
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
    ![]()
![]()
![]()
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
  


บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้ 
    มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง 
    นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก 
    ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด. 
    สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ 
    ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com 
    (กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)

![]()
เรียนรู้อย่างใช้วิจารณญาน 
    สนับสนุนพลังของการตรวจสอบ
    รายงานสรุปการโฆษณาของนักวิชาการให้รัฐบาลและ คปค (ตอนที่ ๒)
    กองบรรณาธิการ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวม
    ขอขอบคุณสื่อมวลชน ซึ่งส่งรายงานฉบับนี้มาให้
    
รายงานสรุปฉบับนี้ 
    เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง
    ซึ่งได้เดินทางไปต่างประเทศ ราวปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
    ความจำเป็นในการทำรัฐประหาร และการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว หลังโค่นอำนาจรัฐบาลทักษิณ 
    ชินวัตร
    กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เปิดพื้นที่สาธารณะนี้ขึ้นเพื่อการตรวจสอบ
    บนพื้นฐานของประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ (deliberative democracy)
    หากผู้อ่านมีความคิดเห็นเป็นอื่นใดในเชิงโต้แย้งรายงานสรุปฉบับนี้ 
    และต้องการพื้นที่ในการนำเสนอความเห็นของตน สามารถส่งมาเผยแพร่ได้ที่ 
    midnightuniv(at)gmail.com
    
    บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
    ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ 
    ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับ
    เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงทุกประการ ในการนำไปใช้อ้างอิงได้ทางวิชาการ
    บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๒๖๔
    เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 
    ๒ มิถุนายน ๒๕๕๐
    (บทความทั้งหมดยาวประมาณ 
    ๑๑.๕ หน้ากระดาษ A4)
    
    +++++++++++++++++++++++++++++++++

เรียนรู้อย่างใช้วิจารณญาน 
    สนับสนุนพลังของการตรวจสอบ
    รายงานสรุปการโฆษณาของนักวิชาการให้รัฐบาลและ คปค (ตอนที่ 
    ๒)
    กองบรรณาธิการ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวม
(๓) สรุปผลการอภิปรายที่มูลนิธิ 
    Friedrich Ebert Stiftung 
    ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐยอรมนี 
    วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ระหว่างเวลา ๑๑.๐๐ - 
    ๑๕.๐๐ น.
    
    ดร. Beate Bartodus (หัวหน้ากรมเอเชียและแปซิฟิก 
    มูลนิธิ FES) กล่าวนำถึงการได้รับรายงานและการประเมินสถานการณ์ในประเทศไทยจาก 
    FES กรุงเทพฯ ว่า กว่าร้อยละ 70 ของประชาชนทั่วไปเห็นด้วยกับการรัฐประหารเพื่อหยุดความขัดแย้งทางการเมือง 
    กอปรกับพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า 
    บางครั้งการใช้กำลังทางทหารเป็นที่ยอมรับได้ หากเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 
    
    ศ. ดร. Derichs Claudia (มหาวิทยาลัย Hildesheim) 
    - การอภิปรายจะมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และสถานการณ์การเมืองไทยหลังการรัฐประหาร 
    
    
    1. อนาคตทางการเมือง
    ดร. ไกรศักดิ์ฯ - อนาคตเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองไทยยังคงมีไม่แน่นอน 
    ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลอ่อนแอ ประชาชนจะเข็มแข็งขึ้น 
    
    ศ. ดร. Alfred Mols (มหาวิทยาลัย Mainz) - ประเทศไทยยังขาดสถาบันทางประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง 
    พรรคการเมืองและภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง อาจช่วยก่อให้เกิดประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง 
    
    
    ผศ. สุรัตน์ฯ - พรรคไทยรักไทยไม่สามารถเป็นสถาบันทางการเมืองได้ 
    เพราะเป็นพรรคที่อยู่ภายใต้อดีตหัวหน้าพรรคโดยสิ้นเชิง ในขณะที่พรรคอื่นๆ เช่นประชาธิปัตย์มีศักยภาพในการเป็นสถาบันทางการเมือง 
    
