สมเกียรติ ตั้งนโม :
แปลและเรียบเรียง
ความยาวประมาณ 13 หน้ากระดาษ A4
(หากประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลดขนาดของ font ลง จะแก้ปัญหาได้)
สนใจอ่านรายละเอียดสำหรับเรื่องนี้โปรดคลิกที่ภาพ
คำนำ
(ต้นฉบับหนังสือท้องถิ่นพัฒนากับโลกาภิวัตน์)
ในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ ปี 2540 ที่ผ่านมา มีคำถามมากขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ทำไมจึงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีคำใหม่ ๆ เข้ามาสู่วิถีชีวิตเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็น โลกาภิวัตน์ , IMF , WTO , ชาตินิยมใหม่ , เสรีนิยมทางเศรษฐกิจ , ฉันทามติวอชิงตัน , ฉันทามติรัตนโกสินทร์ , กระบวนการทำให้เป็นท้องถิ่น , กระบวนการทางสังคม ( new social movement ) ฯลฯ
คำถามสำคัญก็คือโลกาภิวัตน์ คืออะไร ? เกิดขึ้นได้อย่างไร ? เป็นความจงใจที่จะให้เกิด หรือว่าเป็นเพราะผลจากกระบวนการพัฒนาที่ต่อเนื่องของระบบทุนนิยมในขั้นสุดท้าย ที่มุ่งเข้าสู่การเปลี่ยนคุณค่า, วัฒนธรรม, และจิตใจ ให้กลายเป็นสินค้าอย่างแนบเนียนจนเราไม่รู้สึกตัว
ทำไมโลกาภิวัตน์จึงทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจทั่วโลก มีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น ทำไมชะตากรรมของระบบเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ อ่อนไหวไปตามอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการของนักลงทุนบางกลุ่ม และทำไมประเทศไทยจึงเป็นสาเหตุของความตกต่ำทางเศรษฐกิจรอบใหม่ และตัวละคร ที่มีบทบาทเด่นในระดับองค์กรโลกบาล ไม่ว่าจะเป็น WTO , WORLD BANK, ADB , บรรษัทข้ามชาติ , ค่อยๆ คืบคลานมาควบคุมวิถีชีวิตของคนไทยได้อย่างไร ?
หนึ่งในต้นเหตุของความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีความเปราะบางนี้ เริ่มต้นมาจากกรณีวิกฤตการเงินของไทย เมื่อปี 2540 ที่ปล่อยให้มีการโจมตีค่าเงินบาทเกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ต้นเหตุหนึ่ง บางทีอาจเนื่องมาจากการเปิดเสรีทางด้านการเงิน ซึ่งไม่มีมาตรการควบคุมที่รัดกุมและฉลาดเพียงพอก่อนหน้านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงก่อให้เกิดความอ่อนแอขึ้นในระบบการเงินอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ใช่ไหม ?
นอกจากนี้ เราจะมาดูกันถึงพลังและปัจจัยที่ดึงเอาความต่างของเศรษฐกิจและสังคมให้เข้ามาใกล้ชิดกันในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งได้แก่ การเมืองที่คลุกเคล้ากับเศรษฐกิจ, การค้าระหว่างประเทศ , การลงทุนของบรรษัทข้ามชาติที่สร้างความชอบธรรมโดยผ่านมาทางนักการเมืองและนักวิชาการ, การลงทุนในตลาดหุ้น, การกู้ยืมระหว่างประเทศ, การลงทุนเก็งกำไรค่าเงินที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคม, อัตราการแลกเปลี่ยน และผลของเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำงานสอดประสานกันอย่างไร และสร้างผลกระทบที่เร็วและแรงอย่างไร ?
