โครงการก้าวสู่คริสตศตวรรษที่ ๒๑ ด้วยการทบทวนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา




Update 26 August 2007
Copyleft2007
บทความทุกชิ้นที่นำเสนอบนเว็บไซต์นี้เป็นสมบัติสาธารณะ และขอประกาศสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเปิดรับบทความทุกประเภท ที่ผู้เขียนปรารถนาจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน โดยบทความทุกชิ้นต้องยินดีสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคม สนใจส่งบทความ สามารถส่งไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com โดยกรุณาใช้วิธีการ attach file
H
บทความลำดับที่ ๑๓๔๕ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๐ (August, 26, 08,.2007) - ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์
R
power-sharing formulas, options for minority rights, and constitutional safeguards.

บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้ มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด. สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com (กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ทักษิณได้พบหารือกับพลเอกสนธิฯ ผู้บัญชาการทหารบก 1 ครั้งที่ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ทักษิณทราบดีว่า เบื้องหลังของการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ ยังมีชนชั้นหนึ่งที่มีบารมีและไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ซึ่งนั่นก็คือกองทัพ ที่จะสามารถแสดงบทบาทพลิกสถานการณ์ในยามคับขัน บรรดานายทหารที่ถือกระบอกปืนเหล่านี้ ดูเผินๆ เหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอิสระเหนือรัฐบาล แต่ที่แท้จริงแล้วแค่เพียงกระดิกนิ้วหัวแม่มือเพียงนิ้วเดียว ก็สามารถที่จะขับเขาให้ตกจากที่นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
26-08-2550

Thaksin's 24 Hours
Midnight University

 

H
R
ทุกท่านที่ประสงค์จะติดต่อมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กรุณาจดหมายไปยัง email address ใหม่ midnightuniv(at)gmail.com
-Free Documentation License-
Copyleft : 2007, 2008, 2009
Everyone is permitted to copy
and distribute verbatim copies
of this license
document, but
changing it is not allowed.

บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับการรัฐประหาร ๑๙ กันยา
Thaksin's 24 Hours After the Coup:
บทที่ ๑๐ คงยังไม่ใช่ตอนอวสาน

กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : เรียบเรียง
ต้นฉบับแปลจากภาษาจีนทั้งเล่ม ได้รับมาจากเพื่อนสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน


บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับนายกฯ ทักษิณ และการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นี้
แปลมาจากต้นฉบับภาษาจีน (โดยผู้แปลไม่เปิดเผยนาม) กองบรรณาธิการ ม.เที่ยงคืนได้นำมาเรียบเรียง
และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติม เพื่อสะดวกแก่การค้นคว้าในเรื่องประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย
โดยในบทที่ ๑๐ นี้ มีชื่อบทว่า "คงยังไม่ใช่ตอนอวสาน" ดังมีลำดับหัวข้อที่น่าสนใจต่อไปนี้
- หลังรัฐประหาร ไปที่ไหนดี: ลอนดอน
- หวนรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา
- รำลึกถึงชีวิตแต่หนหลังยามบวช
- ๕๗ ปีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
- ฉันอยากกลับบ้าน ทุกอย่างผ่านไปแล้ว
- บทส่งท้าย: กลับไปพบกับเพื่อนเก่า
- ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย
- คตส. มีมติให้อายัดทรัพย์ของทักษิณและพวก
- ประเทศไทยยังอยู่ที่สี่แยกของวิกฤต
midnightuniv(at)gmail.com

บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๓๔๕
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ ๑๓ หน้ากระดาษ A4)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ ๑๐ คงยังไม่ใช่ตอนอวสาน

ตอนที่ 1

หลังรัฐประหาร ไปที่ไหนดี: ลอนดอน
ค่ำคืนของนิวยอร์กสว่างไสวด้วยแสงไฟที่ไม่มีวันดับลง ส่วนบนฟากฟ้า พระจันทร์เสี้ยวยังคงลอยเด่น ประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับ ความมืดแผ่ปกคลุมไปทั่วนับแต่ขอบฟ้าจนถึงกลางใจ เปรียบได้กับชะตาชีวิตของคนที่เมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของจักรวาลแล้วช่างน้อยนิดยิ่งนัก. ทักษิณไม่ได้เปิดผ้าม่านมองฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่างเลย ทั้งวันที่ผ่านมา บุคคลผู้ซึ่งอ่อนล้าทั้งกายใจผู้นี้ ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการต่อสู้กับโชคชะตาที่ถูกท้าทายอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นับตั้งแต่มีข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยอมรับในการปฏิรูปทางการเมืองแล้ว เขาก็ได้ยกเลิกการกล่าวสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ

นายทอม เครือโสภณที่ปรึกษาของเขาได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "นายกรัฐมนตรีไม่ยอมรับความชอบธรรมของการปฏิรูปครั้งนี้ และไม่ได้ยอมวางอำนาจ ไม่ได้แสวงหาการลี้ภัยแต่อย่างใด" ใช่แล้ว เขาไม่ได้ขอลี้ภัยที่สหรัฐฯ เลย เขาเพียงแต่กำลังใช้ความคิด คิดว่าจะไปทางไหนต่อดี ในอดีตผู้นำที่แพ้สงครามจะขี่ช้างหรือม้าหลบเข้าไปในป่าลึก ส่วนปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ถูกลอยแพจะนั่งเครื่องบินไปหาประเทศที่ปลอดภัยสักประเทศหนึ่ง ควรไปไหนดี ควรเดินทางไปเรื่อยๆ หรือไม่ จากดาวดวงหนึ่งไปยังดาวอีกดวงหนึ่ง จากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาก็ไม่สามารถสลัดรอยแผลในใจที่บอบช้ำและความห่วงกังวลในอนาคตของบ้านเมืองไปได้

คำบอกเล่าของทักษิณ
ชาวไทยเป็นคนที่รักอิสรภาพและประชาธิปไตย พวกเขารักราชวงศ์ และก็รักประชาธิปไตย ประชาธิปไตยซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ประเทศไทยต้องการในเวลานี้ ก็คือจะต้องนำอำนาจคืนให้ประชาชน ผมหวังว่าจะสามารถเห็นการกลับคืนมาของประชาธิปไตยโดยเร็ว รัฐบาลที่จำเป็นสำหรับประชาชนในเวลานี้ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ผ่านการเลือกของประชาชนเท่านั้น ประชาชนจะต้องอดทนอีกปีครึ่ง รอคอยประชาธิปไตย จากนั้นค่อยเลือกพรรคการเมืองที่ดีเข้ามาบริหารประเทศ ผมคิดว่าประชาธิปไตยจะกลับมาในเร็วๆ นี้

เขารู้ การท่องโลกในวันนี้ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ แต่เกิดจากการถูกบังคับให้ต้องออกมา เป็นบทเรียนที่โหดร้ายนัก แต่เมื่อเป็นบทเรียน ก็ถือเป็นการเรียนรู้เช่นกัน เพราะคนคนหนึ่งหากว่าอยู่แต่ที่สูงแล้วมองลงมาเบื้องล่าง จากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มองผ่านชั้นฟ้า จากจุดที่มีอำนาจสูงส่ง มองลงมายังด้านล่าง สิ่งที่จะเห็นอยู่ตลอดก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มและการเอาใจของคนใต้บังคับบัญชา เสียงปรบมือที่ได้รับตลอดเวลาทำให้รู้สึกชินชา ความสำเร็จที่ได้รับอย่างต่อเนื่องทำให้คนเหลิงได้ นักการเมืองคนหนึ่งต้องผ่านความพ่ายแพ้มาแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถมองผ่านความโชคร้ายเพื่อเห็นภาพรวมทั้งหมด จึงจะเข้าถึงและเข้าใจโฉมหน้าที่แท้จริงของคนบนโลกนี้ได้ การถูกบังคับให้หนีนั้น มีเพียงคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี สถานที่แรกจะไปไหนดี เขาอยู่ที่นิวยอร์กนั้นมีเครื่องบินของทางการลำหนึ่ง ในมือมีหนังสือเดินทางนักการทูตแบบพิเศษที่มีเพียงผู้นำจึงจะมีได้ แต่อีกไม่นานก็คงใช้ไม่ได้แล้ว คุณหญิงพจมานภรรยาแนะนำเขาว่า "ไปลอนดอนเถอะ ลูกสาวอยู่ที่นั่น อีกไม่กี่วัน พวกเราจะตามไปสมทบที่ลอนดอน" พิณทองทา ลูกสาวคนโตของเขากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแอลเอสอี และที่ใจกลางกรุงลอนดอน ก็มีบ้านหลังหนึ่งซึ่งสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้

ทักษิณเริ่มดำเนินการต่างๆ เขาขอให้บริษัทการบินไทยช่วยเหลือ เครื่องบินพิเศษจะต้องบินผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ ล้วนแต่ต้องขออนุญาตก่อน จากนั้นก็ได้แต่รอคอย รอคอยผ่านวันเวลาที่ยาวนาน เวลาค่อยๆ เดินไปทีละนาที ทีละวินาที แต่ละนาทีช่างผ่านไปอย่างยากลำบากนัก คนที่ต้องหลบหนีได้แต่รอคอยอยู่แต่ในบ้าน จวบจนฟ้ามืดลง

จนยี่สิบสามนาฬิกาจึงได้ข่าว ทุกอย่างถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี เครื่องบินพิเศษสามารถมุ่งหน้าไปกรุงลอนดอน พรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทางได้ เขาถอนหายใจยาวๆ หนึ่งครั้ง พูดกับคนในบังคับบัญชาว่า "พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันแต่เช้า ใครที่ยินดีจะอยู่ที่ลอนดอน ผมจะจัดการหาที่พักชั่วคราวให้ ส่วนใครที่อยากจะกลับประเทศ หลังจากเครื่องบินแวะพักที่ลอนดอนแล้ว ก็จะพากลับไปที่กรุงเทพฯ" ลูกพี่ลูกน้องของเขามีบ้านอยู่ที่ลอนดอน สามารถใช้เป็นที่พักให้ข้าราชการที่ต้องหลบหนีเหล่านี้ได้

ตอนที่ 2
หวนรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา
เพื่อนร่วมงานทั้งหลายกลับห้องพักผ่อนแล้ว ทั้งห้องก็เหลือเขาเพียงคนเดียว เส้นประสาทที่ตึงเครียดค่อยผ่อนคลายลงมา หัวสมองที่หมุนติ้วก็หยุดลงได้ เขานั่งอยู่ในความเงียบสักพักหนึ่ง ทันใดนั้น ความรู้สึกว่างเปล่าก็จู่โจมโถมถาราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา ความรู้สึกแบบนี้ในชีวิต 57 ปีที่ผ่านมา น้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้น เขาจำได้ว่า ตอนยังเด็ก แม่เคยพาเขาไปดูดวง ดวงชะตาชี้ว่าเขาเป็น"นักสู้ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"

เป็นจริงดังว่า ตั้งแต่เป็นนักเรียน นักธุรกิจ จนเป็นนายกรัฐมนตรี เขาผ่านชีวิตที่ทุกวันแสนจะยุ่งเหยิง ทั้งชีวิตไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทุกวันพอลืมตาขึ้นมาก็คือการทำงาน ทำงาน ทำงานไม่เคยหยุดหย่อน ทำงานไม่เคยพักผ่อน จนถึงวินาทีก่อนหน้านี้ เขาก็ยังทำงาน ตอนนี้คนที่เคยชินกับการทำงานอยู่ตลอดเวลาอย่างเขาไม่รู้จะทำอะไรดี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าพรุ่งนี้จะเดินต่อไปอย่างไร อาจจะนอนพักอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ที่ลอนดอน หลับสักตื่นใหญ่ๆ เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน หลายวันมาแล้ว ไม่ได้หลับเต็มตาเลย วันที่สองหรือ จะยอมให้คนคิดว่าเขาหมดแรงแล้วหลบอยู่แต่ในห้องพร่ำเพ้อไม่ได้ อาจจะออกมาเดินเล่นที่ถนน ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาสักคน ไม่มีผู้ติดตาม ไม่ถูกรบกวนด้วยนักข่าว วันที่สามไปตีกอล์ฟ หรือไม่ก็อ่านหนังสือ วันที่สี่อาจจะต้องปรึกษากับภรรยา ซื้อบ้านสักหลังที่ชานเมืองลอนดอน อพาร์ตเม้นต์ของลูกสาวอยู่ใจกลางเมือง ทั้งเล็กทั้งแพง แต่จะซื้อบ้านสักหลังหรือ เราจะอยู่ที่ลอนดอนนานขนาดนั้นหรือ

รำลึกถึงชีวิตแต่หนหลังยามบวช
ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมอง พลันเขาก็คิดถึงช่วงเวลาที่เคยบวชอยู่ในวัดสิบเก้าวันเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาแห่งนี้ ชายฉกรรจ์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาสามัญหรือเป็นเชื้อพระวงศ์ ในชีวิตต้องมีสักครั้งที่ควรแบ่งเวลาออกมาอยู่ที่วัด ใช้ช่วงเวลานี้อยู่อย่างสงบ จะทำให้มีชีวิตที่มีสาระและมีจิตวิญญาณ ปีนั้นทักษิณอายุ 21 ปี อยู่ชั้นปีที่ 3 ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เขาใช้เวลาช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนออกบวชที่วัดแห่งหนึ่งใกล้กับเชียงใหม่จังหวัดบ้านเกิด วันที่ปลงผมนั้น เขาสวมชุดขาว มารดาถือชุดจีวรเดินอยู่ด้านข้าง บิดาอุ้มบาตร ญาติมิตรคนอื่นถือตาลปัตร กลด พร้อมด้วยเครื่องสังฆภัณฑ์ต่างๆ มุ่งหน้าไปยังวัดอย่างเอิกเกริก. ตามธรรมเนียมท้องถิ่น ชายคนหนึ่งหากออกบวชก่อนแต่งงาน บุญบารมีที่สะสมได้จะได้แก่มารดา หากแต่งงานไปแล้วค่อยออกบวช คนที่ได้บุญนั้นจะไม่ใช่มารดา แต่เป็นภรรยา ดังนั้น วันนั้นทั้งวัน มารดาของทักษิณจึงยิ้มตลอดเวลา

การออกบวชนั้นมีข้อห้ามมากมาย นอกจากห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามมุสา ห้ามดื่มสุรา และห้ามผิดประเวณี ซึ่งเป็นศีลห้าแล้ว ยังมีกฎห้ามเดินเร็ว เวลาทานอาหารห้ามมีเสียงดัง ห้ามใส่เสื้อผ้ามากชิ้น (ไม่เกินสามชิ้น) ห้ามร้องรำทำเพลง ห้ามนอนฟูกสูง เป็นต้น ล้วนเป็นวินัยสงฆ์แบบหินยานที่เป็นแบบเฉพาะของประเทศไทย เขาก็เป็นพระที่ปฏิบัติตามพระวินัยสงฆ์ ทุกวันจะตื่นขึ้นมาทำวัตรตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จากนั้นก็จะทำความสะอาด คอยรับใช้พระสงฆ์ ทานอาหารเพียงวันละมื้อ เลยเที่ยงแล้วไม่รับประทานอาหารอีก ชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนี้ถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งสำหรับคนที่มีความกระตือรือร้นอยู่ในสายเลือดเช่นเขา

หลังจากผ่าน 19 วันไปแล้ว เขาก็สึกออกมา แม้จะไม่เข้าใจในพระธรรมอันลึกซึ้งมากนัก แต่เขาก็ได้เรียนรู้เรื่องหนึ่ง นั่นคือ การนั่งคิดอย่างมีสมาธิ พระอาจารย์ได้สอนเขาว่า การนั่งสมาธิสามารถช่วยคนให้ฝึกฝน"ญาณ"ได้ ช่วยให้คนไม่ต้องเผชิญกับความคิดฟุ้งซ่านมากเกินไป บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่คงกระพัน ความเจ็บปวดกับความทุกข์ใจก็เช่นกัน นี่คือวิถีแห่งธรรมชาติ เมื่อคุณเข้าใจจุดนี้แล้ว ก็จะไม่เป็นทุกข์เพราะเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานนัก

อำนาจก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน วันนี้เขาจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสัจธรรม เมื่อก่อนนั้น เมื่ออำนาจในมือเพิ่มมากขึ้น นิสัยความเป็นคนเข้มแข็งของเขาก็ยิ่งแข็งมากขึ้น ส่วนตอนนี้ เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็หล่นจากยอดเขาแห่งอำนาจลงมาสู่หุบเหวอันมืดมิด ความจริงแล้ว ฉากสุดท้ายของนักการเมืองสักคนก็เหมือนกับคนทุกคนที่ต้องแก่ตัวลง เป็นวิถีแห่งธรรมชาติ หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉากอำลาของตัวเองจะกระอักกระอ่วนและถูกดูแคลนจนต้องหลบลี้เช่นนี้

๕๗ ปีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
หกปีที่ผ่านมา เขาทำทุกอย่างเพื่อประเทศนี้ สิ่งที่ได้คืนมากลับกลายเป็นจุดจบที่โหดร้าย ในตอนกลางวัน ต่อหน้าคนอื่นเขาต้องอดทนกับความปวดร้าว ยามกลางคืน ความเจ็บปวดนั้นยิ่งแผ่ขยายมากขึ้น ทำเสมือนว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น มองไม่เห็นอะไร ไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งนั้น ราวกับเข้าสู่ความว่างเปล่า เพราะว่าท่ามกลางความว่างเปล่า จะไม่ต้องคิดคำนึงและหวาดระแวงถึงความเจ็บปวด ทุกอย่างจะจบลง จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะออกจากนิวยอร์ก เขาก็ยังรักษาความเป็นสุภาพบุรุษไว้ ไม่ได้เอ่ยปากแม้สักประโยคหรือสักคำถึงความทุกข์ในใจ แต่เมื่อเขาอยู่คนเดียวยามค่ำคืน ก็ไม่ผิดอะไรกับสัตว์ที่ซุกตัวอยู่มุมห้อง เพื่อหลบรักษาตัว ค่อยๆ เลียบาดแผลในหัวใจ

เขานึกถึงค่ำคืนที่เต็มไปด้วยฝนเมื่อ 26 ปีก่อน เตียงนอนที่ลอยไปตามสายฝน ความหวาดกลัวทั้งวันทั้งคืนจากการถูกตามหนี้ และวันคืนที่จนตรอกจนสิ้นหวัง วันนี้เขามีอะไรที่จะต้องโอดครวญอีกเล่า ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตก็ผ่านมาแล้ว ตอนนั้น เขาไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต ล่องลอยไม่รู้จะทำอะไร วันนี้แม้เขาจะสูญเสียเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่เขายังมีเงิน มีเพื่อน อะไรที่ควรมีก็มีหมดแล้ว เขาผ่านชีวิตที่ลำบากและมีความสุข ชัยชนะและการล้มลงมาหมดแล้ว เขาได้ผ่านความรู้สึกเป็นรองคนเพียงหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งเหนือคนหมื่นมาแล้ว และก็ผ่านความรู้สึกหมดหวังเหมือนโดนผลักลงนรกเพียงข้ามคืนมาแล้วเช่นกัน

เขาเคยยากจนจนไม่มีอะไร วันนี้เขาก็ร่ำรวยระดับแถวหน้า เขาเคยมีคนรัก มีคนเคารพ แต่ก็โดนคนขับไล่ โดนคนรังเกียจ โชคชะตามีขึ้นมีลงไม่หยุดนิ่ง ชีวิตตลอด 57 ปีที่ผ่านมาของเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย สิ่งที่โชคชะตามอบให้กับเขาก็ไม่น้อยเลย มีอะไรที่ยังไม่พอใจอีกเล่า ความทรมานจะสำคัญไปกว่าความสุขได้อย่างไร ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือ การมีครอบครัวแสนอบอุ่นคอยสนับสนุนและปลอบประโลมเขา เขานึกถึงช่วงหลังจากที่เกิดเหตุระเบิดรถเมื่อเดือนสิงหาคม. ภรรยา ลูกชายและลูกสาวสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวปลอบโยนซึ่งกันและกัน พูดคุยกันถึงหัวข้ออันโหดร้ายเกี่ยวกับว่าจะสูญเสียเขาไปหรือไม่ เขาฟังแล้วปวดใจนัก ตอนนี้ เขาจะไม่ทำให้คนในครอบครัวอกสั่นขวัญแขวนอีกแล้ว เขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อเคียงข้างภรรยาและลูกๆ

เขาค้นพบว่าชีวิตของคนเรา ที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความพ่ายแพ้ ไม่ใช่ความยากจน และไม่ใช่การถูกกีดกัน แต่เป็นความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต อาจจะต้องใช้ความรักของคนที่มีผูกพันกันทางสายเลือด ถึงจะสามารถรู้สึกถึงความอบอุ่นท่ามกลางความว่างเปล่านั้นได้ ทันใดนั้น เขารู้สึกอยากเจอพิณทองทาเหลือเกิน เธอคงกำลังรอคอยเขาอยู่ที่ลอนดอนด้วยความกระวนกระวาย ภรรยาและลูกๆ จะต้องอยู่ข้างๆ เขาเพื่อผ่านคืนวันเหล่านี้ไป ไม่ควรให้พวกเขาต้องถูกทรมานอย่างโหดร้ายแบบนี้แล้ว เขาควรจะดูแลตัวเองให้ดี ว่าแต่เขาจะมัวแต่มานั่งคิดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน

คำบอกเล่าของทักษิณ
หลังจากเกิดเหตุปฏิรูปทางการเมือง ผมก็เหมือนกับตายไปสองครั้ง คนเราปกติแล้วจะตายแค่ครั้งเดียว แต่ผมตายสองครั้ง แต่ว่าความทรมานเหล่านี้ทำให้ผมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกอย่าง ช่วงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตผมก็ได้ผ่านไปแล้ว ตอนที่ผมทำการค้าแล้วล้มเหลวนั้น แย่ยิ่งกว่าตอนนี้อีก ตอนนี้ ผมมีเงิน มีเพื่อน มีประสบการณ์ ตอนนั้นอะไรก็ไม่มีสักอย่าง ไม่มีใครที่จะช่วยได้ ติดหนี้ธนาคารก้อนโต มักจะถูกบีบให้ต้องขึ้นศาล เพราะติดหนี้ธนาคารแล้วไม่ใช้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตอนนั้นเป็นช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิตผม ผมแทบไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร มืดแปดด้าน ไม่เห็นแสงอะไรเลย ตอนนี้ แม้จะเจอกับอุปสรรค แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าจะต้องมีชีวิตต่อไปอย่างไร

ถ้าหากจะให้ผมให้คะแนนตัวเอง ด้านการใช้อำนาจ ผมให้ตัวเองไม่ผ่านเกณฑ์ ด้านประสิทธิภาพในการบริหารรัฐบาล ผมให้แปดคะแนน ด้านความนิยมของประชาชน ผมก็ให้แปดคะแนน แต่ว่าถ้าหากถามผม แปดคะแนนดีหรือไม่ ผมจะตอบว่า มากเกินไป หกคะแนนก็พอแล้ว ในฐานะสามี ผมให้ตัวเองหกคะแนน จริงๆ แล้วผมควรจะได้เก้าคะแนน ถ้าหากว่าผมสามารถใช้ชีวิตแบบธรรมดาได้ ถ้าหากว่าผมไม่ได้เข้าสู่วงการการเมือง แต่ว่าตอนนี้ผมทำได้แค่หกคะแนน

ทักษิณเริ่มเก็บของ เดินวนไปมาในห้องหลายรอบ เก็บเอกสารที่กระจัดกระจายบนโต๊ะ เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทาง เขาหยิบเอาสูทที่พรุ่งนี้จะใส่ อย่างน้อยก็เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกหลังเกิดเหตุปฏิรูปทางการเมือง ทำตัวง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน เขารู้ว่านักข่าวรออยู่ข้างล่างนานแล้ว พวกเขาอยากเห็นปฏิกิริยาของเขา จะพูดอะไรกับเขาดีล่ะ ตาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง ตีหนึ่งแล้ว เขาไม่อยากคิดอีกต่อไป จึงขึ้นนอนบนเตียง กะว่าจะหลับ พอหัวถึงหมอน ความเหนื่อยล้าทางใจก็ถาโถมเข้ามา ไม่ใช่เฉพาะเหนื่อยกาย ซึ่งก็ทำให้เขาหลับไป เขานอนหลับสนิท ไม่ได้แม้แต่จะฝัน

ตอนที่ 3
ฉันอยากกลับบ้าน ทุกอย่างผ่านไปแล้ว
ในความสะลึมสะลือนั้น เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น เขารู้สึกตัวตื่น นั่งขึ้นมามองนาฬิกา ตีสี่แล้ว ในชีวิต เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนวันนี้มาก่อน มองนาฬิกาอย่างกระวนกระวาย แต่ละนาทีที่ผ่านไปใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จะปรากฏเป็นภาพลอยขึ้นมากลางใจเขาในวันข้างหน้า เขาลงจากเตียง เปิดประตู เจอกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเขา "นายกรัฐมนตรี ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พวกเราไปได้แล้ว" เพื่อนแท้คนนี้ของเขาขอบตาดำคล้ำ คงไม่ได้นอนทั้งคืนเป็นแน่

ทักษิณอาบน้ำร้อน รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาใส่เสื้อขาว ผูกเนกไทสีแดง ดูเหมือนผ่อนคลาย ใช่แล้ว ไม่มีภาระอยู่บนบ่าแล้ว ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะเกิดการปฏิวัติหรือไม่ ไม่ต้องคอยคิดว่าการเลือกตั้งจะชนะหรือไม่ ไม่ต้องคอยมองดูคนที่มาประท้วง ไม่ต้องเผชิญหน้ากับงานราชการที่ไม่มีวันทำให้เสร็จ ไม่ต้องตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงทุกวัน เก้าโมงไปทำงาน เที่ยงคืนจึงได้นอน ทุกเสาร์อาทิตย์อยู่ตามชนบท ไม่ต้องไปงานเลี้ยงเข้าประชุม จะทำอะไรก็ต้องรีบร้อนไปหมด อีกไม่นาน ก็จะเริ่มชีวิตใหม่แล้ว เขาพลันนึกได้ว่าควรบอกลาลิเดีย

"ฮัลโหล" เสียงผู้หญิงงัวเงียมาตามสาย ลิเดียคงกำลังหลับฝันอยู่ หลายวันก่อน เขาเจอดาราสาววัย 19 ปีที่กำลังโด่งดัง เธอเป็นเพื่อนของพานทองแท้ลูกชายเขา มาทำเรื่องเรียนต่อที่นิวยอร์กพอดี "ลิเดีย ลุงจะไปแล้ว ลุงตกงานแล้ว" ลิเดียที่อยู่ปลายสายอึ้งไปทันที. "ลุงจะไปลอนดอน เราค่อยเจอกันใหม่นะ"