    
    2. การทำรัฐประหาร 
    ผศ. สุรัตน์ฯ - จุดประสงค์ในการเยือนของคณะผู้ทรงคุณวุฒิคือ 
    
1) ทำความเข้าใจในประเด็นที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศไทย อาทิ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร, การแก้ไข พรบ. ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, และมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันดำเนินมา และ
2) อธิบายถึงความจำเป็นในการก่อรัฐประหาร
- การประณามประเทศไทยในการปกป้องธุรกิจของประเทศตนเอง และการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนของตน แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานจริยธรรมของประชาคมระหว่างประเทศตกต่ำ และการเปรียบรัฐบาลไทยกับรัฐบาลทหารพม่านั้น เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่มีมูลความจริง เเละสะท้อนให้เห็นว่าผู้กล่าวหามีวาระซ่อนเร้น
- รัฐบาลทักษิณกระทำการยึดอำนาจทางการเมือง โดยรวบรวมพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กเข้ากับพรรคไทยรักไทยโดยการใช้เงินซื้อ และในบางครั้งมีการข่มขู่ให้ ส.ส. เข้าร่วมพรรคไทยรักไทย ทำให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากอย่างท่วมท้น องค์กรอิสระถูกแทรกแซงโดยการควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา อิสรภาพของสื่อถูกแทรกแซง
- มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นำไปสู่ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การประกาศนโยบายทำสงครามกับยาเสพติด และการหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร
- มีการประกาศยุบสภาเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และให้ตนและพวกทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการเกินกว่า 90 วันตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และมีการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ให้ความร่วมมือด้วย (boycott) การที่ศาลสถิตยุติธรรม และศาลต่างๆ มีความเห็นว่าผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และมีคำสั่งให้จำคุก กกต. ชุดที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งดังกล่าว เนื่องจากมีหลักฐานว่า มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนกว่าหกล้านใบ
- (ในช่วงที่เกิดวิกฤตกับระบอบทักษิณ มีการเปิดเวทีที่สนามหลวงโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขับไล่รัฐบาล) ในที่สุดรัฐบาลทักษิณมีการจัดตั้งกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลเพื่อให้ปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงขับไล่รัฐบาล
- สิ่งที่นโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังดำเนินการ ซึ่งไม่ได้มีการปฏิบัติในยุคทักษิณ คือ
1) การที่นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในนามของรัฐบาล และ
2) การต่อสู้กับบริษัทข้ามชาติ โดยการประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร
ตนเห็นว่า บางครั้งการกระทำรัฐประหารไม่ได้เป็นการต่อต้านประชาธิปไตยแต่อย่างใด ตราบใดที่การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนเเละสื่อมวลชน เเละยังคงรักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐเเละหลักนิติธรรม
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ - รัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย รัฐบาลทักษิณให้สัญญาว่าจะช่วยผู้ยากไร้ แต่กลับหักหลัง โดยการใช้ลูกไม้ในการเอื้อประโยชน์ให้ประชาชนที่มีฐานะยากจนบ้างบางประการ แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้องมากกว่า และยังใช้เงินซื้อผู้ยากไร้ในชนบทให้ชุมนุมสนับสนุนตน. โดยส่วนตัวแล้วตนไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร แต่ พ.ต.ท. ทักษิณฯ ก็มีการเตรียมการทำรัฐประหารเช่นกัน ตนเห็นว่าการรัฐประหารครั้งนี้ไม่มีการใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด โดยมีการใช้หลักกฎหมายและหลักนิติธรรมในการดำเนินอรรถคดีต่างๆ จึงทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง
การก่อรัฐประหารเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายของกระบวนการขับไล่ทักษิณ ซึ่งมีที่มาจากความต้องการความเป็นธรรมทางสังคมของคนในชาติ การรวมตัวระหว่างผู้ยากไร้กับชนชั้นกลางในสังคมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคเปลี่ยนผ่านคือ การให้ความรู้แก่ประชาชน และต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย
ศ. ดร. Aurel Croissant (มหาวิทยาลัย Hildesheim) - การทำรัฐประหารในประเทศไทยเป็นการที่ทหารจะอยู่ในอำนาจชั่วคราว และให้รัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศต่อไป จะทำอย่างไรไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ และไม่ให้มีทหารที่เข้ามาควบคุมรัฐบาลทางใดทางหนึ่ง โดยต้องควบคุมไม่ให้ทหารหลงในอำนาจ รัฐบาลต้องสามารถอออกคำสั่งแก่ทหารได้เช่นกัน
- บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่านจากการยึดอำนาจของทหารไปสู่รัฐบาลพลเรือน คือการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างช้าๆ และค่อยๆ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานอำนาจระหว่างทหารและรัฐบาลพลเรือน การที่ประชาชนไทยบางคนสนับสนุนให้มีการทำรัฐประหาร เพื่อกำจัดทักษิณเป็นสิ่งที่อันตราย เนื่องจากเป็นการอนุญาตให้มีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นซ้ำอีก
- ตนไม่เชื่อว่าทักษิณจะเป็นผู้เดียวที่กระทำผิดอย่างร้ายแรงในรอบหกเดือนที่ผ่านมา และเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะนำพาประเทศไทยก้าวถอยหลังไปสู่ยุคก่อนปี 2535 ซึ่งประชาชนไม่มีสิทธิในการเลือก
ผศ. สุรัตน์ - 
    รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้เป็นรัฐบาลทหาร เป็นเพียงแต่รัฐบาลที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาหลังการทำรัฐประหาร 
    และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยเสมอไป เช่น รัฐบาลไทยรักไทยที่มาจากการเลือกตั้ง 
    เเต่มีความเป็นเผด็จการสูง เหตุผลในการยึดอำนาจคือ ไม่เคยปรากฏความแตกแยกในสังคมไทยเท่ายุครัฐบาลทักษิณมาก่อน
    