มีปรากฎการณ์ที่นักเศรษฐศาสตร์ศึกษาพบว่า การครอบงำของเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ได้ก่อให้เกิดการผูกขาดของกลุ่มทุนบางกลุ่ม ทำให้กลุ่มทุนอื่นไม่อาจแทรกตัวเข้าไปได้ในธุรกิจที่ถูกกฎหมายได้ ดังนั้น จึงไปปูดที่การขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งจงใจเป็นปฎิปักษ์และต่อต้านการลงทุนของบรรษัทข้ามชาติ
หลายประเทศในยุโรป เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ที่เรียกว่า " New Social Movement " เพื่อปกป้องการบริโภค และวิถีชีวิตชุมชนให้ปลอดภัยจากการครอบงำของบรรษัทข้ามชาติและธุรกิจขนาดใหญ่
กล่าวสำหรับสังคมไทยนั้น ผลกระทบจากโลกาภิวัตน์มาเป็นระยะเวลากว่าศตวรรษ ทำให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบโลกาภิวัตน์ ชนชั้นนำ ได้สร้างตลาดการเมือง ที่มีผลต่อการเลือกยุทธศาสตร์การพัฒนารวมถึงการผลิต ซึ่งใช้นโยบายทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ภายใต้แนวคิดทุนอุตสาหกรรมนิยมอย่างเข้มข้น
กล่าวได้ว่า ชนชั้นนำของไทยผลักดันให้สังคมเศรษฐกิจไทย เดินไปตามกระแสโลกาภิวัตน์
แต่เมื่อมองในภาคประชาชน และชนบทกลับพบว่า จำนวนมากเลือกเส้นทางของการพึ่งตนเอง ยึดถือเศรษฐกิจแบบอยู่พอดีกินพอดี เกิดขบวนการผลิตทางการเกษตรในลักษณะผสมผสาน ปลูกเพื่อบริโภค เหลือแล้วจึงขาย หันหลังให้กับการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และการผลิตเพื่อการส่งออกที่ได้เปรียบจากต้นทุนด้านแรงงาน ลักษณะเช่นนี้ มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเสมอๆ เรียกว่าเป็นกระแสชุมชนท้องถิ่นพัฒนา
แนวทางบ้านนอกเช่นนี้ สามารถที่จะเดินเคียงคู่ในยุคโลกาภิวัตน์ได้หรือไม่ ? สังคมไทยต้องช่วยกันตอบคำถาม
และที่น่าสังเกตคือ ในการจะเลือกเส้นทางใหม่ของสังคมไทยนั้น สำนึกหนึ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือสิ่งที่เรียกว่า "ฐานทรัพยากร" อันหมายถึง ฐานของวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น พร้อมทั้งเร่งสร้างให้เกิด"วัฒนธรรมการเรียนรู้"ใหม่ ที่มีพลังและพร้อมที่จะแตกหักกับวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบโลกาภิวัตน์ นอกจากนี้ยังจะต้องกล้าที่จะปฎิเสธความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ที่เคยเป็นมาในอดีต
สังคมไทยก้าวมาถึงทางเลือกที่สำคัญคือ เราจะมีองค์ความรู้รอบด้านพร้อมมูลเพียงพอแก่การพิจารณามากน้อยแค่ไหน เพียงใด ในการตัดสินใจ และพลังตัดสินใจนั้น คำตอบต่อสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับภาคประชาชนเป็นสำคัญ ว่าจะกำหนดอนาคต บทบาท วิถีชีวิต และผลิตนโยบายให้เป็นไปเช่นใด ในสภาวะอันสลับซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นี้
ด้วยภาพรวมของสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และความท้าทายต่อการแสวงหาทางออกดังกล่าวข้างต้น เพื่อจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันได้อย่างมีสติ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงได้เปิดชั้นเรียนอีกครั้งด้วยกระบวนวิชา " ท้องถิ่นวัฒนากับโลกาภิวัตน์ 101 " ( Localization & Globalization ) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า " โลกาภิวัตน์ 101 " เพื่อคิดร่วมกันในเรื่องนี้
โดยแยกเป็น 4 ประเด็น คือ (กิจกรรมนี้จัดขึ้นทุกวันเสาร์ตลอดตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2544)
1. โลกาภิวัตน์กับวัฒนธรรมไทย
เสนอโดย ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์
2. เศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร
3. กระแสชุมชนท้องถิ่นในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย ศ.เสน่ห์ จามริก
4. ทางเลือก ทางรอด ของสังคมเศรษฐกิจไทยในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย รศ.ดร. รังสรรค์
ธนะพรพันธุ์
