ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน (ต่อ)

กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืน เราต้องอาศัยจินตนาการ

ในโลกปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่
ทุกอย่างต้องมี เหตุผล ชั่ง ตวง วัด และพิสูจน์ได้ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
เราอยู่ในโลกที่ถูกครอบงำโดยวิทยาศาสตร์

แต่โลกที่แท้จริงนั้นมีอยู่ด้วยกันสามมิติ
ทั้งวิทยาศาสตร ศาสนา และศิลปะ องค์ประกอบเหล่านี้ คือภาวะแห่งความสมบูรณ์
ที่พรั่งพร้อมไปด้วยคุณค่า
ความจริง ความดี และความงาม
อันเป็นองค์รวมแห่งคุณวิทยา

 

 

(รายการโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)

กำเนิดของรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ของ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนนั้น, แรกเริ่มทีเดียว เกิดขึ้นมาจาก การปรารภของอาจารย์สมเกียรติ ต่อการทำงานหนักของ ทพ. อุทัยวรรณ กาญจนกามล ด้วยการออกไปพบปะกับชาวบ้าน ตามชนบท ในทุกๆสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นชาวบ้านให้เชื่อมั่นในอำนาจของประชาชน ในการผลิกผันเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรณรงค์เพื่อฟื้นฟูอำนาจท้องถิ่น (ครท.) โดยการเสนอให้ทำรายการวิทยุเพื่อเผยแพร่สู่ชนบท แทนการออกไปเคลื่อนไหว ให้กับชาวบ้านทีละกลุ่ม 30-40 คน. การมีรายการวิทยุของ ครท.นั้น จะช่วยทำให้การออกภาคสนาม(ซึ่งจำเป็นต้องมี) ลดความถี่ลง และกระจายความคิดไปได้กว้างไกลกว่า

การปรารภเรื่องนี้ ได้พูดคุยกันในระหว่างร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร กับคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่บ้านของอาจารย์วัลลภ แม่นยำ, ซึ่งมีอาจารย์นิธิอยู่ด้วย. อาจารย์นิธิจึงเสนอให้ทำเป็นรายการโทรทัศน์ท้องถิ่น ขึ้นเพื่อสนองแนวทางอันนี้ แต่เวลานั้น ไม่มีใครกล้ารับปากว่าจะทำ เพราะทุกคนไม่เคยทำสื่อโทรทัศน์มาก่อน แม้แต่หมออุทัยวรรณเอง เท่าที่จำได้ก็แบ่งรับแบ่งสู้. ดังนั้น อาจารย์นิธิจึงเสนอให้อาจารย์สมเกียรติ รับงานนี้ไปทำ โดยที่อาจารยนิธิเองจะติดต่อคุณหญิงสุพรัตรา มาศดิสให้
(ซึ่งดูแลกรมประชาสัมพันธ์อยู่)

ในเวลานั้น ได้ตกลงกันว่า จะทำออกมาในรูปรายการเชิงสารคดี, ปัญหาต่อมาก็คือ ใครจะเป็นคนเขียนสคริปท์ และเรื่องแรกที่จะทำ คิดกันว่าจะทำเรื่อง"ปัญหาขยะของคนเชียงใหม่" แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายอาทิตย์ ปัญหาก็เริ่มตามมาอีกเป็นระลอกๆ

ทีทรรศน์ท้องถิ่น

เริ่มต้นจาก การได้รับอนุมัติให้ทำรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นได้ เดือนละ 1 ครั้ง โดยให้ทางสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จ.ลำปาง ร่วมกับมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจัดทำรายการนี้เพื่อคนท้องถิ่น. เราจึงไปประชุมกับทางลำปาง และต้องพบกับเงื่อนไขหลายอย่างเกี่ยวกับเวลาการบันทึกเทป และการถ่ายทอดสัญญาน ที่ต้องใช้วิธีก๊อปปี้เทปส่งไปยังศูนย์ข่าวต่างๆของภาคเหนือ ทำให้เกิดความไม่สะดวก

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนจากรายการสารคดีไปเป็นรายการที่ออกมาในรูปของ"การสนทนาทางโทรทัศน์แทน" ซึ่งใช้เวลาสั้นที่สุดในการผลิตเพียงวันเดียว. ส่วนเรื่องการถ่ายทอดสัญญาน ก็ให้ส่งเทปไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรุงเทพฯ เพื่อยิงสัญญานดาวเทียม เพื่อให้มีการถ่ายทอดได้ทั่วทั้งประเทศ. ทั้งหมดเท่าทีเห็นและเป็นมา นับจากเริ่มต้นรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 41 จนถึงทุกวันนี้ จึงเป็นไปอย่างที่เห็น

รายการทีทรรศน์จากจุดเริ่มต้น โดยแนวคิดซึ่งต้องการผลิตสื่อเพื่อให้เข้าถึงคนท้องถิ่น จึงเปลี่ยนไปเป็นการส่งสารจากคนท้องถิ่น ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ปัญหาและมุมมองของชาวบ้าน ซึ่งมีต่อปัญหาของตนเองและปัญหาของประเทศแทน ดังคำชี้แจงที่เป็นทางการต่อไปนี้

แนวคิดรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น
เนื่องมาจากปัญหาและมุมมองต่างๆของคนท้องถิ่นเท่าที่ผ่านมา มักจะถูกละเลยจากสื่อส่วนกลางเสมอ หรือ หากใน บางประเด็นปัญหา และมุมมองของคนท้องถิ่น ที่ได้รับความสนใจโดยทั่วไปจากสื่อส่วนกลางขึ้นมา ก็จะมีการการนำเสนอปัญหาและมุมมองนั้นด้วยเวลาเพียงสั้นๆ และกระทำได้เพียงในระดับผิวเผินเท่านั้น

ดังนั้น เสียงของคนท้องถิ่น แม้จะพูด ก็ไม่มีใครได้ยิน หรือหากได้ยินก็สื่อความเข้าใจไม่ได้ เหตุดังนั้น มุมมองของชาวบ้านต่อปัญหาของตนจึงไม่ได้รับการแก้ไข และกระจายได้กว่างไกล ทำให้ปัญหาต่างๆหมักหมม จมอยู่ในความทุกข์ยาก และข้อคิดเห็นต่างๆก็ไม่ได้ถูกรับฟัง คนท้องถิ่นจึงถูกทิ้งขว้างมาโดยตลอด.

ด้วยเหตุนี้ รายการ "ทีทรรศน์ท้องถิ่น" จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนปากเสียง ของชาวบ้าน ในการสะท้อนปัญหาของตนเอง และกว้างออกไปนำเสนอมุมมองต่างๆของท้องถิ่นต่อปัญหาของสังคมในวงกว้าง ในประเด็นสาธารณะ

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ร่วมกับ สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จังหวัดลำปาง ได้ร่วมมือกันจัดทำรายการ ทีทรรศน์ท้องถิ่นขึ้นมา ซึ่งถือเป็นรายการโทรทัศน์ ์ท้องถิ่นแห่งแรก ที่จัดทำขึ้น โดย คนท้องถิ่นในรูปแบบรายการสนทนา เจาะลึก ถึงปัญหาและมุมมองของ ชาวบ้าน โดยนักวิชาการ และชาวบ้าน เพื่อสะท้อนถึง ท่าทีของคนท้องถิ่นต่อปัญหาต่างๆของสังคม ทั้งนี้โดยเป็นไปตามบทบัญญติแห่ง มาตร 40 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับประชาชน).

รายการทีทรรศน์ท้องถิ่น จะการถ่ายทอดรายการในทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เวลา 12.05-13.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เป็นประจำ เพื่อให้ผู้สนใจในเสียงของคนท้องถิ่นได้รับชมกัน

หลังจากการดำเนินการมาถึงขั้นที่สามารถจะผลิตรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นได้แล้ว อาจารย์นิธิ ได้คิดคำขึ้นต้นรายการให้ว่า "ท้องถิ่นมอง ท้องถิ่นคิด ท้องถิ่นพูด แต่ท้องถิ่นไม่มีเสียง". ซึ่งคำขึ้นต้นนี้ได้นำมาใส่ที่ต้นรายการในทุกๆตอน.

นอกจากนี้บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ อาจารย์รับเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ด้วยการช่วยคิดหัวเรื่อง ตั้งประเด็นคำถาม และเสนอความคิดอยู่ตลอดเวลา ทำให้รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นออกมาในมุมมองที่แตกต่าง และสะท้อนถึงปัญหาของคนท้องถิ่นได้อย่างถึงแก่น รวมไปจนกระทั่งถึงช่วยเชิญวิทยากร และบอกคนใกล้ชิดให้มาร่วมกันสนับสนุนรายการในรูปต่างๆ

การทำงานของทีมงานทีทรรศน์ท้องถิ่นเท่าที่ผ่านมา ปัญหาสำคัญอยู่ที่ การติดต่อคน การหาทุนสนับสนุนเท่าที่จำเป็น และการประสานงานกับฝ่ายผลิต ทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันมาทำด้วยความเสียสละ แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคนานัปการ เช่น วิทยากรปฏิเสธ หรือได้บอกเลิกกระทันหัน บางครั้งก็ติดตันกับระบบราชการ ปัญหาความน้อยใจ เรียกได้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นสารพัด. อาจารย์นิธิก็ได้ช่วยเข้ามาประสาน ไกล่เกลี่ย และทำให้รายการทีทรรศน์ฯเป็นไปได้ด้วยความเอาใจใส่อย่างจริงจัง และเสียสละเวลาส่วนตัวให้ทีมงานได้เข้าพบได้เสมอ

บางครั้ง หากวิทยากรขาดกระทันหัน อาจารย์ก็เสียสละมาเป็นวิทยากรแทน เพื่อให้รายการดำเนินต่อไปได้ ทั้งๆที่อาจารย์เป็นคนที่ปฏิเสธสื่อประเภทนี้มาโดยตลอด อาจารย์เคยบอกกับทีมงานว่า "ผมเป็นนักเขียน ไม่ใช่นักพูด สิ่งที่ผมเสนอผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ก็เป็นการเพียงพอแล้ว" ดังนั้น จึงไม่ใคร่มีใครเห็นอาจารย์นิธิออกทีวีบ่อยนัก.

มีคราวหนึ่ง อาจารย์ชัชวาลได้เชิญอาจารย์ไปออกรายการโทรทัศน์ที่ช่อง 9 อสมท. ในรายการครบรอบ 30 ปี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยร่วมสนทนาแสดงความคิดเห็นกับ คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ อาจารย์สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ โดยมีอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นพิธีกรในรายการ"ขอคิดด้วยคน" ตอน "คนไทยในยุคข่าวสารข้อมูล". ซึ่งรายการดังกล่าวต้องมีการแต่งหน้าก่อนออกทีวี. อาจารย์ชัชวาลถึงกับเจ็บปวดปนความรู้สึกซาบซึ้งอย่างลึกล้ำ ที่ทำให้อาจารย์ต้องมาทนนั่งให้ช่างแต่งหน้า. หลังจากอาจารย์กลับมาเชียงใหม่ อาจารย์ชัชวาลจึงได้นำพาน ดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาอาจารย์

midnight's television
หากมีปัญหา ภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลดขนาดของ font ลงมา จะทำให้ทุกอย่างอยู่ในองค์ประกอบเหมาะสม
back to beginning
midnight's index
midnight's home

ย้อนกลับมายังรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น เท่าที่ผ่านมาเป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้วนั้น มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้ร่วมผลิตรายการทีทรรศน์ฯ ออกมาแล้วในตอนต่างๆดังนี้

3.1 อำนาจสื่อท้องถิ่น (วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2541) เริ่มต้นออกอากาศเป็นครั้งแรก
เนื้อหารายการ เป็นเรื่องการพูดถึงสื่อส่วนกลางที่ ไมค่อยได้ให้ความสนใจกับปัญหาของท้องถิ่น ดังนั้น ท้องถิ่นจึง ควรมีการ พัฒนาสื่อของตนเองขึ้นมาตามแนวนอน โดยอิงอาศัยขนบประเพณีในการสื่อสาร ที่มีมาแต่เดิม เช่น การใช้ ้ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านในการสื่อ, หรือการทำสื่อของตนเองขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ (เช่น หอกระจายข่าว วิดีโอ รายการวิทยุ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ ฯลฯ) นอกจากนี้รัฐควรเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นได้เข้าถึงสื่อที่มีประสิทธิภาพด้วย ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

วิทยากรในรายการ / นิธิ เอียวศีรวงศ์ / สุรพล ตันสุวรรณ / ชัชวาล ทองดีเลิศ /อ.ไพสิฐ พาณิชยกุล / สมเกียรติ ตั้งนโม (พิธีกร)

3.2 โรงเรียนตายแล้ว (วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2541)
เนื้อหารายการ พูดถึงโรงเรียนว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรในประเทศไทย และความล้มเหลวของโรงเรียน ที่ตั้งหน้า ตั้งตามุ่งส่งเสริมให้นักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัย, รวมไปถึงสิ่งที่โรงเรียนกระทำอยู่ในปัจจุบัน และปัญหาเรื่องเด็กที่เบื่อโรงเรียน และคนที่ไม่เคยไปโรงเรียน อย่าง พ่อหลวงจอนิ โอโดเชาว่า มีวิธีการแสวงหาความรู้จนเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร ? รวมไป ถึงทางออกของระบบโรงเรียนในรูปต่างๆ อย่างเช่น home school เป็นต้น

วิทยากรในรายการ (แบ่งออกเป็น 2 ช่วง)
ช่วงแรก. เป็นการแสดงทัศนะโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 คน, และ อ.ชัชวาล ปุญปัน คณะวิทยาศาสตร์ มช., อ.สมโชติ อ๋องสกุล คณะศึกษาศาสตร์ มช.
ช่วงที่สอง. ประกอบด้วยวิทยากร 4 คน / พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา /สมพร พึ่งอุดม(ครูส้ม) /อ.สุชาดา จักรพิสุทธิ์ /ครูไพรัช ใหม่ชมพู / สมเกียรติ ตั้งนโม(พิธีกร)

3.3 ทุนบ้านนอก (วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2541)
เนื้อหารายการ เสนอความหมายของคำว่า"ทุน"โดยนิยามความหมายแบบของนักเศรษฐศาสตร์ นั้นที่จริงแล้วมันคับแคบเกินไป และเราสามารถขยายให้มันกว้างออกไปได้ จนกระทั่งไปครอบคลุมมิติต่างๆของสังคม เช่นทุนทางสังคม ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางปรัชญา ศาสนา และทุนทางความรู้ภูมิปัญญาไทย ฯลฯ
รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นตอนนี้ จึงเสนอมิติมุมมองต่างๆเกี่ยวกับทุนที่มีอยู่ในสังคมไทย ช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจตกต่ำ มีการจำแนกให้เห็นทุนบ้านนอกในแง่ต่างๆโดยชาวบ้าน นักพัฒนาเอกชน พระภิกษุ และนักวิชาการ

วิทยากรในรายการ (แบ่งออกเป็น 2 ช่วง)
ช่วงแรก. สะท้อนให้เห็นทุนต่างๆ โดยชาวบ้าน และนักพัฒนาเอกชน อาทิ ตัวแทนกลุ่มฮักเมืองน่าน /คุณแสงวรรณ, ชาวบ้าน อ.แม่ทา จ.เชียงใหม่/ และตัวแทนจาก NGOs / พระภิกษุจากวัดอุโมงค์ ๒ รูป / อ. สมปอง เพ็งจันทร์
ช่วงที่สอง. อ. ฉลาดชาย รมิตานนท์ / สรุปและร้อยประเด็นทั้งหมด โดย อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์

3.4 ความตายในภูมิปัญญาล้านนา (วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2542)
เนื้อหารายการ กล่าวถึงความตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่พยายามหลีกหนี. ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความตายนี้ ส่วนใหญ่แล้ว มีทั้งเกิดขึ้นมาจากแนวคิดสุขนิยม และได้รับการปลูกฝังขึ้นมาจากความก้าวหน้าในทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่พยายามเหนี่ยวรั้งชีวิตของเราเอาไว้ ทั้งเพื่อเสพวัตถุหรือบริโภคความสุขต่อไปได้นานๆ และ ด้วยความมั่นใจในความมหัศจรรย์ทางการแพทย์สมัยใหม่, จนกระทั่งบางครั้งเกินความพอดีของธรรมชาติ. ด้วยเหตุนั้น ทัศนคติที่มีต่อความตายของผู้คนจึงเป็นไปในแง่ลบ.

ในเวลาเดียวกัน ศาสตร์และภูมิปัญญาของ คนเอเชีย ในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นศาสนา หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นล้านนา กลับมองความตายอย่างเข้าใจ และอาจหาญ พร้อมที่จะเผชิญ หน้ากับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างมีเกียรติ สิ่งต่างๆเหล่านี้ดำรงอยู่ในรูปของขนบประเพณี และท่าทีที่มีต่อเรื่องดังกล่าวอย่างองอาจและยอมรับ รวมถึงระบบการจัดการ เกี่ยวกับเหตุการณ์เช่นนี้ของชีวิตได้ อย่างสง่างาม

วิทยากรในรายการ พ่อหมอบุญชู จันทรบุตร / ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ / คุณโปร่งนภา อัครชิโนเรศ / ศ.นพ.เฉลียว ปิยะชน / คุณสนั่น ธรรมธิ / ดร.ชยันต์ วรรธนะภูต สรุป

3.5 ผู้หญิงล้านนาในสื่อ (วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2542)
เนื้อหารายการ ทัศนะโดยทั่วไปของชายไทยที่มีต่อสาวชาวเหนือนั้น มักเป็นไปด้วยท่าทีของความต้องการ ในเชิงบริโภค นับตั้งแต่ การมาเกี้ยวสาว การได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยความอ่อนหวานแบบที่คาดหวัง จนกระทั่ง ถึงการอยากใช้บริการทางเพศกับสาวเหนือ. ท่าทีหรือทัศนคติเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นมากนักกับสาวภาคอื่นๆ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดท่าทีหรือทัศนคติเหล่านี้ขึ้นมา และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาวชาวเหนือนั้นควรจะ เป็นเช่นไร ? สื่อมีอิทธิพลต่อการสร้างทัศนคติเช่นว่านี้ด้วยหรือไม่ ? และสื่อมวลชนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ผู้หญิงล้านนาอย่างไร ? เหล่านี้ คือคำถามที่สามารถแสวงหาคำตอบได้ในรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ตอน"ผู้หญิงล้านนาในสื่อ"

วิทยากรในรายการ อ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ / อ.นงเยาว์ เนาวรัตน์ / แม่ทองดี / ตัวแทนผู้หญิงจาก เอ็มเพาเวอร์ /อ.วารุณี ภูริสินสิทธิ์ (พิธีกร)

3.6 คนชายขอบ (วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2542)
เนื้อหารายการ นิยามของคนชายขอบ หมายถึงบุคคลที่เข้าไม่ถึงทรัพยากร การบริการ และอำนาจการต่อรองต่างๆ ด้วยเหตุผลหลายๆประการที่ไม่เป็นธรรม อาทิเช่น เรื่องเชื้อชาติ ความเป็นชนกลุ่มน้อย หรือแม้กระทั่งผู้ด้อยโอกาส และบุคคคลในบางอาชีพ รวมกระทั่งบุคคลที่ขาดการศึกษา ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ สังคมมองไม่เห็นและไม่เคยได้รับรู้ผ่านสื่อ ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม แม้ว่าจะเสียภาษีทางอ้อมเช่นเดียวกัน กับคนกลุ่มอื่นก็ตาม บางครั้งพวกเขายังถูกแย่งชิงทรพัยากรที่จำเป็นต่อชีวิตไปด้วย โดยไม่สามารถที่จะต่อสู้กับอำนาจอันไม่เป็นธรรมนั้นได้ ดังนั้นรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นตัวแทนของคนท้องถิ่นจึงหยิบเอาประเด็นปัญหาเหล่านี้มานำเสนอสู่สายตาของสังคม

วิทยากรในรายการ ดร. อานันท์ กาญจนพันธ์ / คุณพรรณงาม สมณา / หมอโกมาตร์ จึงเสถียรทรัพย์ / คุณสมชัย ศิริชัย / คุณสวิง ตันอุด / ดร.ประมวล เพ็งจันท์(พิธีกร)

3.7 วิทยาศาสตร์บ้านนอก (วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2542)
เนื้อหารายการ วิทยาศาสตร์บ้านนอก เป็นระบบความคิดที่สัมพันธ์กับชีวิตและธรรมชาติ เชื่อมโยงมิติต่างๆอย่างหลากหลาย โดยที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่แบบแบ่งซอยแยกส่วน เน้นความชำนาญพิเศษเฉพาะด้าน ได้ประสบกับความล้มเหลวมาโดยตลอด.

วิทยาศาสตร์บ้านนอก ถูกทำให้ไร้คุณค่าทางเศรษฐกิจ เพราะมิใช่วิทยาศาสตร์เพื่อทำเงิน วิทยาศาสตร์บ้านนอกไม่ผูกขาดและเบียดเบียน มีคุณค่าของชีวิตและกลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในศตวรรษหน้า สังคมไทยควรมีทางเลือกกับตัวเองหรือไม่ "วิทยาศาสตร์บ้านนอก" พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองเสมอ ถ้าสังคมให้โอกาส

ศาสตร์ที่ควรพ้นสมัยหมดจากความสนใจของมนุษย์ ย่อมจะได้แก่ศาสตร์ที่เกิดจากความคิดเบียดเบียน แข่งขัน แย่งชิง เอาเปรียบมนุษย์และธรรมชาติ. โลกได้ใช้กรอบความคิดแบบวิทยาศาสตร์ตะวันตกมาเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ ซึ่งเพียงพอที่จะตระหนักว่า มนุษย์ชาติควรมีทางเลือกใหม่ เพื่อให้ศาสตร์ทำหน้าที่รับใช้มนุษย์ นำพามนุษย์ไปสู่ความดีงาม มิใช่ตกเป็นทาสรับใช้ศาสตร์โดยไม่คำนึงว่า สิ่งทั้งหลายจะเป็นอยู่อย่างไร ?

"วิทยาศาสตร์บ้านนอก"เป็นทางเลือกที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่จุดหมายนั้นได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องแสวงหาทางออกต่อไป.

วิทยากรในรายการ อ.ชัชวาล ปุญปัน /อ.พานี ศิริสะอาด /คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว /สนั่น ธรรมธิ / ทพ. อุทัยวรรณ กาญจนกามล (พิธิกร)

3.8 ผี (วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2542)
เนื้อหารายการ "ผี" เป็นคำที่มักจะสะกดคนให้เกิดความกลัว และพยายามที่จะหลีกหนี เป็นเพราะผีในความเข้าใจของคนสมัยใหม่ คือผีที่เที่ยวมาหลอกมาหลอน หรือคอยมาทำร้ายผู้คนที่ไม่เคารพยำเกรง เป็นผีที่ผู้คนชอบที่จะผลักไสออกไปให้พ้นตัว ส่วนบางคนที่ได้รับประโยชน์จาก"ผี"ชนิดนี้ ก็มักจะใช้เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว เพื่อให้คุ้มครองตัวเองบ้าง หรือช่วยดลบันดาลใน ลาภ ยศ บ้าง

สำหรับ"ผี"ที่รายการตอนนี้ที่มุ่งนำเสนอ เป็น"ผี"ในความหมายสำหรับชุมชน เป็นเสมือนศาสนา และหลักจริยธรรมของสังคม เป็นครรลองแห่งการเคารพนับถือ และสนองประโยชน์ชุมชน ผีในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่เป็นของปัจเจกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นของสังคมร่วมกันซึ่งยึดถือ และให้ความเคารพ

ปัจจุบัน เพราะเหตุใด"ผี"ในความหมายอย่างหลังจึงเกือบจะไม่เป็นที่เข้าใจกันอีกแล้ว และทำไมเราต้องมาทำความเข้าใจกับคำๆนี้กันอีกครั้ง

วิทยากรในรายการ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ / รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม / อ.เรณู วิชาศิลป์ / แม่จันทร์สม สายธารา / อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล (พิธีกร)

3.9 การศึกษาทางเลือก (วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2542)
เนื้อหารายการ ระบบโรงเรียนในปัจจุบันเริ่มหมดความสำคัญในบทบาทหน้าที่ของการให้ความรู้ลงไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ ประกอบกับ ความรู้สึกที่เริ่มไม่พอใจต่อระบบการศึกษาที่จัดการในทุกวันนี้ตามนโยบายของรัฐ ซึ่งมุ่งผลิตผู้มีการศึกษาไปรับใช้กิจกรรมในบางภาคของสังคมเพียงเท่านั้น. นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มตื่นตัวกับการศึกษาที่มิได้ตอบสนองสังคมดังกล่าว จึงก่อให้เกิดโรงเรียนทางเลือกในหลายๆรูปแบบขึ้นมา อาทิ home school, โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก, หรือโรงเรียนพุทธเกษตร เป็นต้น.

รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนก็ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาเช่นกัน การศึกษาทางเลือกในหลายๆรูปแบบเหล่านี้จึงถูกเสนอและเปิดกว้างออกมาสู่สังคมไทย การศึกษาในระบบหรือการศึกษาที่เป็นทางการในปัจจุบัน เน้นให้คนที่จบการศึกษาแล้วมุ่งไปรับใช้เอกชน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยไม่มองการศึกษาในมิติอื่นๆนอกจากเพื่อการประกอบอาชีพเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ บุคคลซึ่งจบการศึกษาจึงวัดความสำเร็จของระบบด้วยการมีงานทำ มากกว่าที่จะมีความรู้ จะด้วยความตั้งใจอย่างจริงใจหรืออย่างไม่รู้ตัวก็ตาม การศึกษาในระบบได้ทำให้คนในชนชั้นต่างๆ ปรับตัวมาเป็นชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของสังคมอยู่ตลอดมา จากการปรับไปสู่ฐานะของการเป็นชนชั้นกลางดังกล่าว ทำให้มองปัญหาของสังคมไม่รอบด้าน คำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเอง และมุ่งผลิตสิ่งอุปโภคและบริโภครับใช้กลุ่มของตน

และสิ่งที่การศึกษาในระบบกระทำสำเร็จอันเป็นผลผลิตในเชิงวัตถุก็คือ ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่รับใช้ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนอวัยวะ การพัฒนาสื่อที่กว้างไกล เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ท หรือศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ที่เป็นเรื่องของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงอยู่ตลอดเวลา

กล่าวโดยสรุป การศึกษาในระบบเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยของประเทศ โดยละเลยปัญหาของคนส่วนใหญ่ หรือปัญหาของคนจน หรือคนท้องถิ่นที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาจากระบบการศึกษานี้ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างที่ชัดเจนซึ่งเป็นรูปธรรมก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นไปในด้านงานอาชีพ การเดินทาง หรือความบันเทิงของชนชั้นล่าง ล้วนผลิตขึ้นมาภายนอกรั้วมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาเกือบทั้งหมด โดยนักประดิษฐ์ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาที่เป็นทางการ เช่น ควายเหล็ก รถอีแต๊น เรือหางยาว รถตุ๊กๆ รถเก็บขยะเล็กๆตามซอย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อบุคคลที่มีรายได้น้อยเป็นจำนวนมาก

จากความล้มเหลวข้างต้นซึ่งได้เสนอภาพออกมาในบ้างด้านนี้ ทีทรรศน์ท้องถิ่นจึงต้องการที่จะนำเสนอการศึกษาที่เป็นทางเลือกอื่นๆ อันเป็นไปเพื่อคนส่วนใหญ่หรือคนจนของประเทศ และมิติอันหลากหลายในความหมายของการศึกษาที่กว้างขวาง และได้มีการศึกษากันอยู่จริงในสังคมไทย

วิทยากรในรายการ อ.พิภพ ธงไชย /นพ. พร พันธุ์โอสถ /อ้ายพัฒน์ ตัวแทนชาวบ้าน อ.แม่ทา จ.เชียงใหม่ /ภาสกร กันเดช / อุทิศ อติมานะ / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ : (พิธีกร)

3.10 ธุรกิจข้างถนน (วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม 2543)
เนื้อหารายการ ธุรกิจข้างถนน เป็นภาคการผลิตและบริการที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งได้หล่อเลี้ยงคนจนของประเทศเป็นจำนวนมากมาโดยตลอด แม้ว่าธุรกิจข้างถนนจะช่วยบรรเทาปัญหาชีวิต ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่ได้เป็นอันมาก แต่กลับไม่ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานของรัฐเสมอมา ซ้ำร้ายยังถูกรังแกและถูกตั้งขอรังเกียจมาโดยตลอด

นอกจากนี้ชนชั้นกลางในเมือง ยังรู้สึกว่าคนพวกนี้ได้สร้างปัญหาในเรื่องการใช้ที่สาธารณะ การทำให้บ้านเมืองสกปรก และการทำลายสุนทรียภาพของเมือง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใคร่ครวญปัญหาของผู้ประกอบการธุรกิจคนเล็กคนน้อยพวกนี้ของสังคมกันอย่างจริงจัง เพื่อตรวจตราดูถึงมิติต่างๆของวิถีความเป็นอยู่ของคนจนบนถนนว่า พวกเขาเป็นอยู่กันอย่างไร และพวกเขาเสียเปรียบคนอื่นอย่างไร ?

นักธุรกิจข้างถนน ในฐานะที่เป็นผู้จ่ายภาษีทางอ้อมเวลาที่ซื้อสบู่ ยาสีฟัน และอื่นๆ เหมือนและเท่ากันกับเศรษฐีของประเทศไทยทุกๆคน รัฐได้ตอบแทนการชำระภาษีของพวกเขาไปในการพัฒนา และอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกับคนกลุ่มอื่นของสังคมหรือไม่ อย่างไร ?

ด้วยนโยบายของรัฐเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจในแบบทุนนิยมตะวันตก ซึ่งผิดไปจากมาตรฐาน จึงทำให้สังคมไม่อาจที่จะดูดซับแรงงาน เหล่านี้เข้าไปในระบบเศรษฐกิจได้ทั้งหมด ดังนั้น ธุรกิจข้างถนนจึงเป็นสิ่งตกค้างทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนาฯในสังคมของเรา กลายเป็นวิถีชีวิตของคนจนเมือง จนกระทั่งทุกวันนี้ หากจะโทษพวกเขาที่อยู่ริมถนนกันแล้ว ขอให้เรามองย้อนกลับไปยังแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้แย่งชิงทรัพยากรไปจากพวกเขามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เสียเปรียบมาตั้งแต่อยู่ในแผ่นกระดาษ. และเรายังจะปล้นศักดิ์ศรีของความเป็นคนอันเป็นสิ่งสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปจากเขาอีกหรือ ?

วิทยากรในรายการ ศ.อคิน รพีพัฒน์ / รศ. เบญจา จิรภัทรพิมล / อ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ / คุณจำนงค์ จิตรนิรัตน์. / ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร) (หมายเหตุ : เนื่องจากรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นตอนนี้ มีการดูดเสียงคำที่ทางช่อง 11 คิดว่าไม่สุภาพ โดยไม่มีการปรึกษากับทีมงานผู้ผลิตร่วม คือ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กับ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จ.ลำปาง จึงได้มีการทำจดหมายถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ดังนี้ :)

รายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ทีมงานมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน(คณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ร่วมกับ สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 3 จ.ลำปาง
ตู้ ปณฝ. 254 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 50200
๗ กรกฎาคม ๒๕๔๒

เรื่องขอความร่วมมือในการออกอากาศรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น
เรียน อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

เนื่องจากรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นตอน"ธุรกิจข้างถนน"ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ที่ผ่านมา ได้มีการดูดเสียงของแม่ค้าข้าง ถนนในขณะให้สัมภาษณ์แกพิธีกร เมื่อกล่าวถ้อยคำว่า"หนูอยากจะด่าพวกที่มีความรู้สูง"ออกไป

ทีมงานผู้จัดรายการได้พิจารณาก่อนแล้วว่า ถ้อยคำดังกล่าว มีลักษณะรุนแรงเกินไปหรือไม่ แต่ก็เห็นว่าเมื่อนำถ้อยคำนี้รวมอยู่ในคำสัมภาษณ์ทั้งหมด ก็เข้าใจได้ว่าไม่ใช่คำ"ด่า" หากเป็นการแสดงความรู้สึกนึกคิดที่อัดอั้นอยู่ในใจของผู้กล่าว อันเป็นสารที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งรายการต้องการสะท้อนให้คนอื่นในสังคม ได้มองจากมุมมองผู้ทำธุรกิจข้างถนนบ้าง อันเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีโอกาสมีปากมีเสียงในสังคม

ในขณะเดียวกัน ทีมงานผู้จัดทำรายการ ก็พิจารณาด้วยว่า การปล่อยถ้อยคำนี้ออกไปจะเป็นธรรมแก่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ซึ่งเป็นผู้จัดระเบียบทางเท้าหรือไม่ ทีมงานฯ ได้พิจารณาจาก คำสัมภาษณ์ทั้งหมดและเนื้อหาของรายการแล้วเห็นว่า ประเด็นสำคัญที่รายการนำเสนอ ไม่ได้มุ่งจะโจมตีเจ้าหน้าที่เทศบาลหรือหน่วยงานอื่นใดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน

รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นตอน"ธุรกิจข้างถนน" เสนอมุมมองให้สังคม ร่วมกันคิดว่า นโยบายจัดระเบียบทางเท้าด้วยการกีดกันไม่ให้คนจนๆได้ใช้พื้นที่นั้นทำกินโดยสุจริตอย่างเด็ดขาดนั้น ไม่ก่อประโยชน์ ให้แก่ใครจริง นอกจากทำให้ต้นทุนธุรกิจข้างถนนต้องสูงขึ้นซึ่งไม่เป็นผลดีแก่ใครเลย รวมทั้งไม่เป็นผลดีแก่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ด้วย ผู้จัดทำรายการจึงใคร่เรียนให้ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบรายการของช่อง ๑๑ ใช้วิจารณญานในการตรวจสอบอย่างกว้างขวาง กว่าการพิจารณาเฉพาะถ้อยคำเป็นตอนๆ แต่ควรพิจารณาถ้อยคำที่มีปัญหานั้นร่วมกับความทั้งหมดทั้งของบทสัมภาษณ์และของรายการทั้งรายการ ธรรมชาติของผู้ให้สัมภาษณ์สดนั้นยากที่จะเรียบเรียงถ้อยคำให้สละสลวย แต่มักจะสื่อความที่ต้องการผ่านสีหน้า, แววตา, และถ้อยคำที่อยู่ลึกๆ ในจิตใจของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และนี่คือเสน่ห์ของโทรทัศน์ซึ่งสามารถสื่อสารในสิ่งที่สื่อประเภทอื่นไม่อาจสื่อได้