ตีห้า ทักษิณภายใต้การอารักขาของหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษก็ออกมาทางห้องครัวของโรงแรมไฮแอท รถมารออยู่แล้ว นาทีนั้นเขาคิดถึงช่วงเวลา 30 ปีที่แล้ว ซึ่งเขาได้มาเรียนที่สหรัฐฯ และทำงานเป็นนักเรียนจนๆ คนหนึ่ง ก็มักจะต้องออกทางประตูหลังของห้องครัวโรงแรม แต่ว่าตอนนี้ เขาต้องหลบนักข่าว เขาไม่อยากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว พูดอะไรล่ะ ใช่แล้ว เขาแพ้แล้ว แต่เป็นความผิดเขาหรือ ในการเมืองไม่เคยมีถูกผิด มีแต่แพ้ชนะ

ในช่วงย่ำรุ่ง ทักษิณเดินทางไปสนามบินเคเนดี้ ไปสู่ชีวิตที่ไม่รู้จะเป็นเช่นไร เวลานี้ นักข่าวนับร้อยจากทั่วโลกต่างรออยู่นอกโรงแรมอย่างอดทน แต่ไม่มีใครสมหวังสักคน

คำบอกเล่าของทักษิณ
หลังเกิดเหตุปฏิวัติ ในใจผมสับสนมาก ด้านหนึ่งผมเป็นห่วงว่าจะทำให้คนอื่นสูญเสียความมั่นใจในประชาธิปไตยของไทย การพัฒนาของประเทศจะถอยหลังไปอีกหลายปี เพราะเหตุนี้ แน่นอนว่าขณะนั้นผมก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะกังวล แม้ว่าผมจะรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องดังกล่าว แต่อีกด้านหนึ่งผมก็ดีใจ เพราะในที่สุดผมก็ได้มีเวลาให้ครอบครัว ให้ตัวเอง ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน

หลายปีที่ผ่านมา ผมทำงานตลอดเวลา ทำงาน ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ผมเป็นเด็กผู้ชาย ผมก็ทำงานมาตลอด ตั้งแต่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ก็เข้าสู่การเมือง ทำงานเพื่อประชาชน ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด หกปีในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่านานมาก การเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งนัก เป็นภารกิจที่ยากและลำบาก ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรปล่อยมือแล้ว ถ้าหากไม่มีการปฏิวัติผมก็คงจะลาออก ภรรยาของผมมักจะเตือนผมเสมอ เธอรู้สึกว่าผมทำงานหนักเกินไป ควรลาออกมาพักผ่อน

ผมอยากจะกลับไปตลอดเวลา ขอเพียงแต่ประเทศชาติต้องการผม หรือว่าสถานการณ์เอื้ออำนวย ตอนนี้ที่ผมเป็นห่วงก็คือเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะครอบครัวผมห่วงเรื่องความปลอดภัยของผมมาก พวกเราไม่ค่อยเป็นห่วงข้อกล่าวหาพวกนั้น เพราะพวกเราไม่ได้ทำผิด พวกเรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย

ทักษิณเริ่มต้นชีวิตที่ไร้จุดหมาย ผ่านไปหลายชั่วโมง บนเครื่องบินที่มุ่งหน้าสู่ลอนดอน เขาพูดกับนักข่าวที่ตามไปด้วยว่า "ถ้าหากว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผมก็ยินดีจะลาออก แต่ผมไม่ยอมรับว่าการปฏิวัตินี้ว่ามีความชอบธรรม การปฏิวัติจะไม่มีวันได้รับความเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่" "ตอนมาผมเป็นนายกฯ ตอนกลับผมเป็นคนตกงาน"

ผ่านไปสองเดือน กรุงเทพฯ ที่ไม่ต้องใช้กฎอัยการศึกแล้วนั้น ทำเนียบรัฐบาลสไตล์ยุโรปถึงได้สงบลงไปมาก ชาวไทยเริ่มใช้ชีวิตวันหยุดเหมือนเคย นอกทำเนียบฯ มีคนมาตั้งแผงและร้องขายของ ภายในทำเนียบฯ ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร ภาพทักษิณ ชินวัตรและป้าย "นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย" ได้ปรากฏขึ้นบนผนังด้านข้าง ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นจริงหรือ

ในความเงียบงัน ก็มีเสียงเพลงดังขึ้น เพลงชื่อว่า "ทักษิณ แบบอย่างที่ดี" เป็นมิวสิก วีดีโอที่แพร่หลายในอินเตอร์เน็ตทั่วโลก ภาพวีดีโอยาวเจ็ดนาทีนี้ประกอบขึ้นจากภาพของทักษิณ 140 ภาพ เขาพนมมือขึ้น, เขาแต่งกายในเครื่องแบบ, เขาใส่สูท มือถือแจ็กเก็ต, เขาขับเครื่องบินรบ, เขาขับมอเตอร์ไซค์, เขานั่งรถแทรกเตอร์, เขาเดินไปตามชนบท, เขานั่งยองๆ ริมบ่อน้ำ, เขาเล่าประสบการณ์ความร่ำรวยให้คนยากจนฟัง, เขากินข้าวกับชาวนา, สตรีคนหนึ่งกอดเขาร้องไห้จนไม่มีเสียงจะร้อง, เขากอดเด็กทารกคนหนึ่งและหัวเราะ, เขากำลังตั้งใจฟัง, เขากำลังเจรจา, เขากำลังเปิดงานพิธี, เขากำลังลงนามความตกลง, เขากำลังหาเสียงเลือกตั้ง, เขากำลังถือธงชาติ, เขาสวมพวงมาลัยดอกดาวเรือง, เขากำลังให้สัมภาษณ์, เขาหาเสียงกลางสายฝน เนื้อตัวเปียกโชก, เขาคุยกับบุช, เขาจับมือกับอันนัน, เขาถ่ายรูปกับผู้นำประเทศมากมาย, เขาเตะฟุตบอล, เขาพายเรือ, เขาผัดกับข้าว, เขาออกกำลังกาย, เขาใส่ที่ปิดปาก, เขากินไก่เพื่อแก้ปัญหาไข้หวัดนก, เขากับภรรยากอดกัน, เขาเล่นกับลูกชายหญิง, เขาเต็มไปด้วยพละกำลัง, เขาเหนื่อยอ่อน, เขายิ้มอย่างเบิกบาน, เขามีน้ำตานองหน้า, เขาถวายคำนับพระบรมฉายาลักษณ์, เขาคุกเข่าที่เก้าอี้รถเข็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, หน้าของเขาแนบกับหน้าของชาวนา, มือของเขาถูกมือนับไม่ถ้วนกุมเอาไว้, เขาโบกมืออำลา …