ผลจากการอภิปราย ถกเถียงกันในชั้นเรียนได้นำมาถอดเทปและพิมพ์เป็นชุด ๆ ถ่ายเอกสารให้กับผู้สนใจในแต่ละสัปดาห์ จนเมื่อเสร็จสิ้น ปิดกระบวนวิชาดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีผู้สนใจติดตามถามถึงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะได้นำไปเผยแพร่ในเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงตัดสินใจจัดพิมพ์เป็นเล่ม เพื่อขยายขอบเขตของห้องเรียนให้กว้างขวางขึ้น โดยพยายามรักษาบรรยากาศแห่งการเสวนาในห้องเรียนไว้ จากคำถามคำตอบ ประเด็นถกเถียงในแง่มุมต่าง ๆ นำมาพิมพ์รวมไว้ด้วยกัน ทั้งยังขอท่านผู้บรรยายนำ ได้ตรวจทานเนื้อหาทั้งหมด ทั้งนี้ก็โดยหวังว่า บทศึกษาเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง และเป็นพลังที่เข็มแข็งของสังคมต่อไป
ท่านผู้อ่านที่อ่านงานชิ้นนี้แล้ว สนใจกิจกรรมและการต้องการร่วมชั้นเรียนของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ทั้งในเรื่องโลกาภิวัตน์และศาสตร์นอกกระแสอื่นๆ ขอเรียนว่า ห้องเรียนของเราเปิดตลอดเวลาที่เวบไซต์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่ www.geocities.com/midnightuniv
บัดนี้ ห้องเรียนกระบวนวิชา " โลกาภิวัตน์ 101 " ได้รอท่านอยู่ในหน้าถัดไปแล้ว ขอเชิญท่านลงทะเบียนและหาที่นั่งได้ตามอัธยาศัย
ชัชวาล ปุญปัน
- สมเกียรติ ตั้งนโม (บรรณาธิการ)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
คำโปรยปกหลัง
ในขณะที่ชนชั้นปกครองไทยผลักดันให้สังคมเศรษฐกิจไทย
เดินบนเส้นทางที่ผมตั้งชื่อว่า "โลกานุวัตรพัฒนา"
แต่ว่าในชนบทมีกลุ่มชนในภูมิภาคต่างๆเลือกเส้นทาง "ชุมชนท้องถิ่นพัฒนา" และนี่เป็นเส้นทางการพัฒนา
2
เส้นทางที่ผมบอกว่ามันเป็น"ทวิลักษณะของการพัฒนา" ยุทธศาสตร์โลกานุวัตรพัฒนา
เป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องการประโยชน์จากกระบวนการโลกานุวัตร
ระบบเศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จากกระบวนการโลกานุวัตร
ก็ต่อเมื่อระบบเศรษฐกิจเชื่อมสัมพันธ์กับระบบทุนนิยมโลก ดังนั้น ประเทศที่เลือกเส้นทาง
โลกานุวัตรพัฒนา ก็จะต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิด จะต้องเปิดเสรีในทุกๆด้าน
ไม่จำเพาะแต่เปิดเสรีทางการค้า แต่คลุมไปถึงการเปิดเสรีทางการเงิน เปิดเสรีทางการผลิต
และเปิดเสรีในทางการลงทุนระหว่างประเทศ อันนี้ก็เป็น ยุทธศาสตร์โลกานุวัตรพัฒนา
...
ทำไมรัฐบาลจึงเลือก
ยุทธศาสตร์โลกานุวัตรพัฒนา แล้วไม่เลือก ยุทธศาสตร์ท้องถิ่นพัฒนา ยุทธศาสตร์ท้องถิ่นพัฒนา
จะขึ้นมาเป็นยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาในสังคมเศรษฐกิจไทยได้หรือไม่ได้ ? ฉันทามติแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จะกลายมาเป็นปรัชญาพื้นฐานของการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาของชาติได้อย่างไร ?
รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
คลิกไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา
e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เปิด ชั้นเรียนสนทนาในหัวข้อ "โลกาภิวัตน์ 101" ภายใต้ชื่อ วิกฤตโลก วิกฤตไทย อะไรคือทางรอด ?
กิจกรรมนี้ ได้เชิญ ศ.เสน่ห์ จามริก, รศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์, ศ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร, และ ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์ มาเป็นผู้นำการเสวนา ในชั้นเรียน
บัดนี้กำลังจะบริการในรูปของ หนังสือ pocket book ขนาด 16 หน้ายก แล้ว (เพื่อให้ผู้ที่อยู่ไกล สามารถเข้าถึงความรู้ได้เท่าเทียมกัน ในรูปสิ่งพิมพ์ ภาพปก 4 สี งดงามมาก)
ชื่อเรื่อง "ท้องถิ่นพัฒนากับโลกาภิวัตน์"
เนื้อหาภายในจะแบ่งออกเป็น 4 ตอน ประกอบด้วย 1. โลกาภิวัตน์กับวัฒนธรรมไทย เสนอโดย
ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์ 2. เศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร
3. กระแสชุมชนท้องถิ่นในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย ศ.เสน่ห์ จามริก 4. ทางเลือก
ทางรอดของสังคมเศรษฐกิจไทยในยุคโลกาภิวัตน์ เสนอโดย รศ.ดร. รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
ขนาดความหนาของหนังสือ 260 หน้า / รายได้ทุกบาท เพื่อใช้ในกิจกรรมบริการการศึกษาฟรี ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน