กราบเรียน อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่เคารพ
นับตั้งแต่นำเอาการวิจัยอย่างเป็นกิจจะลักษณะเข้าสู่วงวิชาการไทย เมื่อสมัยที่เผด็จการทหารยึดอำนาจบ้านเมืองเป็นต้นมานั้น งานวิจัยถูกใช้เป็นเครื่องมือแห่งอำนาจของฝ่ายที่ยึดกุมอำนาจไว้ได้เสมอ และอาจเป็นด้วยเหตุนั้น จึงทำให้การวิจัยมักถูกนิยามเป็นเทคนีคอันสลับซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้นที่จะสามารถทำงานวิจัยได้ และดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านล้วนเป็นคนในอาณัติในทางตรงหรือทางอ้อมของฝ่ายอำนาจเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นฝ่ายอำนาจจึงสามารถเรียกหางานวิจัยเพื่อให้ความชอบธรรมแก่นโยบายที่ทุจริตหรือไม่เป็นธรรมของตนได้อย่างง่ายๆ เสมอ
ในขณะเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับบริการที่นักวิชาการให้แก่ฝ่ายอำนาจ ก็มีการทำให้เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า การวิจัยต้องใช้ต้นทุนสูงจนกระทั่งหากปราศจากความอุดหนุนของฝ่ายอำนาจ หรือองค์กรระหว่างประเทศซึ่งอยู่เบื้องหลังฝ่ายอำนาจแล้ว ก็ไม่มีทางที่ใครจะทำวิจัยได้ หรือถึงทำออกมาแล้วก็ต้องไม่มีคุณภาพ
แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยเช่นนี้กีดกันประชาชนคนธรรมดาให้ออกไปจากการวิจัย ซึ่งหมายถึงการกีดกันออกไปจากการตัดสินใจนโยบายสาธารณะทั้งมวลด้วย แม้แต่จะตามอ่านงานวิจัยเพื่อตรวจสอบ ก็ถูกกล่าวหาว่าไม่มีความรู้เพียงพอ หรือมิฉะนั้นก็ใช้อำนาจปิดบังผลงานวิจัยนั้นๆ มิให้เปิดสู่สายตาของสาธารณชนได้
เหตุดังนั้น งานวิจัยไทบ้านเรื่องผลกระทบที่เกิดจากการเปิดเขื่อนปากมูลฉบับนี้ นอกจากเป็นงานวิจัยที่มีคุณภาพดีเด่นจนได้รับรางวัลจากองค์กรวิชาการทั้งภายในและระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นงานวิจัยที่มีนัยะสำคัญต่อสังคมไทยอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการพิสูจน์ว่า ประชาชนที่ไม่ใช่นักวิชาการชำนาญเฉพาะด้าน ก็สามารถทำวิจัยอย่างมีคุณภาพได้ และด้วยเหตุดังนั้น จึงเปิดพื้นที่การสร้างความชอบธรรมของนโยบายด้วยงานวิชาการให้แก่ฝ่ายประชาชนอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเห็นว่า งานวิจัยไทบ้านชิ้นนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการคืนอำนาจแก่ประชาชน ด้วยข้อเด่นเป็นพิเศษทางวิชาการดังนี้
ก. คำถามการวิจัยเกิดขึ้นจากการนิยามของประชาชนในท้องถิ่นเอง ทำให้แน่นอนว่าผลการวิจัยจะถูกใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ในขณะที่ส่วนใหญ่ของงานวิจัยที่ทำกันในวงวิชาการนั้น มักได้คำถามการวิจัยจากต่างประเทศ แล้วเอามาหาข้อมูลไทยเพื่อเป็นคำตอบ ซึ่งก็มักเป็นคำตอบที่ไม่แตกต่างจากที่เขาเคยตอบกันมาแล้วในเมืองฝรั่ง เหตุฉะนั้น งานวิจัยส่วนใหญ่จึงไม่มีผลในทางปฏิบัติภายในประเทศไทย ตราบเท่าที่เรายังไม่ตั้งคำถามที่มีความสัมพันธ์กับความเป็นจริงในสังคมของเราเอง เราจะพบคำตอบที่เป็นอิสระจากเขาอันเป็นประโยชน์ต่อตัวเราอย่างแท้จริงก็ไม่พึงหวัง
