An interview with Dr.Vandana Shiva
บทสัมภาษณ์ ดร.วันทนา ศิวะ (ว่าด้วยเรื่อง)
ทำไมสิทธิบัตรจึงกลายเป็น
รูปแบบใหม่ของ ลัทธิล่าอาณานิคม
(ความยาวประมาณ หน้ากระดาษ A4)

"The deeper you can manipulate living structures the more you can control food and medicine."

ยิ่งคุณสามารถจัดการควบคุม
โครงสร้างของชีวิตลึกเท่าไหร่
คุณยิ่งสามารถควบคุมอาหาร
และยาได้มากขึ้นเท่านั้น

ดร. วันทนา ศิวะ

Dr. Vandana Shiva
midnight university

ดร.วันทนา ศิวะ เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางด้านฟิสิกส์
นิเวศวิทยา นักเคลื่อนไหว บรรณาธิการ
และผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม
เธอได้ก่อตั้งกระบวนการ "นวธัญญะ" เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กลางวันเรามองเห็นอะไรได้ชัดเจน
แต่กลางคืนเราต้องอาศัยจินตนการ
สัมภาษณ์ ดร.วันทนา ศิวะ
why are patents the new form of colonialism ?
บทความว่าด้วยเรื่องสิทธิบัตร : มกราคม 2001
New Article : January 2001
สมเกียรติ ตั้งนโม : เรียบเรียง
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

 

 

 

"เราจะจัดให้มีการยกย่องสรรเสริญเกี่ยวกับความหลากหลายในแบบของเราด้วยการต่อต้าน"

การสัมภาษณ์ ดร.วันทนา ศิวะ
An interview with Dr. Vandana Shiva

"ยิ่งคุณสามารถจัดการควบคุมโครงสร้างชีวิตได้ลึกมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งควบคุมอาหารและยาได้มากขึ้นเท่านั้น"

Dr.Vandana Shiva เป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์, นักนิเวศวิทยา, นักเคลื่อนไหว, บรรณาธิการ และนักเขียนหนังสือซึ่งมีผลงานหลายเล่มด้วยกัน. ในประเทศอินเดีย เธอได้ก่อตั้งกระบวนการกลุ่ม"นวธัญญะ"ขึ้นมา, ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวอันหนึ่งเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และสิทธิของชาวนาและเกษตรกร. เธอเป็นผู้บริหารมูลนิธิเกี่ยวกับการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี และนโยบายทรัพยากรทางธรรมชาติ. หนังสือเล่มล่าสุดที่เธอได้เขียนขึ้นมาคือ Biopiracy : The Plunder of Nature and Knowledge (โจรสลัดชีวภาพ : การปล้นสดมภ์ทางด้านธรรมชาติและความรู้).

การสัมภาษณ์ ดร.วันทนา ศิวะ ครั้งนี้ทำขึ้นใน St.Louis, Missouri ในคราวที่จัดให้มีการประชุมในระดับรากหญ้าเป็นครั้งแรกในเรื่อง biodevastation : Genetic Engineering (การล้างผลาญทางชีวภาพ: เรื่องของวิศวพันธุกรรม), ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๑๙๙๘. ดร.วันทนา ศิวะ เป็นผู้บรรยายคนสำคัญสำหรับการประชุมในครั้งนี้. สำหรับการสัมภาษณ์ กระทำโดยนิตยสาร In Motion Magazine.

In Motion Magazine : Why are patents the new form of colonialism ? (ทำไม สิทธิบัตรต่างๆจึงกลายเป็นรูปแบบใหม่ของลัทธิอาณานิคม ?) http://www.inmotionmagazine/shiva.html

ดร.วันทนา ศิวะ : สิทธิบัตรต่างๆในทุกวันนี้ มันคือภาพฉายซ้ำเรื่องของการทำให้เป็นอาณานิคม ดั่งที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อประมาณ ๕๐๐ ปีก่อนในหลายๆทางด้วยกัน. อันนี้น่าสนใจมาก แม้แต่ในยุคนั้นเองก็ตาม. คุณทราบไหมว่า เมื่อตอนที่ Columbus และคนอื่นๆซึ่งเป็นกัปตันเรือเช่นเดียวกันกับเขาเตรียมออกเรือและการผจญภัยไปในโลกกว้างนั้น, พวกเขาจะเริ่มต้นการเดินทางด้วยเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งได้รับการเรียกขานว่า"เอกสารกรรมสิทธิ์"(หรือหมายสิทธิบัตร)(the letters patent) ซึ่งเอกสารฉบับนี้จะให้อำนาจแก่นักผจญภัยทั้งหลาย ในการอ้างกรรมสิทธิ์ในดินแดนที่พวกเขาไปพบไม่ว่าที่ใดก็ตามในโลก ซึ่งไม่ได้ถูกปกครองโดยชาวคริสเตียนผิวขาว ในฐานะผู้เป็นเจ้าของในที่ดินและทรัพย์สมบัติเหล่านั้น.

สิทธิบัตรในสมัยนี้เกี่ยวกับชีวิต ดูเหมือนว่าจะมีคุณสมบัติในทำนองเดียวกัน. มันเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งได้รับการออกโดยสำนักงานสิทธิบัตรของโลก ที่โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นการบอกกับบริษัทต่างๆว่า ถ้าหากว่ามีการค้นพบความรู้หรือชีววัตถุต่างๆขึ้นมา, ไม่ว่าจะเป็นพืช, เมล็ดพันธุ์, ตัวยาต่างๆ ซึ่งคนผิวขาวไม่เคยรู้จักมาก่อน บริษัทต่างๆสามารถที่จะอ้างถึงประโยชน์ และทำกำไรเกี่ยวกับมันได้อย่างเต็มที่ และถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง.

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นพื้นฐานที่มาของปรากฎการณ์ที่เราเรียกว่า"โจรสลัดทางชีวภาพ"(biopiracy), ยกตัวอย่างเช่น เมล็ดพันธุ์ต่างๆ อย่าง เมล็ดพันธุ์ข้าว Basmati, มันเป็นข้าวซึ่งมีกลิ่นหอมจากอินเดีย, ซึ่งเราได้เพาะปลูกมันมานับเป็นศตวรรษๆ, สิทธิในหุบเขาของเรา ทุกวันนี้มันกำลังถูกอ้างในฐานะที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยบริษัท Rice Tec ไปแล้ว.

หรือพืชจำพวกสะเดา, ซึ่งเราได้ใช้ประโยชน์จากมันมานับพันปี เพื่อควบคุมแมลงรบกวนต่างๆ, ใช้เพื่อทำยา, ซึ่งได้รับการบันทึกเอาไว้ในรูปตำราต่างๆของเราทุกคน. สะเดาเป็นสิ่งที่ปู่ย่าตายาย และคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเราได้ใช้ประโยชน์จากมันในชีวิตประจำวันตามบ้านเรือน, เพื่อปกป้องเมล็ดข้าว, ป้องกันผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ เพื่อควบคุมแมลงร้ายที่จะมาทำลาย ตอนนี้มันได้รับการปฏิบัติในฐานะที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถือครองโดยบริษัท Geace, ซึ่งเป็นบริษัททางด้านเคมีภัณฑ์ไปแล้ว.

การแพร่ระบาดของความเป็นโจรสลัด มันเหมือนกันมากกับการแพร่ระบาดของโจรสลัดซึ่งได้ถูกขนานนามว่า ลัทธิอาณานิคมเมื่อ ๕๐๐ ปีมาแล้ว. ดิฉันคิดว่า ในไม่ช้านี้ เราต้องเรียกวัฏฏจักรของโจรสลัดโดยผ่านสิทธิบัตรต่างๆนี้ว่า การทำให้เป็นอาณานิคมครั้งใหม่(recolonialization) ในฐานะที่เป็นอาณานิคมอย่างใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างไปจากอดีตเพียงแค่ - อาณานิคมสมัยก่อนมันเป็นการเข้ามาครอบครองดินแดนที่ไม่ใช่ของคนผิวขาว, แต่อาณานิคมอย่างใหม่นี้ มันเป็นการเข้ามาครอบครองสิ่งที่มีชีวิตของดินแดนนั้น(ที่ไม่ใช่ของคนผิวขาว).

นิตยสาร In Motion : เมื่อสักครู่นี้ ตอนที่คุณพูดในที่ประชุม คุณบอกว่าคุณอยากจะนำเราเข้าไปสู่ทัศนียภาพของโลกที่สาม. คุณสามารถที่จะนำเราเข้าไปสู่ภาพนั้นโดยการสนทนากันนี้อีกครั้งได้ไหม ?

ดร.วันทนา ศิวะ : โลกที่สามคือส่วนหนึ่งของโลก ซึ่งกำลังกลายเป็นอาณานิคมต่างๆในการทำให้เป็นอาณานิคมครั้งล่าสุด. มันไม่ใช่โลกที่ยากจน ขาดความอุดมสมบูรณ์ หรือมีแต่ความเสื่อมถอย ด้วยเหตุดังนั้น ตามข้อเท็จจริงในหลักเหตุผล โลกที่สามจึงได้ถูกทำให้เป็นอาณานิคม เพราะว่ามันมีความอุดมสมบูรณ์มากนั่นเอง.

โคลัมบัสออกเดินเรือเพื่อที่จะไปควบคุมการค้าเครื่องเทศจากอินเดีย, มันเป็นเพียงแค่ว่า เขาได้จอดเรือและลงเหยียบผืนแผ่นดินผิดทวีปเท่านั้น และเรียกผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในดินแดนแห่งนั้นว่าอินเดียน เป็นเพราะคิดว่าเขาได้มาถึงอินเดียแล้วนั่นเอง. ส่วนละตินอเมริกาได้ถูกทำให้เป็นอาณานิคมก็เนื่องมาจากทองคำที่ดินแดนแห่งนี้มีอยู่. ไม่มีประเทศต่างๆเหล่านี้ที่ขาดความอุดมสมบูรณ์หรือยากจนเลย. แต่ในทุกวันนี้ ดินแดนที่คนผิวขาวเข้ามายึดครองถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งความยากจนของโลก เพราะความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ได้ถูกระบายถ่ายเทหรือดูดออกไปนั่นเอง.

ผู้คนที่อยู่รอดในประเทศโลกที่สาม เพราะ แม้ว่าความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์จะถูกนำเอาไปจากพวกเขาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าทองคำของพวกเขาและดินแดนได้ถูกยึดเอาไปก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพอยู่. พวกเขายังคงมีทรัพยากรอย่างสุดท้ายในรูปของเมล็ดพันธุ์, พืชสมุนไพรที่ใช้ทำยา, อาหารปศุสัตว์, ซึ่งยอมให้พวกเขาเข้าถึงผลผลิต มันยอมให้พวกเขาได้มาบรรจบกับความต้องการต่างๆในด้านสุขภาพและโภชนาการ. แต่มาถึงตอนนี้ ทรัพยากรอย่างสุดท้ายของคนยากคนจน ผู้ซึ่งได้ถูกทอดทิ้งและตัดสิทธิ์กีดกันโดยวัฎฎจักรล่าสุดของการทำให้เป็นอาณานิคม ซึ่งกำลังถูกเข้ามาครอบครองหรือยึดเอาไป โดยผ่านเรื่องของสิทธิบัตร.

เมล็ดพันธุ์พืชต่างๆซึ่งชาวไร่ชาวนาได้เคยเก็บรักษาเอาไว้อย่างอิสระ, แลกเปลี่ยนกันโดยเสรี, และใช้ประโยชน์มันอย่างเอนกอนันต์, กำลังได้รับการปฏิบัติในฐานะที่เป็นสมบัติต่างๆของบริษัทของคนผิวขาวทั้งหลาย. การก่อตัวขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยเรื่องทรัพย์สิน กำลังถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างในฐานะที่เป็นสนธิสัญญาว่าด้วยเรื่องของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา(intellectual property rights treaties), โดยผ่านองค์การการค้าโลก ซึ่งพยายามที่จะกีดกันชาวไร่ชาวนาของประเทศโลกที่สาม จากการเข้าถึงเมล็ดพันธุ์พืชของพวกเขาเองได้อย่างอิสระ, และการนำมาแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์กันได้อย่างเสรี. โดยเหตุนี้ ชาวนาชาวไร่และเกษตรกรทั้งหมด, ผู้คนในภาคเกษตรทั้งหลายทั่วโลกจึงกำลังซื้อเมล็ดพันธุ์กันในทุกๆปี จากการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาอันหนึ่งเพื่ออุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชของโลก.

๘๐ เปอร์เซนต์ของคนอินเดียกำลังตกอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับความต้องการต่างๆในด้านสุขภาพ โดยผ่านพืชที่นำมาใช้ทำยา ซึ่งขึ้นอยู่บริเวณหลังบ้านของพวกเขา หรือเจริญงอกงามในทุ่งหญ้า ในป่า ซึ่งผู้คนมีอิสระที่จะไปเก็บหรือไปหามาใช้ได้. ไม่มีใครจำเป็นต้องจ่ายเงินใหกับของขวัญที่ธรรมชาติมอบเอาไว้ให้เหล่านี้.

แต่ทุกวันนี้ พืชสมุนไพรเหล่านั้นทุกๆอย่าง กำลังได้รับการขึ้นทะเบียนสิทธิบัตร และภายใน ๕ หรือ ๑๐ ปีในอนาคต เราจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันหนึ่งที่ยากลำบากสำหรับพวกเรา ซึ่งบริษัทอุตสาหกรรมทางด้านเภสัชกรรมในลักษณะทำนองเดียวกันนี้ จะก่อความเสียหายให้กับวิถีสุขภาพของพวกเราอย่างรุนแรง. และเมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะแปรเปลี่ยนผลิตผลทางด้านสุขภาพ และความปลอดภัยไปในรูปของยาที่ทำขึ้นมาจากพืชสมุนไพร, ยาจีน, ยาที่ใช้กลิ่นในการบำบัด หรือที่เรียกว่า aromatic medicine จากอินเดีย, ไปเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และจะมาขัดขวางการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ของคนพื้นเมือง. พวกเขาจะมาทำให้สิทธิของคนพื้นเมืองเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และพวกเขาจะดำเนินการไปตามขั้นตอนนั้น, พวกเขายึดครองฐานทรัพยากร, พวกเขายึดครองพันธุ์พืช, พวกเขายึดครองการจำหน่าย, พวกเขายึดครองตลาด, และทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์กีดกันในการเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและสมบูรณ์.

สิ่งซึ่งเรากำลังมองดูอยู่ในเวลานี้ คือสถานการณ์อันหนึ่งซึ่งโลกที่สาม อันเป็นดินแดนที่สำคัญที่คอยถนอมรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเอาไว้ เป็นผู้ผลิตหลักทางด้านอาหารของโลก ที่ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มีความผูกพันอยู่กับการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหาร, กำลังถูกความพยายามทำให้มันกลายไปเป็นสังคมบริโภค. แต่คุณไม่สามารถที่จะมีสังคมบริโภคโดยมีประชากรที่ยากจนเป็นพื้นฐานได้ และด้วยเหตุนี้สิ่งที่คุณจะมีและทำคือ การกีดกัน, ทำให้เกิดความขาดแคลน, โรคร้าย, ความหิว, โรคระบาด, ความบกพร่องทางด้านโภชนาการ, ภาวะข้าวยากหมากแพง และสงครามกลางเมือง. สิ่งที่กำลังถูกหว่านเพาะ มันคือความโลภของบริษัทต่างๆซึ่งกำลังขโมยทรัพยากรอย่างสุดท้ายของคนจนไป. อันที่จริง มันคือเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ความรุนแรงที่ไม่อาจควบคุมได้ และความเสื่อมสลายของสังคมต่างๆในสัดส่วนที่ใหญ่มาก.

นิตยสาร In Motion : คุณให้ความวางใจในมัน, แต่สิ่งที่ดูเหมือนกุญแจสำคัญซึ่งได้เข้ามาแทนที่หรือยึดครองคือ RAFI (Rural Advancement Foundation International - มูลนิธิเพื่อความก้าวหน้าของท้องถิ่น นานาชาติ) ซึ่งผู้คนเรียกว่า "terminator technology"(เทคโนโลยีแห่งการสิ้นสุด). คุณสามารถที่จะพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม ?

ดร.วันทนา ศิวะ : เมื่อเราหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปในท้องนา ก็จะมีบทสวดหรือคาถาซึ่งชาวนาทุกคนในอินเดียจะท่องจนขึ้นใจว่า: ขอให้เมล็ดพันธ์เหล่านี้อย่าอ่อนแรง, ขอให้มันไม่มีวันหมดเรี่ยวแรง, ขอให้มันออกลูกออกหลานในปีต่อไป". เกษตรกรทั้งหลายมีความภูมิใจที่จะกล่าวว่า : "อันนี้คือเมล็ดพันธุ์รุ่นที่สิบแล้ว ที่ฉันได้หว่านเพาะลงไปในแปลงนา", "อันนี้คือเมล็ดพันธุ์รุ่นที่ห้าแล้วที่ฉันได้หว่านเพาะลงไปในไร่นา". วันหนึ่งต่อไปข้างหน้า ฉันจะนำมันไปแลกเปลี่ยนกันภายในหุบเขาของฉัน และชาวไร่ชาวนาก็ได้นำเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวบาสมาติอันมีกลิ่นหอมมา และกล่าวว่า "นี่คือรุ่นที่ห้าแล้วที่เรากำลังเพาะปลูกมันในครอบครัวของพวกเรา".

ตราบเท่าที่มนุษย์ยังปฏิบัติกับมัน ในฐานะที่เป็นภารกิจของพวกเขาในการสงวนรักษาเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เอาไว้ เขาก็จะมั่นใจได้ถึงความต่อเนื่องของมัน. แต่คำสวดอ้อนวอนที่ขอให้เมล็ดพันธุ์อย่าได้หมดเรี่ยวแรงลงไป ดูเหมือนว่ากำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปในคำสวดดังกล่าว กลายเป็นคำอ้อนวอนที่ว่า, "ขอให้เมล็ดพันธุ์นี้สิ้นสุดลง เพื่อว่าฉันจะได้หากำไรได้เพิ่มขึ้นทุกๆปี" ซึ่งนี่คือคำสวดอ้อนวอนที่บริษัท Monsanto กำลังท่องออกมาโดยผ่านเทคโนโลยีที่ทำให้สิ้นสุด(terminator technology) - มันเป็นเทคโนโลยีอันหนึ่ง, ซึ่งเป้าหมายของมันนั้น เพียงเพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์จากการเจริญงอกงามหรือแตกตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบหรือควบคุมแต่อย่างใดเลย.

