H
home
จากหนังสือ An Introductory Guide to Post-Structuralism and Postmodernism Second Edition : by Madan Sarup (1993) น. 5-10
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 211 ประจำเดือนกันยายน ๒๕๔๕

ผลงานวิชาการ : ปรัชญาหลังสมัยใหม่ ของ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการนำไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการ กรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควร

ประวัติสังเขปของลากอง Lacan, Jacques-Marie Emile, (1901-1981) เป็นนักจิตวิเคราะห์ชาวฝรั่งเศส

Lacan มีคุณวุฒิในฐานะดอกเตอร์ทางด้านการแพทย์ ก่อนที่จะศึกษาต่อในแขนงวิชาจิตแพทย์ภายใต้การควบคุมของ Henri Claude และ Gatian de Clerambaut และทำงานที่คลีนิคพิเศษแห่งหนึ่งซึ่งประจำอยู่ที่ที่ทำการสถานีตำรวจ

Lacan ไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มสภาพของ the Societe Psychoanalytique de Paris (สมาคมจิตวิเคราะห์แห่งปารีส) จนกระทั่งปี ค.ศ.1938 และหลังจากนั้นได้ทะเลาะกับสมาคมดังกล่าว ทำให้มีการแยกตัวออกมาเป็นกลุ่ม ซึ่งในท้ายที่สุดได้กลายมาเป็น the Ecole Freudienne de Paris ในปี ค.ศ.1964

การสัมนาต่างๆและการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของ Lacan ณ the Ecole Normale Superieure เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1953 อันเป็นจุดโฟกัสสำหรับปัญญาชนที่มีความรู้ทั้งหลายชาวฝรั่งเศส และผลงานต่างๆที่คนเหล่านี้สร้างขึ้นมาได้รับการตีพิมพ์เป็น Ecrits (document - written paper). รายงานสัมนาต่างๆสำหรับปี ค.ศ.1964 ได้รับการพิมพ์ออกมาในภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า The Four Fundemental Concepts of Psychoanalysis (1977) [แนวคิดเบื้องต้นสี่ประการเกี่ยวกับจิตวิเคราะห์]

ข้อมูล: ประวัติสังเขปของลากอง มาจาก www.atl.ualberta.ca/po/ scholars.cfm?range=39

ผลงานภาพประกอบดัดแปลง ภาพถ่ายของ Lacan, Jacques-Marie Emile, (1901-1981) นำมาใช้ประกอบบทความทางวิชาการของ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน โดยไม่มีการจำหน่าย และไม่มีการค้ากำไรในรูปใดทั้งสิ้น (01-09-45)
สำหรับ Lacan แล้ว มันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างตัวตนและสังคม. มนุษย์กลายเป็นสังคมด้วยการผนวกเข้าด้วยกันของภาษา; และมันเป็นเพราะภาษาที่ได้สร้างพวกเราขึ้นมาในฐานะที่เป็นตัวตน(subject). ด้วยเหตุดังนั้น พวกเราไม่ควรที่จะแยกขั้วระหว่างปัจเจกและสังคมออกจากกัน. สังคมดำรงอยู่ในปัจเจกชนแต่ละคน
บ่อยครั้งมันได้รับการพูดว่า Lacan ต้องการถูกทำความเข้าใจเพียงโดยคนเหล่านั้น ผู้ซึ่งต้องการที่จะพยายามทำความเข้าใจเขาเท่านั้น. และสำหรับบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนคิดว่า พวกเราควรพยายามทำเช่นนั้น. งานเขียนของ Lacan ซึ่งเป็นตัวอย่างแสดงถึงทัศนะของเขาเกี่ยวกับภาษา มันค่อนข้างมีนัยพาดพิง. ภาษาของเขาเป็นการหลอมรวมเอาลักษณะทางทฤษฎีและกวีนิพนธ์เข้าหากัน (บทความนี้ยาวประมาณ 8 หน้ากระดาษ A4)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : ทางเลือกอุดมศึกษาเพื่อความเป็นไท - หากสมาชิกและนักศึกษาประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุาลดขนาดของ font ลง จะแก้ปัญหาได้

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืนเราต้องอาศัยจินตนาการ


Website ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษา
โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ

สนใจสมัครเป็นสมาชิก
กรุณาคลิก member page
ส่วนผู้ที่ต้องการดูหัวข้อบทความ
ทั้งหมด ที่มีบริการอยู่ขณะนี้
กรุณาคลิกที่ contents page
และผู้ที่ต้องการแสดงความคิดเห็น
หรือประกาศข่าว
กรุณาคลิกที่ปุ่ม webboard
ข้างล่างของบทความชิ้นนี้

หากต้องการติดต่อกับ
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ส่ง mail ตามที่อยู่ข้างล่างนี้
midnight2545(at)yahoo.com
midnightuniv(at)yahoo.com

บทนำทางปรัชญา : ลากองและจิตวิเคราะห์
สมเกียรติ ตั้งนโม : แปลและเรียบเรียง
(สาขาจิตรกรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ลากอง : นักจิตวิเคราะห์ (1901-81)
Lacan, Jacques: Psychoanalyst (1901 - 81)
พร้อมด้วย Levi Strauss, Michel Foucault และ Raland Barthes, นักจิตวิเคราะห์และนักปรัชญา Jacques Lacan เป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็นแกนกลางของลัทธิโครงสร้างนิยมชาวฝรั่งเศส. คล้ายๆกันกับ Foucault และ Barthes, ผลงานของเขาได้พิสูจน์ว่ามีการปรับตัวและอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ซึ่งได้ส่งอิทธิพลต่อไปถึงบรรดานักคิดหลังโครงสร้างนิยมและนักคิดหลังสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง

อันที่จริง Lacan เป็นหนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งเกี่ยวกับลัทธิหลังสมัยใหม่ - ความหนัก, ความยาก และความสลับซับซ้อนในงานร้อยแก้วของเขา, สลับตัดกับการล่นคำ, มากไปด้วยการพาดพิงและมีนัยะ; การโบยบินไปกับความฝันและจินตนาการอันน่าวิงเวียนของเขา; บ่อยครั้งเป็นสไตล์หรือแบบฉบับของการเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นของเขา ซึ่งได้ส่งอิทธิพลถึงคำอธิบายและวาทกรรมของนักคิดหลังสมัยใหม่ทั้งหมด

Lacan กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้วยการตีพิมพ์ผลงานรวมบทความและงานชิ้นต่างๆ, Ecrits, ในปี ค.ศ.1966. บันทึกสำเนาต่างๆเกี่ยวกับสัมมนาต่างๆประจำสัปดาห์ของเขา, ซึ่งได้รวบรวมขึ้นมาสำหรับการฝึกฝนของบรรดานักจิตวิเคราะห์ ได้ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ที่ต้องการดูหน้า Home page ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่ผ่านไป กรุณาคลิกที่นี่
(บทความขึ้นปก "ผ่าระบบโครงสร้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : สังคมกำลังแปรโรคต่างๆให้เป็นสินค้า)

แนวคิด Lyotard และคนดังหลังสมัยใหม่
อีกเรื่องที่น่าสนใจของบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

 

(มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 213)

การเข้าทำประโยชน์ของเกษตรกรหลายอำเภอในจังหวัดลำพูน ในที่ดินที่เคยเป็นที่สาธารณะซึ่งใช้ประโยชน์ร่วมกันมาของชุมชน แต่ได้ถูกดำเนินการทางกฎหมายจากบุคคลบางกลุ่มที่อ้างสิทธิโดยอาศัยเอกสารทางราชการ เช่น โฉนด นส.3 ก เป็นให้เกษตรกรจำนวนมากต้องถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกอยู่ในขณะนี้ เป็นภาพสะท้อนปัญหาในเชิงโครงสร้างที่สำคัญ 2 ประการ คือ

ประการแรก ปัญหาการไม่มีที่ดินทำกินของเกษตรกร เป็นที่ชัดเจนว่าในปัจจุบันมีเกษตรกรเป็นจำนวนมากที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง รายงานการวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 5 แสนครอบครัวไม่มีที่ดินทำกินเพียงพอ พร้อมๆ กับที่มีที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมากถูกทอดทิ้งไว้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร แม้จะเป็นที่ดินซึ่งได้มีเอกสารสิทธิแล้วก็ตาม ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าปรากฏการณ์ที่จังหวัดลำพูนเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ อันหนึ่งของปัญหาที่ดินที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ซึ่งควรต้องได้รับการแก้ไขอย่างรีบเร่งในปัจจุบัน

ประการที่สอง การฉ้อฉลในการออกเอกสารสิทธิที่ดิน กระบวนการออกเอกสารสิทธิในที่ดินซึ่งอยู่ในมือรัฐโดยปราศจากการควบคุม ตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมจากสาธารณะ เป็นผลให้บุคคลบางกลุ่มที่สามารถเข้าถึงและสมคบกับกลไกรัฐ จนสามารถออกเอกสารสิทธิเหนือที่ดิน แม้จะเป็นวิธีการที่ไม่ชอบต่อกฎหมายก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะของชุมชนท้องถิ่น

กรณีจังหวัดลำพูนได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิสูจน์ถึงกระบวนการได้มาของเอกสารสิทธิในหลายพื้นที่ ซึ่งก็ได้พบว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายพื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเพิกถอนเอกสารเหล่านี้แต่อย่างใด

การจับกุมและดำเนินคดีกับเกษตรกรในจังหวัดลำพูน จึงเป็นการปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้ถึงปัญหาร่วมกันของสังคมไทย ในการแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมและการฉ้อฉลในการถือครองที่ดิน อันเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งในสังคมไทย ซึ่งจะบั่นทอนศักยภาพของสังคมในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

สมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน และองค์กรพันธมิตรต้องการให้สังคมได้ร่วมกันสร้างสรรค์ความเป็นธรรม และแสวงหาแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ดังนั้นพวกเราจึงได้ร่วมกันประกันตัวชาวบ้านเพื่อที่จะได้มีโอกาสต่อสู้คดี อันเป็นหนทางที่ทำให้สังคมได้เรียนรู้ร่วมกันในการที่จะแก้ไขปัญหาใหญ่ของสังคมไทย และขอเรียกร้องให้สังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขความไม่เป็นธรรม และการฉ้อฉลในการครอบครองที่ดินด้วยการเร่งออกกฎหมายปฏิรูปที่ดินอย่างแท้จริงโดยเร็ว

สมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน

รายชื่อผู้ร่วมสนับสนุนการปฏิรูปที่ดินในสังคมไทย

ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน - ดร.กนกศักดิ์ แก้วเทพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - อ.วัลลภ แม่นยำ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน - อ.สุชาดา จักษ์พิสุทธิ์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน - อ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.จิตราภรณ์ ตันรันตกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.ชัชวาล บุญปัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.นัทมน คงเจริญ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.ทรงวุฒิ จารขจรกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.วาทิศ โสตธิพันธุ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.ศักดิ์ชาย จินะวงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.บุญชู ณ ป้อมเพ็ชร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.พิกุล อิทธิหิรัญวงศ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.วนารักษ์ ไซพันธุ์แก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ทพ. วิชัย วิวัฒน์คุณูปการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ศ.ดร.ยศ สันตะสมบัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.อานันท์ กาญจนพันธุ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.ชูศักดิ์ วิทยภัค มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ. อรศรี งามวิทยาพงศ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ดร.อำพล วงศ์จำรัส มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - รศ.สมเกียรติ ตั้งนโม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - คุณอรณิชา ตั้งนโม มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน - คุณวรัญญา เตียวกุล สภาพัฒน์ฯ - อ.อุทิศ อะติมานะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ. ทิพวรรณ ทั่งมั่งมี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - อ.ชัชวาล นิลสกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ มหาวิทยาลัยมหิดล - อ. สมพร เตชะอธิก มหาวิทยาลัยขอนแก่น - อ.สัมพันธ์ เตชะอธิก มหาวิทยาลัยขอนแก่น - ผศ. อนันต์ ลิขิตประเสริฐ สถาบันราชภัฎบุรีรัมย์ - อ. สกล วงศ์กาฬสินธ์ สถาบันราชภัฎนครราชสีมา - คุณมานะ นาคำ - คุณวิเชียร แสงโชติ - อาจารย์ปรีชา เปี่ยมพงษ์ศานต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย -รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ดร.ฉันทนา บรรพศิริโชติ-หวันแก้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.สุชาย ตรีรัตน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ดร.สุริชัย หวันแก้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - อาจารย์เวียงรัฐ เนติโพธิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - อาจารย์นฤมล ทับจุมพล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ดร.นิรมล อรุโณทัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - คุณราณี หัสสรังษี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต มหาวิทยาลัยเกริก - ดร.สมศักดิ์ สามัคคีธรรม มหาวิทยาลัยเกริก - อาจารย์เชษฐา พวงหัตถุ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร - อาจารย์บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ มหาวิทยาลัยศิลปากร - อาจารย์ณรงค์ บุญสวยขวัญ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ - อาจารย์ฐิรวุฒิ เสนาคำ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ - อาจารย์ปรีชา ธรรมวินทร สถาบันราชภัฎ - อาจารย์สพสันติ์ เพชรคำ สถาบันราชภัฎ - ดร.ชัยยนต์ ประดิษฐศิลป์ มหาวิทยาลัยบูรพา - รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ผศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ผศ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สถาบันราชภัฎนครราชสีมา - รศ.ดร.ปรีชา อุยตระกูล สถาบันราชภัฎนครราชสีมา


(มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 212)

เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จังหวัดสงขลา

วันที่ 5 กรกฎาคม 2545


เรื่อง ขอให้ยกเลิกโครงการก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด

เรายินดีที่รับทราบการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ ฯพณฯ ในวันที่ 5 - 7 กรกฎาคม ศกนี้ รวมถึงการรับทราบว่า หนึ่งในวาระสำคัญที่ท่านจะหยิบยกมาตกลงกับรัฐบาลไทยในการเยือนครั้งนี้คือ โครงการร่วมทุนก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ท่านคงได้รับทราบและตระหนักดีว่า การประท้วงคัดค้านอย่างเข้มแข็งของเราทำให้การก่อสร้างโครงการนี้ต้องล่าช้ากว่ากำหนดเดิมไปมาก

เราได้ยื่นข้อเรียกร้องและส่งเสียงทักท้วงการดำเนินโครงการนี้เป็นปี ๆ ไปยังทั้งรัฐบาลไทยและมาเลเซียของท่าน เพื่อเรียกร้องให้โปรดยกเลิกโครงการนี้ที่อำเภอจะนะ อย่างไรก็ตามในที่สุดเราก็พบกับความผิดหวังเมื่อผู้นำไทยยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป รัฐบาลบอกเพียงสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าจะย้ายจุดขึ้นท่อก๊าซและตำแหน่งที่ตั้งโครงการนี้ห่างจากจุดเดิมไปภายในรัศมี 5 กิโลเมตร โดยไม่ต้องทำการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมใหม่ แม้ว่าจุดที่ตั้งโครงการแห่งใหม่นี้ จะล้อมรอบด้วยหลายชุมชนที่เป็นหมู่บ้านประมงและเป็นถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของชาวบ้านหลายพันคนก็ตาม

กระบวนการตัดสินใจของรัฐบาลไทยต่อโครงการนี้ เป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมย์และบทบัญญัติหลายมาตราแห่งรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งได้รับรองชุมชนให้มีสิทธิมีส่วนร่วมในการปกป้องรักษาและจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของตน มาตรา 59 แห่งรัฐธรรมนูญไทยบัญญัติว่า รัฐบาลต้องปรึกษาหารือเต็มที่กับประชาชนท้องถิ่น ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ก่อนที่รัฐบาลจะอนุมัติโครงการ

นอกจากนี้รัฐธรรมนูญไทยยังรับรองสิทธิของปัจเจกบุคคลและองค์กรเอกชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย การตัดสินใจของรัฐไทยยังขัดต่อผลการศึกษาจากคณาจารย์ และนักวิชาการจำนวนมากจากหลายมหาวิทยาลัยที่เป็นคณะกรรมการพิเศษที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นมาเอง เพื่อศึกษาหาทางออกแก่ปัญหานี้ ผลการศึกษาของนักวิชาการมหาวิทยาลัยได้เสนอให้มีการทบทวนโครงการนี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมาก รวมทั้งยังมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากโครงการนี้ด้วย ขณะเดียวกันยังมีคำถามจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับความจำเป็นของโครงการ รวมถึงความโปร่งใสในการทำสัญญาและข้อตกลงระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เปโตรนาส และบริษัทต่างชาติผู้ร่วมสัญญารายอื่น ๆ ด้วย จนบัดนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้

รัฐบาลไทยยังไม่ให้ความสำคัญต่อข้อเสนออย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่เสนอให้ทบทวนแผนพัฒนาโครงการและภูมิภาคทั้งหมด รัฐบาลยังละเลยข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่เสนอให้มีการทบทวนการตัดสินใจใหม่และสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตามจิตวิญญานแห่งรัฐธรรมนูญไทย และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นว่า การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นการไม่เคารพต่อหลักการและกระบวนการแห่งรัฐธรรมนูญ และจะไม่นำไปสู่การยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการประท้วงคัดค้าน และการมุ่งมั่นที่จะค้ดค้านต่อไปจนถึงที่สุดของชุมชนท้องถิ่น ตรงกันข้ามการตัดสินใจดังกล่าวจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นและความสูญเสียบานปลายของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

เกือบห้าปีของการต่อสู้คัดค้านที่ผ่านมา เราได้เสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตอันสงบสุข การทำมาหากินตามปกติเพื่อเลี้ยงครอบครัว และความมั่นคงผาสุข เพื่อช่วยกันปกป้องชุมชนและครอบครัวของเราจากการรุกรานของโครงการนี้ แต่เราก็ได้เรียนรู้มากขึ้นและเข้าใจอะไรมากขึ้นเช่นกันว่า สิ่งที่เราได้กระทำลงไปในวันนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และจะยังประโยชน์อย่างยิ่งต่ออนาคตลูกหลานของเราทุกคน รวมถึงเพื่อสังคมอันยั่งยืนโดยส่วนรวมด้วย ไม่เคยมีประวัติศาสตร์โลกหรือประวัติศาสตร์การพัฒนาอันไหน เช่น โครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติของบริษัททีทีเอ็ม ที่พิสูจน์และทำให้เรามั่นใจได้ว่า รูปแบบการพัฒนาดังกล่าวจะมีผลดีและยังประโยชน์แท้จริงแก่ชาวบ้านท้องถิ่นและคนพื้นเมือง คนยากจนได้เสียสละแก่คนร่ำรวยมามากพอแล้ว เช่นเดียวกันที่ธรรมชาติของเราทุกคนก็ได้เสียสละไปอย่างมากแก่การลงทุนที่มีแต่ความละโมบ

เราได้ยื่นข้อเรียกร้องถึง ฯพณฯ ให้ยุติโครงการนี้ที่อำเภอจะนะมาหลายครั้ง จนวันนี้เราก็ยังคงรอคำตอบที่ดีจากท่านอยู่ การกระทำอย่างคนขลาดเขลา และตัดสินใจอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อโครงการนี้ของรัฐบาลไทยเป็นการขัดต่อหลักนิติธรรมที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเอง และยังละเมิดหลักการทั้งมวลในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมถึงละทิ้งทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนอันเป็นหนึ่งในวาระสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

ฯพณฯ เป็นหนึ่งในผู้นำเอเชียเพียงไม่กี่คนที่ได้ร้บการแซ่ซ้องอย่างกว้างขวางถึงภาวะการเป็นผู้นำของท่าน เราหวังอย่างยิ่งว่า ด้วยภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์อันลึกซึ้งของท่านจะนำพาท่านให้คิดทบทวนโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซที่อำเภอจะนะ อันเป็นความฝันและแผนการอันยิ่งใหญ่ของท่าน การตัดสินใจที่แข็งกร้าวใด ๆ ในการเดินหน้าโครงการต่อ โดยละเลยเสียงท้วงติงคัดค้านของประชาชน ย่อมนำพาชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานของท่านให้เสื่อมเสียและทำให้การลงทุนทั้งหมดต้องเผชิญกับการเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งเราทุกคนขอย้ำด้วยความจริงใจอีกครั้งว่า เราก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

ด้วยความนับถือและสันติภาพนิรันดร์
เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติฯ จังหวัดสงขลา

 

แถลงการณ์ฉบับที่ 1
พันธมิตรทั่วประเทศประกาศจับมือชาวจะนะ
เปิดหน้ากากไอ้โม่ง
ผู้ฮุบผลประโยชน์โครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
2 กันยายน 2545 ลานหอยเสียบ อ. จะนะ จ. สงขลา

พวกเราพันธมิตรทั่วประเทศ อันประกอบด้วย ตัวแทนเครือข่ายองค์กรประชาชนจาก 4 ภาค ได้แก่เครือข่ายสลัม เครือข่ายป่าไม้ที่ดิน เครือข่ายเขื่อน เครือข่ายประมง เครือข่ายเหล้าพื้นบ้าน เครือข่ายผู้บริโภคและเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ตัวแทนเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนทั้ง 4 ภาค ตัวแทนนักวิชาการ กลุ่มศิลปิน องค์กรนิสิตนักศึกษา จากทั้งสิ้น 28 จังหวัด จำนวนรวม 950 คน ได้มารวมตัวกัน ณ ลานหอยเสียบ เพื่อหนุนช่วยพี่น้องชาวจะนะต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม ร่วมประกาศเจตนารมย์คัดค้านโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซ ไทย-มาเลเซีย

การตัดสินใจเดินหน้าโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันคับแคบของรัฐบาลชุดนี้ ที่มองเห็นเพียงผลประโยชน์ของพวกพ้องและผู้แวดล้อมของตนเป็นที่ตั้ง มองไม่เห็นความเดือดร้อนของคนจน รวมทั้งบิดเบือนข้อมูลความเป็นจริง สร้างภาพต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนว่า โครงการฯนี้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ กล่าวอ้างว่าประชาชนท้องถิ่นคือผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากโครงการฯ

พวกเราเหล่าพันธมิตร ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั่วประเทศว่า เบื้องหลังผู้ผลักดันให้รัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ แท้ที่จริงแล้ว คือกลุ่มผลประโยชน์ พวกพ้องที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล กลุ่มนักการเมืองทั้งในและนอกพื้นที่ที่ได้รับผลกำไรจากมูลค่าที่ดิน ที่มีการซื้อขายกันในบริเวณจุดก่อสร้างท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซ และพื้นที่ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มทุนบริษัทต่างชาติ ที่จะได้รับผลประโยชน์จากทุนจำนวนมหาศาลที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างโครงการฯดังกล่าว การปกปิดข้อมูลกับสาธารณชน และกล่าวอ้างถึงความชอบธรรมในผลประโยชน์ของโครงการที่จะตกกับคนท้องถิ่น จึงเป็นเพียงลมปากที่ไม่อาจเชื่อถือได้

ทั้งนี้พวกเรายังขอประณามการดำเนินการของภาครัฐ ที่มีพฤติกรรมในการคุกคาม กดดันไม่ให้พี่น้องชาวจะนะในพื้นที่รวมตัวกันคัดค้านโครงการฯ ด้วยการส่งหน่วยข่าวเข้ามาสอดแนมในบริเวณพื้นที่ และส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาบินวนส่องไฟ เข้ามายังบริเวณพื้นที่ลานหอยเสียบที่ชาวบ้านรวมตัวกันอยู่ พวกเราพันธมิตรขอยืนยันว่าการรวมตัวกันโดยสงบของพี่น้องชาวจะนะในการคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ เป็นสิทธิอันชอบธรรมขั้นพื้นฐานของประชาชนไทยตามกรอบและหลักการรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประชาชนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือคัดค้านโครงการใดๆ อันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้ รัฐจึงไม่มีสิทธิในการคุกคาม หรือข่มขู่ใดๆ อันจะทำให้ชาวบ้านเกิดความกลัว และเลิกล้มการรวมตัวกันดังกล่าว

พวกเราเหล่าพันธมิตรทั่วประเทศขอประกาศว่า รัฐจะต้องเปิดเผยข้อมูลความเป็นจริง หยุดสร้างความชอบธรรมในการก่อสร้างโครงการฯ โดยใช้ผลประโยชน์คนท้องถิ่นเป็นข้ออ้าง หยุดการใช้อำนาจรัฐคุกคามข่มขู่คนจน พวกเราขอสนับสนุนให้คนจะนะและคนจนทั่วประเทศรวมตัวกันปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของตน มุ่งรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นอันสูงค่า ซึ่งกำลังถูกล่วงละเมิดและทำลายโดยฝีมือของภาครัฐเอง

ด้วยความสมานฉันท์
เหล่าพี่น้องคนจนและพันธมิตรทั่วประเทศ

 

ประเด็นแถลงข่าวสำหรับสื่อมวลชน
ณ ที่ว่าการอำเภอจะนะ จ. สงขลา
3 กันยายน 2545

ตัวแทนกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย จ. สงขลา ( นางรอฝีอ๊ะ หมานหล๊ะ)
ในฐานะตัวแทนเจ้าของพื้นที่ผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ โรงแยกก๊าซฯ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ขอขอบคุณพี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,200 คนที่เดินทางมาร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเราคัดค้านโครงการด้วยจุดยืนชัดเจนเพื่อการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติและปกป้องแผ่นดินเกิดของพวกเรา เพราะการวางท่อส่งก๊าซฯ ผ่านพื้นที่ จ. สงขลาและสร้างโรงแยกก๊าซฯ ที่ อ. จะนะ เพื่อนำส่งก๊าซฯ ให้แก่ประเทศมาเลเซียใช้นั้น เป็นการล้างผลาญทรัพยากรพลังงานของประเทศ

ทุกวันนี้เรามีปริมาณก๊าซธรรมชาติล้นเกินอยู่แล้ว จนทำให้มีภาระการจ่ายค่าโง่แก่ประเทศพม่าไปเป็นจำนวนเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท การนำก๊าซฯ จากแหล่งเจดีเอขึ้นมาอีก จึงไม่มีประโยชน์อันใดแก่ประเทศไทย แต่เป็นการป้อนพลังงานให้แก่ประเทศมาเลเซียโดยตรง และยังต้องจ่ายค่าโง่เพิ่มเติมอีกถึงวันละกว่า 40 ล้านบาท ในขณะที่ประชาชนจะต้องเป็นผู้แบกรับภาระทางการเงินและความเสี่ยงภัยต่อมลพิษ กระบวนการผลักดันโครงการนี้เป็นไปอย่างไม่ชอบธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของประชาชนก่อนการอนุมัติโครงการ ส่วนการผ่านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ก็เป็นไปอย่างลัดขั้นตอนและละเมิดอำนาจของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ

นอกจากนี้ หากปล่อยให้โครงการเกิดขึ้น ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่แก่บรรดาบริษัทต่างชาติเกือบทั้งหมด โดยที่มีนักการเมืองและนายทุนไทยบางกลุ่มบางพวกได้รับส่วนแบ่งอยู่ด้วย แต่คนไทยทั้งประเทศจะต้องเป็นผู้แบกรับหนี้สินจากการร่วมลงทุนในโครงการที่มีราคาสูงถึงประมาณ 4 หมื่น 5 พันล้านบาทนี้ ทั้งที่ประเทศเราเป็นหนี้อยู่มากแล้ว

เราพี่น้องชาวอำเภอจะนะและพี่น้องอีก 3 อำเภอที่อยู่ในแนวท่อจึงคัดค้านโครงการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ และเพื่อมิให้บรรดานักการเมืองและนายทุนส่วนน้อยกอบโกยประโยชน์เข้าตนเอง ทั้งนี้พวกเราจึงขอวิงวอนเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศต่อสู้ร่วมกันด้วย

ตัวแทนพันธมิตรจากทั่วประเทศ ( นายพงษ์ศักดิ์ สายวรรณ )
ในฐานะตัวแทนพันธมิตรจากทั่วประเทศ พวกเราขอยืนยันในสิทธิของประชาชนที่จะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนา การดำเนินโครงการที่ละเลยความเห็นของคนพื้นที่และละเมิดสิทธิชุมชนจะต้องถูกต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการท่อส่งก๊าซฯ และโรงแยกก๊าซฯ ที่จะเกิดขึ้นที่ อ. จะนะนี้ เป็นโครงการที่จะสร้างผลเสียหายแก่ประเทศชาติและคนไทยทั้งมวล ดังนั้น การมาของพวกเราในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของกลุ่มของชาวสงขลาเท่านั้น แต่พวกเรามาเพื่อคัดค้านโครงการนี้โดยตรงด้วย

ครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวของขบวนประชาชนที่ร่วมกันทวงสิทธิอันชอบธรรมในการกำหนดทิศทางของบ้านเมือง และนี่คือจุดเริ่มต้นของการบอกแก่รัฐว่า ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ยอมอยู่เฉยที่จะปล่อยให้รัฐ ราชการ และกลุ่มทุนกระทำการใด ๆ โดยพละการ

ตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน (นายพิภพ ธงไชย)
ในยุคของความก้าวหน้าของการปฏิรูปการเมือง ซึ่งหัวใจหลักคือการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร กลับละเมิดต่อหลักการดังกล่าว สถานการณ์ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วทุกหย่อมหญ้า อาทิ เช่น กรณีปัญหาความขัดแย้งที่ดินของชาวบ้าน จ. ลำพูน ปัญหาความขัดแย้งของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ้านกรูด-บ่อนอก จ. ประจวบคีรีขันธ์ โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย จ. คลองด่าน รวมถึงสถานการณ์การสังหารแกนนำนักต่อสู้ เป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการใส่ใจที่จะหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลเลือกที่จะจัดการกับบรรดาประชาชนแนวหน้าที่ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นและมีข้อเสนออันแตกต่างออกไป

ในโครงการท่อส่งก๊าซฯ และโรงแยกก๊าซฯ ไทย-มาเลเซีย รัฐบาลไม่รับฟังมติของวุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ให้ทบทวนโครงการ ทั้งที่ทั้งสองหน่วยงานเป็นส่วนหนึ่งของกลไกสำคัญของรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลกลับเลือกตัดสินใจตาม "ทีม 53 นายพล" ที่ตนแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลยังมีนโยบายที่ขัดแย้งกับแนวทางการปฏิรูปการเมืองด้วยการออกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 เมษายน 2545 อนุญาตให้ฝ่ายปกครองในระดับท้องถิ่นสามารถใช้อำนาจจัดการประชาชนที่ลุกขึ้นปกป้องสิทธิของตนเอง ขณะเดียวกันก็เลือกใช้วิธีการทางทหาร "ปฏิบัติการทางจิตวิทยา" ในการสลายพลังประชาชน ไม่ผิดกับยุคเผด็จการในอดีต

การกระทำดังกล่าวทั้งหมด นอกจากไม่ใช่การแก้ปัญหายังจะนำไปสู่ความแตกแยกและความรุนแรงในสังคมไทยทั้งมวล

กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น (นายกิตติภพ สุทธิสว่าง)
จากการศึกษาข้อมูลโครงการอย่างรอบด้านแล้ว พวกเราฟันธงว่าโครงการนี้ไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่สำคัญผลประโยชน์หลักกลับตกแก่ประเทศมาเลเซียและบรรษัทข้ามชาติ มูลค่าที่ประเทศไทยได้รับเพียง 15% เท่านั้น โดยที่ 5% ตกแก่รัฐบาลไทย แต่อีก 10% เป็นของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้แปรรูปเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว

ที่สำคัญกลับพบว่าโครงการนี้ยังมีธุรกิจของนายกรัฐมนตรี นักการเมืองและนายทุนไทยบางกลุ่มซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีมีส่วนได้เสียกับโครงการนี้ทั้งการเช้าไปถือหุ้นและเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทปตท. เราจึงขอให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันติดตามการเปิดโปงข้อมูลผลประโยชน์ของโครงการนี้จากฝ่ายคัดค้านและแนวร่วมพันธมิตรต่อไป

คำประกาศเจตนารมย์ พันธมิตรพี่น้องชาวสงขลาทั่วประเทศ
ประกาศ ณ ศาลากลาง จังหวัดสงขลา
4 กันยายน 2545


พวกเราในนามของเหล่าพี่น้องคนจน และพันธมิตรชาวสงขลาทั่วประเทศ ขอประกาศ ณ เวทีแห่งนี้ว่า พี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศขอผนึกกำลังกับพี่น้องชาวสงขลา ต่อต้านคัดค้านโครงการท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซ ไทย-.มาเลเซีย การรวมตัวของพวกเราเหล่าพันธมิตร ณ ลานหอยเสียบ 3 วันที่ผ่านมา คือ สายสัมพันธ์และพันธะสัญญาของพวกเราทุกคน ที่จะร่วมต่อสู้เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องสงขลานับแต่วันนี้และตลอดไป

วันนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าโครงการท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซ ไทย-มาเลเซียต่อไป ถึงแม้คนจนทั่วประเทศ เครือข่ายนักวิชาการ วุฒิสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และพันธมิตรองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วประเทศจะประกาศชัดว่าโครงการนี้คือโครงการอัปยศ ที่จะสร้างความหายนะให้กับพี่น้องชาวสงขลา และจะนำไปสู่ความสูญเสียทรัพยากรมูลค่ามหาศาลที่ควรจะเป็นของพี่น้องประชาชนไทยทุกคน

รัฐบาลได้เลือกแล้วที่จะยืนอยู่ข้างเหล่าพวกพ้อง พรรคพวกผู้ฉ้อฉลของตนเอง ดังจะเห็นได้จากท่าทีที่นิ่งเฉยของรัฐบาลต่อเสียงคัดค้านของคนจน เจตนาปกปิดข้อมูลกับสาธารณชน ไม่ตอบคำถามที่ชัดเจนว่า ทำไมรัฐบาลถึงต้องตัดสินใจเดินหน้าโครงการ ทั้งๆที่ ข้อมูลทุกฝ่ายยืนยันว่า ประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ในตอนนี้ มีปริมาณไฟฟ้าสำรองมากพอที่จะใช้ไปอีกหลายปีข้างหน้า อีกทั้งเงื่อนไขสัญญาทาสที่เปรียบประดุจการเร่งหยิบยื่นทรัพย์สมบัติของคนไทย ให้กับนายทุนและบริษัทข้ามชาติ รวมทั้งความเคลือบแคลง ต่อผลประโยชน์ของการกว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ ใครคือผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการอัปยศนี้กันแน่ นักการเมืองตัวใหญ่ระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น นายทุนบริษัทข้ามชาติ หรือ คนตัวเล็กๆ อย่างชาวสงขลา

พวกเราเหล่าพันธมิตรจะไม่ยอมให้คนสงขลาต้องเสียสละ เสี่ยงภัย ปล่อยให้ความล่มสลายและความหายนะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ท้องถิ่นและชุมชนอันเป็นพื้นฐานแห่งความมั่นคงของสังคมไทย บนความร่ำรวย และการกอบโกยของนักการเมือง นายทุนและบริษัทข้ามชาติเหล่านี้

พวกเราในนามคนจน คนท้องถิ่นสงขลาและพันธมิตรทั่วประเทศขอประกาศว่า พวกเราจะยืนหยัด คัดค้านโครงการท่อก๊าซจนถึงที่สุด ไม่มีวันที่ท่อก๊าซ จะผุดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยได้ ตราบเท่าที่พวกเรา พี่น้องคนสงขลา และพันธมิตรทั่วประเทศ ยังยืนหยัดอยู่ ยิ่งถูกรังแกมากขึ้นเท่าใด พวกเราจะยิ่งรวมตัวกันเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น เมล็ดพันธุ์แห่งการต่อสู้จะถูกหว่านกล้า และเร่งให้เติบโตอย่างเร็ววันเพื่อความเข้มแข็งร่วมกันของพี่น้องคนจน