ข. ไทบ้านที่เป็นนักวิจัยได้พัฒนาวิธีวิทยาของตนเอง ซึ่งเหมาะกับการรวบรวมตรวจสอบความรู้ที่ชาวบ้านมีอยู่จริง โดยไม่ลอกวิธีวิทยาที่ฝรั่งคิดขึ้นในวัฒนธรรมของเขาอย่างมืดบอด นักวิจัยไทบ้านจึงได้บุกเบิกวิธีวิทยาที่เหมาะสำหรับการสร้างความรู้ตามสภาพที่เป็นจริงในสังคมและวัฒนธรรมไทยขึ้น แม้ว่าวิธีวิทยาเช่นนี้อาจไม่สามารถลอกเลียนได้ในทุกกรณี แต่ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า คนไทยต้องพัฒนาวิธีวิทยาที่เหมาะสมสำหรับธรรมชาติของข้อมูลความรู้ซึ่งมีอยู่จริงในสังคมไทย แทนการตั้งหน้าตั้งตาลอกเลียนวิธีวิทยาของฝรั่ง แล้วยัดเยียดคำตอบที่ได้มาด้วยวิธีวิทยาที่พิกลพิการเช่นนั้นว่าเป็นคำตอบของสังคมไทย
ค. นักวิจัยไทบ้านใช้ทุนซึ่งมีอยู่น้อยในการวิจัยอย่างได้ผล โดยการปรับเปลี่ยนวิธีวิทยาให้ไม่สิ้นเปลือง แต่ผลของการวิจัยก็มิได้ด้อยคุณภาพลงไปแต่อย่างไร นับเป็นบทเรียนสำคัญแก่การวิจัยในเมืองไทย ซึ่งมักใช้งบประมาณสิ้นเปลือง จนกลายเป็นรายได้หลักของนักวิจัยบางราย วิจัยไทบ้านชิ้นนี้จึงบุกเบิกแนวทางให้นักวิชาการที่ซื่อสัตย์และชาวบ้านทั่วไปเห็นว่า งานวิจัยเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถร่วมมือกันทำขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่ต้องรอเงินทุนการวิจัยซึ่งมักมากับเงื่อนไขต่างๆ พร้อมสรรพของรัฐหรือองค์กรระหว่างประเทศเสมอไป
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนหวังว่า งานวิจัยไทบ้านชิ้นนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ชุมชนชาวบ้านทั่วประเทศได้รวบรวมกำลังความสามารถของตนเอง ในการสร้างความรู้ของชุมชนสำหรับการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการวางนโยบายสาธารณะ ซึ่งกระทบต่อตนเองอย่างได้ผลต่อไปในอนาคต ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนก็ใคร่เรียกร้องให้องค์กรที่สนับสนุนการวิจัย ซึ่งได้รับงบประมาณจากเงินสาธารณะให้ความสำคัญและสนับสนุนการวิจัยของชาวบ้านทั่วประเทศ อันจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างชนชั้นอำนาจจำนวนน้อย และประชาชนในวงกว้างอย่างแท้จริง
ฉะนั้น สภามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงได้ลงมติว่า มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนควรมอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแก่นักวิจัยไทบ้าน เพื่อเป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยต่อไป
บัดนี้ถึงเวลาอันสมควร จึงใคร่ขอความกรุณาท่านอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ได้กรุณามอบรางวัลเหรียญนักวิจัยดีเด่นของมหาวิทยาลัยให้แก่ตัวแทนนักวิจัยไทบ้าน และขอความกรุณากล่าวปาฐกถาในวาระนี้ด้วย
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๕
ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นมงคล ทั้งแก่ตัวข้าพเจ้า ทั้งแก่ผู้มอบรางวัลเหรียญวิจัยดีเด่น และทั้งแก่ผู้รับรางวัลดังกล่าว ตลอดจนเป็นมงคลสำหรับราษฎรของเรา ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้คือ
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๓ จะสวรรคต ได้ตรัสเตือนไว้ว่าให้เรารู้จักคบกับฝรั่ง แต่อย่าได้เลื่อมใสฝรั่งไปเสียเลยทีเดียวนั้น นับเป็นพระปัจฉิมวาจาภาษิตที่สำคัญยิ่งนัก หากเราลืมความข้อนี้ไปในรอบราวๆ ๑๕๐ ปีมานี้ ที่เราเดินตามความคิดของฝรั่งจนหายนภัยเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรายิ่งๆขึ้นทุกที
ทั้งนี้ก็เพราะความคิดของตะวันตกในกระแสหลักนั้นประกอบไปด้วยเหตุผลในทางตรรกะ ที่เป็นไปอย่างเป็นเสี่ยงๆ อย่างปราศจากความลุ่มลึกในทางจิตวิญญาณ มองเห็นธรรมชาติเป็นดังทรัพยากรที่ต้องเอาชนะและเอามาประยุกต์ใช้ในทางเศรษฐกิจ มองเห็นมนุษยชาติอย่างเป็นเขาเป็นเรา ถ้าเป็นพวกเราแล้วใช้ได้ หาไม่ก็ต้องเอาชนะหรือเอารัดเอาเปรียบ
ยิ่งเกิดองคาพยพอย่างรัฐบาลขึ้นด้วยแล้ว ชนชั้นปกครองก็ยิ่งเห็นว่าราษฎรโง่เขลาเบาปัญญา เพราะคนที่มีการศึกษาย่อมต้องเป็นข้าราชการ หรือนักการเมือง โดยที่สถาบันการศึกษาก็สยบยอมอยู่กับรัฐ หรือกับบรรษัทข้ามชาติ หาไม่ก็เดินตามอำนาจหรือเงินตรา ยิ่งกว่าจะเข้าใจในเรื่องของสัจธรรม หรือความสำคัญของราษฎร
ดังจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยในกระแสหลักไม่เคยมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้คนธรรมดาสามัญเอาเลยก็ว่าได้ หากมอบให้แต่กับเจ้านาย รวมถึงนักการเมือง นักการทหาร นักการค้า ตลอดจนชาวต่างชาติ เพราะเงินหรืออำนาจตลอดจนศักดิ์ศรีอันจอมปลอมของคนนั้นๆกัน ยิ่งกว่าการมองไปที่เนื้อหาสาระของแต่ละบุคคล ยิ่งผลงานการวิจัยด้วยแล้ว ก็ตกอยู่ในกรอบของวิธีวิทยาอย่างตะวันตก ที่ไม่ได้เป็นไปอย่างบรรสานสอดคล้องกัน และไม่ได้มองไปที่ตัวทุกขสัจทางสังคม เพื่อหาเหตุแห่งทุกข์ แล้วหาทางออกจากความทุกข์นั้น โดยสันติวิธี
ในขณะที่ชาวบ้านเองสามารถวิจัยได้อย่างแยกแยะ และอย่างเป็นองค์รวม ตามหนทางของพระอริยมรรค เพราะเขาเองเผชิญมากับความทุกข์นั้นเอง และเมื่อมองไปได้ถึงเหตุแห่งทุกข์ อันมีโครงสร้างทางสังคมที่อยุติธรรมและรุนแรงครอบงำอยู่ จนทำลายได้แม้ธรรมชาติและราษฎรตาดำๆ เขาจึงมองเห็นทางออกได้ด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้แสดงว่าราษฎรสามารถมองเห็นได้ชัดแล้วถึงความกดขี่ข่มเหงของรัฐและของบรรษัทข้ามชาติ ตลอดจนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่เคยเอื้ออาทรต่อราษฎร หากริดรอนอำนาจและความชอบธรรมของราษฎรตลอดมา
ฉะนั้น การที่มีพิธีมอบรางวัลในวันนี้ จึงเป็นการยืนยันอำนาจของราษฎร และอำนาจของธรรมะ ที่อยู่เหนืออำนาจอันอธรรมของชนชั้นบน
อนึ่ง พึงตราไว้ด้วยว่าบัดนี้รัฐบาล แม้จะมาจากการเลือกตั้งหรือหาไม่ ก็ได้เป็นที่คลางแคลงใจหรือได้รับการดูถูกดูแคลนจากสาธุชนแทบทั่วทั้งโลก รวมถึงสมาชิกรัฐสภาด้วย ทั้งๆที่สมาชิกนั้นๆหลายคนก็เป็นคนดี หากสถาบันทางการเมืองเช่นนี้พ้นสมัยเสียแล้ว โดยนักการเมืองมักไม่ตระหนักความข้อนี้ หาไม่ก็ใช้สถาบันการเมืองออกกฎหมายมาอย่างกดขี่ข่มเหงราษฎร ดังกรณีพระราชบัญญัติแร่ที่เพิ่งตราออกมาเป็นกฎหมายนั้น เท่ากับยกแผ่นดินให้ชาวต่างชาติเอาเลย มิใยว่าประชาราษฎรที่อุดรธานีจะคัดค้านการทำเหมืองแร่โปตาสอย่างไร ก็ไม่นำพา เฉกเช่นมหาวิทยาลัยในกระแสหลักก็อยู่ในสถานะปานๆกัน โดยที่ในแวดวงธุรกิจการค้าที่มุ่งผลกำไรยิ่งกว่าความชอบธรรมด้วยแล้ว ก็อยู่ในอีหรอบเดียวกัน
ยิ่งสถาบันนั้นๆประกอบการอย่างเป็นเสี่ยงๆ อย่างปราศจากคุณธรรม อย่างไม่รับฟังเสียงของคนยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมกร ชาวไร่ ชาวนา หรือประชาราษฎรตาดำๆแล้วไซร้ ความชอบธรรมของชนชั้นบนก็ยิ่งคลอนแคลนไปยิ่งๆขึ้น แม้จะมีเงินและมีอำนาจ หรือมียศศักดิ์อัครฐานใดๆ นั่นก็ล้วนเป็นการแสดงออกซึ่งอธรรมด้วยกันแทบทั้งนั้น ยิ่งใช้ความรุนแรง ความกลิ้งกล่อน ความหน้าไหว้หลังหลอกมากเพียงใด ก็ตบตามหาชนได้เพียงในระยะสั้นๆเท่านั้นเอง
ฉะนั้น การหันเข้าหาสัจจะ และสันติประชาธรรม จึงเป็นความจำเป็นและเป็นความสำคัญยิ่งนัก
พวกเราหลายคนที่อยู่ในองค์กรพัฒนาเอกชนหรือที่เรียกกันว่า NGOนั้น ใช่ว่าจะเป็นผู้วิเศษที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกประการก็เปล่า และพวก NGOที่กล่อนและเลวร้ายก็มีรวมอยู่ หาก NGOโดยทั่วๆไปนั้นปราศจากอำนาจและปราศจากเงินตราที่เป็นทุนอันหนุนเนื่องมาจากความทุจริต จึงดำรงคงอยู่ได้เพราะความซื่อสัตย์สุจริต ที่พร้อมจะเดินออกนอกกระแสหลัก ด้วยการรับใช้ราษฎร อย่างรู้เท่าทันตัวเอง มากน้อยตามส่วน และควรเข้าใจธรรมชาติอย่างเคารพธรรมะ ไม่ใช่เข้าไปปู้ยี่ปู้ยำธรรมชาติและเอาชนะธรรมชาติ
เพราะด้วยเหตุนี้ละกระมัง ราษฎรตาดำๆและคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคมจำนวนมาก จึงเห็นว่า เราเป็นกัลยาณมิตร ในขณะที่ฝ่ายซึ่งถือตัวว่ามีอำนาจ ยิ่งเขาปราศจากธรรมะเท่าไร ก็ยิ่งเห็นว่าเราเป็นศัตรูยิ่งขึ้นเท่านั้น ทั้งๆที่พวกเราหลายคนต้องการเป็นกัลยาณมิตรกับทุกๆฝ่าย โดยที่กัลยาณมิตรที่แท้นั้น คือผู้ซึ่งกล้ากล่าวสัจวาจา เตือนคนที่มีอำนาจและคนที่ไร้อำนาจด้วยเช่นกัน ว่าทุกคนต้องตั้งอยู่ในธรรม ให้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจให้เป็นธรรม
น่าเสียดายที่คนซึ่งยึดมั่นในอำนาจและในความสำเร็จของตนเองนั้น มักเห็นบาปมิตรเป็นกัลยาณมิตร เห็นกัลยาณมิตรเป็นปาปมิตร คือเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนั้นเอง
กงจักรในสมัยนี้คือมิจฉาทิฐิ ที่เชื่อว่า เทคโนโลยี่ล่าสุดคือคำตอบ ที่มองเห็นอะไรๆไปในทางเทคนิควิทยา เห็นคุณค่าแต่พลังงาน แต่เงินตรา แต่การลงทุนจากต่างประเทศ หรือการสยบยอมกับกระแสหลักของตะวันตก อย่างปราศจากวิจารณญาน โดยไม่เชื่อฟังกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวดังที่เอ่ยไว้แต่ต้น
ในขณะที่ดอกบัวนั้น เกิดจากโคลนตม แล้วผุดขึ้นได้พ้นน้ำ โดยปลอดไปได้จากการย่ำยีของเต่าและปลา เมื่อพ้นน้ำขึ้นมาแล้ว ก็เบ่งบานอย่างบริสุทธิ์ แม้น้ำก็ไม่อาจติดอยู่ได้บนใบบัวหรือดอกบัว ซึ่งได้แก่ราษฎรของเราที่รวมตัวกันอย่างสันติ และต่อสู้กับอำนาจอันอธรรมของรัฐและรัฐวิสาหกิจด้วยขันติธรรม จนรวมตัวกันเป็นสมัชชาคนจนได้ แต่ถ้าชนชั้นปกครองมองไม่เห็นคุณค่าของดอกบัว ก็ย่อมชื่นชมแต่กับดอกไม้พลาสติก กับเครื่องยนต์กลไก กับอาหารแดกด่วน ตลอดจนของปลอมต่างๆซึ่งรวมถึงเงินตราและทุนข้ามชาติ ซึ่งรวมเรียกว่าโลกาภิวัฒน์
คนที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวจะทำลายดอกบัวในทุกๆทาง แล้วก็จะรับเอากงจักรมาสวมใส่ไว้ให้เป็นดังเครื่องพันธนาการ ที่จักทำลายตนเอง และทำลายอำนาจอันไม่ชอบธรรมของตนเอง ทั้งยังนำหายนะมาสู่สังคมของตนอย่างรุนแรงและเลวร้าย แม้คนพวกนี้จะนึกว่าเขามีความชอบธรรมและได้รับผลสำเร็จในทางที่เป็นของปลอมต่างๆอย่างไรก็ตาม
มนุษย์ที่ปราศจากกัลยาณมิตร คือคนที่ไม่รับฟังคำเตือนด้วยความหวังดีจากคนอื่น แม้คำเตือนนั้นจะเผ็ดร้อนและรุนแรงไปบ้าง ก็ควรรับฟังไว้ด้วยมนสิการ ถ้าปราศจากมนสิการ หรือการใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วไซร้ โยนิโสมนสิการก็ย่อมไม่เกิดขึ้น โยนิโสมนสิการคือการตรวจสอบตัวเองอย่างไม่ยึดติดในอัตตา แม้จะอ้างความเป็นกลาง อ้างความไม่ลำเอียง หากอคติภายในตนที่นับถือและเลื่อมใสวิธีวิทยากระแสหลักจากตะวันตกนั้นแล จักนำความหายนะมาให้เขาและพวกเขา ตลอดจนมีผลร้ายมาถึงมหาชนอีกด้วย
ที่กล่าวมาในเชิงนามธรรมทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันและองคาพยพที่ล้อมรอบรัฐบาล ล้วนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวด้วยกันทั้งนั้น แม้จะมีการยกย่องราษฎรตาดำๆอยู่บ้าง นั่นก็คือการจัดฉาก โดยอาศัยสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ เพียงการเปิดประตูเขื่อน ซึ่งทำได้อย่างง่ายๆก็ต้องใช้เงิน ใช้การวิจัย ใช้สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดๆ โดยที่จนบัดนี้แล้ว เราก็ยังไม่เชื่อใจได้ว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไรกันแน่ ดังการขอขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจตรวจดูนั้น