เพลงนั้นใช้ทำนองเพลง "กลับบ้าน" ของนักร้องโรแมนติกชาวแคนาดาที่ชื่อ Michael Buble มาใส่เนื้อเพลงไทย เสียงเพลงดังแว่วมาว่า

ฤดูร้อนของปารีสและโรมนั้น ผ่านมาแล้วเลยไป
ฉันเพียงอยากกลับบ้าน ใช่แล้ว กลับบ้าน
....................
รอบกายมีคนเคียงข้างมากมาย หากยังรู้สึกว้าเหว่ใจ
ฉันอยากกลับบ้าน กลับบ้านของฉัน
....................
ฉันคิดถึงเธอ จดหมายที่ฉันเขียนให้
เริ่มต้นที่ว่า "ฉันสบายดี แล้วเธอเล่า"
....................
ควรส่งไปให้เธอ แต่เนื้อถ้อยกระบวนความเยือกเย็นจับใจ
และเธอควรได้รับความห่วงใย มากกว่านี้
....................
เที่ยวบินมุ่งสู่แดนไกลอีกครั้ง บินไปสถานที่แสนไกลอาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์
ฉันคือคนโชคดี แต่ฉันยังอยากกลับบ้าน บ้านของฉัน
....................
ขอให้ฉันกลับบ้านเถิด ฉันจากบ้านมาไกลเกินไป
....................
ในโลกของคนอื่น ใช้ชีวิตที่ต่างไป
เมื่อทุกอย่างได้ดังที่ตั้งใจ เธอกลับไม่ได้อยู่ข้างกายฉัน
นี่หาใช่ความต้องการของเธอ เธอเชื่อมั่นในตัวฉันถึงเพียงนี้
....................
ฉันอยากกลับบ้าน ฉันเริ่มออกเดินทาง
ฉันอยู่กลางทาง ให้ฉันกลับบ้านเถิด
ทุกอย่างผ่านไปแล้ว บางทีอาจเป็นคืนนี้ที่ฉันจะกลับบ้าน
....................

บทส่งท้าย
กลับไปพบกับเพื่อนเก่า
บางที เรื่องราวก็น่าขันนัก ตอนที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เกือบทุกครั้งที่มาเยือนจีน จะต้องแวะไปที่ Pine Valley เพื่อเยี่ยมสหายเก่า ชาวไทยเชื้อสายจีน..นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง (เหยียน ปิน) นายชาญชัยเดินทางไปสร้างตัวที่ไทยตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 ตอนนี้เป็นประธานกรรมการบริหารกลุ่มหัวปิน อินเตอร์เนชั่นแนล และก็เป็นผู้บริหารกระทิงแดงในจีน ส่วน Pine Valley ตั้งอยู่ที่เชิงกำแพงเมืองจีน เป็นสนามกอล์ฟที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของปักกิ่ง มีทั้งภูเขาและสายน้ำกับทุ่งหญ้าเขียวขจี เมื่อมาอยู่ที่นี่ ทักษิณจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เดือนเมษายน 2549 ตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลรักษาการณ์นั้น ทักษิณก็มาที่ Pine Valley เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดกับนายชาญชัยว่า ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย อาจจะมีสักวันนะที่ผมจะเลิกทำงานแล้วมาอยู่ที่นี่ มาตีกอล์ฟ พักผ่อนสักหน่อย. นายชาญชัยหัวเราะแล้วตอบว่า ท่านยุ่งขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว คงยิ่งไม่มีเวลามาที่นี่

จากนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ปฏิรูปทางการเมือง ทักษิณถูกบีบให้อยู่นอกประเทศ นั่นคือวันที่ 19 กันยายน 2549 ประมาณ 10 วันหลังจากนั้น ทักษิณที่อยู่ที่ลอนดอนก็ได้รับโทรศัพท์จากนายชาญชัย นายชาญชัยกำลังตามหาตัวเขาไปทั่ว ทำให้ทักษิณรู้ซึ้งว่านี่แหละคือเพื่อน นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมของเพื่อน ซึ่งจะต้องเข้าใจด้วยว่า ทั้งสองคนนี้ไม่ได้รู้จักกันในสนามการค้า แต่เป็นแค่เพื่อนในสนามกอล์ฟเท่านั้น

นายชาญชัยบอกว่า ท่านรีบมาเถอะ ท่านกลับประเทศไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดควรมาจีน ผมจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ท่านเอง. นายชาญชัยต้อนรับเพื่อนเก่าแก่ด้วยการตรงเข้าไปกอดทักษิณ และพูดคุยกันด้วยภาษาไทย. เดือนเมษายน 2549 สนามกอล์ฟ Pine Valley จัดการแข่งขันกอล์ฟ Beijing Tournament ขึ้น ทักษิณก็ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดในฐานะคนทั่วไป นึกไม่ถึงว่าชาวจีนจำนวนไม่น้อยจำเขาได้ พากันวิ่งเข้ามาจับมือกับเขา ถ่ายรูปร่วมกับเขา มีคนยื่นนามบัตรให้เขา ทักษิณก็รับมาด้วยความนอบน้อม พร้อมกับแบมือออกพูดว่า ขอโทษจริงๆ ตอนนี้ผมไม่สามารถจะมอบนามบัตรแบบนี้ให้คุณได้ อีกฝ่ายพูดว่าไม่เป็นไร หวังว่าคุณจะอยู่ที่จีนอย่างมีความสุข

นายชาญชัยบอกว่า คนอย่างทักษิณ มีความสามารถและรู้จักการควบคุมตัวเองอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าช่วงนี้จะเกิดเรื่องไม่ดีมากๆ กับเขาหลายอย่าง เขาก็ยังสามารถรักษาอาการยิ้มแย้มหัวเราะไว้ได้ เขาสุขุมมาก เผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ อย่างใจเย็น เป็นคนประเภทที่ทำการใหญ่ได้ เวลาที่เขาพูดถึงเรื่องปฏิรูปทางการเมืองนั้น ก็เป็นการพูดแบบปกติ ไม่ได้พูดอย่างใช้อารมณ์แม้แต่น้อย

คำบอกเล่าของทักษิณ
ที่ปักกิ่ง ทุกคนเป็นมิตรกับผม หลายคนรู้จักผม ผมรู้สึกอบอุ่นมาก ชาญชัยเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นในการใช้ชีวิตให้ผม ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ผมปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ปักกิ่งได้เป็นอย่างดี หลังจากไปมาทั่วทั้งเอเชียแล้ว ผมดีใจที่ที่นี่กลายเป็นแหล่งพักพิงให้ผมได้ ผมเชื่อว่า ถ้าหากผมถูกบังคับไม่ให้กลับประเทศไทยนานกว่านี้ จีนจะกลายเป็นสถานที่ที่ผมอยากอยู่มากที่สุด เพราะบรรพบุรุษของผมก็มาจากจีน