    3. การร่างรัฐธรรมนูญ 
    ผศ. สุรัตน์ฯ - จุดประสงค์ของการร่างรัฐธรรมนูญคือ 
    
1) ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
2) ส่งเสริมให้มีศีลธรรมในการเมือง
3) ให้อำนาจองค์กรอิสระมากขึ้น และเป็นอิสระมากขึ้น
ดร. Gerhard Will (Stiftung 
    Wissenschaft und Politik) - ตนขอตั้งข้อสังเกตต่อการเมืองในประเทศไทยในฐานะคนนอก 
    ตนมีโอกาสเยือนไทยในระหว่างเดือน มี.ค. 2549 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวความแตกแยกในสังคมไทยและความตึงเครียดรู้สึกได้อย่างชัดเจน 
    มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างผู้ที่สนับสนุนทักษิณ และผู้ที่ต่อต้านทักษิณอย่างชัดเจน 
    และมีความกลัวว่าจะเกิดการเผชิญหน้า เมื่อตนรับทราบข่าวการรัฐประหารในระหว่างที่อยู่ 
    ณ กรุงย่างกุ้ง รู้สึกคลายความกังวลลง เนื่องจากเป็นการป้องกันการปะทะกันและการนองเลือด 
    และปัจจุบันชาวไทยมีโอกาสได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้ง 
    
    อย่างไรก็ดี คตส. ยังไม่มีผลงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม และการร่างรัฐธรรมนูญดูเหมือนเป็นไปอย่างลับๆ 
    โดยเป็นการร่างเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทหารและข้าราชการระดับสูง การประนีประนอมระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีความเป็นได้ยาก 
    
ศ. ดร. Aurel Croissant 
    (มหาวิทยาลัย Hildesheim) 
    - รัฐบาลทักษิณมิได้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่ปัญหาของประเทศไทยคือ 
    ไม่มีการหาทางออกแก่ปัญหาทางการเมืองด้วยวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย โดยมีการใช้สถาบันทหารที่ไม่เป็นสถาบันประชาธิปไตย 
    
    
    ขอทราบว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีการระบุให้มีมาตรา 4 และมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 
    2540 หรือไม่อย่างไร (มาตรา 4 ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคล 
    ย่อมได้รับความคุ้มครอง. มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด 
    ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) 
    และขอทราบว่าจะมีการกำหนดให้ผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือไม่ 
    
ศ.ดร. จรัส สสร.- 
    แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้เกิดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลทักษิณ สสร. ต้องการให้มีระบบการถ่วงดุลระหว่างรัฐ 
    และองค์กรอิสระ นอกจากนี้ยังมีระบบการใช้ตุลาการณ์วิวัฒน์ ในการตัดสินใจแก้ปัญหาทางการเมือง 
    สนับสนุนสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน 
    
    สำหรับเรื่องมาตรา 7 ยังคงไว้อย่างเดิมในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมิได้กำหนดให้ส.ส. 
    ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของประชาชนจากการทำประชาพิจารณ์. 
    ส่วนประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ในช่วงแรกของการร่างรัฐธรรมนูญอาจดูเสมือนว่าเป็นการร่างโดยไม่เปิดเผย 
    (closed door) แต่หลังจากเสร็จสิ้นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก สสร. ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและภาคประชาสังคมมาอย่างต่อเนื่อง 
    และรับฟังในรายละเอียดเกี่ยวกับทุกมาตรา
- ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังมุ่งให้อำนาจประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยบัญญัติแนวทางการมีส่วนร่วมโดยตรงของประชาชน และให้อำนาจประชาชนถอดถอนนายกรัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการตุลาการ
- จากประสบการณ์การเมืองในยุคทักษิณ ซึ่งเป็นการเมืองแบบรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียว เป็นสิ่งอันตราย และทำให้ สสร. ตระหนักว่าการมีรัฐบาลผสมควบคู่กับระบบการตรวจสอบที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น
ศ. ดร. Heinz- Rudiger 
    Korff (มหาวิทยาลัย 
    Passau) - รัฐธรรมนูญจะอยู่รอดได้หากประชาชนให้โอกาสวิถีทางประชาธิปไตยภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญดำเนินไป 
    อย่างไรก็ดี ในประเทศไทยไม่มีผู้ใดยืนหยัดปกป้องรัฐธรรมนูญ - ต้องยอมรับว่าอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณฯ 
    เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ประชาชน เพราะเป็นผู้ที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้มาก 
    และเอื้อประโยชน์ให้แก่เกือบทุกภาคส่วน 
    
    4. ปัญหาด้านเศรษฐกิจ 
    ดร. Gerhard Will - ควรมีการเปลี่ยนโครงสร้างการกระจายอำนาจในประเทศไทย 
    เนื่องจากกว่าร้อยละ 60 ของประชาชนชาวไทยประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม แต่คนเหล่านี้มีสัดส่วนใน 
    GDP เพียงแค่ร้อยละ10 เท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 
    และไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่จะแก้ไขได้ 
    
    ดร. ไกรศักดิ์ฯ - รัฐบาลทักษิณฯ เปิดตลาดเกษตรกรรมของไทยซึ่งยังไม่มีความเข้มแข็ง 
    สู่ตลาดต่างประเทศ ในการทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ (FTA) ซึ่งทำให้สินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำ 
    และการผลิตสินค้าเกษตรลดลงกว่าร้อยละ 70 ในภาคเหนือ หากรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่มีมาตรการแก้ไขเรื่องดังกล่าว 
    ประเทศไทยจะได้รับความเดือดร้อนในอนาคตอันใกล้ 
    
    5. เสรีภาพสื่อ 
    อ. พิรงรอง - มาตรา 40 ซึ่งบัญญัติไว้เป็นมาตรา 
    47 ระบุว่า ให้มีการดำเนินการปฏิรูปสื่อ โดยการตั้งคลื่นความถี่ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้สำเร็จในยุครัฐบาลทักษิณ 
    เนื่องจากสมาชิกคณะกรรมการปฏิรูปสื่อให้การสนับสนุนบริษัท Shin Corp และ พ.ต.ท. 
    ทักษิณฯ
    
    - ปัจจัยที่ทำให้ทักษิณฯ เป็นที่ชื่นชอบคือ บุคลิกที่สามารถเป็นนักธุรกิจที่สามารถนำประเทศรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 
    ค.ศ. 1997 ได้ กอปรกับการที่มีการใช้การเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อเป็นที่สนใจ เช่นการซื้อสโมสรฟุตบอลต่างๆ 
    ทำให้สื่อลักษณะ tabloid เช่น ไทยรัฐ และเดลินิวส์ตีพิมพ์ และเป็นที่สนใจของประชาชน 
    
- ภายใต้รัฐบาลทักษิณ สิทธิในการแสดงออกถูกละเมิดอย่างเป็นระบบ โดยรัฐบาลเลือกซื้อโฆษณาแก่หนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวเป็นประโยชน์กับตนเองเท่านั้น. - สิ่งที่ประหลาดใจคือ ประเทศไทยกำลังจะมีการเปิดทีวีที่เป็นสื่อสาธารณะอย่างแท้จริง ภายใต้รัฐบาลและ คมช. ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมิได้มาจากการเลือกตั้งเเต่กลับมีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลทักษิณ เเละตระหนักถึงความสำคัญของสื่อในระบอบประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลทักษิณ. สิ่งที่ตนอยากเห็นในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ได้แก่
1) การผลักดันการปฎิรูปสื่อ ให้มีการแบ่งสรรคลื่นการออกอากาศใหม่ โดยแบ่งเป็น
รัฐร้อยละ 40 ภาคเอกชนร้อยละ 40 และภาคประชาสังคมอีกร้อยละ 20
2) การให้สื่อควบคุมกันเองโดยเป็นทางการ
3) ออกกฎหมายคุ้มครองข่าวสารข้อมูล และ
4) ปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และระวังรักษาไม่ให้มีการมีผูกขาดทางสื่อ
6. การละเมิดสิทธิมนุษยชน
    นายสุรสีห์ฯ (กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ) - ในช่วงสมัยรัฐบาลที่แล้ว 
    องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้ไทยอธิบายข้อกล่าวหาในการละเมิดสิทธิมนุษยชน (รวม 
    26 คดี) ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยนายสุรสีห์ฯ ได้เน้นหนักว่า 
    ปัญหาร้ายแรงที่สุดในประเด็นเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุคของทักษิณฯ คือ 
    ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย หรือปัญหาด้านหลักนิติธรรม (rule of law) อาทิ การฆ่าตัดตอน 
    โดยการขึ้นบัญชีดำผู้ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติด โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมและใช้เป็นเครื่องมือสนองนโยบายของรัฐบาล 
    และการกำจัดหัวคะแนนของนักการเมือง
    
    ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อำนาจของตำรวจ การใช้ พรก.บริหารราชการแผ่นดินในยามฉุกเฉินซึ่งทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม 
    เนื่องจากเป็นนโยบายที่สนับสนุนความรุนแรง เหตุการณ์กรือเซะ และตากใบ การเปิดสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นการบุกรุกป่าสงวน 
    ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์ประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุครัฐบาลทักษิณ 
    ซึ่งเทียบเท่ากับการปกครองในรัฐบาลทหารในอดีต 
อ. ไกรศักดิ์ฯ - 
    ตนได้เคยเปิดบ้านเพื่อรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ แต่ผู้คนที่มาร้องทุกข์กับตนได้รับการข่มขู่และถูกจดชื่อโดยตำรวจซึ่งมีอาวุธปืนอยู่ในมือ 
    ตนได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเริ่มกระบวนการปฏิรูปวงการตำรวจ ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้วเมื่อเร็วๆ 
    นี้. เราต้องการความช่วยเหลือจากประชาคมระหว่างประเทศ ในการเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงรัฐบาลทักษิณ 
    โดยตนต้องการแค่ให้รัฐบาลต่างชาติรับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และกำหนดนโยบายต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน 
    
    
    7. สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 
    ดร. Gerhard Will - ให้ความเห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้น้อยในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้โดยสันติวิธี 
    
    
    ดร. ไกรศักดิ์ฯ - นโยบายในการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 
    ทำให้ผู้ที่มีความคิดแบ่งแยกดินแดนอยู่บ้าง หันไปร่วมกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหัวรุนแรง 
    อย่างไรก็ดี มีความพยายามในการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งไม่เคยมีการปฎิบัติในช่วงรัฐบาลทักษิณ 
    แม้ว่ากลุ่มที่เรียกร้องการแบ่งแยกดินแดนแต่ละกลุ่มจะมีความต้องการที่ต่างกันออกไป 
    แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกกลุ่มมีเหมือนกัน คือการต้องการให้เกิดความเป็นธรรม 
    
    8 ความสัมพันธ์ไทย - ยุโรป และความสัมพันธ์ไทย 
    - เยอรมนี 
    ศ. ดร. Manfred Mols (มหาวิทยาลัย Mainz) - ในความเห็นของตนประเทศไทยก่อนรัฐบาลทักษิณก็มิได้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ 
    คำถามคือทำอย่างไรให้การรัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นครั้งสุดท้าย
    
    - ไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของเยอรมนี ทั้งในเวทีพหุภาคี อาทิ East Asian Community 
    และอาเซียน 
ผศ. สุรัตน์ฯ - 
    ตนอยากให้สหภาพยุโรป และประเทศที่ประณามการก่อรัฐประหารในประเทศไทย หันมาให้ความสนใจกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุครัฐบาลทักษิณด้วย 
    โดยตนเคยมีจดหมายถึงเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดในประเทศไทย ขอให้มีแถลงการณ์ประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลทักษิณ 
    อาทิ นโยบายการประกาศสงครามกับยาเสพย์ติด ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนประมาณ 1,800 
    รายเสียชีวิต และขอให้ประเทศเหล่านี้มีมาตรฐานที่ชัดเจนในการเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน 
    เเต่กลับไม่ได้รับความสนใจหรือการตอบสนองเเต่อย่างใด 
    
    ดังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตลอดกว่า 5 ปี ของการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุคของรัฐบาลทักษิณ 
    ที่มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 5,000 คน ทางสหภาพยุโรปไม่เคยมีการออกเเถลงการณ์เเสดงความกังวลห่วงใยในเรื่องนี้ 
    ไม่มีการประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอย่างร้ายเเรงในยุครัฐบาลทักษิณเเต่อย่างใด 
    
นาย Hans-Gunter Loffler 
    (เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหพันธ์รัฐเยอรมนี) - สหภาพยุโรปและเยอรมนีให้ความสนใจกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน 
    ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างสหพันธ์รัฐเยอรมนี กับ ประเทศไทย 
    ขอยืนยันว่าตนได้บรรจุประเด็นดังกล่าวเพื่อให้มีการหยิบยกโดยฝ่ายสหพันธ์ฯ ในการเตรียมการการเยือนสหพันธ์ฯ 
    โดยข้าราชการและข้าราชการการเมืองระดับสูงของไทย แต่ไม่เคยมีการเยือนเกิดขึ้น 
    
    
    (๔) สรุปสาระสำคัญผลการหารือระหว่างคณะผู้ทรงคุณวุฒิ 
    กับ ดร. Jurgen Eckel 
    Head of International Section of the Confederation of German Trade Unions 
    
    ณ สหพันธ์เเรงงานกรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 
    วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ระหว่างเวลา ๑๐.๔๕ 
    - ๑๒.๓๐ น.
    
    ดร. Eckel สหพันธ์เเรงงาน (DGB) - ได้จัดทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลทักษิณ 
    ที่ส่งผลให้มีการละเมิดสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน และนำเสนอต่อที่ประชุมแรงงานระดับนานาชาติ
    
    - นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้นำเเรงงานรัฐวิสาหกิจของไทย ได้รับรางวัลจาก DGB ในด้านการส่งเสริมสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน 
    แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า สหภาพเเรงงานไทยไม่มีการรวมตัวกัน
- เเม้ว่าประเทศไทยจะลงนามในสัญญาว่าด้วยสิทธิของผู้ใช้เเรงงานขององค์การเเรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization- ILO) เเต่ไม่มีการให้สัตยาบันเเก่กฎหมายระหว่างประเทศใดที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน
ดร. ไกรศักดิ์ฯ - 
    รายงานดังกล่าวเเสดงให้เห็นว่า DGB ใส่ใจกับการปกป้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานอย่างจริงจัง 
    ทั้งนี้ ในประเทศไทย สถานภาพของสหภาพเเรงงานในประเทศไทยไม่ถูกกฎหมาย เเม้สหภาพเเรงงานที่ใหญ่ที่สุดยังเป็นการจัดตั้งโดยผิดกฎหมาย 
    เเละการว่าจ้างเเรงงานนั้น เป็นการว่าจ้างเเบบชั่วคราว ทำให้ลูกจ้างไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิอันพึงมีของตนได้ 
    เเละเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกจ้างไม่กล้าจัดตั้งสหภาพเเรงงานเนื่องจากกลัวการบอกเลิกสัญญาจ้าง 
    สถานภาพของสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างกว่า 800,000 รายที่มีการจดทะเบียนในประเทศไทยย่ำเเย่มาก 
    (grave) 
    
    - นักสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยมีความกังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้เเรงงาน (forced 
    labour) ในพม่า เนื่องจากการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองทางชายเเดนไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก 
    เเละกลายเป็นเเรงงานเถื่อนซึ่งมีอัตราจ้างถูกกว่าลูกจ้างชาวไทย ทำให้ลูกจ้างชาวไทยไม่สามารถเเข่งขันได้ตามกลไกของตลาด. 
    ตนเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการปฏิรูปการคุ้มครองสิทธิเเรงงานในประเทศไทยช่วงเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย
นายสุลักษณ์ฯ 
    - เสนอให้ ดร. Eckel หยิบยกประเด็นด้านการปฏิรูปการคุ้มครองสิทธิเเรงงาน และการที่ประเทศไทย 
    ควรให้สัตยาบันต่อกฎหมายระหว่างประเทศคุ้มครองสิทธิเเรงงาน ขึ้นหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
    ในระหว่างการประชุม ASEM ที่จะมีขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ รวมทั้งขอให้ประเทศเยอรมนีในฐานะประธานสหภาพยุโรป 
    พิจารณาเเสดงท่าทีออกมาอย่างเป็นทางการที่จะเป็นการสะท้อนให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นได้ว่า 
    ประเทศเยอรมนีเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในไทย ภายหลังการเปลี่ยนเเปลงเมื่อวันที่ 
    19 กนยายน 2549 รวมทั้งสนับสนุนเเละมั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตยที่ดำเนินอยู่ในไทยในปัจจุบัน
    
    - ในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 นายปรีดี พนมยงค์ มีเเผนการปฏิรูปเศรษฐกิจเเละสังคม 
    โดยกำหนดให้นโยบายการปกป้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานเป็นหนึ่งในนโยบายหลัก เเต่เนื่องจากการเปลี่ยนเเปลงทางการเมือง 
    นโยบายดังกล่าวจึงไม่ได้รับการปฏิบัติ
ดร. Eckel - 
    เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดี ตนเห็นว่าประเทศไทยควรเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนเเปลงด้านการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน 
    รวมถึงการให้สถานะทางกฎหมายเเก่สหภาพเเรงงานด้วยตนเอง เนื่องจากหลักการของสหภาพเเรงงานเป็นหลักการสากล 
    และตนพร้อมที่จะหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นหารือในการประชุม ASEM เเละการประชุมอื่นๆ 
    
    
    - ในช่วงรัฐบาลทักษิณ DGB เคยมีจดหมายถึง พ.ต.ท. ทักษิณฯ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนเเปลง 
    ในด้านสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน เเต่ไม่ได้รับการพิจารณาตอบสนองเเต่อย่างใด
ผศ. สุรัตน์ฯ - 
    สหภาพเเรงงานไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อรวมตัวกันเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานเท่านั้น 
    เเต่เป็นการเรียกร้องเเละปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานอื่นๆ ด้วย. รัฐบาลทักษิณดำเนินนโยบายประชาธิปไตยเเบบประชานิยม 
    เเต่ไม่ได้ช่วยเหลือคนยากจนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นเพียงความพยายามในการสร้างภาพเท่านั้น 
    และตนเป็นผู้เรียกร้องให้บริษัท Tesco จ่ายค่าเเรงในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์
    
    - รัฐบาลทักษิณใช้ธนาคารเพื่อการส่งออก (Exim Bank) ในการส่งเสริมธุรกิจของตน 
    โดยให้พม่า กู้เงินจาก Exim Bank เพื่อลงทุนในธุรกิจสื่อสารกับบริษัท Shin Corp 
    
- เราต้องการให้ DGB ตีพิมพ์หรือมีเเถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทยปฏิรูปการปกป้องสิทธิเเรงงานในทัศนะของ DGB
รอง ลธน. สุรพงษ์ฯ 
    - ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เกี่ยวกับการมีการเลือกตั้งอย่างเดียว 
    ประเทศเยอรมนีควรให้ความสนใจกับมิติอื่นๆ ของประชาธิปไตยด้วย นอกเหนือจากการเรียกร้องเเละเร่งรัดให้มีการจัดการเลือกตั้งอย่างเดียว 
    ทั้งนี้ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดเเจ้งทั่วไปอยู่เเล้วว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหาใช่ว่าจะเป็นสิ่งค้ำประกันว่า 
    รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้นจะมีความเป็นประชาธิปไตยโดยปริยาย ดังกรณีรัฐบาลยุคอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณฯ 
    เป็นเหตุการยืนยันให้เห็นความจริงข้อนี้ เเละประเทศไทยยังต้องการการสนับสนุนเเละความเข้าใจจากมิตรประเทศทั้งหลาย 
    