การเซนเซอร์โดยขาดหลักการเหล่านี้ทำลายพลังของสื่อโทรทัศน์ลงไปโดยไม่จำเป็น ฉะนั้น หากจะมีการตัดทอนส่วนใดของรายการเช่นนี้อีก ทีมผู้จัดฯ ประสงค์ให้ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้ติดต่อกับทางช่อง ๑๑ ลำปาง เพื่อให้ทางทีมผู้จัดได้มีโอกาสชี้แจง ทีมผู้จัดฯ หวังว่า การจัดทำ รายการ"ทีทรรศน์ท้องถิ่น"เป็นความร่วมมือระหว่างกัน โดยมุ่งประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก จึงสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ เพราะไม่ใช่การเสนองานให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบฝ่ายเดียว

นอกจากนี้ ยังมีอีก ๒ ปัญหาที่ทางทีมผู้จัดฯ ใคร่ขอความร่วมมือกับช่อง ๑๑ กรมประชาสัมพันธ์

๑) ในการออกอากาศเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม นี้นั้น ทางสถานีได้ตัดเครดิตท้ายรายการออกไปทั้งหมด อันประกอบด้วย สถานที่ติดต่อกับผู้จัดทำรายการฯ ระยะเวลาการออกอากาศ และ ผู้สนับสนุนรายการ การตัดเครดิตท้ายรายการเช่นนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว รายการโทรทัศน์ที่มีเพียงเดือนละ ๑ ครั้ง ออกอากาศในช่อง ๑๑ ซึ่งไม่มีบริษัทธุรกิจใดๆทำเรทติ้ง เป็นปัญหาที่ผู้จัดทำรายการเช่นนี้ไม่สามารถหยั่งความคิดและอารมณ์ของผู้ชมได้เลย ความพยายาม ที่จะเปิดช่องทางการติดต่อและการประกาศเวลาของรายการล่วงหน้าจึงมีความสำคัญอย่างมาก ผู้จัดทำรายการฯ จึงใคร่ขอร้องช่อง ๑๑ ว่า กรุณาอย่าตัดข้อความในตอนท้ายรายการออกตามสะดวกเช่นนี้อีก

๒) รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ถูกเลื่อนเวลาออกไป ๑๑ นาที การเลื่อนเวลาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน เนื่องจากช่อง ๑๑ จำเป็นต้องถ่ายทอดกิจกรรมบางประการเช่น การเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นต้น ในส่วนนี้จึงเข้าใจความจำเป็นของช่อง ๑๑ ได้

อย่างไรก็ตาม รายการที่ออกอากาศห่างกันเดือนละ ๑ ครั้งนั้น ยากที่จะหาผู้ชมประจำของตนเองได้ ทางทีมผู้จัดฯ จึงได้พยายามทุกวิถีทางที่จะโฆษณารายการผ่านสื่อชนิดอื่น เช่น หนังสือพิมพ์ เพื่อแจ้ง กำหนดการออกอากาศและประเด็นเรื่องของรายการไว้ล่วงหน้า ฉะนั้นหากช่อง ๑๑ มีความจำเป็นต้องเลื่อนเวลาออกอากาศของรายการออกไป ด้วยเหตุเฉพาะหน้าใดๆ ก็ตาม ขอได้โปรดแจ้งการเลื่อนเวลาด้วยตัววิ่งใต้ภาพไว้ล่วงหน้า รวมทั้งในระหว่างเวลาที่ควรเป็นเวลาของ รายการทีทรรศน์ท้องถิ่น คือ ๑๒.๐๕ - ๑๓.๐๐ น. ไว้ด้วยความถี่พอสมควรด้วย

จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ดังที่กล่าวแล้วนี้

ขอแสดงความนับถือ
นายนิธิ เอียวศรีวงศ์
(ที่ปรึกษารายการทีทรรศน์ท้องถิ่น ทีมงานมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน (คณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่))

3.11 ชาวเขาคือเรา (วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2542)
เนื้อหารายการ ในสายตาของคนทั่วไป ชาวเขามักถูกมองในลักษณะที่เป็นภาพนิ่ง เป็นชนกลุ่มน้อยอันน่ารังเกียจในสังคมไทย เช่นเดียวกับที่คนผิวดำ คนจีน คนยิว ถูกมองในสังคมอื่นๆ ทั้งๆที่ชาวเขาก็มีวิถีชีวิตสลับซับซ้อนและหลายๆด้านเช่นเดียวกับคนอื่นๆ มีทั้งคนดีและคนชั่ว แต่ชาวเขา(ส่วนใหญ่)ก็ถูกตราว่าเป็น ผู้ที่ค้ายาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกไร่เลื่อนลอย ทำลายต้นน้ำ ใช้สารเคมี และทำการเกษตรในที่สูงจนก่อความเสียหายให้กับลำธารที่ไหลลงมาสู่พื้นราบฯ. ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ที่จริงแล้ว ชาวเขามีการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติของพวกชาวเขาซึ่งมีมาแต่เดิม เช่น การจัดการกับป่ากับต้นน้ำ แต่คนพื้นราบมักจะมองพวกชาวเขาในลักษณะที่เป็นภาพนิ่ง เช่น ทำลายป่า เห็นว่าพวกนี้ปลูกฝิ่น ภายหลังได้หันมาปลูกผัก ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงมาก เป็นการทำเกษตรแบบไม่ยั่งยืน ไม่มีความมั่นคงในการใช้ที่ดิน แต่ไม่เคยค้นหาคำตอบเลยว่าทำไมชาวเขาจึงกระทำเช่นนั้น

ความจริงก็คือ เราไม่เคยเปิดโอกาสที่จะทำให้ชาวเขารู้สึกกับความมั่นคงในชีวิตมาก่อนเลย ดังนั้น ด้วยชีวิตที่ไม่มั่นคง ชาวเขาจึงต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ และพร้อมที่จะหนีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอันนี้เป็นเพราะว่าคนในพื้นราบทำให้ชาวเขาแย่ สังคมของเราจึงแย่ตามไปด้วย ทั้ง ดิน น้ำ และป่า

วิทยากรในรายการ อานันท์ กาญจนพันธุ์ / พ่อหลวงจอนิ โอโดเชา / พ่อหลวงบุญเกิด พนากำเนิด / คุณชุติมา มอแลกู่(หมี่จู) / ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร)

3.12 เอ็น.จี.โอ (NGOs) ( ตอนที่ 1 วันอาทิตยฺที่ 5 กันยายน 2542)
3.13 เอ็น.จี.โอ (NGOs) (ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2542)

เนื้อหารายการ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง,
ช่วงแรก"ทีทรรศน์ท้องถิ่นสัญจร" เป็นการพูดถึงประวัติความเป็นมาของ NGOs นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาในสมัย ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ กับโครงการบัณฑิตอาสาสมัคร และพัฒนาการมาเรื่อยๆจนเกิดนักพัฒนาเอกชนขึ้นมา ที่ไม่สังกัดกับองค์กรของรัฐ อันนี้รวมไปถึงความรู้สึกของชาวบ้านที่มีต่อนักพัฒนาเอกชน จนกระทั่งถึงปัจจุบัน และตัวอย่างของงานพัฒนาเอกชนกับผู้ป่วยโรคเอดส์ กับการร่วมมือ ระหว่างรัฐและเอกชนรวมถึงผู้ป่วยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานพัฒนา.

ช่วงที่สอง เป็นรายการสนทนากับนักวิชาการและนักพัฒนาเอกชน ซึ่งให้ภาพขององค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆในมุมกว้าง เช่น โครงการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย โครงการรักษาสิ่งแวดล้อม อย่าง ตาวิเศษ และโครงการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องการลดจำนวนประชากร เช่น ถุงยางมีชัย และรวมไปถึงโครงการพัฒนาชาวเขา และโครงการช่วยเหลือ ความทุกข์ยากของประชาชนในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น นักพัฒนาเอกชนกับกลุ่มสมัชชาคนจน เป็นต้น.

วิทยากรในรายการ ช่วง "ทีทรรศน์ท้องถิ่นสัญจร" ประกอบด้วย / พลากร วงศ์กองแก้ว / สุรีรัตน์ ตรีมรรคา / นายหยั่ว ถนอมรุ่งเรือง / ประเสริฐ เดชะบุญ
ช่วงรายการ"สนทนากับนักพัฒนาเอกชน และนักวิชาการ" วิทยากรประกอบด้วย / ดร. ชยันต์ วรรธนะภูติ / คุณเตือนใจ ดีเทศน์ / คุณวิยะดา ตันติวิทยาพิทักษ์ / คุณสุชาดา จักรพิสุทธิ์ / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร)

3.14 ศักดิ์ศรีอาชีพ (วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2542)
เนื้อหารายการ กรรมกร ชาวนา ตำรวจ ทหาร ครู ผู้พิพากษา นักธุรกิจ นายธนาคาร นักการเมือง ฯลฯ หากเราเลือกได้ เราชอบที่อยากจะเป็นใคร ? แน่นอน อาชีพที่ระบุข้างต้นมีทั้งอาชีพที่มีเกียรติและไร้เกียรติ อาชีพที่มีเงินและยากจน อาชีพที่มีศักดิ์ศรีและไร้ศรีศักดิ์

ผู้คนจำนวนมากในสังคมปัจจุบัน มองกันว่า อาชีพที่ให้ผลตอบแทนเป็นตัวเงินน้อย อาชีพที่ไร้ศักดิ์ศรีไม่มีคุณค่า อาชีพที่ดูไร้อำนาจ เป็นอาชีพที่ไม่พึงประสงค์ ใครก็ตามที่ต้องประกอบอาชีพเหล่านี้ มักจะไม่พอใจในตัวเอง ความเข้าใจเช่นนี้เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ และค่านิยมทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? อะไรคือท่าทีที่ถูกต้องสำหรับการประกอบอาชีพในสังคมของเรา. เราจะได้พบกับข้อคิดเห็นต่างทัศนะเหล่านี้ได้จากรายการ"ทีทรรศน์ท้องถิ่น" ตอน "ศักดิ์ศรีอาชีพ"

วิทยากรในรายการ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ / บัณรส บัวคลี่ / อดุลย์ ยกคำจู / โปร่งนภา อัครชิโนเรศ / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธิกร).

3.15 ภาคประชาชน (วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2543)
เนื้อหารายการ ในอดีต "ภาคประชาชน" ซึ่งเป็นองค์กรส่วนหนึ่งของสังคมไทย เกือบจะไม่มีส่วนร่วมในเรื่องการเมืองการปกครองของประเทศ รวมทั้ง เกือบไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการดำเนินการทางสังคมในทุกๆรูปแบบ

แต่เมื่อเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ภาคประชาชนไทยได้เริ่มเข้ามามีบทบาท ในทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจมากขึ้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516. เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นจุดพลิกผันขององค์กรภาคประชาชน ครั้งสำคัญอันหนึ่ง และผลพวงที่ตามมา ทำให้ภาคประชาชนของไทยเราก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดเจน

รายการทีทรรศน์ท้องถิ่น จึงเสนอเรื่องราวเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เพื่อพูดถึงความเป็นมาและความต่อเนื่องในประเด็นดังกล่าว โดยจะมองถึงพัฒนาการทางด้านต่างๆที่องค์กรภาคประชาชน ได้มีส่วนในทางสร้างสรรค์ ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม.

วิทยากรในรายการ (แบ่งออกเป็น 2 ช่วง)
ช่วงแรก. "ทีทรรศน์ท้องถิ่นสัญจร" วิทยากรประกอบด้วย / เอนก บัวเขียว / คุณกำจร สายวงศ์อินทร์
ช่วงที่สอง. รายการสนทนากับนักวิชาการและนักพัฒนาเอกชน วิทยากรประกอบด้วย ศ. เสน่ห์ จามริก / ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง / คุณ ชัยพันธ์ ประภาสวัต / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร)

3.16 ธุรกิจการเมือง (วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2543)
เนื้อหารายการ ธุรกิจกับการเมืองอยู่ควบคู่กันมานานเท่าไหร่แล้ว และระหว่างธุรกิจกับการเมืองนั้นใครเป็นฝ่ายนำ ? ปัจจุบันธุรกิจการเมืองส่งผลอะไร ให้กับประเทศชาติของเราบ้าง และประชาชนได้รับประโยชน์ หรือทุกข์ยากต่อปรากฏการณ์อันนี้ ? เราจะพัฒนาการเมืองของเราใน อนาคตไปเป็นเช่นไร จึงจะเป็นประโยชน์ต่อฐานมวลชนในวงกว้าง ? ต่อคำถามที่มากมายเหล่านี้เราได้นำเสนอออกมาในตอน"ธุรกิจการเมือง"

วิทยากรในรายการ ผศ.ใจ อึ้งภากรณ์ / ศ.เสน่ห์ จามริก / สุลักษณ์ ศิวรักษ์ / ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร) / เกรียงศักิด์ เชษฐพัฒนวนิช. (พิธีกร)

3.17 ระบบการเงินทางเลือก("ลอกคราบธนาคาร") (อาทิตย์ที่ 2 เมษายน 2543)
เนื้อหารายการ ระบบธนาคารไทย มีความเป็นมาอย่างไร ? และทำไมนักเศรษฐศาสตร์บางคน จึงมองว่าธนาคารไทยมีธุรกรรมทางการเงินซึ่งไม่ต่างไปจากโรงรับจำนำขนาดใหญ่ ? ที่ผ่านมาระบบธนาคารประสบความล้มเหลวอย่างไร ? กับคำถามเหล่านี้ มีคำตอบอยู่ในรายการทีทรรศน์ฯ ช่วงแรก ตอน "วิเคราะห์ระบบธนาคารไทย" โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง.

ยังมีระบบการเงินอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมิได้มองหากำไรที่เป็นตัวเงิน แต่เป็นกำไรของคุณค่าทางจริยธรรมของชุมชน กำไรคือคุณภาพของชุมชน ยึดคนเป็นเป้าหมาย ส่วนเงินเป็นเพียงเครื่องมือซึ่งนำไปสู่สิ่งเหล่านี้

วิทยากรในรายการ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง / รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ / ครูชบ ยอดแก้ว / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร).

3.18 ดาบหน้าชาวนาไทย (วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2543)
เนื้อหารายการ นับตั้งแต่นโยบายการพัฒนาเป็นต้นมา ปัญหาก็มารุมเร้าอาชีพเกษตรกรแล้ว ทั้งนี้เพราะ เกษตรกรเป็นเหยื่อที่ถูกเลือกให้เสียสละทรัพยากรของตนเป็นพวกแรกเพื่อนโยบายรัฐ ดังจะเห็นได้จากกรณีเขื่อนปากมูล เกษตรกรไร้ที่ทำกิน ชาวประมงไม่มีปลาให้จับ แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยก็จมอยู่ใต้เขื่อน เพื่อให้คนอื่นได้พัฒนา

ทุกวันนี้ ชาวนากำลังเผชิญกับสารเคมีและพืชตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งมาในรูปปุ๋ยและยาฆ่าแมลง รวมไปถึงพืช GMO ที่ต้องพึ่งพาจากบรรษัท ข้ามชาติ ดาบหน้าชาวนาไทยดูจะน่าเศร้ายิ่งกว่าครั้งใด เพราะต่อกรณีการพัฒนา ชาวนากำลังไร้อนาคต. ส่วนกรณี GMO อนาคตชาวนา ไทยได้ถูกกำหนดชะตาเอาไว้แล้วโดยบรรษัทข้ามชาติ

วิทยากรในรายการ ดร. เกษียร เตชะพีระ / วิฑูรย์ เลี่ยมจำรูญ / จุฬารัตน์ เสรีเชษฐพงษ์ / กำนันอนันต์ ดวงแก้วเรือน / ชัชวาล ปุญปัน (พิธีกร)

3.19 ทีทรรศน์การศึกษาไทย(สองหน้าการศึกษาไทย)(วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2543)
เนื้อหารายการ ทำไมต้องมีการปฏิรูปการศึกษา" คำตอบอาจแบ่งออกได้หลายๆคำตอบ เช่น มองจากภาคประชาชน เด็กจบมาแล้วไม่มีคุณภาพ ครูด้อยคุณภาพ หรือหากมองจากภาครัฐ เราต้องปฏิรูปเพื่อการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน คำตอบใดถูกที่สุด

ทุกวันนี้ มีพลังผลักดันทางการศึกษาอยู่สองส่วน คือ พลังจากภาครัฐ และพลังจากภาคประชาชน ภาครัฐยังต้องการควบคุมการศึกษาอยู่ ในขณะที่ภาคประชาชนต้องการเสรีภาพในการจัดการศึกษาของตนเอง ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมการศึกษานี้ และการศึกษาในอนาคตควรเป็นไปเช่นไร ?

ชาวกระเหรี่ยงพูดถึงการศึกษาที่ผ่านมาว่า การส่งเด็กไปโรงเรียน มันก็เหมือนกับนกน้อยที่บินห่างรังออกไปเรื่อยๆ คำพูดจากภูมิปัญญาชาวกระเหรี่ยงนี้บอกอะไรกับเราเกี่ยวกับการศึกษาไทย. พบกับคำตอบเหล่านี้ได้ใน ทีทรรศน์ท้องถิ่น ตอน "ทีทรรศน์การศึกษาไทย"

วิทยากรในรายการ ดร. อรรณพ พงษ์วาท / อาจารย์สามารถ ศรีจำนงค์ / คุณชัชวาล ทองดีเลิศ / คุณสุชาดา จักรพิสุทธิ์ / ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร).

3.20 ทีทรรศน์สาธารณสุข (คนจนป่วยไม่ได้) (วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2543)
เนื้อหารายการ
"ปัญหาการบริการสาธารณสุขที่มีราคาแพง ยังคงเป็นปัญหาสำหรับคนจนในทุกวันนี้ ทั้งนี้เนื่องมาจากหลายสาเหตุ. เริ่มจากนโยบายทางด้านสาธารณสุขที่มุ่งเพื่อการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะสร้างแนวป้องกันซึ่งมีราคาถูกกว่า รวมไปถึงเรื่องของบรรษัทยาข้ามชาติ ซึ่งผูกขาดการจำหน่ายและการผลิต และยังรวมถึงการพยายามกดดันให้ ร.พ.ของรัฐ แปรรูปไปเป็นของเอกชน เพื่อเอื้ออำนวยต่อการแข่งขันให้กับ ร.พ.เอกชน ทั้งในและนอกประเทศที่เปิดบริการในเมืองไทย

ปัญหาต่างๆเหล่านี้ต้องการคำตอบ และหนทางแก้ไขที่ยั่งยืน เพื่อเปิดโอกาสให้คนจนได้รับการประกันสิทธิในการเข้ารับบริการทางด้านสาธารณสุข ตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

วิทยากรในรายการ ทพ. อุทัยวรรณ กาญจนกามล / ชมชวน บุญระหงษ์ / โปร่งนภา อัครชิโนเรศ / ดร. ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร) 0000000

3.21 ประวัติศาสตร์ความคิดเขื่อน (วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม 2543)
เนื้อหารายการ
ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำเป็นเรื่องที่มนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์มานับเป็นพันปีแล้ว แต่การควบคุมกระแสน้ำขนาดใหญ่ ที่ถึงกลับเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิศาสตร์ เพื่อประโยชน์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมาครั้งแรกในประเทศอังกฤษ และแพร่ขยายไปในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันได้มีการสร้างเขื่อนกันขึ้นเป็นจำนวนมากในประเทศโลกที่สาม รวมทั้งประเทศไทยด้วย เขื่อนขนาดใหญ่ เป็นการดึงทรพัยากรน้ำที่จัดการโดยชุมชนไปสู่การจัดการน้ำแบบรวมศูนย์ของรัฐ ซึ่งรัฐอ้างว่า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเอนกอนันต์ ตั้งแต่การผลิตกระแสไฟฟ้า การป้องกันน้ำท่วม และการชลประทานขนาดใหญ่

การทำเช่นนั้น ในด้านหนึ่งเป็นความเชื่อว่าเป็นการพัฒนา แต่เบื้องหลังของการพัฒนาดังกล่าวซึ่งไปตกกับภาคอุตสาหกรรม ประชาชนต้องถูกน้ำจำนวนมหาศาลลบพื้นที่ทำมาหากินของตนลง และลบวิถีชีวิตวัฒนธรรมของพวกเขาออกไปด้วย

ปัจจุบัน เขื่อนได้ไปเปลี่ยนพื้นที่ของชาวบ้านให้ไปเป็นพื้นที่ของรัฐ และรัฐได้นำเอาทรัพยากรของชาวบ้านเหล่านั้น ไปรับใช้คนกลุ่มหนึ่งที่มีพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้ชาวบ้านซึ่งดำรงชีวิตอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงกลายไปเป็นคนจนที่ยั่งยืน

วิทยากรในรายการ ดร. ชยันต์ วรรธนภูติ / ดร. ชูศักดิ์ วิทยภัค / คุณชัยณรงค์ เศรษฐเชื้อ / ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ (พิธีกร)

3.22 นักวิชาการเครื่องซักผ้า (วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2543)
เนื้อหารายการ
ความรู้ของนักวิชาการเป็นสิ่งที่สังคมให้การยอมรับ ในเวลาเดียวกันนั้น นักวิชาการส่วนหนึ่ง ก็ได้เอาประโยชน์ที่สังคมให้ความไว้วางใจดังกล่าว ไปใช้กับผลประโยชน์ของตนเอง โดยการประพฤติปฏิบัติที่ออกมาในรูปของ "นักวิชาการเครื่องซักผ้า".

ความหมายของคำว่า"นักวิชาการเครื่องซักผ้า" คือคนกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่คราบของนักวิชาการที่คอยทำหน้าที่ฟอกโครงการขนาดใหญ่ หรือนโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม อันไม่น่าไว้วางใจให้ สะอาด บริสุทธิ์ โดยยังเป็นที่น่าสงสัยต่อจริยธรรมทางวิชาการ. ความจริงแล้ว ศาสตร์ทุกศาสตร์ วิชาการทุกสาขา ควรเป็นไปเพื่อชีวิตที่งดงามและชีวิตที่มีสุขของมนุษย์และธรรมชาติ มิใช่หรือ ?

วิทยากรในรายการ อ.ศรีศักร วัลลิโภดม / อ.ฉลาดชาย รมิตานนท์ / อ.ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต / คุณไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ / อ.ประมวล เพ็งจันทร ์ (พิธีกร)

3.23 เลือกตั้ง กับ การเมืองภาคประชาชน (วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2543)
เนื้อหารายการ
การเลือกตั้งเป็นกระบวนการหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชน ตรวจสอบ ถอดถอน และเสนอกฎหมายได้ นอกจากนี้ยังให้สิทธิประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถจัดให้มีการชุมนุมเรียกร้องได้ อย่างไรก็ตาม แม้แต่การเลือกตั้งเอง ประชาชนมีทางเลือกมากแค่ไหนกับพรรคการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะฐานคิดของนักการเมืองเกือบทุกพรรคได้รับการครอบงำโดยความคิดเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม พัฒนา เรายังไม่มีพรรคการเมืองที่มาจากฐานคิดอื่นๆ หรือกลุ่มบุคคลที่หลากหลายพอ ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร ? รายการ ทีทรรศน์ท้องถิ่น ตอน "เลือกตั้ง กับ การเมืองภาคประชาชน". มีคำตอบ

วิทยากรในรายการ นิธิ เอียวศรีวงศ์ / ประมวล เพ็งจันทร์ / สมเกียรติ ตั้งนโม / ไพสิฐ พาณิชยกุล / สมชาย ปรีชาศิลปกุล / นัทมน คงเจริญ

3.24 "วาระแห่งชาติภาคประชาชน (ระดับรากหญ้า)" (วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2543)
เนื้อหารายการ
วาระแห่งชาติที่คนหลายกลุ่มออกมาประกาศ เพื่อเป็นมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาวิกฤตชาตินั้น ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของสังคมไทย

แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า ปัญหาวิกฤตชาติเกิดขึ้นมานานแล้วกับกลุ่มคนจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ. และที่ผ่านมา ปัญหาวิกฤตของพวกเขาไม่เคยได้รับความสนใจจากสื่อเลย เนื่องมาจากความไร้อำนาจ. ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่สร้างปัญหาเสียเองอีกด้วย ถึงเวลาแล้วที่วิธีคิดเก่าๆจะต้องเปลี่ยนไป เพราะหากว่าปัญหาของคนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการแก้ไข "วาระแห่งชาติฉบับเทวดา"ก็ไม่อาจแก้วิกฤตชาติได้

ด้วยเหตุนี้ รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นจึงเป็นสื่อกลาง นำเอาปัญหาของคนจนมาสะท้อนให้สังคมได้รับรู้ และพร้อมสนับสนุน วาระแห่งชาติภาคประชาชน (ระดับรากหญ้า)

วิทยากรในรายการ ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม(ตัวแทนเกษตรผสมผสาน) / พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา (ตัวแทนชาวเขา) / คุณอรุณี ศรีโต (ตัวแทนแรงงาน) / กำนันอนันต์ ดวงแก้วเรือน (ตัวแทนเกษตรกร) / กำนันเฉลิม อันวิเศษ / คุณสำเริง (ตัวแทนประมงชายฝั่ง ภาคใต้) / พ่อสมบุญ / ประมวล เพ็งจันทร์ (คณะมนุษยศาสตร์ มช.)

3.25 "ประชาชน กับ หมากกระดานใหม่" (ไม่ได้ออกอากาศที่ส่วนกลาง เพราะติดรายงานผลเลือกตั้ง 6-7 มกราคม 2544 - แต่ได้รับการออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น จ.ลำปาง วันอังคารที่ 9 มกราคม 2544)
เนื้อหารายการ
ผลสรุปของการเมืองผ่านหีบบัตรเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ประชาชนเพียงเป็นเบี้ยในกระดานให้นักการเมืองเดิน. แต่การเลือกตั้งคราวนี้ แตกต่างไปจากการเมืองครั้งก่อนๆ ด้วยกฎกติกาใหม่ผ่านอำนาจของรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

ประชาชน เริ่มเรียนรู้ที่จะมีบทบาทในการกำหนดชะตากรรมของตนเองได้โดยตรง และกำลังพลิกกลับจากการเป็นแค่เบี้ยในกระดาน กลายมาเป็นผู้กำหนดหมากการเมืองกระดานใหม่

ข้อเสนอบางประการ จากประชาชนหลายฝ่ายต่อไปนี้ เป็นภารกิจทางการเมืองที่ประชาชนจะกำหนดให้กับนักการเมืองได้ปฏิบัติ และหากนักการเมืองยังไม่อาจเข้าใจภารกิจของตนเองอย่างแจ่มชัด ยังไม่รับฟังเสียงและปัญหาของประชาชน การเมืองต่อไปนี้อาจจะต้องเผฃิญกับวิกฤตศรัทธาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…

วิทยากรในรายการ พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา (ตัวแทนชาวเขา) / คุณอรุณี ศรีโต (ตัวแทนแรงงาน) / กำนันอนันต์ ดวงแก้วเรือน (ตัวแทนเกษตรกร) / กำนันเฉลิม อันวิเศษ / ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต (ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน) / ประมวล เพ็งจันทร์ (คณะมนุษยศาสตร์ มช.)

3.26 "ปฏิรูปที่ดิน : กรวดในรองเท้าของรัฐบาลใหม่" (วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2544)

ตามความเข้าใจที่ว่าที่ดินเป็นทรัพย์สินของรัฐ และกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลนั้น ความเข้าใจเช่นนี้ เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อคริสตศตวรรษที่ 17 มานี้เอง
ก่อนหน้านั้นทั้งหมด ที่ดินเป็นทรัพย์สินของสังคม เป็นของสาธารณะ เป็นของส่วนรวม หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่ดินเป็นทุนทางสังคม
ในการสร้างผลผลิตให้กับประชากรโดยรวมนั่นเอง

จากความเข้าใจผิดดังกล่าว รัฐและเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจึงใช้ประโยชน์จากดินไปในรูปต่างๆ
ซึ่งคุ้มค่าบ้าง และไม่คุ้มค่าบ้าง บ้างก็ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า บ้างก็เก็บงำเอาไว้เพื่อหวังผลในการเก็งกำไร โดยปราศจากความสำนึกทางศีลธรรมเชิงสังคม

การทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนภาคเกษตรกรรมประสบกับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ปัญหาก็คือ ถ้ายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป
ปัญหาความรุนแรงทางสังคมในการเข้าไม่ถึงทรัพยากรจะเกิดขึ้นตามมา ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปที่ดินกันอย่างจริงจัง ซึ่งต้องเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้ เพื่อความสงบสุขของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และศีลธรรมทางสังคม
ใครที่เคยคิดว่า เรื่องปฏิรูปที่ดิน เป็นเรื่องประโยชน์เฉพาะของประชากรในภาคเกษตรกรรม เป็นเรื่องที่ไกลตัว
รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นตอนนี้ จะทำให้เราฉลาดขึ้น มองปัญหาดังกล่าวได้รอบด้าน และชัดเจนมากขึ้น
พร้อมทั้งเข้าใจปัญหารากเหง้าของสังคมไทยได้ดีขึ้น

วิทยากรในรายการ ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์ (คณะสังคมศาสตร์ มช.) / อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล (คณะสังคมศาสตร์ มช.) / สมชัย ศิริชัย (สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ) / ธนา ยะโสภา (เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ) / รังสรรค์ ศรีสองแคว (แนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ)

3.27 "กระแสชุมชนท้องถิ่นในยุคโลกาภิวัตน์" (วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2544)

ภัยเศรษฐกิจอันร้ายแรงที่โหมกระหน่ำสังคมเศรษฐกิจไทยเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา จนเราเกือบจะสูญเสียทุกอย่างให้กับคนอื่น คือกระแสทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ซึ่งความรุนแรงของภัยดังกล่าว ไม่น้อยไปกว่าภัยของสงครามเลย การที่ชุมชนท้องถิ่นและสังคมไทยจะรับมือกับมหันตภัยอันนี้ เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์ ว่ามีความเป็นมา และพัฒนาการอย่างไร ? ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ได้ส่งผลถึงส่วนใดหรือใครบ้างในสังคมไทย ทั้งนี้เพื่อท้องถิ่นจะได้เลือกวางยุทธศาสตร์ของการตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ และเป็นไทของชุมชนท้องถิ่นให้วัฒนาถาวรต่อไป ทั้งหมดนี้คือสาระหลักของรายการ ทีทรรศน์ท้องถิ่น ตอน กระแสชุมชนท้องถิ่นในยุคโลกาภิวัตน์

วิทยากรในรายการ : ศาสตราจารย์ เสน่ห์ จามริก (นักวิชาการอิสระ สาขารัฐศาสตร์)

คำโปรยท้ายรายการ / วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบโลกาภิวัตน์ มุ่งมองความสำเร็จและความก้าวหน้าเอาอย่างกระแสโลก ความสำเร็จดังกล่าว จะเป็นไปได้ก็โดยการเข้าถึงฐานทรัพยากรของชุมชนท้องถิ่น เพื่อนำไปปรนเปรอความสุขให้กับนักบริโภค. วิธีคิดดังกล่าว ได้เข้าครอบงำชนชั้นนำของประเทศไทยเราในทุกวงการ ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้จึงยังคงมีต่อไป ระหว่างชนชั้นนำและประชาชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากร การจะตอบโต้กับกระแสโลกาภิวัตน์ ต้องเริ่มต้นที่ฐานคิดใหม่ในเรื่องของการบริโภค ปกป้องฐานทรัพยากรของตน และพร้อมที่จะแตกหักกับระบบอุปถัมภ์ พยายามพึ่งตนเอง และสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจชุมชน รวมไปถึงการเรียนรู้วิทยาการใหม่เพื่อการปรับปตัวได้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์กับชุมชนท้องถิ่นให้มากที่สุด ทั้งหมดนี้คือข้อเสนอต่อการเผชิญหน้ากับระหว่างกระแสชุมชนท้องถิ่น กับ กระแสโลกาภิวัตน์

สำหรับรายการทีทรรศน์ท้องถิ่น หลังจากที่ออกอากาศแล้ว ส่วนใหญ่มักได้รับเสียงตอบรับกลับมาในหลายๆทาง ทั้งข้อคิดเห็น และคำแนะนำต่างๆ รวมถึงเสียงสะท้อนกลับที่เป็นคำชมและคำวิจารณ์ ตามที่อยู่ซึ่งทางรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นได้ให้ไว้นั้น ทั้งตู้ ปณฝ. 254 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 50202 และ email: midnightuniv(at)yahoo.com รวมกระทั่ง website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน www.geocityies.com/midnightuniv เสียงตอบรับเหล่านี้ได้ช่วยให้เราทราบถึงปฏิกริยาของผู้ชมซึ่งมีต่อรายการต่างๆที่เราได้ผลิตขึ้นมาในแต่ละตอน ตัวอย่างเช่น

กลุ่มผู้หญิงจาก จ.ชลบุรี ขอคำแนะนำมาเกี่ยวกับการเรียนต่อ และชื่นชมกับเนื้อหาของรายการที่ผลิตขึ้นโดยคนท้องถิ่น, นักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขียนมาให้กำลังใจกับทีมงานมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน พร้อมทั้งบริภาษผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ กรณีเรื่องชาวเขาซึ่งชุมนุมกันอยู่ที่ศาลากลาง, นายแพทย์สาธารณสุขจาก จ.ฉะเชิงเทรา ขอก๊อปปี้เทปรายการทีทรรศน์ ตอน "คนจนป่วยไม่ได้", หรือบางรายก็ขอให้รายการทีทรรศน์ฯไปจัดให้ที่มหาวิทยาลัยฯของตน โดยระบุเรื่องมาด้วยว่าอยากให้จัดให้มีรายการโทรทัศน์เรื่องของ อ.ปรีดี พนมยงค์. และรายที่มาแปลกหน่อยก็คือ ได้เขียนมาขอที่อยู่วิทยากรหญิงคนหนึ่ง ซึ่งทางรายการเชิญมาตอน"วิทยาศาสตร์บ้านนอก" ด้วยความถูกอกถูกใจในคำพูด และหน้าตา อยากจะติดต่อเป็นการส่วนตัว เพราะตรงสเปคมาก เป็นต้น

นอกจากนี้ บางรายก็มีการวิจารณ์ผ่านมาทาง webboard ของ website มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ทำนองว่า วิทยากรเป็นพวกเดียวกัน เสนอมุมมองอย่างเดียวกัน โดยไม่มีคนแย้งเป็นต้น ซึ่งทางรายการทีทรรศน์ท้องถิ่นก็ต้องเรียนชี้แจงไปตามเหตุผล ความจำเป็น และเป้าหมายซึ่งเราตั้งเอาไว้

ไปหน้าถัดไป : หัวข้อเรื่องต่อไป website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com