การจากกันของเราพี่น้องคนจนในวันนี้ มิใช่การจากลา แต่คือการแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ และคำมั่นสัญญาว่า เรื่องราวการต่อสู้ของคนจน คนท้องถิ่นสงขลา และความหาญกล้าของพี่น้องคนจน ณ ที่อื่นๆ จะถูกนำไปบอกเล่า กล่าวขานกับพี่น้องคนจนทั้งประเทศให้ได้รับรู้ทั่วกัน และวันใดที่รัฐได้กระทำการย่ำยีต่อศักดิ์ศรีของคนสงขลา นั่นหมายถึงการย่ำยีศักดิ์ศรีของคนจนทั่วประเทศ และพวกเราคนจนจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

ด้วยความสมานฉันท์ คนท้องถิ่นสงขลา คนจนและเหล่าพันธมิตรทั่วประเทศ

 

จดหมายเปิดผนึก
4 กันยายน 2545

เรื่อง ขอยืนยันที่จะปกป้องสิทธิตนเองของคนสงขลา
เรียน ฯ พณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

ณ วันนี้ คนท้องถิ่นสงขลาได้รับรู้แล้วว่า ท่านในฐานะผู้นำของรัฐบาลชุดนี้ได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ต่อไป โดยไม่ใส่ใจต่อคำคัดค้านของคนสงขลา และคำท้วงติงของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคมทั้งสิ้น

ในขณะที่พวกเราได้รับรู้อย่างชัดแจ้งเช่นกันว่า โครงการนี้เป็นโครงการฯ ที่สร้างผลประโยชน์มหาศาลให้กับพรรคพวก เพื่อนพ้อง และคนใกล้ชิดของท่าน ข้อมูลเชิงประจักษ์เหล่านี้บอกพวกเราอย่างชัดแจ้งว่า ท่านกำลังปกปิดข้อมูลความจริงกับสาธารณชน ใช้อำนาจและสื่อในทางที่มิชอบสร้างความชอบธรรมให้กับพรรคพวกของตน ข้อมูลเชิงประจักษ์เหล่านี้คือ

1. ปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรอง ณ เดือนธันวาคม 2543 เมื่อรวมแหล่งภายในประเทศและการรับซื้อจากพม่า ประเทศไทยจะมีก๊าซสำรอง 21.3 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ปี 2544 ประเทศไทยมีความต้องการใช้ก๊าซ 2,349 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากเรารับก๊าซจากพม่าตามสัญญาวันละ 785 ล้านลูกบาศก์ฟุต จะทำให้เรามีก๊าซเกินความต้องการวันละ 287 ล้านลูกบาศก์ฟุต และถ้านำก๊าซจากเจดีเอขึ้นมาอีกวันละ 390 ล้านลูกบาศก์ฟุต เราจะมีก๊าซเหลือใช้วันละ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต

2. ปริมาณก๊าซที่จะเข้าสู่โรงแยกก๊าซวันละ 390 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากจะใช้ก๊าซให้หมดเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ก็จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 6,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

3. สัดส่วนการแบ่งปันผลประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ ที่ตกถึงมือคนไทย มีเพียง 15 % จาก 100 % ที่ผลิตได้ มิหนำซ้ำ 10 % นั้นยังเป็นสัดส่วนที่ต้องจ่ายให้กับนายทุนทั้งในและต่างประเทศผู้ถือหุ้น ปตท. ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกรรมการระดับบริหารของพรรคไทยรักไทย

แม้ท่านจะรู้แล้วว่าข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นเช่นนี้ แต่ท่านก็ยังตัดสินใจที่จะก่อสร้างโครงการต่อไป เราก็จะเคารพในการตัดสินใจของท่านนายกฯ

อย่างไรก็ตาม พวกเราชาวสงขลาก็จะต้องเคารพต่อสิทธิ และเสรีภาพของพวกเราที่ได้ร่วมกันต่อสู้จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ให้สิทธิและอำนาจกับพวกเราในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และสิทธิของคนท้องถิ่นที่จะคัดค้านโครงการใดๆ ที่ส่งผลกระทบกับคนท้องถิ่นได้เช่นกัน

พวกเราขอยืนยันว่าเราจะร่วมกันต่อสู้คัดค้านโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซ ไทย.-มาเลเซีย ในพื้นที่แผ่นดินเกิดของพวกเราจนถึงที่สุด

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ด้วยความนับถือ
เครือข่ายพันธมิตรคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย

 

 

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา I webboard

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

สำหรับสมาชิกที่ต้องการ download ข้อมูล อาจใช้วิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้

1. ให้ทำ hyper text ข้อมูลทั้งหมด
2. copy ข้อมูลด้วยคำสั่ง Ctrl + C
3. เปิด word ขึ้นมา (microsoft-word หรือ word pad)
4. Paste โดยใช้คำสั่ง Ctrl + V
จะได้ข้อมูลมา ซึ่งย่อหน้าเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ
(กรณีตัวหนังสือสีจาง ให้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มในโปรแกรม word)

 

N
next