    
    ศ.ดร. จรัสฯ - ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกันสิทธิของผู้ใช้เเรงงานในการรวมตัวเพื่อจัดตั้งสหภาพเเรงงาน 
    เเละจะกำหนดให้ทีการให้สัตยาบันกับกฎหมายระหว่างประเทศที่คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคโดยอัตโนมัติ 
    
    
    (๕) สาระสำคัญผลการหารือระหว่างคณะผู้ทรงคุณวุฒิ 
    กับนาย Hubertus Heil เลขาธิการพรรค SPD 
    ณ ที่ทำการพรรค SPD กรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
    วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ระหว่างเวลา ๑๒.๔๕ - ๑๓.๓๐ 
    น.
    
    นาย Heil - ตระหนักดีว่าประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน 
    เข้าใจดีว่าไม่มีเรื่องใดที่เป็นขาวเเละดำทั้งหมด เเละเข้าใจว่าทำไมจึงเกิดการรัฐประหาร 
    พร้อมทั้งมีความมั่นใจว่าประเทศไทยจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตย
    
    นายสุลักษณ์ฯ - พรรค SPD ช่วยเหลือประเทศไทยในการพัฒนาสิทธิของผู้ใช้เเรงงาน 
    ควรช่วยเหลือรัฐบาลปัจจุบันในการเปลี่ยนผ่านทางประชาธิปไตย เนื่องจากไม่ใช่เป็นสิ่งที่ง่าย 
    เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณฯ เคลื่อนไหวพยายามล้มล้างรัฐบาล 
    
    ผศ. สุรัตน์ - ในระหว่างที่ตนดำรงตำเเหน่งเป็นรองคณบดี 
    ภาคยุโรปศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตนมีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตของสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย 
    เพื่อให้มีปฎิกิริยาตอบโต้นโยบายการประกาศสงครามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายเเรง 
    เเต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองเเต่อย่างใด 
    
    ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของที่ทำการสำนักงานองค์กรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เเต่สิทธิมนุษยชนเเละองค์กรดังกล่าวกลับถูกกดขี่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ. 
    ทักษิณอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยคะเนนเสียง 16 ล้านเสียง เเต่มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอม 
    6 ล้านใบ เเละคน 10 ล้านเสียงลงคะเเนนไม่เลือกผู้ใด (no vote) ในการเลือกตั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่ลงรับเลือกตั้ง 
    
ตนตระหนักดีว่าจุดยืนในการเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งในประเทศไทย มิได้เป็นจุดยืนของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทุกประเทศ ควรมองว่าช่วงเวลาที่นำไปสู่การเลือกตั้งหลังการเกิดรัฐประหารเป็นช่วงเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เเละวางรากฐานที่ถูกต้องให้เเก่ประเทศ
นาย Heil - 
    ตอบว่า ตนเข้าใจดีถึงรัฐบาลไทยที่รู้สึกว่า ต่างประเทศตัดสินเเละประเมินสถานการณ์ในประเทศไทยผิดไป 
    และขอทราบความเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวที่ว่า ประชาชนที่ร่ำรวยในเขตเมืองจะไม่ลงคะเเนนให้ 
    พ.ต.ท. ทักษิณฯ เเต่ผู้ที่มีฐานะยากจนในต่างจังหวัดเเละท้องถิ่นห่างไกลมักลงคะเเนนให้ 
    พ.ต.ท. ทักษิณฯ 
    
    ผศ. สุรัตน์ - สมมุติฐานดังกล่าวมาจากหนังสือ "สองนคราประชาธิปไตย" 
    ซึ่งเเต่งโดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เเละตีพิมพ์ในปี 2537 ซึ่งตนเห็นว่าสมมุติฐานในหนังสือฉบับดังกล่าวไม่จริงอีกต่อไป 
    เนื่องจากประชาชนในปัจจุบันมีความรู้เท่าทันการเมืองมากขึ้น อาทิ ชาวจังหวัดภาคใต้ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ 
    เเละมีฐานะยากจน เเต่ลงคะเเนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ 
    
    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ความนิยมที่ประชาชนมีต่อ พ.ต.ท. ทักษิณฯ หากเเต่เป็นการทำลายระบบการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ 
    การเเทรกเเซงสื่อ การเเทรกเเซงองค์กรอิสระ เเละการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายเเรง 
    ที่นำไปสู่การเดินขบวนประท้วงต่อต้าน พ.ต.ท. ทักษิณฯ 
อ. สุลักษณ์ฯ - 
    ต้องการให้เยอรมนีเเละสหภาพยุโรปส่งเสริมประชาธิปไตยเเละสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย 
    ด้วยการมองเหตุการณ์เเละปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่จากมุมมองที่เป็นจริง ไม่ใช่จากการสมมุติขึ้นมาเอง 
    เเละละเว้นการใช้ทวิมาตรฐาน (double standard) และต้องการให้มีการผลักดันให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ 
    (International Criminal Court - ICC) ไต่สวน พ.ต.ท. ทักษิณฯ
    