ไม่ใช่ว่า มันไม่มีความหมาย, เมล็ดพันธุ์ลูกผสม เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีเลยสำหรับการเก็บรักษา. มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาค้นพบเครื่องมืออันหนึ่งที่จะบีบบังคับให้บรรดาชาวนาชาวไร่ทั้งหลายต้องหวนกลับมาหาพวกเขา หรือกลับมาสู่ตลาดทุกๆปี. แต่ความแตกต่างก็คือ เมล็ดพันธุ์ลูกผสมไม่ได้ให้เมล็ดพันธุ์ที่ดี. มันไม่ใช่ว่าพวกเขาล้มเหลวที่จะเพาะเมล็ดพันธุ์. พวกเขายังแยกสายพันธุ์ของพวกมัน. พวกเขาจะยังให้ธัญพืชบางชนิดแก่คุณ. คุณจะไม่มีวันฉิบหายหรือล่มสลายอย่างแน่นอน.

สิทธิบัตรต่างๆเป็นการขัดขวางชาวนาจากการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์เอาไว้. แต่ด้วยสิทธิบัตรต่างๆ คุณยังต้องทำการตรวจตราหรือคอยควบคุม, คุณยังต้องระดมพวกนักสืบเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ชาวนาทั้งหลายจะไม่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆเอาไว้. เทคโนโลยีแบบขาดห้วงหรือสิ้นสูญ(terminator) มันเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยอย่างมากสำหรับบริษัทต่างๆ อย่าง Monsanto เพราะพวกเขาไม่จำต้องมีการตรวจตราหรือควบคุมแต่อย่างใดเลย, และยังไม่ต้องเป็นกังวลต่อการแยกสายพันธุ์ใดๆ, มาถึงตอนนี้ โดยพื้นฐานแล้ว คุณเพียงทำให้มันสิ้นสุดลง. แต่นี่ไม่เพียงเป็นความรุนแรงต่อชาวนาชาวไร่เท่านั้น ซึ่งพวกเขามีสิทธิโดยพื้นฐาน, ในทัศนะของดิฉัน, ที่จะเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ของพวกเขาเอาไว้. ภาระหน้าที่ของชาวนาชาวไร่ หรือเกษตรกรทั้งหลาย คือการปกป้องพื้นแผ่นดิน, ธำรงรักษามันให้มีความอุดมสมบูรณ์, และรักษาความร่ำรวยของเมล็ดพันธุ์พืช. นั่นคือส่วนหนึ่งของการเป็นชาวนาหรือเกษตรกร.

ชาวนาไม่ใช่คนขับรถแทรกเตอร์ราคาถูก, นั่นมันเป็นนิยามของยุคสมัยใหม่ว่า ชาวนาเป็นใคร ? นิยามความหมายที่แท้ของการเป็นชาวนาหรือเกษตรกรคือ คนๆหนึ่ง ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับผืนดินและผูกพันอยู่กับเมล็ดพันธุ์พืช พวกเขาจะทำหน้าที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์รุ่นต่อไปในอนาคตเอาไว้ สงวนรักษามันให้มีพลังขึ้นมาใหม่ และสร้างความอุดมสมบูรณ์.

การแสวงหาสำหรับเทคโนโลยีข้างต้นนี้ มันมาจากความรุนแรงที่มีต่อพื้นฐานทางด้านจริยธรรม. เรื่องของจริยธรรมนั้นชาวนาและเกษตรกรทั้งหลายจะต้องมี ถ้าเผื่อว่าเขาเป็นชาวนาและเกษตรกรที่ดี. แต่ที่ลึกลงไปยิ่งกว่านั้น เพราะตอนนี้มันได้กลายเป็นความรุนแรงอันหนึ่งซึ่งมีผลต่อธรรมชาติด้วย ทั้งนี้เนื่องมาจาก วิธีที่บริษัท Monsanto พูดว่า "เราจะหยุดยั้งวิวัฒนาการ เพราะวิวัฒนาการมันได้สร้างอิสรภาพขึ้นมานั่นเอง". (ต่อ - คลิกไปหน้าถัดไป)

go to next page back to midnight's home

 

 

 

Published in In Motion Magazine / August 1998
The letters patent
of New Columbus
เอกสารกรรมสิทธิ์ของโคลัมบัสยุคใหม่