ประเวศ วะสี พยากรณ์อนาคตประเทศไทย
ศ. น.พ. ประเวศ วะสี

ตอนนี้มีหมอดูออกมาพยากรณ์อนาคตของประเทศต่างๆ นานา ตามหลักโหราศาสตร์ ผมขอพยากรณ์อนาคตของประเทศ จากฐานวิชาที่ต่างกัน

ในขณะที่มีการพูดถึงอนาคตที่เลวร้าย ตีบตัน ไม่มีทางออก จนสลดหดหู่ หมดหวัง มองไม่เห็นทางออก ผมอยากเตือนว่าชาติจะหมดหวังไม่ได้ คนที่หมดหวังจะตาย ชาติก็เช่นเดียวกัน ผมมองเห็นตรงข้าม ผมมองเห็นความหวัง ผมมองเห็นอนาคตของประเทศไทยที่ดี ด้วยเหตุผลอย่างน้อย ๕ ประการดังต่อไปนี้

(๑) ประเทศไทยมีวิวัฒนาการทางการเมืองมาไกล

ภายในระยะเวลาเพียง ๖๐ กว่าปี ประเทศไทยมีวิวัฒนาการจาก ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านเผด็จการทหาร มาสู่ระบบเลือกตั้ง จนกระทั่งมีการเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับเพื่อปฏิรูปการเมือง โดยสูญเสียเลือดเนื้อบ้าง แต่ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นอันมาก แม้ประเทศที่เจริญแล้วบางประเทศ อยากแก้รัฐธรรมนูญเป็นบางส่วนยังทำไม่ได้ แต่ประเทศไทยสามารถเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพื่อปฏิรูปการเมือง โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ นี่เป็นผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสังคมไทย อย่าให้ใครมาหลอกหรือบิดเบือน

กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ได้ปลุกจิตสำนึก และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสังคมไทย อย่างไม่เคยมีมาก่อน จิตสำนึกและการมีส่วนของสังคมคือ พัฒนาการทางการเมืองที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้การเมืองดีขึ้น รัฐธรรมนูญใหม่ เป็นเครื่องมือที่จะทำให้การเมืองของเรา พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ เรามีทางไปไม่ตีบตัน

(๒) อาการของการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน (transition)

การเมืองอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีผู้เข้าใจผิดคิดว่า "อาการ" ของช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น "สมุฏฐาน" ของโรค ประดุจว่า เราใช้ยาฆ่าพยาธิ แล้วพยาธิมันดิ้นเพราะฤทธิ์ยา ไม่ได้แปลว่าโรคกำเริบ แต่มันดิ้นเพราะฤทธิ์ยาที่ฆ่ามัน สังคมไทยเดิมเป็นสังคมมืด ในความมืด คนทั้งหลายทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องกัน จนเป็นปกติวิสัย ขณะนี้แสงไฟกำลังