Free Documentation License
Copyleft : 2006, 2007, 2008
Everyone is permitted to copy and distribute verbatim copies of this license
document, but changing it is not allowed.

หากนักศึกษา และสมาชิกประสงค์ติดต่อ
หรือส่งบทความเผยแพร่บนเว็บไซต์
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กรุณาส่ง email ตามที่อยู่ข้างล่างนี้
midnight2545(at)yahoo.com
midnightuniv(at)yahoo.com
midarticle(at)yahoo.com

กลางวันคือการเริ่มต้นเดินทางไปสู่ความมืด ส่วนกลางคืนคือจุดเริ่มต้นไปสู่ความสว่าง เที่ยงวันคือจุดที่สว่างสุดแต่จะมืดลง
ภารกิจของมหาวิทยาลัยคือการค้นหาความจริง อธิบายความจริง ตีความความจริง และสืบค้นสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความจริง
บทความวิชาการทุกชิ้นของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างถาวรเพื่อใช้ประโยชน์ในการอ้างอิงทางวิชาการ
ภาพประกอบดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบบทความทางวิชาการ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการนำไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังเปิดรับงานแปลทุกสาขาวิชาความรู้ ในโครงการแปลตามอำเภอใจ และยังเปิดรับงานวิจัยทุกสาขาด้วยเช่นกัน ในโครงการจักรวาลงานวิจัยบนไซเบอร์สเปซ เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน สนใจส่งผลงานแปลและงานวิจัยไปที่ midnightuniv(at)yahoo.com

The Midnight University

เกี่ยวกับงานวรรณกรรมอินโดนีเซีย
วรรณกรรมของปราโมทยา อานันต ตูร : เด็กรับใช้ + สาวใช้
ชนิดา พรหมพยัคฆ์ เผือกสม : แปล
แปลจาก Pramoedya Ananta Toer , "Djongos + Babu,"
Tjerita dari Djakarta (Djakarta: Penerbit Grafika, 1957), 7-18;

หมายเหตุ : วรรณกรรมชิ้นนี้เคยเผยแพร่แล้วบนกระดานข่าวมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๓๕๕๓
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=midnightuniv&topic=13553&page=1
และมีสมาชิกบางท่านเสนอให้นำมาเผยแพร่บนหน้าเว็บเพจ เพื่อความสะดวกในการอ่านและทำสำเนา
ทางกองบรรณาธิการจึงใคร่ขออนุญาตผู้แปลนำงานวรรณกรรมนี้เผยแพร่ต่อสาธารณชนมา ณ ที่นี้
midnightuniv(at)yahoo.com

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 969
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 12.5 หน้ากระดาษ A4)




วรรณกรรมของปราโมทยา อานันต ตูร : เด็กรับใช้ + สาวใช้
ชนิดา พรหมพยัคฆ์ เผือกสม : แปล
จาก Pramoedya Ananta Toer , "Djongos + Babu," Tjerita dari Djakarta (Djakarta: Penerbit Grafika, 1957), 7-18; แปลจากสำนวนแปลของ James T. Siegel ในหนังสือชื่อดังของเขาเรื่อง Fetish, Recognition, Revolution (Princeton, New Jersey: Princeton University Press, 1997).

นับตั้งแต่สมัยของยาน ปีเตอร์ คูน (Jan Pietersz Coen) สายเลือดของทาสไหลลงมาเป็นสายอยู่ในตระกูลนี้ นี่มิใช่ทาสโดยไม่เต็มใจ พวกเขามีความสัตย์ซื่อเสมอมาทุกกระเบียดนิ้ว บางทีอาจจะไม่แค่เพียงจากยุคของคูน มีความเป็นไปได้จริงๆ ที่มันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีเตอร์ บอท (Pieter Both) หรือนับตั้งแต่ช่วงที่ฮอทแมน (Houtman) เดินทางร่อนเร่ไปทั่วหมู่เกาะ ไม่มีใครรู้ได้แน่ สิ่งที่ประจักษ์ชัดก็คือตระกูลนี้เป็นที่รู้จักกันดีก่อนหน้าที่คูนจะกลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ชาวญี่ปุ่นได้ถล่มราบเป็นหน้ากลองจากหน้าตึกกระทรวงการคลัง

ตระกูลนี้รู้จักกันในตอนแรกก็เพราะว่า มันได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใหญ่ที่ใช้อักษรละติน พลทหารพื้นเมือง.....x หมายเลข..... ในเวลานั้นตำแหน่งพลทหารเป็นสิ่งไม่ธรรมดา ด้วยตำแหน่งเช่นนั้น คนๆ หนึ่งสามารถแบ่งตัวเองได้ และตระกูลนั้นก็ให้กำเนิดเด็กๆ สี่สิบคน ใครจะรู้ว่ามาจากมดลูกจำนวนเท่าไรกัน ไม่มีใครรู้ได้ เรื่องพรรณนั้นไม่มีทางที่จะถูกใส่ไว้ในหนังสือเล่มใหญ่
คนรุ่นสอง ก็เป็นทาส พลทหารธรรมดาๆ!

นับแต่นั้นมา พร้อมกับคนแต่ละรุ่น ตำแหน่งทาสตกทอดลงมาด้วย ต่ำลงและต่ำลง ท้ายที่สุด ในปี 1949 มันก็ลงมาถึงยุคของโซบี (Sobi) และอีนะห์ (Inah) ใบประกาศความเป็นทาสสุดท้ายของพวกเขา หนึ่งปีก่อนหน้านั้น พวกเขายังคงเป็นทาสของรัฐ เขาสองคนไม่มีทางรู้หรอกว่า หายนะแขวนอยู่เหนือศีรษะของตน ใบประกาศความเป็นทาสของพวกเขาจะสืบต่อลงมาอีกระดับหนึ่ง นั่นคือทาสของเขตสหพันธ์แห่งปัตตาเวีย! โซบีในฐานะเด็กรับใช้ อีนะห์ในฐานะสาวใช้

ถ้าพระเจ้ายังทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาเช่นเดิม ทรงปรารถนาที่จะขยายการเป็นทาสนี้ออกไปอีกรุ่นหนึ่ง แน่นอนเลยว่ารุ่นที่สิบสามนี้คงจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป คงจะเป็นไส้เดือนที่คืบคลานอยู่ในดิน และนี่เป็นเพียงแค่การคิดเอาตามตรรกะเท่านั้น

โฉมหน้าของตระกูลนี้ขณะที่มันได้สืบต่อลงมาก็มีเรื่องราวอยู่เช่นกัน นับตั้งแต่ยุคของพลทหารนั้น ใบหน้าของทุกๆ คนตระกูลน่าเกลียดน่ากลัวดูไม่ได้ ไม่เคยจะเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นหลายสิบชั่วอายุคน เอิมเปาะก์ โกเต๊ะก์ (Empok Kotek) ถือกำเนิดขึ้น ต้องขอบคุณวัณโรค ความงามของเธอเจิดจำรัส และเธอถูกเรียกว่าเป็นคนสวย

เอิมเปาะก์ โกเต๊ะก์ (Empok Kotek) นั้นซื่อตรงต่อจารีตของเธอ เธอเป็นทาสอย่างสมบูรณ์ทุกรายละเอียด ซื่อตรงอย่างที่สุดทุกกระเบียดนิ้ว ดังนั้นครั้งหนึ่ง แม้ว่าเธอจะเป็นสาวใช้ ตวนได้กล่าวกับเธอว่า "พรุ่งนี้คุณผู้หญิงจะต้องไปโกเป็ง (Kopeng) เพื่อพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน แล้วไญจะต้องอยู่บ้านกับตวน ตกลงไหม?"
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดว่า "ไญ" ในตอนนั้น เธอเพิ่งจะมาเข้าใจเมื่อตวนกลับมาจากการไปส่งภรรยาของตนแล้ว

และต่อมาอันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ถึงกับดี เธอก็ต้องปล่อยบางสิ่งหล่นออกมา และสิ่งนั้นสามารถร้องไห้ได้ ผู้คนเรียกมันว่าลูกของเธอ เธอเกือบจะไม่เข้าใจ มันช่างเป็นเรื่องง่ายและช่างน่ารื่นรมย์สำหรับการที่มนุษย์จะถือกำเนิดขึ้นเป็นตัวตน เธอประหลาดใจเหลือแสน! แต่ลูกก็อยู่ตรงนั้นแล้ว และมีดวงตาสีช็อคโกแลตใสแจ๋ว เธอไม่ยอมปล่อยเวลาให้กับความสำนึกเสียใจ เธอมีระเบียบวินัยแท้จริงในฐานะทาส

โรดีนะห์ (Rodinah) กำเนิดขึ้นยังโลก แม้ว่าจะมีดวงตาสีช็อคโกแลต แต่เธอก็เป็นสาวใช้เช่นกันในท้ายสุด และในกำมือของโรดีนะห์ ยุคทองของเหล่าลูกหลานก็เปิดฉากขึ้น โรดีนะห์ เป็นเช่นเดียวกับพระนางวิคตอเรียสำหรับจักรวรรดิอังกฤษ ผิวของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่ง ตาโตที่มีขนตางอนยาวตวัดขึ้น ริมฝีปากบางทั้งบนและล่าง เรือนร่างของเธอเป็นเหมือนกีตาร์ ซึ่งยังมิใช่กีตาร์มือสอง ยังมิใช่สินค้าใช้แล้ว

น่าแปลกใจที่การปฏิวัติในเรื่องรูปร่างหน้าตานี้ มิได้ส่งผลต่อประวัติศาสตร์ของจารีตของเธอ ทั้งเนื้อทั้งกระดูก เธอก็ยังคงเป็นทาส ถ้าโดยบังเอิญเธอมีสิ่งที่เรียกว่าความทะเยอทะยานอยู่บ้างแล้วล่ะก็ แน่นอนเลยว่า โรดีนะห์จะสามารถกำหนดเส้นทางเดินให้กับคนรุ่นหลังได้ แต่ไม่มีความทะยานอยากที่ว่านั้นเกิดขึ้นมาเลย และไม่มีใครที่รู้สึกเสียใจในเรื่องนี้ ชีวิตจะมีประโยชน์อะไรถ้ามิใช่เพื่อความสุขสำราญและแสวงหาความรื่นรมย์จากสิ่งที่เป็นสิทธิชอบธรรมของเลือดเนื้อ? ความทะยานอยากรังแต่สร้างความเจ็บปวดผิดหวังให้มนุษย์ชาติ ด้วยเหตุผลเช่นนี้ เธอก็ยังคงเป็นสาวใช้เช่นเดิม

โรดีนะห์ก็เช่นเดียวกับมนุษย์ธรรมดา เธอเติบใหญ่ขึ้นในที่สุด มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเธอไม่อาจจะลืมมันลงเลย ครั้งหนึ่งมีคนมาขอเธอแต่งงาน ชายคนนั้นเป็นหัวหน้าคนงานของ ERPOL ชายแก่ที่ผู้คนได้ฝังร่างเขาลงในอีกสี่ปีต่อมา แน่นอนว่าเธอปฏิเสธ สิ่งนี้ได้กลายเป็นสิทธิโดยชอบของเธอ ดังนั้นเธอจึงสามารถรักษาจารีตที่กำลังทัดทานการทดสอบต่างๆ เอาไว้ได้ และดังนั้น เช่นเดียวกันที่เรือนกายของเธอเป็นสิ่งที่ฉายแสดงความน่ารักน่าใคร่ขณะที่มันเติบใหญ่ขึ้น

ชั่วเวลาประวัติศาสตร์ก็มาถึง ทันใดนั้น ดุจดังเศษดาวตกที่หลุดร่วงออกมาจากดวงดาว ไม่มีใครจะสามารถคำนวณได้ว่าเมื่อไรมันจะตกลงมา ตวนของเธอเรียกโรดีนะห์ว่า "ดอลลี (Dolly)" อันที่จริงแล้วเธอเหมือนกับตุ๊กตาญี่ปุ่น ชื่อ "โรดีนะห์" ก็ถูกลบไปจากประวัติศาสตร์ เธอกลายเป็น "ดอลลี" และเป็นตุ๊กตาจริงๆ ตลอดมา

ดอลลี ไม่รู้จักการเมืองเรื่อง แบ่งแยกแล้วปกครอง (divide et impera) แต่ในฐานะสาวใช้ผิวขาว เธอรู้ว่าชาวอัมบอนที่มีผิวดำจะต้องถูกเห็นว่าเป็นผิวขาว เธอก็มียุทธวิธีของเธอเองและมันก็ได้ผล นั่นคือ แบ่งแยกและยอมจำนนตนเอง เธอนำยุทธวิธีเช่นนี้มาใช้จริงๆ แล้วอะไรอีกละ เธอยังคงรักษาวินัยในการปฏิบัติตามจารีต ซื่อสัตย์เสมอมาทุกกระเบียดนิ้ว ผูกมัดตนเองกับการเป็นทาสอยู่เสมอ แต่เธอก็แบ่งแยกด้วยเช่นกัน

ด้วยยุทธวิธีนี้ เธอเด็ดผลไม้ที่ส่งประกายฉายแสงมากที่สุด ไม่ต่างจากที่พระนางวิคตอเรียได้แอฟริกา นี่คือชัยชนะของเธอ บุตรคนแรกของเธอเกิดมาพร้อมกับผมเป็นลอนสีเงิน จากพลังยุทธวิธีของเธอ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าที่เธอจะสามารถเข้าใจได้ สิ โซบีก็เกิดขึ้นมา ซึ่งเป็นลูกชายของตวนเฮ็นดริก (Hendrik) หรือลูกชายของเพื่อนบ้านตวนเฮ็นดริก ตวนกลาสเซ็น (Klaasen) หรือลูกชายของตวนคีลยาม (Giljam) ที่มาจากฝรั่งเศส หรือลูกชายของตวนกูรดา (Koorda) หรือลูกชายของตวนฮาร์เต็น (Harten) เธอไม่รู้ เธอไม่เคยเอาสมองไปสนใจเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ประจักษ์ชัดก็คือว่า เธอมีส่วนอยู่ห้าสิบเปอร์เซนต์ในการสร้างโซบีขึ้นมา และเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าพระเจ้ามีส่วนร่วมด้วยในการสร้างเด็กๆ

แน่นอนว่า ดอลลี นั้นซื่อตรงต่อยุทธวิธีของเธอ โดยเช่นนี้ เธอจึงประสบความสำเร็จที่จะทำให้พวกเขาทำตัวอย่างสัตย์ซื่อ และยอมรับโซบีว่าเป็นลูกของพวกเขา มีม่านหนาๆ กันระหว่างพ่อคนหนึ่งกับพ่อที่เหลือ
ไม่มีใครรู้ถึงบทบาทของคนอื่นๆ ในการสร้างโซบีขึ้นมา จากพ่อทั้งหกนี้ ดอลลี ก็สามารถที่จะสร้างบ้านก่ออิฐที่ภายในมีวิทยุสองเครื่อง เครื่องเล่นแผ่นเสียงหนึ่งเครื่อง ทั้งกลางคืนกลางวัน ทั้งสามเครื่องนี้ส่งเสียงติดต่อกันไป! พร้อมกับเสียงกรีดร้อง หัวใจของเธอส่งเสียงสะท้อนก้องไปมา "นี่คือบ้านก่ออิฐของ ดอลลี! ใครจะมาเสมอเหมือน?"

แต่ความลับของเธอยังคงถูกปิดใส่กุญแจไว้ในมุมหนึ่งของหัวใจ มันก็คือยุทธวิธีของการแบ่งแยกและยอมจำนนตนเอง

เธอก็มีความตั้งใจที่จะเริ่มต้นชีวิตเป็นคนเสรี หรือคนที่มีชีวิตเป็นส่วนตัวอยู่เหมือนกัน เธอพยายามแล้ว เธอแต่งงานแบบที่คนเข้ามักกระทำทั่วไปห้าครั้ง นั่นคือมีความชอบธรรมที่อวยให้โดยมัสยิด แต่ก็ไม่เคยยืดยาวเลย ที่ยาวนานที่สุดกินเวลาสองเดือน ความคิดอันเฉียบคมมักจะนำเธอไปสู่หายนะของการแต่งงานที่ชอบด้วยกฎหมาย เธอสามารถที่จะเดาได้ถึงความเฉียบแหลมของบรรดาสามีเหล่านี้ พวกเขาไม่เคยที่จะให้เงินรายได้ที่มีพอดูของพวกเขาแก่เธอเลย อันที่จริงแล้วเป็นเพียงสิ่งที่ตรงข้ามกัน พวกเขาต้องการที่จะหลอกลวงเธอ ต้องการที่จะใช้เธอ ในท้ายที่สุด เธอก็ปล่อยให้ความตั้งใจของเธอลอยไปตามสายลมกรรโชกนี้

จิตวิญญาณทาสของเธอไม่เคยปล่อยให้เธออยู่ที่บ้านอย่างสงบ ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นสาวใช้อีกครั้งหนึ่ง ที่เขตอื่น เธอนำยุทธวิธีของเธอออกมาใช้อีกครั้ง และมันก็ได้ผลอีนะห์กำเนิดสู่โลก และดังที่เคยเป็นแต่ก่อนมา เธอมีส่วนรวมห้าสิบเปอร์เซนต์อีกในการรังสรรค์สิ่งมีชีวิตใหม่นี้ เธอไม่สามารถที่จะบอกชี้ชัดไปได้ว่าใครเป็นพ่อ มีมากกว่าเก้าคนด้วยกัน มีเพียงแค่เงินที่เธอได้มาเท่านั้นที่เธอสามารถนับได้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเพียงชั่วแล่น คนขาวมิได้น่าพึงใจในสายตาของเธออีกแล้ว และฉับพลันทันใด เธอสามารถได้กลิ่นเหม็นของพวกเขาในระยะหนึ่งหลา ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยให้ความสนใจต่อกลิ่นเหม็นของพวกคนขาวเลย แม้กระทั่งจะอยู่ใกล้แค่เศษหนึ่งส่วนสิบนิ้ว และกลิ่นมันก็ช่างเหม็นเสียกระไร! เพราะว่าตอนนี้เป็นญี่ปุ่นที่มีรสชาติอร่อยลิ้น จะมีความสุขขนาดไหนหนาถ้าเธอสามารถมีเด็กที่มีตาเฉียงๆ และทำไมจะไม่ได้ละ? พ่อสิบหกคนของลูกคนที่สองของเธอนั้นทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่สิบเซนต์ที่จะซื้อบุหรี่มาสูบด้วยซ้ำ

โลกนี้มันหมุนไปไม่หยุดนิ่ง ถ้ามนุษย์เราไม่ระมัดระวังให้ดี ในทันทีทันใดอาจจะเกิดอาการช็อคขึ้นมาได้ ร่างกายไม่อาจจะตอบสนองต่อคำสั่งจากจิตใจได้อีกแล้ว โดยไม่มีคำเตือนล่วงหน้าเราก็จะรู้สึกแก่และไร้ค่าสำหรับโลก ซึ่งไม่ให้ความสนใจต่อเราอีกแล้ว กับ ดอลลี ก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าความป่วยไข้ใดที่เข้าจู่โจมคนที่น่ารักน่าชังเช่นนี้ได้ กระทั่งวิทยุสองเครื่องและเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ และในวันที่น่าเศร้าวันหนึ่งผู้คนก็ฝังร่างเธอ เพียงก่อนหน้าชั่วขณะที่เธอจะสิ้นใจ เธอเบิกตาโพรงและเธอรู้สึกประหลาดใจที่ความตายนั้นอยู่แสนใกล้ แสนเร็ว และแสนง่าย แต่เธอก็สิ้นชีพลงทิ้งผลงานการรังสรรค์ของเธอไว้ ห้าสิบเปอร์เซนต์ของโซบี และห้าสิบเปอร์เซนต์ของอีนะห์

เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา ทั้งสองมีสัญชาติญาณของการเป็นทาสที่แท้ ไม่มีครึ่งทาง ซื่อตรงเสมอมาทุกกระเบียดนิ้ว ในฐานะที่เป็นคนรับใช้และสาวใช้คุณภาพสูงที่สุด ทั้งสองจะรู้สึกทรมานใจถ้าพวกเขาไม่ได้รับคำสั่ง และชีวิตของพวกจะมีความสุขเมื่อได้รับคำสั่ง

ทั้งสองอยู่ในฝ่ายขวา มิใช่พวกปฏิวัติเลย ไม่ใช่ เป็นคนรับใช้และสาวใช้ที่ชอบขโมยส้อม มีด ช้อน และหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่อย่างนั้นเลย! ทั้งสองคิดว่าพวกตนซื่อตรงต่อหน้าที่ของตน ใครจะรู้ บางทีอาจจะมีความเป็นทาสตลอดกาลสำหรับคนอีกสามรุ่น ดังนั้นพวกเขาจึงกำหนดเขตแดนขึ้นมาในเขตชีวิตของตน เช่นเดียวกับที่เรนวิลล์ (Renville) กำหนดสิ่งที่เสมอเหมือนชีวิตของสาธารณรัฐ

หลังจากการตายของดอลลี่ โซบีก็เป็นคนรับใช้ในสำนักงานของได ซังกะ (Dai Sanka) อันเป็นสำนักงานสายสืบราชนาวีของญี่ปุ่น ความทะยานอยากท้ายที่สุดของเขาก็คือการใส่หมวกแก๊ปที่มีดาวเหลือง ชุดเครื่องแบบสีขาวกับดาบซามูไรที่มีด้ามจับสีทองพร้อมกับปลอกหนังกลับ ความปรารถนานี้ไม่เคยได้รับการตระหนักถึง ชาวญี่ปุ่นไม่เคยให้โอกาสเขา และเขาจะมีความสุขเมื่อเขาสามารถตะโกนว่า "เคเรอิ" (keireit) เมื่อนายพลได ซังกะลงจากรถ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในเวลานั้น

เขาเกลียดลัทธิจักรวรรดินิยม ซึ่งนั่นคือลัทธิจักรวรรดินิยมของดัชต์ จักรวรรดินิยมคืออะไรนั้นเขาไม่รู้ แต่แม่งเอย เขาก็เกลียดมันเช่นกัน อะไรก็ตามที่ออกมาจากปากของญี่ปุ่นเป็นเสียงแห่งสัจธรรม และทุกคนจะต้องเชื่อตาม โชคดีที่เขาสามารถที่จะเชื่อมันได้ ถ้าไม่แล้วล่ะก็ ตำแหน่งเด็กรับใช้ของเขาก็คงจะสูญสลายหายไปเช่นเดียวกับชีวิตทั้งหลายของแรงงานที่ถูกบังคับให้ทำงานให้

อีนะห์ก็เช่นกัน ทำงานที่นั่นในฐานะคนซักรีด แต่ในขณะนั้นเธอมีอายุเพียงแค่สิบสอง ดังนั้นหน้าอกของเธอจึงยังคงแบนราบ และไม่มีใครรู้สึกดึงดูดใจโดยเธอ เธอไม่มีโอกาสที่จะแสดงบทบาท

เส้นทางของประวัติศาสตร์นั้นไม่เคยเป็นเส้นตรง ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ อังกฤษเข้ามา ชาวอินโดนีเซียกลับบ้าคลั่ง และสองคนนี่ พี่ชายและน้องสาว จำต้องหมอบลงต่ำ ท้ายที่สุด พวกเขาก็กล้าพอที่จะออกมาข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง โซบิสร้างความกล้าให้กับตนเองไปวิ่งไล่พวกญี่ปุ่นและนำเสื้อผ้าของพวกเขามา แต่สภาพการณ์เช่นนี้ก็มิได้ดำรงอยู่ยาวนานเช่นกัน เป็นทีของอังกฤษแล้วที่จะวิ่งอย่างบ้าคลั่ง คนขาวครองอำนาจอีกครั้งหนึ่งในจาการ์ตา และทั้งสอง พี่ชายและน้องสาว ก็เกลียดชังญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีทันใด ทั้งสองรู้สึกว่าถูกหลอกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แม้ว่าทั้งสองจะไม่รู้ว่ามีการใช้อุบายหลอกลวงอย่างไร และคนที่มีผิวขาวก็ได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูงอีกครั้งหนึ่ง

เสียงรัวปืนหยุดลง สิ่งที่น่าขมขื่นในทุกๆ วันก็คือ การแบ่งสรรปันส่วน! คนที่เบื่อหน่ายร้องตะโกนและขยี้หมัดตนเอง แม้กระทั่งผู้ที่ก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่าผู้บุกเบิก แม้กระทั่งผู้ที่ได้นั่งในสภาของรัฐบาล ทำไมโซบีและอินะห์จะไม่เป็นเช่นนั้นเหล่า? นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมโซบีถึงมาเป็นเด็กรับใช้อีกครั้งหนึ่ง เป็นเด็กรับใช้ของคนขาว ผู้ที่ในระหว่างยุคของชาวญี่ปุ่นนั้นไร้ราคา มีค่าน้อยกว่าเล็บมือ แล้วเขาในตอนนี้ก็สามารถที่จะยืดอกแสดงความภาคภูมิใจในตนเองต่อหน้าเด็กรับใช้คนอื่นๆ ซึ่งมีนายเป็นชาวอินโดนีเซีย

เขาเรียนรู้ที่จะแยกตัวเองออกจากเด็กรับใช้ที่ทำงานให้กับคนจีน และคนอินโดนีเซีย เขาเรียนรู้ที่จะร้องเพลง "yua olwees in mai haat - ยูอา โอลวีส์ อิน มาย ฮาท" ด้วยเสียงที่นุ่มนวลรัญจวนใจ ความเป็นทาสนี้ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเขาสามารถแนะนำบางสิ่งเพื่อทำให้บ้านของเจ้านายมีระเบียบมากขึ้นด้วยแล้ว นั่นเป็นจุดสุดยอดของความสุขสำหรับเด็กรับใช้

อันที่จริงแล้ว เด็กรับใช้มีหลายระดับด้วยกัน มีเด็กรับใช้ซึ่งเข้าใจเรื่องการเมือง มีเด็กรับใช้ที่เข้าใจเรื่องการค้า และมีกระทั่งเด็กรับใช้ที่เข้าใจเรื่องการทูต มีพวกที่สามารถยิงปืนได้ แต่โซบีนั้นอยู่ในระดับต่ำสุด เขาออกจะมีความสุขที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการเมือง นี่เป็นเพราะเขาค่อนข้างจะรู้สึกว่าการเมืองนั้นหมายถึงบาปทุกประเภทรวมกัน ตวนของเขามักจะพูดมาก และทุกสิ่งที่ตวนพูดก็เป็นกฎ [wet] อันไม่แตกต่างจากกฎหมายที่ออกโดยรัฐบาล เสียงของตวนก็คือเสียงของพระเจ้า [Tuhan]

ถึงตอนนี้อีนะห์ก็อยู่ในช่วงวัยรุ่น เธอไม่ใช่สาวใช้ของชาวญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้เธอกลายเป็นสาวใช้ให้กับค่ายทหาร แต่ไม่ถึงอาทิตย์ เธอก็ออกมาโดยไม่ถามซักคำ ไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการที่จะละทิ้งจารีตของเธอไว้เบื้องหลัง ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว เป็นเพียงแค่เธอรู้สึกหวาดกลัวประสาทเสียในการที่จะต้องรับคำสั่งจากคนซึ่งไม่ใช่ตวนที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้มีผิวสีขาว

ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใส และเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็รู้สึกพึงพอใจ ไม่มีชาวอินโดนีเซียคนใดที่มีดวงตาเช่นที่เธอมี ด้วยเหตุผลดังนี้ ชาวอินโดนีเซียจึงไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งคนเช่นเธอ ไม่ว่าใครก็ตาม [karena itu orang Indonesia tak berhak memerintah matanja] และเธอก็มีจมูกโด่งด้วยเช่นกัน เธอช่างน่ารักจริงๆ และสำหรับเธอแล้ว ความน่ารักเป็นทุนของผู้หญิง เธอไม่เคยรู้จักคณิตศาสตร์ แต่เธอสามารถที่จะประมาณค่าความน่ารักของเธอได้ และทุนนี้เธอสามารถที่จะใช้มันเพื่อกำหนดอนาคตของตนเองได้ เธอมีแผน เพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่รัสเซียเท่านั้นที่จะมีแผนการณ์ห้าปี อีนะห์ก็มีอยู่อันหนึ่งเช่นกัน ยุทธวิธีของดอลลี่ ของแม่เธอ กำลังสุกงอมอยู่ในหัวใจของเธอ

เมื่อเธอได้เป็นสาวใช้ แต่ตวนของเธอ แม้ว่าเขาจะมีผิวขาวแต่ก็ยากจนเช่นเดียวกันกับเธอเอง ดังนั้นเธอจึงจากมา ตวนของเธอให้สัญญากับเธอมากมายซึ่งสร้างความหวังขึ้นมา แต่เธอก็ฉลาดอยู่เช่นกัน เธอจะไม่แลกความน่ารักของเธอกับคำสัญญาหรอก

แล้ววันนั้นก็มาถึง มีห้องที่มีผนังสานด้วยเส้นฟาง จากห้องนี้นั้นบางครั้งบางคราวก็สามารถที่จะได้ยินเสียงร้องเพลงนุ่มนวลรัญจวนใจ "ยูอา โอวีส์ อิน มาย ฮาท" ที่นั่นค่อนข้างมืด เตียงไม้กินเนื้อที่ไปครึ่งหนึ่ง เด็กทั้งสองนั่งอยู่บนนั้น

"พี่มีความสุขไหมที่ทำงานที่นี่?" อีนะห์ถามเศร้าๆ

'ยูอา โอวีส์ อิน มาย ฮาท' แล้วคำตอบก็ได้ยินตามมา "มีความสุขมาก เหมือนกับเป็นบ้านฉันที่นี่ ฉันหมายความว่าคุณหนูมารี โตแล้ว และเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลาย ฉันหมายความว่าในตอนบ่าย เด็กผิวขาวหลายคนก็มา เสียงดังจอแจ เสียงดังหนวกหูมากทุกเวลา และใบหน้าของชายหล่อเหลาคนนี้ก็เป็นสีระเรื่อ" โซบี!

"มีงานมากมาย" โซบีกล่าวต่อไป "แต่เมื่อเด็กผิวขาวกลับมา ฉันก็คาดได้เลยว่าจะน่าตื่นเต้น"

"พี่มีความสุขที่จะเป็นเด็กรับใช้ที่นี่" อีนะห์ขัดขึ้นมาอย่างริษยา

"ยิ่งมากขึ้นอีกเมื่อตวนและคุณผู้หญิงไปดูหนัง คุณหนูมารีมักจะเรียกฉันเสมอ ฉันจะต้องไปนวดให้เธอ และไม่ต้องพูดอีกแล้วว่าฉันต้องนวดตรงไหน ฉันภูมิใจจัง"

"สำหรับเด็กรับใช้แล้วนี่ช่างโชคดีจริงๆ แต่ฉัน ฉันเศร้าใจ" แล้วดวงตาสีฟ้างดงามของอีนะห์ก็หม่นลง ใบหน้าที่น่ารักของเธออมทุกข์ "ฉันยังคงไม่ได้ตวนที่ถูกต้องเลย" เธอมองต่ำลง ด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าเหมือนกับสวดมนต์ เธอกล่าวต่อไป "ฉันต้องการที่จะมีลูกที่มีดวงตาสีฟ้ามากกว่าของฉันจริงๆ นะ"

"นั่นไม่ถูกต้อง" โซบีเอ็ดเธอ "ถ้าเธอพยายามที่จะเลือกละก็ เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย เธอรู้จักแพะจาการ์ตา [kambing betawi] ไหม ตัวที่อ้วนใหญ่น่ะ? ไม่ใช่แกะ! แพะจาการ์ตาที่สามารถกินได้กระทั่งรองเท้าแตะหนัง แล้วพวกมันก็จะยิ่งภูมิใจมากยิ่งขึ้น คิดดูสิ! แค่เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันก็เห็นว่าคุณหนูมารีนั้นเป็นสาวแล้ว แต่ในบ้านนี้ มีเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่มีตาเฉียงๆ ฉันไม่รู้ว่าเป็นของใคร มักจะถูกขังอยู่ในห้อง

สามวันหลังจากนั้นตวนและนายหญิงไปดูหนัง คุณหนูมารีเรียกฉันเข้าไปในห้อง เธอเข้าใจใช่ไหมว่าหมายความว่าอะไร? เธอบอกให้ฉันนวดให้เธอ โอ้พระเจ้า...ทุกแห่งเลย! แล้วเธอก็บอกว่า "เธอจะกำจัดเด็กนั่นไปได้ไหม?" "แน่นอนครับ คุณหนู" ฉันพูด และได้รับอนุญาตให้ทำมากกว่านวด" แล้วเขาก็ร้องเพลงด้วยเสียงที่นุ่มนวลรัญจวนใจ

อีนะห์ครุ่นคิดเศร้าๆ เธอเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกันและมองเหม่อๆ ไปข้างนอกผ่านไปทางหน้าต่าง

"ฉันเรียนร้องเพลงจากสี ฮูซิน (Si Husin) มันเยี่ยมมาก คุณหนูมารีชอบการร้องของฉันจริงๆ เมื่อฉันร้องเพลงเธอก็จะต้องเข้ามาใกล้และชมฉัน "เสียงเธอช่างดีจริงๆ " เธอกล่าว ฉันสามารถร้อง "ยูอา โอวีส์ อิน มาย ฮาท" และคุณหนูมารีก็จะคลั่งเสียงของฉัน" โซบีพูดเสียงขันแข็ง แล้วเขาก็ยิ้ม เต็มไปด้วยความหวัง "ไม่นานนักฉันก็จะต้องเรียนภาษาดัตช์ สี ฮูซินเก่งภาษาดัตช์มาก"

อีนะห์ยังคงมองเศร้าๆ ออกไปนอกหน้าต่าง "แต่ฉัน" เธอพูดต่อมา "ฉัน..อา พวกตวนทุกวันนี้ไม่เหมือนที่พวกเขาเคยเป็นเหมือนตอนที่ฉันยังเล็ก"

"หยุดได้แล้ว อย่าช่างเลือกนักสิ แค่ทำตามคำแนะนำของฉัน" โซบีพูดต่อไป เขามองไปที่น้องสาว ซึ่งรู้สึกใคร่รู้ด้วยความตื่นเต้น

"เมื่อวานนี้ ฉันไปยังบ้านสามหลังในเมินเต็ง (Menteng) หลังแรกฉันพบกับตวน ตาสีน้ำตาล และก็เหม็นจริงๆ !" เธอถอนใจ "อีกสองคนที่เหลือ ฉันพบกับคุณผู้หญิง ทั้งสองพูดเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน"

"พวกเธอพูดว่าอะไรเหรอ?" โซบีกล่าวด้วยความสนใจ

"พวกเธอพูดว่า 'ฉันไม่ต้องการสาวใช้น่ารักที่มีตาสีฟ้าหรอก' เธอคิดว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?"

"งี่เง่า" โซบีพูดอย่างโกรธๆ "คนแรกนั้นก็ดีมากอยู่แล้ว เธอคิดว่าเธอทำอะไรอยู่ในการพยายามที่จะเลือก? จะเป็นอะไรไปกับตาสีช็อคโกแลต? และก็ไม่ต้องสนใจกับเรื่องกลิ่นเหม็น ฉันหมายถึง เธอรู้จักกลิ่นฉี่ของตัวเองหรือ? เธอเป็นใครกัน ตลกน่า? เธอเหลวไหลเกินไปหน่อย แน่นอนว่าคุณผู้หญิงสองคนนั้นไม่อยากได้เธอ วางท่ามากเกินไป รอก่อนสักพัก ใส่เสื้อเก่าๆ ก่อน แล้วเมื่อเธอเข้าไปได้แล้วละก็ นั่นแหละ มันก็จะง่ายเข้า เมื่อนายผู้หญิงออกไปจากบ้าน เมื่อนั้นเธอจึงแต่งตัว ใครเล่าจะไม่ตกหลุมรักเธอ? แย่จริงที่เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉัน" แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายลงพื้น

"แต่ฟังก่อน พวกตวนทุกวันนี้น่ะล้วนแต่จนยาก พวกเขาแค่มองดูเหมือนร่ำรวย พวกเขาไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีจริงๆ เหมือนกับวันวานหรอก" อีนะห์ครวญคำเหล่านี้ออกมา

"ใครจะรู้?" โซบีพูดอย่างเศร้าสร้อย

"ฟังนะ ถ้าฉันมีเด็ก แม้ว่าจะมีดวงตาสีฟ้ากว่าของฉันอีก ไม่มีสีเขียวเข้ามาปนแม้แต่นิดเดียว แต่ใครจะเป็นคนดูแลสิ่งต่างๆ ล่ะ? ฉันเองนี่แหละที่จะตกอยู่ในความลำบากอย่างแท้จริง พี่น่ะเหรอ? พี่ก็มีคุณหนูของพี่อยู่แล้ว พี่ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสนใจฉันหรอก พี่ช่างโชคดีจริงๆ และจะมากกว่านี้ด้วยถ้าพี่มีลูกที่มีดวงตาสีฟ้า"

โซบีคิดใคร่ครวญเงียบๆ แล้วก็พูดอย่างช้าๆ ว่า "ฉันย่อมจะต้องคิดถึงน้องสาวของฉัน ถ้าฉันสามารถที่จะแต่งงานกับคุณหนูมารีได้ ฉันก็จะสามารถเป็นดัตช์ได้ แล้วฉันก็จะขอรถยนต์จากท่านข้าหลวงใหญ่ ฉันและคุณหนูมารีก็จะไปที่จีลินจีง (Tjilintjing) และเปลือยร่างอยู่ที่ชายหาด"

"แต่ว่าผิวของเธอขรุขระจากสะเก็ดแผลและสิว เธอไม่อายเลยเหรอ?" น้องสาวของเขาถาม

โซบีหัวเราะแล้วหัวเราะอีก "ถ้ามีใครที่เป็นดัตช์แล้วละก็" โซบีกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ "ริ้วรอยเก่าๆ จากแผลและสิวก็จะหายไปเองนั่นแหละ คนดัตช์มีสิวเมื่อไรกัน? มีแค่คนอินโดนีเซียเท่านั้นที่เป็นริ้วรอยแผลเป็น ประชาชนของพวกเรา"

แล้วอีนะห์ก็เข้าใจ เธอถามต่อไป "แต่พวกดัตช์กำลังทำสงครามอยู่นะตอนนี้ พี่ไม่กลัวตายเหรอ?"

โซบีหัวเราะอีกเล็กน้อย เขากล่าวว่า "เธอช่างโง่จริงๆ เลย เมื่อไรกันที่พวกดัตช์ไปต่อสู้ด้วยตัวเอง? ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวอินโดนีเซียที่เป็นทหาร พวกเขาถูกจ้างให้ไปตายแทนพวกดัตช์ เข้าใจไหม? เมื่อฉันเป็นชาวดัตช์แล้ว ฉันก็แค่นั่งที่โต๊ะและก็สั่งงานพวกกุลี"

"พี่จะกลายเป็นคนสำคัญขนาดนั้นได้อย่างไรกันเล่า" อีนะห์ถอนใจ สับสน

แล้วโซบีเองก็ยิ้มอย่างมีความสุขต่อความงดงามและอลังการ์ของจิตนภาพของตน แต่อีนะห์เศร้าลงกว่าเดิมอีก กระทั่งริษยามากกว่าเดิมด้วย เธอลุกขึ้นจากเตียง เธอเสียบกระจกแตกๆ เข้าไปยังผนังสาน เธอนั่งลงอีกครั้งหนึ่งถัดจากพี่ชาย เธอมองใบหน้าของเธอเองอย่างละเอียดละออ เธอยิ้มอย่างมีความสุข แล้วทันใดเธอก็ทำหน้าบึ้ง แล้วเธอก็ยิ้มอีกครั้งหนึ่ง แล้วโซบีก็ร้องเพลงขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลรัญจวนใจ แล้วก็เดินเข้าไปใกล้หน้าต่าง

อีนะห์บอกกับตัวเอง "ฉันช่างน่ารักจริงๆ ถ้าพี่เปรียบเทียบฉันกับ..." เธอเงียบ เธอมองไปที่พี่ชายตนเอง

"มันก็เป็นอย่างนี้แหละ" โซบีขัดขึ้นมาโดยไม่หันมามองหน้าเธอ "อีกไม่นานเราก็จะออกไปจากรังหนูนี้ ฉันจะมีตึกของฉันเอง เมื่อเธอหาตวนของเธอพบ" เขามองหน้าน้องสาว "ก็แค่ระวังอย่าให้ต้องผิดหวัง ตอนแรกก็แค่ยอมตาม แล้วต่อมาก็ขอทองหยองต่างๆ ของพรรค์นี้มันไม่ยากหรอกที่จะแอบงุบงิบเอาเป็นของตัวเอง แล้วก็เสื้อผ้า อะไรๆ มันก็ง่ายนิดเดียว แล้วมันก็จะมาของมันเองนั่นแหละ" เขาเดินไปเดินมาอีกที และก็นั่งลงใกล้กับน้องสาว

อีนะห์ถาม ความหวังของเธอบรรเจิดขึ้น "พี่พบตวนแล้วเหรอ?"

"ตวนปิกตอร์ (Piktor) กำลังมาที่นี่ ระมัดระวังคำพูดนะ ตกลงไหม?"

อีนะห์มองกระจกอย่างรวดเร็ว แย้มยิ้ม แล้วเธอก็ตรวจดูฟันของเธอ มองไปยังพี่ชายแล้วก็ถามว่า "ตอนกี่โมงละ"

"หกโมง อีกสี่ชั่วโมง"

"ดวงตาเขาสีอะไรล่ะ?" เธอถามกึ่งขลาดกลังกึ่งมีหวัง

"โอ้ ฉันคิดว่าเป็นสีเหลืองนะ ฉันไม่ชอบตาสีเหลือง ตาเหลืองและกลิ่นเหม็นๆ "อีนะห์กล่าวอย่างเป็นสุข มือทั้งสองของเธอประสานกันอยู่บนอกแน่น และเท้าทั้งสองของเธอก็เหยียดตรงประหนึ่งว่าเธอเป็นตะคริว จู่เธอก็ถามว่า "พี่ไม่ไปทำงานเหรอ"

"นี่แค่สองโมง อีกครึ่งชั่วโมงถึงไป"

"อ่างน้ำยังไม่ได้เติมน้ำเลย"

โซบีไม่ได้ใส่ใจ

"ฉันจะไม่กลับบ้าน พี่จะต้องจัดการเรื่องนี้"

"ห้องนี้จะต้องทำความสะอาดและจัดให้เป็นระเบียบ"

เขาฮัมเพลงอีกเล็กน้อย แล้วก็ออกไป

เธอมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้งหนึ่ง กระซิบเบาๆ "ดวงตาฉันช่างเป็นสีฟ้าเหลือเกิน เหมือนกับตาของคุณหนูเจ็ตติ (Jetti) ดวงตาคุณหนูของโซบียังไม่เป็นสีฟ้าเท่ากับของฉันเลย แต่ทำไมฉันไม่เป็นชาวดัชต์ละ? น่าอายจริงๆ แต่ว่าเรือนร่างของฉันดีเหมือนกับของผู้หญิงดัตช์เลย ถูกไหมล่ะ? ดูสิ ฉันมีจมูกโด่ง ผิวของฉันไม่ขาวนัก แต่ก็ไม่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ถ้ามันขาวเกินไป มันก็ง่ายที่จะเป็นจุดกระดำกระด่าง"

เธอเอากระจกแตกไปใส่ไว้ที่กำแพงอย่างเก่า แล้วยืนขึ้นใกล้กับหน้าต่าง "ฉันอยากจะเป็นไญ ฉันอยากจะมีลูกที่ตาสีฟ้า ใครจะรู้บางทีลูกของฉันอาจจะเป็นดัตช์ ใช่ไหมล่ะ? แน่นอนเลยว่า ฉันจะได้มีชีวิตอย่างดี ฉันจะมีสาวใช้..อา เธอก็จะเอาตวน ของฉันไป มีแค่เด็กรับใช้ และฉันก็จะขี่รถยนต์ ฉันจะไปที่จีลินจีง แต่ฉันอายที่จะต้องเปลือยร่าง"

"โอ้ ฉันพูดดัตช์ไม่ได้ ฉันอ่านหรือเขียนไม่ได้ แล้วฉันจะพูดว่าอะไรดีเมื่อเวลาที่ตวนขอให้ฉันอ่านหนังสือพิมพ์หนาๆ นั่น? โซบีร้องเพลงได้" เธอไม่รู้ว่าจะคิดอะไรต่อไปและกลับมาที่เตียง

พี่ชายของเธอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง อีนะห์ทิ้งตัวลงใกล้กับเขาบนเตียงและกวนใจเข้าด้วยการกล่าวว่า "ฉันจะทำอย่างไรดี? ฉันไม่สามารถร้องเพลงได้อย่างพี่?

"แต่เธอร้องจาลีจาลี (jali-jali) ได้ไม่ใช่เหรอ เธอแค่ตะโกนออกมา"

"แต่พวกชาวดัตช์ไม่ชอบมัน ไม่ใช่เหรอ?" อีนะห์ถอนใจ

"เป็นอย่างนั้นเหรอ? ฉันลืมไป แต่ว่ามันง่ายจริงๆ" โซบีพูด พยายามทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น "ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรอก ถ้าเธอน่ารักในแบบที่เป็นเธอ ทั้งหมดก็ง่ายมาก ตวนปีกตอร์เป็นคนมีระดับ ไม่ต้องการอะไรจากเธอเลย เขามีรถยนต์ เขายังไม่มีภรรยา เขารวย ว่ากันว่าเขาทำงานในสำนักงานธุรกิจแห่งหนึ่ง ไม่นานนี้เขาเพิ่งบอกฉันว่า "เธอหา ไญ ให้ฉันสักคนได้ไหม?" แล้วโดยทันควันฉันก็ตอบกลับว่า 'ผมมีน้องสาวคนหนึ่ง..."

"จริงเหรอ? จริงเหรอ?" อีนะห์ถาม กลับมามีความสุขอีกครั้ง

อีนะห์ตกอยู่ในความเงียบงัน ประหลาดใจขณะที่เธอกำลังวาดภาพความทะยานอยากของตนเอง "ฉันไม่ต้องร้องเพลงเหมือนอย่างโซบี" เธอคิด "ตวนปิคตอร์ต้องมีวิทยุแน่ บางทีเขาอาจมีวิทยุหกเครื่อง จะดีแค่ไหนหนา ถ้าได้เรียงมันต่อกันเป็นแถว แล้วผู้คนมากมายก็จะมายืนมองที่หน้าบ้าน และฉันก็จะยืนอยู่ตรงนอกชาน แน่นอนว่าเขาจะต้องกระซิบกันว่า "ว้าว อีนะห์ได้เป็นดัชต์จริงๆ แล้วตอนนี้" และพวกเขาทั้งหมดก็จะต้องอิจฉา แน่นอนเลยว่า พวกเขาจะต้องอิจฉาฉันด้วย มันเป็นความผิดของพวกเขาเองนั่นแหละ ทำไมเขาจะต้องมีผิวดำและจมูกที่ไม่รู้เลยว่ามีรูอยู่ตรงไหนเล่า? ผิวของฉันไม่ดำเกินไป มันขาว และจมูกของฉันก็มีระดับ " เธอยิ้มพึงพอใจ

"ดังนั้นเราจึงเท่าเทียมกัน ในความสูงหรือต่ำ พี่จะมีรถ ฉันก็จะมีรถเช่นกัน... แต่ฉันไม่อยากจะเปลือยกายที่จีลินจีง ฉันอาย"

"โง่น่า" โซบีดูถูกน้องสาวตัวเอง "เมื่อเราเป็นดัตช์แล้วเราก็ไม่มีความอาย เราจะต้องมีความกล้าที่จะเปลือย เราจะต้องสามารถเมามายได้ เราต้องสามารถกล่าวหยาบคายกับผู้คน บอกพวกเขาว่า "ช่างหัวแม่ง" และเราก็จะต้องพูดอยู่เสมอด้วยว่า "พวกญี่ปุ่นเป็นเดรัจฉานจริง ชั่วช้าจริงๆ " ตวนของฉันทำทั้งหมดนี้แหละ ทั้งหมดเนี่ยฉันได้เรียนรู้มาและจดจำไว้ ดูเหมือนง่ายมากเลยที่จะเป็นดัตช์ ถ้าบางคนฉลาดพอที่จะสนใจและเลียนแบบเช่นเดียวกับฉัน แค่อาทิตย์เดียวเขาก็เป็นดัตช์ได้แล้ว" โซบีมองน้องสาวที่กำลังหลงมนต์สะกดของคำอธิบายของเขาอยู่เงียบๆ

"แต่ผู้หญิงดัตช์ไม่เหมือนกับผู้ชายดัตช์ ไม่ใช่เหรอ?" อีนะห์ถามจริงจัง

"แน่นอนว่าไม่เหมือนหรอก ผู้หญิงดัตช์เป็นอย่างนี้.." โซบีอธิบาย แล้วทันใดเขาก็หยุดลงและรู้สึกสำนึกเสียใจ

"เออ." เขากระซิบ "เธอยังไม่สามารถขี่รถจักรยานได้ตอนนี้" แต่อย่างน้อยความเพลิดเพลินใจของเขาก็กลับมา

"แต่ตวนปิคตอร์มีรถยนต์ ผู้หญิงดัตช์ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดว่า "ช่างแม่ง" แค่เพียงหมุนหน้าปัดวิทยุ เธอทำได้แล้วนี่ และเธอก็สามารเย็บผ้าได้ และใบหน้าของเธอ....ก็พิเศษอยู่"

แล้วอีนะห์ก็ยิ้มอย่างเป็นสุข เธอได้ยินเสียงระฆังจากสำนักงาน เป็นเวลาปิดทำการแล้ว โซบีผุดลุกขึ้น ตรงทางออกเข้าก็หยุด มองมาที่น้องสาว แล้วสั่งว่า "ระวังคำพูดเวลาที่เธอพูดกับตวน..."

"ค่ะ"

อีนะห์เช่นกัน ผุดลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง เธอถอดกระจกแตกออกมาและกลับไปศึกษาใบหน้าของเธอเอง "เธอน่ารักจริงๆ" เธอกระซิบ แล้วเธอก็เอาแก้มไปชิดกับกระจก มองตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เธอกล่าวว่า "อีกประเดี๊ยวเดียว เธอก็จะเป็นดัตช์ ฉันไม่ใช่คนปัตตาเวียดั้งเดิม [Orang Betawi] แล้วเหรอ? ฉันไม่ใช่คนอินโดนีเซีย แม่พูดอย่างงั้น เธอเคยบอกในยุคพวกญี่ปุ่นด้วยว่า โซบีและฉันนั้นอย่างน้อยก็มีเกียรติพอๆ กับพวกญี่ปุ่น อืม..จะดีขนาดไหนหนอที่ได้เป็นชาวดัตช์?"

แล้วทันใดหน้าเธอก็ย่นหน้าเข้า เธอถอนใจ "ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกดัตช์ทุกวันนี้ทุกคนถึงได้จนกันนัก" และทันใดรอยย่นก็หายไป เสียงเธอสดใสขึ้นและกล่าวว่า "โซบีรู้ดีกว่าฉัน ไม่มีชาวดัตช์ที่ยากจน ถ้ามีชาวดัตช์ที่ยากจน ก็เพราะว่าเขามาผสมปะปนอยู่กับพวกอินโดนีเซียมากไป" แล้วเธอก็มีความสุขอีกครั้งหนึ่ง

เธอเอากระจกกลับเข้าไปไว้ที่ผนังเหมือนเดิม เธอยืนขึ้นและมองไปที่ห้อง ยังคงอีกตั้งสี่ชั่วโมง เดี๋ยวฉันค่อยทำความสะอาด

"นี่บ้านของสีนี (Sini) ใช่ไหม?"

อีนะห์กระโดดพุ่งไปยังประตู หน้าเธอซีดเผือก ชัยชนะอยู่เบื้องหน้าตัวเธอ เธอตอบตัวสั่นเทา "ใช่ค่ะ ตวน"
และเขาก็เข้ามาและนั่งลงที่เตียง อีนะห์รู้สึกสับสน ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาคือนั่งลงกับพื้นและก้มศีรษะลง

"เธอเป็นน้องสาวของเขาใช่ไหม?" ตวนผิวขาวถาม เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อจากหน้าผาก

"ใช่ค่ะ ตวน" แล้วอีนะห์ก็สั่นยิ่งขึ้นไปอีก

"ไม่ต้องนั่งที่พื้นหรอก นั่งตรงนี้ใกล้กับฉัน" แต่อีนะห์ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะขยับเขยือนเคลื่อนไหว ตวนก็เข้ามาใกล้ เขาอุ้มเธอขึ้นมาอย่างนุ่มนวล และก็นำเธอมาวางบนเตียง และอีนะห์ก็มิได้ขัดขืนต้านทาน...
แล้วต่อมา....

อันที่จริงแล้ว มีความลับระหว่างชายกับหญิงที่มันมิได้เป็นความลับ เป็นไปได้ที่ความทะนงและศักดิ์ศรีของผู้หญิงจะบินจากไป แล้วเธอก็จะยอมมอบตนเองให้กับชายคนหนึ่งอย่างที่ยังคงมีสติดีอยู่ และนี่ก็จะเกิดขึ้นในทุกๆ โลกและทุกศตวรรษ ในทุกชนชาติและสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ ชีวิตช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้ ง่ายดายดังเช่น เมื่อคนหิว พวกเขาก็จะกิน พวกเขาพึงพอใจ และพวกเขาก็จะขี้ออกมา ระหว่างความหิวกับการขี้นั้นเป็นที่ที่ชีวิตของมนุษยชาติตั้งอยู่ ชีวิตในแบบอื่นนั้นมาหลังจากนี้ มันดำเนินเรื่อยไปไม่มีหยุดจนกระทั่งโลกดับสลาย และไม่มีใครเลยที่จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ถ้าใครรู้สึกเบื่อละก็ เขาก็จะฆ่าตัวตายเสีย

คุกภูเขาหนาม (Bukitduri Prison), 1948





สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4 I สารบัญเนื้อหา 5
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม



มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด กว่า 950 เรื่อง หนากว่า 15000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com


สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 



110749
release date
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนรวบรวมบทความทุกสาขาวิชาความรู้ เพื่อเป็นฐานทรัพยากรทางความคิดในการส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้มแข็ง เพื่อพัฒนาไปสู่สังคมที่ยั่งยืน มั่นคง และเป็นธรรม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้ผลิตแผ่นซีดี-รอม เพื่อการค้นคว้าที่ประหยัดให้กับผู้สนใจทุกท่านนำไปใช้เพื่อการศึกษา ทบทวน และอ้างอิง สนใจดูรายละเอียดท้ายสุดของบทความนี้




นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน สามารถ
คลิกอ่านบทความก่อนหน้านี้ได้ที่ภาพ
หากสนใจดูรายชื่อบทความ ๒๐๐ เรื่อง
ที่ผ่านมากรุณาคลิกที่แถบสีน้ำเงิน
A collection of selected literary passages from the Midnightuniv' s article. (all right copyleft by author)
Quotation : - Histories make men wise; poet witty; the mathematics subtile; natural philosophy deep; moral grave; logic and rhetoric able to contend.... There is no stond or impediment in the wit, but may be wrought out by fit studies: like as diseases of the body may have appropriate exercise. Bacon, of studies
ประวัติศาสตร์ทำให้เราฉลาด; บทกวีทำให้เรามีไหวพริบ; คณิตศาสตร์ทำให้เราละเอียด; ปรัชญาธรรมชาติทำให้เราลึกซึ้ง; ศีลธรรมทำให้เราเคร่งขรึม; ตรรกะและวาทศิลป์ทำให้เราถกเถียงได้… ไม่มีอะไรสามารถต้านทานสติปัญญา แต่จะต้องสร้างขึ้นด้วยการศึกษาที่เหมาะสม เช่นดังโรคต่างๆของร่างกาย ที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง
สารานุกรมมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน จัดทำขึ้นเพื่อการค้นหาความรู้ โดยสามารถสืบค้นได้จากหัวเรื่องที่สนใจ เช่น สนใจเรื่องเกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ ให้คลิกที่อักษร G และหาคำว่า globalization จะพบบทความต่างๆตามหัวเรื่องดังกล่าวจำนวนหนึ่ง
The Midnight University
the alternative higher education
วรรณกรรมของประเทศอินโดนีเซีย
บทความลำดับที่ ๙๖๙ เผยแพร่ครั้งแรกวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙
H
home
back home
R
related

ข้อความบางส่วนจากบทความ
ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใส และเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็รู้สึกพึงพอใจ ไม่มีชาวอินโดนีเซียคนใดที่มีดวงตาเช่นที่เธอมี ด้วยเหตุผลดังนี้ ชาวอินโดนีเซียจึงไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งคนเช่นเธอ ไม่ว่าใครก็ตาม [karena itu orang Indonesia tak berhak memerintah matanja] และเธอก็มีจมูกโด่งด้วยเช่นกัน เธอช่างน่ารักจริงๆ และสำหรับเธอแล้ว ความน่ารักเป็นทุนของผู้หญิง เธอไม่เคยรู้จักคณิตศาสตร์ แต่เธอสามารถที่จะประมาณค่าความน่ารักของเธอได้ และทุนนี้เธอสามารถที่จะใช้มันเพื่อกำหนดอนาคตของตนเองได้ เธอมีแผน เพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่รัสเซียเท่านั้นที่จะมีแผนการณ์ห้าปี อีนะห์ก็มีอยู่อันหนึ่งเช่นกัน ยุทธวิธีของดอลลี่ ของแม่เธอ กำลังสุกงอมอยู่ในหัวใจของเธอ

เมื่อเธอได้เป็นสาวใช้ แต่ตวนของเธอ แม้ว่าเขาจะมีผิวขาวแต่ก็ยากจนเช่นเดียวกันกับเธอเอง ดังนั้นเธอจึงจากมา ตวนของเธอให้สัญญากับเธอมากมายซึ่งสร้างความหวังขึ้นมา แต่เธอก็ฉลาดอยู่เช่นกัน เธอจะไม่แลกความน่ารักของเธอกับคำสัญญาหรอก

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเพียงชั่วแล่น คนขาวมิได้น่าพึงใจในสายตาของเธออีกแล้ว และฉับพลันทันใด เธอสามารถได้กลิ่นเหม็นของพวกเขาในระยะหนึ่งหลา ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยให้ความสนใจต่อกลิ่นเหม็นของพวกคนขาวเลย แม้กระทั่งจะอยู่ใกล้แค่เศษหนึ่งส่วนสิบนิ้ว และกลิ่นมันก็ช่างเหม็นเสียกระไร! เพราะว่าตอนนี้เป็นญี่ปุ่นที่มีรสชาติอร่อยลิ้น จะมีความสุขขนาดไหนหนาถ้าเธอสามารถมีเด็กที่มีตาเฉียงๆ และทำไมจะไม่ได้ละ? พ่อสิบหกคนของลูกคนที่สองของเธอนั้นทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่สิบเซนต์ที่จะซื้อบุหรี่มาสูบด้วยซ้ำ

the midnightuniv website 2006