ก็เคยพบมาแล้วที่นายชวน หลีกภัยกับการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูท่อแก๊สจากพม่ามาเมืองไทยโดยผ่านกาญจนบุรี ซึ่งทำลายป่าอย่างดีที่สุดของเรา ทำลายทรัพย์สินของราษฎรตาดำๆ และทำลายสัตว์ป่านานาชนิด ผลจากการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของนายชวนก็คือเขาฟังเพียงเสียงของ ปตท. และของข้าราชการแล้วเลยอนุมัติให้สร้างท่อแก๊สดังกล่าว โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากราษฎรด้วยประการใดๆ และผลที่ติดตามมาก็คือรัฐบาลไทยต้องเสียเงินให้เผด็จการทหารพม่าปีละ ๔๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเราไม่ได้แก๊สมาแม้แต่หยดเดียว ในขณะที่ป่าไม้และทรัพยากรทางธรรมชาติของเราถูกทำลายอย่างย่อยยับ
ยังการที่นายทักษิณ ชินวัตรไปพบกับผู้คัดค้านท่อแก๊สไทย-มาเลเซีย แล้วรับปากว่าจะพิจารณาข้อเรียกร้องของราษฎรอย่างเห็นใจที่สุดนั้น แต่แล้วก็อ้างว่าตนได้ข้อมูลใหม่มา โดยจะเดินหน้าสร้างท่อแก๊สไทยไปมาเลเซียให้จงได้ ดังการจับกุมราษฎรทางปักษ์ใต้เมื่อคืนนี้นั้น ก็เป็นพยานของการใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนและอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งนี้โดยมิใยต้องเอ่ยถึงราษฎรที่ถูกสังหารทางเชียงราย เพราะเขาคัดค้านโครงการที่อ้างว่าทำในนามของการพัฒนา
ถ้านายกรัฐมนตรีได้ข้อมูลใหม่ จำต้องนำไปปรึกษากับราษฎร นั่นจึงจักเป็นความชอบธรรม เพราะรัฐบาลรู้อะไร ราษฎรก็ต้องรู้อย่างเท่าเทียมกัน ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการและตามเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบแต่ผู้เดียว นั่นคือการปกครองในระบอบเผด็จการ
เราจะต่อต้านเผด็จการ ทั้งที่เป็นรัฐบาล ทั้งที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และทั้งที่เป็นบรรษัทข้ามชาติ เผด็จการจะใช้ความเท็จมาปนความจริง ใช้ความหลอกลวงด้วยเล่ห์เพทุบาย หากเราต้องต่อสู้ด้วยสัจจะ ทมะ และขันติ
การที่มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมอบรางวัลดีเด่นแก่นักวิจัยไทบ้าน ก็ดุจดังการมอบดุษฎีบัณฑิตแก่ชาวบ้านมาก่อนหน้านี้ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับว่าเป็นการกระทำที่เป็นมงคล โดยเริ่มแต่การไม่คบคนพาล คือคนที่เคยเป็นพวกกับชาวบ้าน แล้วพอไปอยู่กับรัฐบาล ก็ลืมคนจน นับได้ว่าพวกนี้เป็นเป็นพาลชนชนิดงัวลืมตีนที่ทำตัวกร่างอย่างยกหูชูหางดังแมลงป่อง หากเราควรคบกับบัณฑิต อันได้แก่บุคคลที่เป็นนักวิจัยไทบ้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ยากไร้นี้แล และการบูชานักวิจัยดีเด่นเช่นนี้ ถือว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ในขณะที่คนในกระแสหลักบูชาของปลอม บูชาคนที่มียศ มีอำนาจ มีชาติตระกูล ซึ่งไม่จำต้องเป็นคนดี ที่มีคุณค่า
ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าพิธีมอบรางวัลวันนี้ เป็นมงคลโอกาส ที่เรามาเริ่มศักราชใหม่ โดยเลิกตามก้นฝรั่งกระแสหลัก หากกลับมาหาภูมิปัญญาดั้งเดิมของเรา เคารพธรรมชาติ เคารพราษฎรที่มีภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติมานานนมและรู้จักปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้อย่างเข้าได้กับธรรมชาติอย่างเป็นองค์รวม และอย่างรู้เท่าทัน โดยมีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย
ถ้าศักราชใหม่นี้ ได้แผ่ขยายอำนาจของราษฏรออกไปในทางความรู้ที่ควบคู่ไปกับคุณธรรมจนเป็นพลังทางสังคมและการเมืองที่สำคัญ นั่นก็เท่ากับว่าสัมมาทิฐิคืนกลับมาสู่สังคมไทยและการเมืองไทย โดยเราจักไปได้พ้นการเห็นกงจักรเป็นดอกบัว หากกลับมาเคารพนับถือดอกบัวคือราษฎรส่วนใหญ่ ที่เข้าใจเนื้อหาสาระของธรรมะ นั้นแล
ส.ศิวรักษ์ แสดงแก่สมัชชาคนจนและนักวิชาการนอกกระแสหลัก
ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๕
กำหนดการเวทีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ณ หน้าทำเนียบรัฐบาล
คนจนกับสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใส
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2545
9.30 - 12.00 การอภิปรายเรื่อง
"คนจนกับสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใส" ดร. เกษียร เตชะพีระ /
ดร. สุธี ประศาสน์เศรษฐ์ / ดร. เดชรัตน์ สุขกำเนิด / รศ. สุริชัย หวันแก้ว /
คุณวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ / ดำเนินรายการโดย ดร. ประมวล เพ็งจันทร์
12.00 - 12.30 น. พิธีมอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแก่ตัวแทนนักวิจัยไทบ้าน โดย อาจารย์ สุลักษณ์ ศิวรักษ์
13.30 - 16.30 การเสวนาแลกเปลี่ยนบทเรียนในประเด็น คนจนกับสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใส ตัวแทนชาวปากมูล / ตัวแทนชาวบ้านกรูด ดร. จินตนา แก้วขาว / ตัวแทนชาวจะนะ / ตัวแทนกรณีห้วยคลิตี้ คุณสุรพงษ์ กองจันทึก / ดำเนินรายการโดย อาจารย์ชัยพันธุ์ ประภาสะวัติ
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา I webboard I ประวัติ ม.เที่ยงคืน
e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
สำหรับสมาชิกที่ต้องการ download ข้อมูล อาจใช้วิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้
1. ให้ทำ hyper text ข้อมูลทั้งหมด
2. copy ข้อมูลด้วยคำสั่ง Ctrl + C
3. เปิด word ขึ้นมา (microsoft-word หรือ word pad)
4. Paste โดยใช้คำสั่ง Ctrl + V
จะได้ข้อมูลมา ซึ่งย่อหน้าเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ
(กรณีตัวหนังสือสีจาง ให้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มในโปรแกรม word)