เทียบเคียงกันกับสงครามกลางเมืองในอดีตของสหรัฐฯ มันได้ช่วย Abraham Lincoln ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรมของนักการเมืองที่เป็นนักแบ่งแยกซึ่งไร้ศีลธรรม กลับฉายฉานตัวเขาอยู่ในประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นนักปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระคนหนึ่ง
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ 261 เดือนพฤษภาคม 2546 หัวเรื่อง "มหาอำนาจกับสงครามอิรัค"
เรียบเรียงโดย สมเกียรติ
ตั้งนโม
เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ครั้งแรก วันที่ 1พฤษภาคม 2546
(ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปใช้ประโยชน์ เฉพาะทางด้านวิชาการเท่านั้น)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืนเราต้องอาศัยจินตนาการ
Website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษา
โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
สนใจสมัครเป็นสมาชิก
กรุณาคลิก member page
ส่วนผู้ที่ต้องการดูหัวข้อบทความ
ทั้งหมด ที่มีบริการอยู่ขณะนี้
กรุณาคลิกที่ contents page
และผู้ที่ต้องการแสดงความคิดเห็น
หรือประกาศข่าว
กรุณาคลิกที่ปุ่ม webboard
ข้างล่างของบทความชิ้นนี้
หากต้องการติดต่อกับ
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ส่ง mail ตามที่อยู่ข้างล่างนี้
midnight2545(at)yahoo.com
midnightuniv(at)yahoo.com
สงครามคราวนี้จะจบสิ้นลงโดยวิวัฒนาการของตัวมันเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยไม่เกี่ยวกับการเดินขบวนต่อต้านสงครามใดๆ. มันจะไม่จบลงอย่างมีความสุข มันยังไม่มียุทธวิธีที่เป็นทางออกที่เห็นได้สำหรับสหรัฐฯภายหลังสงครามครั้งนี้ โลกจะยังคงไม่มีอภิมหาอำนาจ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงเข้มแข็งทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร
แต่สหรัฐฯจะถูกบังคับให้เรียนรู้ถึงความระมัดระวังและความเป็นจริงมากขึ้นๆ เกี่ยวกับใช้สมรรถนะของตนไปยัดเยียดต่อประชาชาติอื่นโดยผ่านการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับพลังอำนาจที่ตนมี. สหราชอาณาจักรอังกฤษก็จะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง ทหารอังกฤษได้ไปรับใช้ข้อสังเกตและคำวิจารณ์ของ Blair แล้วที่ว่า อังกฤษไม่สามารถธำรงการต่อสู้ได้ในระดับสูงต่อไปสำหรับยุคสมัยอันไม่แน่นอนนี้
สหรัฐฯได้ทำการยักย้ายเหตุผลของตนเองสำหรับการรุกรานเข้าไปในอิรัค
คล้ายดังกับนักมายากลที่ดึงเอาผ้าพันคอสีสดใสออกมาจากกระเป๋าเสื้อ. อันดับแรกของข้ออ้างคือ
มันเป็นการป้องกันตนเองต่อลัทธิการก่อการร้าย อันดับต่อมาก็คือข้ออ้างที่ว่าเพื่อปลดอาวุธทำลายล้างของอิรัค
และมาถึงตอนนี้ข้ออ้างข้างต้นได้เปลี่ยนไปสู่เรื่องของการปลดปล่อยประชาชนชาวอิรัคโดยการเข้าไปควบคุมบ่อน้ำมันของพวกเขา
ประธานาธิบดีซัดดัมไม่ใช่คนวิกลจริต บันทึกของเขาเกี่ยวกับการปกครองมันไม่ได้สวยงามนักอย่างที่เห็น
แต่ตามแบบฉบับแล้ว มันคือการปกครองที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดของความคิดแบบรัฐทหารทั้งมวล(garrison
state mentality)นั่นเอง.
สงครามที่อาจยุติความเป็นอภิมหาอำนาจของสหรัฐฯ
The war that may end the age of superpower
By Henry C K Liu
(Henry C K Liu
is chairman of the New York-based Liu Investment Group)
เรียบเรียงโดย สมเกียรติ ตั้งนโม
(บทความนี้ยาวประมาณ 12 หน้ากระดาษ A4)
สหรัฐอเมริกา ก็คล้ายๆกันกับโรมันโบราณ กำลังเริ่มถูกห้อมล้อมโดยข้อจำกัดต่างๆของพลังอำนาจ ข้อเท็จจริงอันนี้ได้รับการยอมรับเชิงยุทธวิธีโดยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ นาย Donald Rumsfeld และนายพล Richard B Myers (Joint Chiefs Chairman General) ที่ว่า แผนการทำสงครามไม่ควรถูกวิจารณ์โดยสิ่งพิมพ์ต่างๆ เพราะมันได้ถูกกำหนดหรือวางแผนขึ้นมาในบริบททางการเมืองและทางการฑูต มันไม่ใช่เพียงข้อพิจารณาทางด้านการทหารโดยบริสุทธิ์ในสูญญากาศเท่านั้น
พวกเขากล่าวว่า มันเป็นแผนการทำสงครามที่เป็นไปได้มากที่สุดในทางการเมือง, แม้ว่ามันอาจจะไกลห่างจากประโยชน์สูงสุดของศักยภาพทางด้านการทหารของสหรัฐฯ. นายทหารชั้นสูงของสหรัฐฯได้วิจารณ์หน่วยทหารในเครื่องแบบ และแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ไปขุดเซาะทำลายความพยายามเกี่ยวกับสงครามอย่างจริงจัง. การวิจารณ์นั้นถูกตอกกลับโดยนายพล Myers ว่า "เป็นท่าทีที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งไม่ยังผลและเป็นอันตรายต่อกองทัพสหรัฐฯในสนามรบ"
เพียงแต่วันเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย
ศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐ(The US Central Command )[Centcom]ประกาศว่า ขั้นตอนต่อไปสำหรับการเพิ่มหรือเสริมกำลังทหารเข้าไปอีก 120,000 คน จะไม่เริ่มขึ้นจนกว่าจะถึงปลายเดือนเมษายน. นั่นคือการประกาศก้องถึงสามครั้ง ในช่วงระยะเวลาของสงครามจนถึงขณะนี้. ในสงครามเวียดนาม, ข้อความซ้ำๆกันทั้งหมดนี้ดำเนินไปดังที่วางแผนไว้ ซึ่งจะถูกได้ยินได้ฟังเกือบทุกๆสองสามสัปดาห์ ด้วยการประกาศในลักษณะเป็นการปลอบใจตัวเองว่า ทหารอีก 50,000 คน จะเสร็จสิ้นภารกิจลงอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสหรัฐอเมริกาจะชนะอิรัคในที่สุด มันมีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นที่ว่า จะต้องใช้ต้นทุนเท่าไหร่ในการดำรงอยู่ในอิรัค ทั้งทางด้านการเงินและเวลา. จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ การประเมินผลมากมายในเรื่องของงบประมาณก่อนสงครามได้รับการปรับใหม่ และมายาคติเป็นจำนวนมากก่อนสงครามเกี่ยวกับประชากรที่ว่า จะให้การสนับสนุนสำหรับ"การปลดปล่อยประชาชนชาวอิรัค"ของสหรัฐก็ถูกประเมินกันอีกครั้ง. เวลาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกันกับอเมริกา และต้นทุนก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องทางการเงินเท่านั้น. สถานภาพของความเป็นอภิมหาอำนาจของอเมริกากำลังตกอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน และสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
สงครามคราวนี้ได้เน้นอีกครั้งว่า พลังอำนาจทางด้านการทหารเป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างเดียวสำหรับการประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ต่างๆทางการเมือง. การอวดอ้างเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้เมื่อแรกที่ว่า เพื่อไปปลดอาวุธทำลายล้างของอิรัค(WMD), ต่อมาได้เปลี่ยนไปสู่การเน้นเรื่อง"การจะไปปลดปล่อยผู้คนชาวอิรัคจากระบอบการปกครองที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการกดขี่" ณ จุดสิ้นสุดของสงครามดังกล่าว, สหรัฐฯยังคงต้องการที่จะสร้างหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้เกี่ยวกับอาวุธทำลายล้างของอิรัค เพื่อหาข้อพิสูจน์และข้อยืนยันถึงการทำสงครามครั้งนี้ ซึ่งจะได้ไม่ถูกประณามโดยสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
พลังอำนาจอันท่วมท้นเป็นสิ่งที่ไม่ยังผลใดๆ เมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการต่อต้านของประชาชน เพราะมันจะไปเพิ่มการความตั้งใจในการต่อต้านของผู้คนมากขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มันจะนำพาผู้คนไปสู่ความหวาดกลัวต่อการสยบยอม
โดยสมัครใจ ไม่มีใครต้องการที่จะวางตัวของเขาเองในหนทางที่เป็นอันตราย เว้นแต่พวกเขาจะรู้สึกหวั่นหวาดมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะผนวกเข้าไปโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำ ประชาชาติหนึ่งได้ถูกยึดครองไปแล้วโดยอำนาจจากต่างประเทศ ที่อ้างถึงเรื่องของการปลดปล่อยโดยพลังอำนาจจากภายนอก และได้รับการพิจารณาด้วยความน่าเชื่อถือ ข้ออ้างเกี่ยวกับพลังอำนาจจากต่างประเทศจะไปปลดปล่อยประเทศหนึ่งจากรัฐบาลชาตินิยม อันนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อและเป็นการยัดเยียดอย่างยิ่ง
สหรัฐฯได้ทำการยักย้ายเหตุผลของตนเองสำหรับการรุกรานเข้าไปในอิรัค คล้ายดังกับนักมายากลที่ดึงเอาผ้าพันคอสีสดใสออกมาจากกระเป๋าเสื้อ. อันดับแรกของข้ออ้างคือ มันเป็นการป้องกันตนเองต่อลัทธิการก่อการร้าย อันดับต่อมาก็คือข้ออ้างที่ว่าเพื่อปลดอาวุธทำลายล้างของอิรัค และมาถึงตอนนี้ข้ออ้างข้างต้นได้เปลี่ยนไปสู่เรื่องของการปลดปล่อยประชาชนชาวอิรัคโดยการเข้าไปควบคุมบ่อน้ำมันของพวกเขา หรือปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยจากชะตากรรมอันน่าเศร้าโศกของการต้องตกอยู่ภายใต้อารยธรรมที่เสมือนโรคร้ายอันเต็มไปด้วยภัยอันตราย
มันไม่มีความสำคัญใดๆในการชนะศึกโดยต้องสูญเสียสันติภาพ
พลังอำนาจทางการทหารไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้โดยปราศจากการควบคุมทางการเมือง ซึ่งจะคอยกำกับการกระทำตามอำเภอใจของมัน. วัตถุประสงค์ของการทำสงครามไม่เพียงเพื่อฆ่าเท่านั้น แต่มันยังจะต้องกำหนดควบคุมเรื่องทางการเมืองโดยกองกำลังด้วย. ในข้อนั้นจัดเป็นข้ออ่อนที่สุดของแผนการทำสงครามของสหรัฐฯในคราวนี้
แผนการณ์ดังกล่าวขาดเสียซึ่งการใส่ใจเกี่ยวกับการควบคุมทางการเมือง ซึ่งมันมีจุดประสงค์ที่จะสถาปนาขึ้นมา. สหรัฐฯไม่ได้ให้ข้อมูลต่อโลกเกี่ยวกับการจบเกมส์ในเรื่องของอิรัค ซึ่งอยู่นอกเหนือไปจากการถอดถอนซัดดัม ฮุสเซนออกไป. ไอเดียเกี่ยวกับการตระเตรียมผู้ปกครองโดยสหรัฐฯ นั้น เท่าที่ได้ยินมาล้วนเป็นบุคคลที่ล้มเหลวซึ่งน่าหัวเราะนับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
การต่อต้านของสมาชิกกองโจรจะไม่จบสิ้น แม้หลังจากรัฐบาลอิรัคได้ถูกคว่ำลงแล้ว และทหารของประเทศนี้ถูกทำลายจนราบเรียบ. โดยอาศัยประสบการณ์ของอังกฤษในมาเลเซียและโรดีเซีย อัตราส่วนของกำลังทหารที่ยันกับกองกำลังกองโจรเท่ากับ 20 : 1 ซึ่งจำเป็นต้องใช้เพื่อกำจัดการต่อต้านของสมาชิกกองโจร หรือเพื่อทำให้กองโจรเหล่านี้ต้องพ่ายแพ้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สหรัฐฯได้ประเมินเกี่ยวกับกองกำลังกองโจรของอิรัคว่ามีอยู่ราวๆ 100,000 คนในขณะนี้. อันนี้หมายความว่า สหรัฐฯจะต้องใช้กองกำลังของตนประมาณ 2 ล้านคนเพื่อจำกัดหรือยับยั้งสถานการณ์ดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐจะควบคุมประเทศนี้ได้แล้วก็ตาม
ณ อัตราปัจจุบันเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการสงคราม มันตกอยู่ราว 2,500 ล้านเหรียญต่อวัน, ดังนั้นถ้างบประมาณสงครามคราวนี้เท่ากับ 75,000 ล้านเหรียญ มันก็จะถูกใช้หมดไปหลังจาก 30 วัน, หรือจนกระทั่งถึงวันที่ 20 เมษายน, หรือ 10 วันก่อนการมาถึงโครงการที่กำหนดไว้แล้วเกี่ยวกับการเสริมกำลังเข้าไปยังแนวหน้า
ไม่มีใครตั้งคำถามว่ากองกำลังทั้งคู่จะชนะสงครามกองโจรในอิรัค
นอกจากนี้ สหรัฐฯกำลังประสบกับความยุ่งยากในการจัดส่งกองกำลัง 120,000 คนในตอนนี้, จะทำอย่างไรเกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงให้กับกองกำลังที่อยู่บนเส้นทางลำเลียงยาวกว่า 300 ไมล์ เพื่อต่อสู่กับศัตรูที่ปฏิเสธการเผชิญหน้าตัวต่อตัว ? ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองภายในในสหราชอาณาจักรเริ่มเรียกร้องว่า นากยกรัฐมนตรี Tony Blair ควรจะดึงกองทัพอังกฤษออกมาได้ในตอนนี้ โดยอาศัยข้ออ้างซึ่งอยู่บนรากฐานที่ว่า แผนการณ์ทำสงครามของสหรัฐฯได้เปลี่ยนไปแล้ว
ทำเนียบขาวกำลังพยายามปกป้องบุช โดยการป้อนเทปวิดีโอตัดต่อให้สั้นลงเกี่ยวกับคำพูดเก่าๆของเขา ที่เตือนถึงเรื่องคนที่บาดเจ็บและการล้มตายจำนวนมาก รวมถึงการคาดคะเนเกี่ยวกับสงครามที่ยาวนาน ซึ่งอันที่จริงคำพูดทั้งหมดนี้(โดยไม่มีการตัดต่อ)เคยนำเสนอมาแล้ว 3 ครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา. องค์รักษ์ต่างๆของบุชยังพยายามที่จะบ่ายเบนความสนใจจากการมองโลกในแง่ดีเกินไปของรองประธานาธิบดี Dick Cheney ด้วย ซึ่งเขาได้พูดอย่างมั่นใจว่า สงครามจะสิ้นสุดลงในไม่กี่สัปดาห์ ไม่ใช่เป็นเดือนๆ
มันดูเหมือนว่าเป็นการเชื่อมโยงกันอันหนึ่งระหว่างสงครามต่ออิรัค ที่ดำเนินไปอย่างเลวร้ายมาตั้งแต่ต้นสำหรับสหรัฐฯ กับความรู้สึกปลอดภัยอันหนึ่งต่อการคุกคามของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงถึงการเพิ่มความกลัวต่างๆให้สูงขึ้นมาเป็นลำดับเกี่ยวกับลัทธิการก่อการร้ายที่เสี่ยงต่อการเริ่มต้นก่อสงคราม. ไม่มีนักวิจารณ์กระแสหลักหรือนักต่อต้านสงครามคนใดได้ชี้ประเด็นนี้ออกมา แม้มันจะมีหลักฐานที่ประจักษ์ชัดว่า ลัทธิการก่อการร้ายเป็นเพียงอาวุธชนิดเดียวที่ฝ่ายตรงข้ามอาศัยพึ่งพาเมื่อสิ้นหนทางแล้ว
สหรัฐฯมีความเหนือกว่าในเชิงยุทธการอย่างท่วมท้นในเรื่องที่ว่า มีเวลามากพอ มีอำนาจทางเศรษฐกิจ มีกองทัพที่เข้มแข็ง ซึ่งจะมีชัยในที่สุด. แต่ปัญหาคือว่า วัตถุประสงค์ทางการเมืองต่างๆของสหรัฐฯไม่ปรับตัวเองที่จะใช้ประโยชน์โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับกำลังของกองทัพ. ความต้องการเกี่ยวกับการเสนอตัวของสหรัฐที่จะรุกเข้าไปในฐานะพลังของการปลดปล่อย ได้ไปขัดขวางการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เกี่ยวกับปฏิบัติการ"shock and awe"(ความตื่นตะลึงและน่าสะพรึงกลัว)และความเหนือกว่าของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ขีปนาวุธฉลาดหรือ Smart bombs เป็นทั้งอาวุธที่มีราคาแพงและไร้ประสิทธิภาพ เพราะพวกมันต้องการเป้าหมายต่างๆที่ชี้เฉพาะ. เป้าหมายต่างๆอันเดียวกันนั้นด้วยที่ชาวอิรัคทั้งหลายวาดหวังที่จะให้สหรัฐฯโจมตี. อาวุธเหล่านี้สามารถที่จะถูกทำให้ไร้ผลด้วยกลยุทธ์เกี่ยวกับการทำให้กระจายไปก่อนที่จะถึงเป้าหมาย. สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญก็คือว่า ขีปนาวุธที่ร่อนไปยังเป้าหมาย 40 ลูก มีต้นทุนทั้งสิ้นประมาณ 1000 ล้านเหรียญ ซึ่งได้โจมตีเป้าหมายซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างอันว่างเปล่าไม่กี่หลังในคืนเดียว
ถ้าหากว่าชาวอิรัคทั้งหลายกระเสือกกระสนที่จะยืนหยัดไม่ท้อถอยไปจนตลอดฤดูร้อน สงครามครั้งนี้ก็จะกลายเป็นเกมฟุตบอลเกมใหม่ขึ้นมา. รัฐบาลอาหรับต่างๆในภูมิภาคนั้นสามารถที่จะร่วมไม้ร่วมมือจัดการช่วยเหลือได้ ถ้าเผื่อว่าแต้มของสหรัฐจะชนะเร็วเกินไปI แต่เหตุการณ์จะเป็นเช่นนั้นได้ ก็เพราะรัฐบาลอาหรับต่างๆต้องยอมจำนนต่อเสียงเรียกร้องของประชาชนเพื่อเข้าไปช่วยเหลืออิรัค ถ้าเผื่อว่าสงครามครั้งนี้ถูกลากไปเป็นเดือนๆ แม้ว่าทหารของสหรัฐฯจะคืบหน้าไปอย่างมั่นคง แต่ล้มเหลวที่จะนำสงครามไปสู่จุดสิ้นสุดด้วยความมั่นใจ
ซีเรียและอิหร่านต่างมีความสุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับการเป็นส่วนหนึ่งของสงคราม. โอกาสหรือความหวังเกี่ยวกับการเข้ามาแทรกแซงของรัสเซียมิใช่ว่าจะไม่มีเลยทีเดียว. บุชต้องเตือนประธานาธิบดีวลาดิเมียร ปูติน ของรัสเซียไปแล้วเกี่ยวกับการที่ทหารรัสเซียได้ให้ความช่วยเหลือแก่อิรัค แต่กล่าวโดยสรุป มอสโคว ได้แสดงออกด้วยการนิ่งเฉย
สำหรับสหรัฐอเมริกา มันไม่ใช่สาระสำคัญเกี่ยวกับการเอาชนะสงครามได้ในท้ายที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ จะต้องชนะอย่างรวดเร็วและเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด หรือจะต้องคงภาพลักษณ์ของสหรัฐฯเกี่ยวกับการเป็นอภิมหาอำนาจที่ไม่มีใครสามารถมาลบเลือนได้
สงครามที่ก้าวร้าวรุกรานและน่ารังเกียจจะต้องสรุปลงภายในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่สงครามเพื่อการป้องกันตนเองต้องการความต่อเนื่องที่ลากออกไปให้ยาวนานจนถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันนี้เป็นจริงกับอภิมหาอำนาจ ทุกวันที่ผ่านไปโดยปราศจากชัยชนะที่เด็ดขาดสำหรับผู้บุกรุก มันเป็นชัยชนะที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป้องกันตนเอง
สตาลินกราดไม่ได้ถูกทำลายลงโดยกองกำลังของเยอรมัน(the German Wehrmacht)[หมายถึงกองทัพเยอรมันนับจากปี 1921-1945] มันเพียงต้องการยืนหยัดอยู่โดยไม่ยอมแพ้เท่านั้น. แม้ว่าการไม่ยอมรับจะถูกเตรียมการไว้แล้ว แต่สหรัฐฯก็ล้มเหลวที่จะนำพาฉากของสงครามที่ตนก่อขึ้นให้ได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยกำลังทหารและความเหนือกว่าทางศีลธรรม. การอ้างว่า มันมักจะมีการคาดล่วงหน้าถึงสงครามที่ยาวนาน แต่ตอนนี้มันได้เพิ่มช่องว่างที่น่าเชื่อถือขึ้นมาบนความมั่นใจใหม่ๆเกี่ยวกับการเชื่อใจได้ของแผนการทำสงครามล่าสุด
กล่าวโดยทั่วไป, ความผูกพันซึ่งเป็นพันธมิตรทางขนบจารีตทั้งสองของสหรัฐฯ, ฝรั่งเศสและเยอรมัน, ตอนนี้ต้องการได้รับการปฏิบัติด้วยสถานะที่เท่าเทียม และด้วยความเป็นอิสระมากขึ้นในทางการเมือง. สหภาพยุโรปอาจเริ่มอ้างถึงพื้นทางทางศีลธรรมในเรื่องระหว่างประเทศสูงกว่าสหรัฐฯ โดยให้การส่งเสริมความอดทนและอดกลั้น สำหรับความหลากหลายเกี่ยวกับคุณค่าทางวัฒนธรรมและเงื่อนไขที่แตกต่างทางประวัติศาสตร์ เหนือการกำหนดกฏเกณฑ์เชิงคุณค่าต่างๆแบบอเมริกันในฐานะที่เป็นมาตรฐานสากลอันหนึ่งสำหรับโลกทั้งใบ ซึ่งไม่มีคนที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันคนใดจะมีความเต็มใจที่จะตายไปกับสิ่งเหล่านั้น
แม้แต่พลเมืองอเมริกันเอง อาจเต็มใจที่จะตายเพื่อปกป้องสหรัฐฯ แต่ไม่ต้องการที่จะฉายฉานหรือแสดงออกโดยค่านิยมต่างๆในเชิงอำนาจของสหรัฐที่เหนือโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเผื่อว่าสงครามคราวนี้มันได้แสดงให้เห็นว่า ต้องสังเวยหรือบูชายัญด้วยชีวิตความเป็นอยู่ของทหารอเมริกัน แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสำเร็จดังกล่าว ยังคงเป็นสิ่งที่เข้าใจยากและอธิบายได้ยากยิ่งอยู่ดี
สหรัฐฯจะต้องนำพาสงครามไปสู่บทสรุปของความสำเร็จภายในไม่กี่สัปดาห์ หรือสหรัฐฯกำลังต่อสู้กับสงครามการปกป้องไปทั่วทั้งแนวรบ. มันมีอยู่สิ่งหนึ่งเท่านั้นซึ่งเลวร้ายกว่าจักรวรรดิ และนั่นคือจักรวรรดิหนึ่งซึ่งล้มเหลวในการเอาชนะต่อประเทศเล็กๆประเทศหนึ่ง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเคียงข้างกันจากสงครามครั้งนี้ ไม่ได้ถูกจำกัดวงแต่พลเมืองต่างๆของอิรัคเท่านั้น. เศรษฐกิจของสหรัฐฯเองด้วย ที่จะได้รับผลกระทบและเสียหายไปควบคู่กันไป - และมันจะแผ่ขยายไปถึงเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน
สงครามอ่าวครั้งแรก โดยไม่คำนึงถึงความสำเร็จทางด้านการทหาร เนื่องมาจากวัตถุประสงค์ต่างๆทางการเมืองที่ชัดเจน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับราคาน้ำมัน ประกอบกับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อยู่ในภาวะถดถอยเวลานั้น แม้ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรงและรวดเร็วของธนาคารกลางของสหรัฐ ความตกต่ำลงเรื่อยๆทางเศรษฐกิจนี้ ถือเป็นต้นทุนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ของประธานาธิบดี George Bush ผู้พ่อในปี 1992
วันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯได้เผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งกับผลกระทบเกี่ยวกับสงครามอิรัคในเศรษฐกิจโลก, ควบคู่ไปกับที่ประธานธนาคารกลาง นาย Alan Greenspan เรียกว่า" "soft patch" at home. ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอาจยังคงชลอตัวหรืออยู่ในภาวะตกต่ำต่อไปด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่เกี่ยวกับสงคราม แม้ว่าสงครามจะจบลงอย่างรวดเร็วก็ตาม - ซึ่งเป็นความหวังที่ไม่น่าเป็นไปได้เอาเลย
การไม่มีการจ้างงานยังคงมีต่อไปและไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมยังคงซบเซา และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยุโรปกำลังตกต่ำมากกว่าสหรัฐฯเสียอีก. ประเทศโลกที่สามเป็นจำนวนมาก ยกเว้นจีน กำลังติดหวัดด้วยอันเนื่องมาจากความกังวลในทางเศรษฐกิจและทางการเงิน
ถ้าเผื่อว่าสงครามยืดเยื้อยาวนานออกไป หรือถ้าหากว่าเศรษฐกิจไม่เด้งกลับเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง บรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางเสนอว่า พวกเขาได้รับการเตรียมที่จะปั๊มเงินเข้าสู่เศรษฐกิจโดยการลดอัตรดอกเบี้ยลงมากไปกว่าที่พวกเขาได้ทำไปแล้ว
ถึงแม้ว่าบทบาทในเชิงสถาบันของมันในฐานะธนาคารกลางที่ต้องขึ้นอยู่กับอิทธิพลทางการเมือง แต่ Fed หรือธนาคารกลาง โดยรากฐานแล้วยังต้องผูกมัดหรือถูกบีบบังคับให้สนับสนุนทำเนียบขาวในปัญหาต่างๆเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติด้วย ในด้านที่กระทบกับเรื่องทางเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุนี้ Greenspan จึงไม่สร้างความกังวลใจให้กับสาธารณชน เขาอาจมีทุนให้อย่างไม่จำกัดกับสงครามหรือความสุ่มเสี่ยงต่างๆของความแตกแยกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันของโลก ในความเงียบของแผนการทำสงครามของบุช Greenspan ต้องไปรายงานที่ทำเนียบขาว อย่างน้อยที่สุด 3 ครั้งในช่วง 10 วันแรกของสงคราม และเขาได้พบกับประธานาธิบดีบุชทุกๆวันจันทร์เพื่อทบทวนภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ผลกระทบของสงครามมีผลต่อการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งเกี่ยวพันไปถึงสาระสำคัญของข้อเสนอเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีที่บุชเสนอต่อสภาคองเกรส. บางคนถึงกับต่อว่าต่อขานทำเนียบขาวเกี่ยวกับการปฏิเสธหรือไม่ยอมรับกองกำลังที่เพียงพอทางทหารในอิรัค สำหรับความกลัวเกี่ยวกับผลกระทบในทางตรงข้ามของการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อโอกาสต่างๆเกี่ยวกับการผ่านร่างการลดทอนภาษีของรัฐสภา
ค่าใช้จ่ายต่างๆของทหารสหรัฐฯที่เปิดเผยออกมาถูกถือว่าเป็นอันตรายโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ได้ยินกันมาว่า เพียงเพื่อต้องการปกป้องการลดทอนภาษีให้กับคนรวย. อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดสภาคองเกรสได้ตัดข้อเสนอของบุชเกี่ยวกับการลดทอนภาษีออกไปครึ่งหนึ่ง
หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของทำเนียบขาวคนก่อน R Glenn Hubbard ได้ให้เหตุผลว่า ประเทศนี้สามารถที่จะให้ได้ทั้งสองส่วน นั่นคือส่วนที่เกี่ยวกับสงครามกับอิรัค และแผนการลดทอนภาษีของบุชได้ ซึ่งส่วนใหญ่มันได้ถูกเรียบเรียงขึ้นมาโดยตัวของเขาเอง
Hubbard ได้ให้เหตุผลว่า การลดทอนภาษีจะไปเพิ่ม GDP ของสหรัฐฯ(the US gross domestic product)หนึ่งเปอร์เซนต์สำหรับอีกสองปีข้างหน้า และจะช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับสงครามครั้งนี้ การใช้จ่ายสำหรับอันนั้นเป็นเศษส่วนที่น้อยมากของ GDP. สำหรับหนึ่งเปอร์เซนต์ของ GDP จะเป็นเงินเท่ากับ 1 หมื่นล้านเหรียญ
รายได้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นจาก 1 แสนล้านเหรียญของ GDP นั้น จะได้มา 3 หมื่นล้านเหรียญต่อปี. สำหรับระดับการต่อสู้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของสงครามครั้งนี้ ซึ่งกำลังใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวน 2,500 ล้านเหรียญต่อวัน. ใน 11 วันที่ผ่านมา ต้นทุนของสงครามมันมากกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญไปแล้ว. บางที Hubbard ที่ได้รับการศึกษามาจาก Harvard ควรจะปัดฝุ่นความรู้เกี่ยวกับเลขคณิตของเขาได้แล้ว
มันเป็นความจริงที่ว่า อ่าวเปอร์เซียตอนนี้รับผิดชอบสำหรับการปันส่วนในเรื่องการผลิตน้ำมันโลกน้อยกว่าในปี 1990, และเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญๆกลายเป็นผู้บริโภคน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าทศวรรษที่ผ่านมา. กระนั้นก็ตาม เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ทำงานอยู่ในตลาดโลกอย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพอยู่นี้ ความเปราะบางหรือความไม่มั่นคงของมันอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่มากจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรม ที่มีสาเหตุมาจากการแตกกระจายของอุปทานด้านน้ำมัน แต่มันมาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดที่ไม่มีความแน่นอน
สำหรับญี่ปุ่นและเยอรมันนี แม้แต่กระทั่งการขึ้นราคาน้ำมันเพียงเล็กน้อย ก็จะสามารถสร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ต่อความหวังที่จะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมของแต่ละประเทศแล้ว
กิตติศัพท์ของ Greenspan ส่วนใหญ่แล้วได้รับการสร้างขึ้นมาบนการโต้ตอบของเขาต่อวิกฤตการณ์ทางด้านการเงินต่างๆ. เมื่อตลาดหุ้นพังลงในวันที่ 19 ตุลาคม 1987, สองเดือนหลังจาก Greenspan ได้เป็นประธาน, ธนาคารกลางได้ให้ยืมเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์แก่สถาบันการเงินต่างๆ และได้ลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนลง. ความเคลื่อนไหวของเงินได้ไหลท่วมตลาดการเงิน ซึ่งได้ช่วยปกปักรักษาความคล่องตัวและฟื้นฟูควาามเชื่อมั่นในระบบการเงินขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผลของเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เริ่มก่อตัวเศรษฐกิจฟองสบู่ขึ้นมาในช่วงทศวรรษที่ 1990s
ภายหลังการโจมตีในวันที่ 11 กันยายน 2001, ธนาคารกลางได้ปั๊มเงินจำนวน 1 แสนล้านเหรียญเข้าไปสู่ระบบเงินตราภายในสี่วัน. เฉพาะเพียงวันที่ 12 กันยายนวันเดียว ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ให้ธนาคารสำคัญๆยืมเงินไปอย่างเต็มไม้เต็มมือถึง 46,000 ล้านเหรียญโดยไม่มีเงื่อนไข. ธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ค ซึ่งดำเนินการในเชิงการค้าของ Fed ได้ปล่อยเงินเพิ่มเติมหลายพันล้านดอลลาร์ไหลท่วมเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยการซื้อความมั่นคงของสินทรัพย์ต่างๆตามราคาที่บันทึกไว้ตลอดสัปดาห์
บันทึกของ Greenspan ได้ถูกทำให้ด่างพร้อย เมื่อฟองสบู่ตลาดหุ้นได้แตกในปี 2000. เขาช้าไปในการที่จะยอมรับความเลยเถิดไปของฟองสบู่ตลาดหุ้นในเศรษฐกิจใหม่อย่างดื้อดึง โดยการต้อนรับมันในฐานะที่เป็นการลุกขึ้นมาอย่างน่าตื่นเต้นในอำนาจการผลิต. นับจากปี 2001 เป็นต้นมา ธนาคารกลางได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 12 ครั้ง และได้ลด benchmark federal funds rate ลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 41 ปี
เมื่อมีการพูดถึงเรื่องของสงครามขยายตัวมากขึ้น ระดับความกังวลใจได้เพิ่มสูงขึ้นทั้งทางด้านธุรกิจและในหมู่นักลงทุนทั้งหลายตามลำดับ ธนาคารกลางยังได้ลด federal funds rate ลงอีกในเดือนพฤศจิกายนราว 0.50 เปอร์เซ็นต์, จาก 1.75 เหลือ 1.25
ความหวาดกลัวในภาวะเงินฝืดได้ทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นมาว่า ถ้าเผื่อว่าราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้น ธนาคารกลางสามารถที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างง่ายดายโดยไม่มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อ กระนั้น การแตกกิ่งก้านสาขาของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไปพ้นจากผลกระทบเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ไปบิดเบือนเศรษฐกิจ โดยผู้บริโภคต้องใช้จ่ายเกินไปกับเซคเตอร์ที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน ซึ่ง ณ จุดนั้นมันกำลังสร้างความชะงักงันเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
ถ้าหากว่าสงครามลากยาวออกไป ความเชื่อมั่นทางธุรกิจจะลดลงต่อไป และมันจะโถมให้ประเทศนี้ไปสู่ความซบเซาทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ ธนาคารกลางมีช่องว่างไม่มากนักที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก นับตั้งแต่ที่มันไม่สามารถที่จะลด federal funds rate สำหรับเงินกู้ข้ามคืนให้ต่ำลงไปกว่าศูนย์
แต่ Grennspan และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆนี้ได้ยืนยันว่า แม้อัตรา Fed funds rate ข้ามคืนถูกลดลงต่ำกว่าศูนย์ พวกเขายังคงมีเครื่องมืออื่นๆที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอีก. ธนาคารสามารถที่จะซื้อความมั่นคงของสินทรัพย์ในระยะยาวต่างๆได้ เช่นสินทรัพย์มั่นคง 2 ปี หรือ 5 ปี หรือกระทั่ง 10 ปี. โดยการจ่ายเงินสดสำหรับสินทรัพย์ที่มั่นคงเหล่านั้น
ธนาคารกลาง โดยที่จริงแล้วจะปั๊มเงินเข้าไปสู่เศรษฐกิจ และผลักให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดต่ำลงจาก 4.5 เปอร์เซนต์ลงมาเหลือ 2.5 เปอร์เซ็นต์. แต่นั่นจะต้องเป็นพื้นที่ซึ่งไม่มีใครเคยแตะต้องมาก่อนสำหรับธนาคารกลาง และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่างยอมรับว่า ผลกระทบที่เที่ยงตรงนั้นไม่เคยสามารถคาดการณ์ได้จริงๆ
มันยังมีประเด็นปัญหาอื่นๆอีกด้วย. นโยบายต่างๆเกี่ยวกับ Fed's easy money (เงินง่ายของรัฐบาล)[easy money หมายถึงเงินที่ได้มาโดยง่าย โดยการใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย หรือเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่ไม่ยุ่งยาก] ได้ไปกระตุ้นการซื้อบ้านและ refinancing (การกู้หนี้ใหม่เพื่อชำระหนี้เก่า), มีการกระตุ้นผู้บริโภคทั้งหลายในการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์เช่นบ้านของพวกเขาไปเป็นเงินสดที่เรียกว่า cash-out refinancing, เพื่อซื้อสินค้าบริโภคต่างๆที่มีราคาแพง
แต่เงินง่ายของรัฐบาลอันนี้ กลับไม่ก่อให้เกิดผลใดๆในการฟื้นสภาพเกี่ยวกับการใช้จ่ายทางธุรกิจ ซึ่งถูกทำให้ตกต่ำลงโดยความสามารถทางด้านการผลิตที่ล้นเกิน(overcapacity) และรายได้ที่ได้มาด้วยความยากเย็น เช่นเดียวกับความกระวนกระวายใจเกี่ยวกับสงคราม
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงแบบปัจจุบันทันด่วนในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย, โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกเบี้ยระยะยาว ได้ไปกระทำการอันรุนแรงต่อโครงสร้างทางการเงิน(derivatives - เงินฝากประเภทต่างๆ) ซึ่งไม่แน่นอนอยู่แล้วอย่างมาก. ธนาคารกลางอาจตกอยู่ในกับดักของความนิ่งเงียบ, มันคือสิ่งที่ Warren Buffet เรียกว่า อาวุธทำลายล้างอันรุนแรงทางการเงิน(financial weapons of mass destruction)
สิทธิหรือความชอบธรรมในการทำสงครามของสหรัฐฯ เป็นการอัตวินิบาตกรรมตนเอง โดยการประกาศสงครามกับอิรัค มันเป็นยาแรงหรือยาพิษที่มีผลถึงตายต่อตัวเองในความพยายามที่จะรักษาไวรัสซัดดัม
ความเชื่อมโยงกันระหว่างค่าใช้จ่าย และงบประมาณชาติ และการลดหย่อนภาษีของบุชเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน. ขนาดของอำนาจในการรุกรานได้ถูกเพิ่มขึ้นมาโดยการบีบบังคับต่างๆเกี่ยวกับหลักทฤษฎีในเชิงตรรกและมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Rumsfeld, ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของแผนการทำสงครามครั้งนี้
มายาคติซึ่งแผนการทำสงครามครั้งนี้วางอยู่คือ จะมีการก่อจลาจลขึ้นภายในต่อซัดดัมในไม่ช้า อย่างน้อยที่สุดในหมู่ของพวกชีอะทางภาคใต้ - ไม่ใช่ร่วมมือกับการต่อต้านของกองโจรอิรัค. แผนสงครามดังกล่าวเตรียมการสำหรับสองแนวรบ, นั่นคือจากเหนือและใต้เพื่อมุ่งโจมตีกรุงแบกแดด ซึ่งแผนการณ์นี้ได้ถูกทำลายลงโดยตุรกี หมายถึงได้รับการสนับสนุนจากประเทศนั้น ซึ่งสหรัฐฯมีความมั่นใจมาก แต่การณ์กลับตาลปัตร เพราะตุรกีไม่ยินยอมอันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯมิได้ให้สินบนมากพอ
วอชิงตันก็ไม่เต็มใจด้วย ที่จะใช้จ่ายราคาค่างวดทางการเมืองเกี่ยวกับผลประโยชน์ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับตุรกีภายหลังสงครามอิรัดโดยการเซ่นสังเวยด้วยชาวเคิร์ด. แผนการทำสงครามของ Rumfeld เป็นการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, ด้วยกองกำลังขนาดเบาที่มุ่งไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่แบกแดดอย่างมีชัยชนะด้วยการต่อต้านเพียงเล็กน้อย หลังจากการโจมตีทางอากาศที่เรียกว่าปฏิบัติการสร้างความสั่นสะเทือนและตะลึงพรึงเพริด(shock and awe air attack) และการยอมจำนนอย่างกว้างขวางโดยหน่วยรบ Republican Guards
แผนการณ์ดังกล่าวได้ถูกทำให้มีมลทินนับจากเริ่มต้น เหยื่อตัวหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อของวอชิงตันเกี่ยวกับสงคราวคราวนี้ก็คือ การปลดปล่อยประชาชนอิรัคให้เป็นอิสระ. แต่การรุกรานครั้งนี้กลับกลายเป็นตัวแทนของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สำหรับชาวอิรัคและลัทธิชาตินิยมอาหรับโดยรวม และมันยังเลื่อนสถานะของซัดดัมขึ้นไปสู่บทบาทของความเป็นวีรบุรุษและความเป็นผู้ยอมตายแทนที่จะละทิ้งอุดมการณ์อาหรับ อันเนื่องมาจากการต่อสู้เพื่อการปกป้องตนเอง โดยชาติที่อ่อนแอชาติหนึ่งกับอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก
บรรดาสมาชิกของ Democrat ทั้งหลายไม่สามารถทำอะไรได้เลย เว้นแต่กรณีพิเศษของสุ้มเสียงที่หาญกล้าของผู้แทนฯเพียงไม่กี่คน และสำหรับการที่พรรคการเมืองของพวกเขาได้ไปตัดทอนการลดภาษีของบุชลงไปค่อนข้างมาก นอกนั้นสมาชิก Democrat ได้ร่วมมือกับแผนการทำสงครามอันเพ้อฝันหรือออกจะแฟนตาซีครั้งนี้อย่างดียิ่ง
ในเชิงภูมิศาสตร์ หากปราศจากแนวรบทางด้านเหนือแล้ว อิรัคก็เปรียบเสมือนขวดใบใหญ่ที่มีปากขวดแคบทางด้านใต้ และมีท่าเรือแต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะถูกโจมตีได้ง่าย. ท่อลำเลียงที่ยาวกว่า 300 ไมล์จากท่าเรือไปสู่กรุงแบกแดดเป็นทะเลทรายเปิดไปตลอด มันค่อนข้างจะเปราะบางต่อการโจมตีได้ง่ายของกองโจรไม่ว่า ณ จุดใด
เครื่องไม้เครื่องมือในการสงครามของสหรัฐฯต้องการน้ำมันจำนวนมาก รวมไปถึงกำลังบำรุงในด้านต่างๆ เช่น น้ำ อาหาร และยุทธภัณฑ์. รถบรรทุกน้ำมันต่างๆของสหรัฐฯ มีขนาดความยาวประมาณ 60 ฟุต และเป็นไปได้ว่ามันจะถูกโจมตีได้ง่ายโดยไม่อาจผิดพลาดเลย แม้แต่นักรบที่ไม่ได้ถูกฝึก ด้วยการใช้ปืนไรเฟิลที่ยิงจากระยะไกลด้วยหัวกระสุนเจาะเกราะ
ขณะเดียวกันภูมิอากาศได้เปลี่ยนไปร้อนขึ้นสำหรับเดือนนี้ กองทัพสหรัฐจะพบว่าธรรมชาติกลับเป็นศัตรูอีกตนหนึ่งที่เอาชนะได้ยาก. ถ้าหากว่าเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้มันจะไม่สามารถลบล้างต่อแผนการสงครามของสหรัฐฯได้ก็ตาม แต่พลเรือโท William Wallace ก็ยังยอมรับอย่างเปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐฯไม่ได้เตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพพอสำหรับศัตรูที่ตนกำลังจะต่อสู้ด้วย
มาถึงตอนนี้ สงครามกำลังคุกคามก้ำเกินไปสู่ซีเรียและอิหร่าน และกำลังก่อให้เกิดการไร้เสถียรภาพทางการเมืองในการปกครองของอาหรับทั้งมวลในภูมิภาคแถบนั้น. องค์การนาโต้ได้ถูกทำให้อ่อนแอลง และพันธมิตรทั่วแอตแลนติดตามจารีตได้ถูกทำให้ตึงเครียด
ในทางที่ขัดแย้ง สงครามครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการดึงเอารัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน และจีนให้มาใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้มันจะไม่อยู่ในฝ่ายตรงข้ามกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯที่แผ่ไปทั่วโลก แต่ก็เป็นพัฒนาการที่มีนัยสำคัญอันหนึ่งด้วยการพัวพันที่มีมายาวนานซึ่งยากที่จะประเมินได้ ณ ปัจจุบัน
โลกาภิวัตน์เป็นระเบิดลูกสุดท้ายที่ได้รับผลกระทบสำหรับสงครามครั้งนี้. สายการบินหลายสายกำลังจะมอดม้วยและไม่มีการเดินทางทางอากาศ โลกาภิวัตน์เป็นเพียงสโลแกนหรือคำขวัญในการโฆษณาเท่านั้น. การแช่แข็งเกี่ยวกับทรัพย์สินของอิรัคในต่างประเทศกำลังทำลายภาพพจน์ของสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นสวรรค์ทางการเงินที่มั่นคง
การฟื้นคืนชีพของลัทธิชาตินิยมอาหรับจะเปลี่ยนแปลงพลวัตต่างๆในการเมืองตะวันออกกลาง. มายาคติเกี่ยวกับพลังอำนาจของสหรัฐฯได้ถูกทิ่มแทงจนทะลุ. ต้นทุนต่างๆทางภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้ต่อสหรัฐฯมันมากมายเหลือคณา และผลประโยชน์ต่างๆนั้นยากที่จะมองเห็น
สงครามคราวนี้จะจบสิ้นลงโดยวิวัฒนาการของตัวมันเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยไม่เกี่ยวกับการเดินขบวนต่อต้านสงครามใดๆ. มันจะไม่จบลงอย่างมีความสุข มันยังไม่มียุทธวิธีที่เป็นทางออกที่เห็นได้สำหรับสหรัฐฯภายหลังสงครามครั้งนี้ โลกจะยังคงไม่มีอภิมหาอำนาจ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงเข้มแข็งทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร
แต่สหรัฐฯจะถูกบังคับให้เรียนรู้ถึงความระมัดระวังและความเป็นจริงมากขึ้นๆ เกี่ยวกับใช้สมรรถนะของตนไปยัดเยียดต่อประชาชาติอื่นโดยผ่านการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับพลังอำนาจที่ตนมี. สหราชอาณาจักรอังกฤษก็จะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง ทหารอังกฤษได้ไปรับใช้ข้อสังเกตและคำวิจารณ์ของ Blair แล้วที่ว่า อังกฤษไม่สามารถธำรงการต่อสู้ได้ในระดับสูงต่อไปสำหรับยุคสมัยอันไม่แน่นอนนี้
การรุกรานอิรัคเป็นตัวแทนเครื่องหมายภัยพิบัติ เป็นการลงโทษตัวเองต่อความเป็นจักรวรรดินิยมของสหรัฐฯ. การเดินขบวนต่อต้านสงครามไปทั่วโลก และภายในประเทศอเมริกาเองจะยกความสำนึกของสาธารณชนขึ้นมาต่อสงครามที่ว่า จริงๆแล้วมันหมายความว่าอะไร และสำหรับการยืนหยัดที่แท้จริงของมัน จุดมุ่งหมายนั้นไม่อาจหยุดยั้งสงครามลงได้ง่ายๆ ซึ่งมีอำนาจซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังสงครามจักรวรรดินิยมทั้งปวง
ประธานาธิบดีซัดดัมไม่ใช่คนวิกลจริต บันทึกของเขาเกี่ยวกับการปกครองมันไม่ได้สวยงามนักอย่างที่เห็น แต่ตามแบบฉบับแล้ว มันคือการปกครองที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดของความคิดแบบรัฐทหารทั้งมวล(garrison state mentality)นั่นเอง. ความคิดนั้นได้รับการสร้างขึ้นมาเป็นศตวรรษในโลกตะวันตก และโดยสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้นี่เอง นั่นคือ ลัทธิจักรวรรดินิยม
ชาวอเมริกันทั้งหลาย กระทั่งพวกฝ่ายซ้ายที่นิยมความรุนแรงและแนวคิดเสรี ไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาได้ด้วยความจำเป็นทางธรรมชาติ สำหรับความรุนแรงในการต่อสู้กันทางการเมืองของบรรดานักชาตินิยมทั้งหลาย ในการต่อสู้ของพวกเขาที่สวนทางกันกับลัทธิจักรวรรดินิยม. พวกเขาให้ที่พักพิงความรู้สึกที่แท้จริงอันหนึ่งเกี่ยวกับการต่อต้านคัดค้านสำหรับการกดขี่ทางการเมืองซึ่งไม่คุ้นเคยต่อเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ของพวกเขา.
เป็นดั่งนั้น ดังที่มันเป็น เพียงชาวอิรัคทั้งหลายเท่านั้นที่จะได้รับการพิสูจน์ ในความพยายามที่จะขจัดผู้นำอิรัคคนใดก็ตามอันไม่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาออกไปจากอิรัค, ไม่ใช่ด้วยพลังอำนาจจากภายนอกหรือต่างประเทศ และเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ภารกิจของชาวต่างประเทศที่จะมาต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองดังกล่าว. จักรวรรดินิยมที่มีศีลธรรมถึงอย่างไรก็ตามก็ยังเป็นจักรวรรดินิยมอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น การรุกรานครั้งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงจากซัดดัมไปสู่นักต่อสู้วีรบุรุษในการป้องกันของชาวอิรัคและลัทธิชาตินิยมอาหรับ และในฐานะนักรบที่หาญกล้าในการต้านทานที่มีต่ออภิมหาอำนาจของโลกเพียงลำพังหนึ่งเดียว. ผู้คนเพียงพวกเดียวในตลอดทั่วทั้งโลกที่กำลังซื้อการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระก็คือ"ชาวอเมริกัน" และแม้กระทั่งคนอเมริกันเป็นจำนวนมาก ผู้ซึ่งให้การสนับสนุนความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในอิรัค พวกเขาเหล่านั้นต่างเริ่มครุ่นคิดกันใหม่ถึงความต้องการและความเป็นไปได้ของพวกเขา. ประชาชนจำนวนมากในประชาชาติอาหรับกำลังปรารถนาให้ซัดดัมเป็นผู้นำของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในระเบียบโลกอันหนึ่งเกี่ยวกับรัฐชาติ มันเป็นธรรมชาติสำหรับบรรดาพลเมืองทั้งหลายที่จะให้การสนับสนุนกองทัพของพวกเขา แต่เฉพาะต่อผืนแผ่นดินของพวกเขาเองเท่านั้น. การสนับสนุนกองทัพที่ส่งไปทำการนอกประเทศทั้งหมด หรือกำลังอำนาจของการรุกรานมันไม่ใช่ความรักชาติ แต่มันคือจักวรรดินิยม
ทุกๆประเทศได้รับสิทธิที่จะใช้กำลังปกป้องตนเองได้ แต่การใช้กำลังในการล่วงละเมิดประเทศอื่นทั้งมวลจะต้องถูกประณามโดยทุกๆคนและทุกกลุ่ม ทั้งบรรดานักสังคมนิยมและพวกเสรีนิยมฝ่ายขวาอย่างเดียวกัน แถลงการณ์และข้อถกเถียงในการต่อต้านสงครามบางชิ้นที่มีเหตุผลมากที่สุดในสหรัฐฯ ณ ขณะนี้ มันกำลังพรั่งพรูออกมาจากพวกเสรีนิยมฝ่ายขวา ไม่ใช่จากฝ่ายซ้าย
ศัตรูที่แท้จริงก็คือลัทธิเสรีนิยมใหม่(neo-liberalism). สงครามซึ่งมีต่ออิรัคเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันจากลัทธิดังกล่าว และพวกเราจะต้องทำให้โลกของเราปลอดพ้นจากลัทธิเสรีนิยมใหม่นี้. สงครามคราวนี้คือมะเร็งร้ายที่ทำร้ายตนเอง ซึ่งกำลังงอกงามขึ้นภายในลัทธิเสรีนิยมใหม่สหรัฐฯ
เทียบเคียงกันกับสงครามกลางเมืองในอดีตของสหรัฐฯ มันได้ช่วย Abraham Lincoln ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรมของนักการเมืองที่เป็นนักแบ่งแยกซึ่งไร้ศีลธรรม กลับฉายฉานตัวเขาอยู่ในประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นนักปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระคนหนึ่ง
ส่วนสำหรับสงครามครั้งนี้ มันจะช่วยให้ซัดดัมหลุดออกจากชะตากรรมของนักเผด็จการที่ใจบาปหยาบช้า และจะฉายฉานตัวเขาอยู่ในประวัติศาสตร์ที่เรียงลำดับอยู่ในทำเนียบนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพตัวจริงคนหนึ่ง
นั่นคือของขวัญจากบุชที่มอบให้กับซัดดัม โดยต้องจ่ายอย่างเต็มที่ด้วยเลือดของความกล้าและดีที่สุดของชาวอิรัค รวมไปถึงพลเมืองอเมริกันและอังกฤษด้วย
(หมายเหตุ : ผู้เขียน Henry C K Liu is chairman of the New York-based Liu Investment Group)
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา I ประวัติ ม.เที่ยงคืน
e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
สำหรับสมาชิกที่ต้องการ download ข้อมูล อาจใช้วิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้
1. ให้ทำ hyper text ข้อมูลทั้งหมด
2. copy ข้อมูลด้วยคำสั่ง Ctrl + C
3. เปิด word ขึ้นมา (microsoft-word หรือ word pad)
4. Paste โดยใช้คำสั่ง Ctrl + V
จะได้ข้อมูลมา ซึ่งย่อหน้าเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ
(กรณีตัวหนังสือสีจาง ให้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มในโปรแกรม Microsoft-word)