ชาญชัยเป็นเพื่อนแท้ ตอนอยู่ที่ประเทศไทย เขาไม่เคยขอความช่วยเหลืออะไรจากผมเลย เราเพียงแค่รู้จักกัน คุยกัน เล่นกอล์ฟ กับทานข้าวกันบ่อยๆ เท่านั้น

ก่อนเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ ผมไม่เคยคิดจะมาอาศัยอยู่ที่จีนเลย ตอนอยู่ที่ลอนดอน ผมคิดจะไปเอเชีย ตอนนั้นคนที่โทรศัพท์มาหาแล้วเชิญผมคนแรกคือชาญชัย ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เขาจะเตรียมทุกอย่างไว้รอผมดีถึงขนาดนี้ เขาไม่เพียงแต่เตรียมให้ผม ยังเตรียมให้เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมผมด้วย ทุกอย่างได้รับการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี เขาคิดว่าผมควรจะอยู่ที่นี่ "อย่างน้อย 3 ปี" เขาพูดอย่างนั้น เขายังเตรียมจะสร้างบ้านให้ผมหลังหนึ่ง ครอบครัวเราทุกคนรู้สึกขอบคุณเขา ผมคิดว่า สักวันหนึ่งผมจะต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณนี้ของเขา

ชาญชัยรู้ว่านิสัยของผมเป็นคนกระฉับกระเฉง เขาไม่อยากให้ผมอยู่อย่างเบื่อหน่าย ก็เลยจัดกำหนดการต่างๆ ให้ เช่น ไปตีกอล์ฟที่ต่างประเทศกับเขา เพราะว่าหน้าหนาวที่ปักกิ่งหนาวมาก เล่นกอล์ฟไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมเดินทาง ผมจะเตรียมชุดกอล์ฟไปด้วย เราไปตามที่ต่างๆ ของจีนหรือว่าประเทศอื่นๆ เพื่อตีกอล์ฟกัน ชาญชัยได้จุดประกายความคิดหนึ่งให้ผม หลังจากที่เรามีเงินแล้ว จะต้องรู้จักหาความสุขให้กับตัวเอง ไม่ควรจะทำเหมือนผมเมื่อก่อนที่ทำงานไม่หยุด ภรรยาผมบอกว่า คุณควรจะเรียนรู้จากชาญชัย ควรแบ่งเวลาให้กับตัวเองเพื่อหาความสุขบ้าง แต่ผมก็ไม่คิดนะว่าการที่ผมมาอยู่ที่นี่จะทำให้รัฐบาลจีนรู้สึกไม่สบายใจ ผมอยู่ที่นี่ก็อยู่ในฐานะของเพื่อนคนหนึ่ง ของคนที่มีบรรพบุรุษมาจากจีนคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย
ตอนที่ร่างหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว ก็มีข่าวมาอีกว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ศาลรัฐธรรมนูญของไทยได้ตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย, พรรคพัฒนาชาติไทย, พรรคแผ่นดินไทย, ซึ่งมีพฤติกรรมใช้เงินไปในทางมิชอบระหว่างการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ในเวลาเดียวกัน นักการเมืองของพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคจำนวน 110 กว่าคน รวมถึงทักษิณ ก็ถูกศาลตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี. นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยกล่าวว่า เขาจะนำสมาชิกพรรคไทยรักไทยไปจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ แต่จะยังใช้ชื่อเดิม หลังจากที่พรรคใหม่ซึ่งใช้ชื่อเดิมได้รับการจัดตั้งแล้ว ก็จะใช้ "นโยบายรากหญ้า" ของไทยรักไทยเหมือนเดิม เพื่อคงอุดมการณ์ในการช่วยเหลือคนจน จิตวิญญาณของความเป็นไทยรักไทยจะไม่เปลี่ยนแปลง จะสืบทอดต่อไป

คตส. มีมติให้อายัดทรัพย์ของทักษิณและพวก
วันที่ 11 มิถุนายน 2550 คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้มีมติให้อายัดทรัพย์ของทักษิณและพวก โดยให้เหตุผลว่าทักษิณคอร์รัปชั่น และมีพฤติการณ์ทุจริตประพฤติมิชอบ คำสั่งอายัดทรัพย์ครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง รวมทั้งบัญชีธนาคารที่เปิดในชื่อของทักษิณ ภรรยา และบุตรจำนวน 21 บัญชี. คตส. บอกว่า บัญชีธนาคารของทักษิณและภรรยานั้นมีมูลค่า 52,900 ล้านบาท (ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่เวลานั้น ทักษิณกำลังเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอซื้อทีมฟุตบอล "แมนเชสเตอร์ซิตี" เขาให้ราคาสูงถึง 197 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ. นายนพดล ทนายความและโฆษกประจำตัวของเขาแถลงว่า หลังจากทักษิณได้รับทราบข่าวข้างต้น ก็รีบประชุมผ่านทางเทเลคอนเฟอร์เรนซ์กับเขา ทักษิณพูดทางโทรศัพท์ว่า เขาจะสู้ให้ถึงที่สุด "คำสั่งแบบนี้ไม่ยุติธรรม ผมจะใช้กระบวนการทางยุติธรรมอุทธรณ์ ทั้งต่อศาลและและศาลแพ่ง"

พลเอกสุรยุทธ์, นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนว่า ถ้าหากทักษิณไม่ยอมรับการที่รัฐบาลอายัดทรัพย์สินจำนวน 1,500 ล้านของเขา เขาสามารถยุติการอยู่นอกประเทศแล้วกลับมาจัดการเรื่องนี้ได้ พร้อมกับยังได้รับประกันความปลอดภัยของทักษิณด้วย เขากล่าวว่า "ด้วยเงื่อนไขเกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของเขา (ทักษิณ) เขาควรจะกลับมาไทยเพื่อจัดการปัญหานี้...เขามีเวลา 60 วันที่จะจัดการ" ตามกฎหมายไทยระบุไว้ว่า ทักษิณและภรรยามีสิทธิจะยื่นคำร้องต่อศาลเกี่ยวกับกรณีการอายัดทรัพย์และบัญชีธนาคารได้ภายใน 60 วัน จึงมีข่าวว่า ทักษิณเตรียมตัวจะกลับเมืองไทย

ประเทศไทยยังอยู่ที่สี่แยกของวิกฤต
วันที่ 15 มิถุนายน 2550 หนังสือพิมพ์ "Morning Post (Zaobao)" ของสิงคโปร์ได้ออกบทความเรื่อง "สถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังอยู่คงอยู่ในวิกฤต" โดยบอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังคงอยู่ในช่วงวิกฤต น่าเป็นห่วง ข่าวลือว่าทหารจะปฏิวัติอีกครั้งยังมีอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เพื่อโค่นล้มนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ฯ หัวหน้ารัฐบาลรักษาการ ยังดีที่ข่าวลือเป็นแค่ข่าวลือจริงๆ ไทยเพิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนที่แล้วที่พรรคไทยรักไทยถูกบังคับให้ยุบพรรค ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดจลาจลได้ แม้จะมีการประท้วงกลุ่มเล็ก แต่ว่าผู้คนก็รู้สึกว่า นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ กับประธาน คมช. ซึ่งเป็นคนโค่นล้มอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ นับวันก็จะยิ่งขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากว่า ผบ. ทบ. กับรัฐบาลรักษาการแตกกัน นั่นก็หมายความว่า ทั้งการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และการเลือกตั้งปลายปีก็จะอันตรธานหายไปหมด

เหตุการณ์นี้ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนทักษิณที่สนามหลวง ในช่วงหลายวันที่ผ่านมามีแต่มากขึ้นกับมากขึ้น มีการวิเคราะห์ว่า ผู้นำฝ่ายทหารสนับสนุนการอายัดทรัพย์ในครั้งนี้ ก็เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร หากว่าการวิเคราะห์เช่นนี้ถูกต้อง เช่นนั้นแล้ว ถ้าทักษิณกลับประเทศเพื่อต่อสู้ในคดีอายัดทรัพย์ กระบวนการตรวจสอบและร้องเรียนที่จะรอเขาอยู่ที่ไทยนั้น ก็ย่อมจะไม่ได้เป็นไปแบบราบรื่นแน่นอน

ปลายเดือนที่แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญของไทยอาศัยเหตุผลเพียงเล็กน้อยตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยที่ทักษิณก่อตั้งขึ้นมา ทั้งทหารตำรวจทำราวกับว่าจะเผชิญกับศัตรูคนสำคัญ ผู้นำทหารถึงกับขอให้รัฐบาลรักษาการประกาศกฎอัยการศึก แต่ว่านายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ ยืนยันที่จะไม่ใช้กฎอัยการศึก พร้อมทั้งยินยอมให้ประท้วงอย่างสันติได้ ในเวลานั้นสถานการณ์อันตรายมาก ผู้คนพากันกลัวว่าผู้นำทหารจะแตกหักกับรัฐบาลรักษาการ โชคดีที่ทักษิณและผู้บริหารพรรคไทยรักไทยตัดสินใจยอมรับคำตัดสินของศาล ทำให้การชุมนุมประท้วงไม่ขยายวงกว้าง และก็ช่วยให้ไม่เกิดการปะทะกัน ทุกฝ่ายของไทยควรจะรีบอาศัยโอกาสนี้เร่งประนีประนอม ทำตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลเคยให้ไว้ จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จากนั้น ก็จัดการเลือกตั้งในปลายปี เพื่อฟื้นคืนประชาธิปไตย ต้องการประชาธิปไตยก็ต้องยอมประนีประนอม ถ้าหากฝ่ายใดอยากจะ "กินกลางตลอดตัว" ก็มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะกลับไปสู่เส้นทางสายเดิม ที่การเมืองพลิกผันตลอดเวลา เป็นการถอยหลังเข้าคลอง และไม่ก่อผลดีให้กับไทยเลย

ฝ่ายทหารของไทยพยายามทำให้ประชาชนชาวไทยและทั่วโลกเชื่อในเหตุผลที่ใช้ในการปฏิวัติ. คตส. ก็ใช้เวลานานในการตรวจสอบ ในที่สุดก็ทำให้การปฏิวัติของทหารมี "เหตุผลที่แท้จริง" อย่างที่นักวิเคราะห์การเมืองบอก แต่ว่าสิ่งที่ไทยต้องการที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่เหตุผลของการปฏิวัติแล้ว แต่เป็นการเมืองที่มีประชาธิปไตย เวลาก็น้อยลงทุกที ถ้าหากว่าอนาคตของการเลือกตั้งมีแนวโน้มมืดมัว สถานการณ์ก็จะเป็นไปในรูปที่ฝ่ายทหารไม่อยากเห็น นั่นคือ องค์กรประชาชนที่รวมตัวกันประท้วงขับไล่ทักษิณเมื่อปีที่แล้ว ค่อยๆ ผนึกกำลังกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร

ประเทศไทยยังอยู่ที่สี่แยกของวิกฤต ผู้นำทหารที่นำการปฏิวัติควรจะเร่งทำงานเพื่อคุ้มครองให้เกิดการฟื้นฟูประชาธิปไตยสู่ประชาชน ไม่ใช่ให้ผู้คนสงสัยคาดเดากันว่าทหารกำลังหาทางรักษาที่นั่งในรัฐบาลให้มั่นคงต่อไปใช่หรือไม่

 

คลิกกลับไปทบทวนบทที่ ๑

 


คลิกไปที่ กระดานข่าวธนาคารนโยบายประชาชน

นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์



สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4 I สารบัญเนื้อหา 5 I สารบัญเนื้อหา 6
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)gmail.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด กว่า 1200 เรื่อง หนากว่า 20000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 




1

 

 

 

 

2

 

 

 

 

3

 

 

 

 

4

 

 

 

 

5

 

 

 

 

6

 

 

 

 

7

 

 

 

 

8

 

 

 

 

9

 

 

 

 

10

 

 

 

 

11

 

 

 

 

12

 

 

 

 

13

 

 

 

 

14

 

 

 

 

15

 

 

 

 

16

 

 

 

 

17

 

 

 

 

18

 

 

 

 

19

 

 

 

 

20

 

 

 

 

21

 

 

 

 

22

 

 

 

 

23

 

 

 

 

24

 

 

 

 

25

 

 

 

 

26

 

 

 

 

27

 

 

 

 

28

 

 

 

 

29

 

 

 

 

30

 

 

 

 

31

 

 

 

 

32

 

 

 

 

33

 

 

 

 

34

 

 

 

 

35

 

 

 

 

36

 

 

 

 

37

 

 

 

 

38

 

 

 

 

39

 

 

 

 

40

 

 

 

 

41

 

 

 

 

42

 

 

 

 

43

 

 

 

 

44

 

 

 

 

45

 

 

 

 

46

 

 

 

 

47

 

 

 

 

48

 

 

 

 

49

 

 

 

 

50

 

 

 

 

51

 

 

 

 

52

 

 

 

 

53

 

 

 

 

54

 

 

 

 

55

 

 

 

 

56

 

 

 

 

57

 

 

 

 

58

 

 

 

 

59

 

 

 

 

60

 

 

 

 

61

 

 

 

 

62

 

 

 

 

63

 

 

 

 

64

 

 

 

 

65

 

 

 

 

66

 

 

 

 

67

 

 

 

 

68

 

 

 

 

69

 

 

 

 

70

 

 

 

 

71

 

 

 

 

72

 

 

 

 

73