติแล้� คุณขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ดังนั้นคุณจึงค้นหาสิ่งที่คุณกำลังขาดแคลนไป.
Allen Ginsberg ค้นหาพุทธศาสนา, แล� Newt Gingrich ค้นหาคุณค่าต่างๆแบบวิคตอเรีย�. ในหนทางที่แตกต่างกันของพวกเข�, ทั้งคู่กำลังรวบรวมบางสิ่งซึ่งสามารถที่จะเป็นตัวแทนสั�ัก�์ที่สูงกว่� และให้อิสระแก่พวกเขาจากความหวาดกลัวของเส้นใต้ในบัญชีเงินฝากที่แสดงให้เห็นถึงกำไรหรือขาดทุน". ถ้าวัฒนธรรมทั้งหลายที่แตกต่างจากตัวเรา มันสามารถช่วยให้เราได้ค้นพบคำตอบต่างๆต่อปั�าทั้งหลายของเร�, ทำไมเราจะไม่สำรวจมันล่� ?
ถ้าเผื่อว่� วัฒนธรรมของเราได้สูญเสียความรู้สึกทางด้านผัสสะบางอย่างในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ไ�, หากเป็นเช่นนั้� เราสามารถที่จะค้นหาธาตุแท้ของชีวิตที่สูงส่งหรือมั่นคงกว่าได้ในอีกวัฒนธรรมหนึ่งได� ไม่ใช่หรือ ?
โดยที่ได้ใช้ชีวิตไปกว่าครึ่งหนึ่งของ�าพเจ้าในวัฒนธรรมอื่น�, �าพเจ้าได้ยอมรับอย่างปลื้มปิติว่า มากแค่ไหนที่�าพเจ้าได้รับการช่วยเหลือโดยประสบการณ์อันนั้น. ในอินเดี� ศรีลังกา, เนปา� และอิหร่าน �าพเจ้าได้ค้นพบน้ำพุภายในของขนบประเพณีซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของโล� 3 อย่า�: นั่นคื� ขนบประเเพณีของฮินด�, พุทธ, และอิสลา�. เนื่องจากผลอันนั้น �าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นนักโทษของอุโมงค์ทัศน�(tunnel vision)ของวัฒนธรรมตะวันตกของตัวเองอีกต่อไ�.
สำหรับคนหนุ่มสาวชาวตะวันตกที่เดินทางไปยังประเทศอินเดียในช่วงทศวรรษที� 60-70, ขณะที่�าพเจ้ายังพำนักอยู่ที่นั่�(ผู้เขียนเคยเป็นเอกอัคราชฑูตในประเทศเอเชียต่างๆ), วัฒนธรรมดังกล่าวได้ช็อคพวกเข� แต่ความรู้สึกที่ปรับตัวไม่ได� หรือความรู้สึกไม่คุ้นเคยกลับเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อเขาหวนกลับไปยังบ้านเกิ� ความรู้สึกเช่นนี้มันมากยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขามาถึงประเทศอินเดียเสียอีก. สำหรับ�าพเจ้าก็ด้วยเช่นกั�, มันเป็นความรู้สึกประหลาดๆเมื่อค้นพบว่า �าพเจ้าไม่ใช่คนเดิมอีกแล้� ผู้ซึ่งได้จากบ้านมาหลายปีก่อนหน้านั้�. ยกตัวอย่างเช่น �าพเจ้ารู้สึกขึ้นมาในทันทีถึง ระดับหนึ่งของความสูญเปล่าและการบริโภคที่ฟุ่มเฟือ� ซึ่ง�าพเจ้าไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป. มาถึงตอนนี� �าพเจ้ามีชีวิตด้านในอันหนึ่� ซึ่ง�าพเจ้าแทบไม่รู้สึกตัวเลย. วัฒนธรรมของข้าพเจ้าได้แปรเปลี่ยนไป. �าพเจ้าเป็นความหลอมละลายของตะวันออกและตะวันตก. และข้าพเจ้ารู้สึกว่านั้นเป็นอะไรทั้งหม�.
ถ้าหากว่านี่มันสามารถเกิดขึ้นกับ�าพเจ้าได� มันก็สามารถที่จะเกิดขึ้นกับคนเป็นล้านๆได� ซึ่งสำหรับพวกเขาเหล่านั้นแล้� พหุนิยมของวัฒนธรรมอันหลากหลายไม่ใช่เพียงแค่เป็นไอเดียอันหนึ่งเท่านั้� แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ได้ไปเปลี่ยนแปลงและไปเพิ่มเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาให้รุ่มรวยและอุดมสมบูรณ์มากขึ้น. �าพเจ้าเห็นมันเกิดขึ้นมากับคนเป็นจำนวนพัน� ทั้งจากตะวันออกและตะวันต�, ผู้ซึ่งได้รับวัฒนธรรมของกันและกั�, และกำลังทำให้มีการปรับปรุงตัวเองของพวกเขาเองอยู่.
จากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ซึ่งเกิดการหลอมละลายทางวัฒนธรร�, �าพเจ้าเชื่อมั่นว่า มันจะไปช่วยวัฒนธรรมตะวันตกของพวกเราเองจากความเสื่อมทรามทางด้านจิตใจในทุกวันนี้ ขณะเดียวกันก็จะไปช่วยชาวเอเชียจำนวนมากจากความยากจนและทุพพลภา�.