    ผศ. สุรัตน์ - กฎหมายระหว่างประเทศเปิดมีช่องทางชัดเจนในการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมกับ 
    พ.ต.ท. ทักษิณฯ ในฐานการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายเเรง เช่นเดียวกับที่มีการไต่สวน 
    นาย Slobodan Milosevic อดีตประธานาธิบดีเเห่งประเทศเซอร์เบีย
    
    นาย Heil - เห็นด้วยกับการที่เยอรมนีเเละสหภาพยุโรปควรส่งเสริมประชาธิปไตยเเละสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย 
    ในช่วงเดือนหน้าประธานพรรค SPD จะมีโอกาสพบหารือกับเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียน 
    โดยตนอาจหารือกับพรรคให้มีการใช้โอกาสดังกล่าว หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง 
    และเห็นว่าการจะมีประชาธิปไตยได้ ประเทศต้องมีความมั่นคง ในการนี้ขอทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ 
    
    
    อ. สุลักษณ์ฯ - เห็นว่าควรให้การเคารพความเเตกต่างทางด้านชาติพันธ์เเก่คนไทยภาคใต้ 
    ซึ่งมีเชื้อสายมาเลย์เป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องมีการยอมรับการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 
    ภายใต้ความหลากหลายของชุมชนต่างเชื้อชาติศาสนา นโยบายของรัฐบาลทักษิณคือ การใช้ความรุนเเรง 
    เเละการสังหารผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบันมีเเนวทางชัดเจนในการสร้างความสมานฉันท์ 
    
    
    เอกราชทูต. สุรพงษ์ - ยุทธศาสตร์ทางการทูตเเละการเมืองระหว่างประเทศของ 
    พ.ต.ท. ทักษิณฯ ที่ใช้โจมตีรัฐบาลปัจจุบันคือ การให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรปโดดเดี่ยวรัฐบาลโดยเเสดงว่ารัฐบาลที่มีจากการรัฐประหาร 
    ไม่มีความชอบธรรม เเละ พ.ต.ท. ทักษิณฯ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง 
    การที่รัฐบาลต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพยุโรป โดดเดี่ยวรัฐบาลไทยโดยลดระดับการติดต่อทางการเมืองระหว่างรัฐบาล 
    มีผลช่วยยุทธศาสตร์ดังกล่าวของ พ.ต.ท. ทักษิณฯ 
    
    ผศ. สุรัตน์ฯ - ต้องการเห็นมาตรฐานเชิงเปรียบเทียบ 
    (benchmark) ทางประชาธิปไตยของสหภาพยุโรปที่ชัดเจน หากสหภาพยุโรปสามารถทำการค้ากับพม่าเเละจีนได้ 
    ในความเห็นตน ก็ควรมีปฎิสัมพันธ์ในระดับสูงกับไทยได้ 
    
    นาย Heil - ตนจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับสมาชิกพรรค 
    SPD สหภาพเเรงงาน เเละสหภาพการค้าเเห่งสหภาพยุโรป ตนเพิ่งตระหนักในบัดนี้ว่า 
    เยอรมนีมีความรับผิดชอบในการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยในไทย โดยตนจะหารือภายในพรรค 
    SPD เพื่อหาทางผลักดันให้เยอรมนีปรับ/เปลี่ยนท่าทีให้สอดคล้องกับความเป็นจริง 
    ซึ่งตนเห็นว่าการ รมว.กระทรวงต่างประเทศระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนเเละสหภาพยุโรป 
    ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคมศกนี้ น่าจะเป็นเวทีที่สามารถใช้เป็นการเเสดงจุดยืนที่ถูกต้องของเยอรมนีได้เป็นอย่างดี 
    
    
    คลิกไปอ่านรายงานสรุปฉบับนี้ ตอนที่ ๓ 
    
    บทความที่เกี่ยวเนื่อง ๖๓๑ ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
    26 คำถาม"ยูเอ็น" ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยนชนในไทย 
คลิกไปที่ กระดานข่าวธนาคารนโยบายประชาชน
นักศึกษา 
    สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
    ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน 
    I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I 
    
    สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา 
    4 
    I สารบัญเนื้อหา 
    5 I สารบัญเนื้อหา 
    6
    ประวัติ 
    ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail : 
    midnightuniv(at)gmail.com
หากประสบปัญหาการส่ง 
    e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
    midnightuniv(at)yahoo.com 
    
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ 
    
    midnight2545(at)yahoo.com 
    มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด 
    กว่า 1200 เรื่อง หนากว่า 20000 หน้า 
    ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง) 
    
    (เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
    เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
    สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
    midnight2545(at)yahoo.com 
  
สมเกียรติ 
    ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
    (บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
    หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน 
    
    และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ 
    ตั้งนโม
    หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com