Website
ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษาโดยไม่จำกัดคุณวุฒิ หากนักศึกษา สมาชิก สนใจบทความที่เผยแพร่อยู่บนเว็ปไซต์แห่งนี้
กรุณาไปดูได้จากที่นี่ หน้าสารบัญ
ในฐานะประชาชนชาวเชียงใหม่
และอดีตคนกรุงเทพฯที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นบนแผ่นดินเชียงใหม่กว่า 15 ปี ออกจะตกใจจนเกือบจับไข้หัวโกร๋น
กับข่าวนายกฯทักษิณอยาก"ทำ"เชียงใหม่ให้เทียบชั้นดิสนีย์แลนด์ โดยจะทุ่มเงินงบประมาณของชาติกว่า
20,000 ล้านบาท ด้วยเป้าหมายที่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ คือเพื่อเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยว
ไม่ว่าวาระซ่อนเร้นในการประกาศนโยบายนี้จะเป็นอะไรก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าผู้บริหารที่ชาญฉลาดอย่างคุณทักษิณ
จะคิดอะไรได้แต่เพียงการยัดเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบบริการและการจ้างงาน
อย่างที่พูดให้ขลังตามขี้ปากฝรั่งว่า value creation ซ้ำยังนึกถึง value อะไรไม่ได้มากไปกว่าการขุดเอาวัฒนธรรมขึ้นมาขายๆๆ
ในนามของการท่องเที่ยว ดังที่ท่านบอกว่า"จะสร้างเอกลักษณ์ให้วัฒนธรรมเชียงใหม่
จะเสริมระบบขนส่งมวลชนเป็นโมโนเรล ที่ใช้ทั้งขนส่งและชมทิวทัศน์ของเมือง สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ
สร้างสวนสัตว์กลางคืน สร้างเคเบิลคาร์ที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งจะลงทุนไม่เกิน
20,000 ล้านบาท ก็ทำให้เชียงใหม่มีแวลูครีเอชั่นได้"
คำถามก็คือ ท่านนายกฯหรือหน่วยงานที่จะกระดิกหางขานรับเรื่องนี้ เคยถามประชาชนชาวเชียงใหม่บ้างหรือไม่ว่า เราอยากให้แผ่นดินเกิดของเราเป็นแบบดิสนีย์แลนด์หรือไม่ ? ทุกวันนี้ความเจ็บช้ำกล้ำกลืนของคนเชียงใหม่จำนวนมาก ในฐานะของเมืองที่"ถูกท่องเที่ยว"ชั้นแนวหน้านั้น มีมากพออยู่แล้ว เราต้องเสียสละช่องทางจราจรให้รถบัสคันใหญ่ของนักท่องเที่ยว ที่นึกจะจอดขวางทางเพื่อซื้อของที่ระลึกตรงไหนก็ได้
เราต้องสู้ทนกักตัวเองไว้ในบ้านกับการซื้อกับข้าวตุนใส่ตู้เย็น เพื่อจะไม่ต้องเข้าสู่สงครามน้ำบนท้องถนนในช่วงสงกรานต์ ขณะที่ชาวบ้านแถวตีนดอยสุเทพ ต้องไปหิ้วน้ำจากรถจ่ายน้ำ อบต.ในช่วงแล้งนั้น เพราะไนท์ซาฟารี หรือสวนสัตว์กลางคืนของท่านนายกฯ (ก็ท่านขึ้นป้ายใหญ่เบ้อเริ่มว่า เป็นโครงการในดำริของฯพณฯ ) มาตอกบ่อลึกเป็นร้อยๆ เมตรหลายสิบบ่อเพื่อสวนสัตว์กลางคืนที่ท่านอยากได้ โดยจนป่านนี้โครงการหลุมดำที่ดูดงบประมาณแผ่นดินไปมหาศาลแล้วนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดให้บริการได้
หรือหากเปิดให้บริการ
คนเชียงใหม่ก็จินตนาการไม่ออกว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินสู่ชาวเชียงใหม่ยังไง
นอกเสียจากการเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนขั้นต่ำไม่กี่ตำแหน่ง มิพักจะพูดถึงการปู้ยี่ปู้ยำแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิม
ให้กลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมของการขาย ๆ ๆ ๆ เพื่อเสพบริโภคเหมือนๆกันไปตั้งแต่เหนือจรดใต้
จนนึกไม่ออกว่าเอกลักษณ์เชียงใหม่ที่ท่านายกฯเอ่ยมานั้น ท่านหมายถึงอะไร
และถ้าเอกลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ มีอยู่จริง ก็แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะ"สร้าง"ได้ด้วยเม็ดเงินและกรอบคิดแต่เพียงแง่มุมของการท่องเที่ยว
ท่านคงเข้าใจผิดอะไรไปมากทีเดียวเกี่ยวกับความหมายและคุณค่าของ "เอกลักษณ์"
และ "วัฒนธรรม" เพราะท่านพร่ำพูดถึงแต่โครงการก่อสร้างและกายภาพของเมือง
ทั้งระบบขนส่งมวลชนเอย ศูนย์ประชุมนานาชาติเอย ชวนให้นึกสงสัยว่า ไม่เคยมีหน่วยงานใดๆของการท่องเที่ยว
ทำการศึกษาวิจัยให้ได้ความรู้ที่ชัดเจนเลยหรือว่า
นักท่องเที่ยวชั้นดี
เอ้า หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปก็ได้ เขาอยากมาเที่ยวเชียงใหม่
เพราะอะไร ? ไหนๆก็มุ่งจะหากินกับการท่องเที่ยวไปทุกหย่อมหญ้าทั้งที
วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเชียงใหม่เป็นอย่างไร ก็ต้องถามพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย และชาวชุมชนที่อยู่นอกเมืองเชียงใหม่ เพราะทุกวันนี้ คนเชียงใหม่จริงๆถูกไล่ที่จากธุรกิจ ( และผู้คนที่มาซื้อ -ขายฝันกันในเชียงใหม่) ไปอยู่รอบนอกกันเสียมาก ไปดูให้"เห็น"และเรียนรู้ให้"เข้าใจ" จากวิถีชีวิต สำรับกับข้าว และสิ่งที่อยู่ใน"ปุ๋ม" (ภูมิ) ของคนเชียงใหม่จริงๆ ซึ่งไม่ใช่การแสดงมรหรสพ แอ่ะๆอุ่ย แอ่ะๆอุ่ย อย่างที่เสแสร้งขายกันอยู่
แล้วตกลงนโยบายแห่งชาติ อยากให้เชียงใหม่เป็นอะไรกันแน่ ศูนย์กลางการบินก็จะเป็น ศูนย์กลางการเงินก็จะเป็น ศูนย์กลางวัฒนธรรมก็จะเป็น นี่จะให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอีกแล้ว หรือจะพูดให้ถูกว่า ทั้งหมดนี้คือการพัฒนาบนความโลภใช่หรือไม่ ? จากกรอบคิดการพัฒนาที่ไหลจากศูนย์กลางอำนาจไม่เคยแปรเปลี่ยน แม้เชียงใหม่จะไม่ได้เป็นเมืองขึ้นมากว่า 700 ปี
หากโครงการปั้นเชียงใหม่ให้เป็นดิสนีย์แลนด์เกิดขึ้นจริงๆ
เชื่อเถอะว่าคนเชียงใหม่ส่วนใหญ่ก็คงไม่ลุกขึ้นมาก่อม็อบคัดค้านอะไร อย่าว่าแต่คนเชียงใหม่เลย
คนจังหวัดไหนๆก็เหมือนกัน ลอง
ท่องมนต์มหาระรวยเรื่องรายได้การท่องเที่ยวแบบนี้ ประชาชนตาดำๆ ก็คงได้แต่ตาลอยเคลิบเคลิ้มกันไป
ส่วนที่ลุกขึ้นมาเขียนอะไรโวยอะไรบ้าง ก็จะถูกป้ายสีปิดฉลากเก่าๆว่าเป็นคนส่วนน้อยบ้าง
ไม่ใช่คนเชียงใหม่บ้าง โดยหารู้ไม่ว่าเขาไม่อยากให้เชียงใหม่เป็นเมืองอุบาทว์อย่างที่ที่เขาหนีมาเพราะอะไร
บทเรียนความล้มเหลวของโครงการพัฒนา ที่ไม่เคยศึกษาหรือถามหาความต้องการของท้องถิ่นสักที กลายเป็นพล็อตนิยายซ้ำซากที่นักเขียนบทในโครงสร้างส่วนบน ทั้งของรัฐและทุนไม่เคยใส่ใจ เนื่องเพราะการท่องเที่ยวได้กลายเป็น"ชิ้นปลามัน" ที่ทำให้นักธุรกิจการเมืองสบช่องการฮั้วและปั้นโครงการก่อสร้างต่างๆ เข้ามา "พัฒนา" ท้องถิ่นได้อย่างเมามัน
ไม่ต้องเสียเวลาและใช้เงินงบประมาณแผ่นดินมหาศาลมาบันดาลเชียงใหม่ให้เป็นดิสนีย์แลนด์หรอก ฯพณฯ เชียงใหม่เป็นดิสนีย์แลนด์อยู่แล้ว และเมืองไหนๆในแผ่นดินไทยนี้ก็กำลังจะกลายเป็นดิสนีย์แลนด์กันไปหมด ในความหมายที่ดิสนีย์แลนด์คือดินแดนเทพนิยายแห่งการเสแสร้งปั้นแต่ง เพื่อจะมอมเมาผู้คนให้เคลิบเคลิ้มสนุกสนานอยู่ในดินแดนเนรมิต เพื่อความลวงจะทำให้เราหลงลืมความจริงอันเจ็บปวดของผู้ถูกปกครอง ในดิสนีย์แลนด์แดนสยามนี้
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา
3
ประวัติมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด
กว่า 600 เรื่อง หนากว่า 8000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 120 บาท(รวมค่าส่ง)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
คำถามก็คือ ท่านนายกฯหรือหน่วยงานที่จะกระดิกหางขานรับเรื่องนี้ เคยถามประชาชนชาวเชียงใหม่บ้างหรือไม่ว่า เราอยากให้แผ่นดินเกิดของเราเป็นแบบดิสนีย์แลนด์หรือไม่ ? ทุกวันนี้ความเจ็บช้ำกล้ำกลืนของคนเชียงใหม่จำนวนมาก ในฐานะของเมืองที่"ถูกท่องเที่ยว"ชั้นแนวหน้านั้น มีมากพออยู่แล้ว เราต้องเสียสละช่องทางจราจรให้รถบัสคันใหญ่ของนักท่องเที่ยว ที่นึกจะจอดขวางทางเพื่อซื้อของที่ระลึกตรงไหนก็ได้... เราต้องสู้ทนกักตัวเองไว้ในบ้านกับการซื้อกับข้าวตุนใส่ตู้เย็น เพื่อจะไม่ต้องเข้าสู่สงครามน้ำบนท้องถนนในช่วงสงกรานต์ ขณะที่ชาวบ้านแถวตีนดอยสุเทพ ต้องไปหิ้วน้ำจากรถจ่ายน้ำ อบต.ในช่วงแล้งนั้น เพราะไนท์ซาฟารี หรือสวนสัตว์กลางคืนของท่านนายกฯ
ผมคงจะต้องย้ำว่า ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะสื่อว่าคุณทักษิณเป็นผู้ที่ไร้ความจริงใจ หรือความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่ผมก็ยังเชื่อว่าคุณทักษิณมีความสัมพันธ์กับประชาชนที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่นมีเป้าหมายแอบแฝงบางอย่างที่ไม่ได้บอกประชาชนชัดเจน ที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เรียกว่า "นโยบายการแปลงทรัพย์สินสาธารณะให้เป็นของเอกชน" (อ.จอน อึ้งภากรณ์ สมาชิกวุฒิสภา)