สำหรับคนเหล่านั้นที่กลัวว่� บริโภคนิยมแบบอเมริกันจะมีอิทธิพลไปทั่วโล� พวกเขากำลังต่อเติมเสริมแต่งความเ�มแข็งของวัฒนธรรมหนึ่งเกินความเป็นจริงไปในการส่งผ่า�, และก็กำลังประเมินการฟื้นคืนสู่สภาพปกติของวัฒนธรรมแบบจารีตต่ำเกินไป ซึ่งมันมีอายุมาไม่น้อยกว่า 2 หมื่นป�, ยาวนานกว่าความเบี่ยงเบนไปจากปกติสมัยใหม่นี้มาก. คำถามจริงๆคำถามเดียวก็คื� การหลอมละลายทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นมาตอนนี้ จะน้อมนำความเป็นมนุษย์ไปสู่ความเป็นชุมชนและการมีส่วนร่วม หรือนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของลัทธิปัจเจกนิยมที่เลยเถิ� ซึ่งไม่รู้อะไรเลยที่สูงไปกว่าตัวของมันเอ�.
ความเจริ�ุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นในเอเชียกำลังฝังรากความมั่นใจของผู้คนขึ้นมาในวัฒนธรรมของพวกเขา. เช่นดังความมหัศจรรย์ของทางเศรษฐกิจของเอเชี่ย� หลังจากการเชื่อมต่ออีกอันหนึ่ง ขบวนแถวต่างๆของความสะดวกสบายค่อน�างมา�, พวกเขาเห็นถึงความบีบคั้นน้อยลงๆที่จะต้องเลียนแบบหุ่นจำลองต่างๆของอเมริกั�. บ่อยครั้� ชาวตะวันตกได้วิเคราะห์อย่างผิด� เกี่ยวกับความคิดที่ว่า... สำหรับเอเชีย การที่จะก้าวไป�างหน้านั้น พวกเขาจะต้องดำเนินรอยตามรอยเท้าของเราโดยการกลายเป็นตะวันตกมากขึ้�. นั่นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา หรือน่าจะเป็นไปของเอเชี่ยน.
สำหรับเอเชี่ยน มาถึงตอนนี� เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถทำได้ดีในโลกโดยไม่ต้องสังเวยหรือบูชายัญวัฒนธรรมต่างๆของพวกเขาในกระบวนการดังกล่าวแต่อย่างใ�. พวกเขาเห็นว่าจักรพรรดิ์ของอเมริกันไม่ได้สวมเสื้อผ้� - นั่นมันเป็นอะไรที่เขาควรที่จะหลบเลี่ยงไปเสียจากตัวอย่างของอเมริกัน. ผู้คนชาวเอเชี่ยนดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างใหม่ที่จะถือครอง ในสิ่งที่พวกเขาพบว่ามันเป็นประโยชน� แต่ยังคงเชื่อถือได้ต่อรากเหง้าต่างๆของพวกเขา, และเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับพวกเขาเอง. พวกเขากำลังเรียนรู้ที่จะเคารพให้เกียรติในความแตกต่างระหว่างตัวของพวกเขาเองและชาวอเมริกันทั้งหลาย, แทนที่จะขออภัย.
วัฒนธรรมอเมริกันไม่ใช่ฐานหินก้อนให�เพียงก้อนเดียว ซึ่งบางครั้ง มันปรากฎตัวภายนอกอย่างนั้น. �าพเจ้าได้กล่าวถึงการรุกล้ำเข้าไปเกี่ยวกับศาสนาใหม่ต่างๆของเอเชีย, กระทั่งแม้แต่วิทยาศาสตร์ก็กำลังเปิดตัวอย่างน่าประหลา� เพื่อสนทนากับขนบประเพณีศาสนาอันยิ่งใหญ�. ยกตัวอย่างเช่น, รางวัล Templeton Prize อันมีชื่อเสียง (มูลค่า 1 ล้านเหรียญ)เมื่อเร็วๆนี� ได้ให้กั� Dr Paul Davies, นักฟิสิกส์ชาวอังกฤ�ี่สอนอยู่ในออสเตรเลี�, ผู้ซึ่งได้เห็นถึ� การปรากฎตัวขึ้นมาของชีวิตและความสำนึ� ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ที่มีนัยสำคัญมากเกี่ยวกับธรรมชาติของก�่างๆทางด้านฟิสิกส์โดยเฉพาะ ในจักรวา� การสร้างสรรค์ตัวเอ� แล� การรวมตัวมันเอ�. และต่อมาภายหลั� David Bohm, นักฟิสิกส์ชาอเมริกันคนหนึ่� (และผู้เขียนเรื่องมาลงและให้การสนับสนุนนิตยสา� Resurgence) ก็เป็นผู้ซึ่งมีอิทธิพลอย่างเ�มแข็งคนหนึ่งในการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสน�.
แน่นอน วัตถุประสงค์ของการสนทนากันอันนั้� เป็นการสำรวจตรวจตราเกี่ยวกับรากฐานที่มาพบกันทางวัฒนธรร� ซึ่งสามารถที่จะร่วมกันได้กับทุกๆวัฒนธรรม. เพียงโดยผ่านการสำรวจและพูดคุยกันอันนั้� เราสามารถที่จะสร้างวัฒนธรรมอันหนึ่งขึ้นม� ซึ่งกว้างขวางมากพอที่จะเป็นโมเซอิคทางวัฒนธรรมโลก, และเปิดกว้างพอที่จะยอมให้แสงสว่างส่องลงมาจากเบื้องบน...
James
George เป็นเอกอัครราชฑูตเกษียณอาย� และผู้เขียนหนังสือเรื่อง
Asking for the Earth: Waking up to the Spiritual/Ecological Crisis.
เรียบเรียงจากนิตยสาร Resurgence ฉบับที� 174
เดือนมกราค�/กุมภาพันธ์ 1996 (เผยแพร่ผ่า� website มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน - ไม่จำหน่าย)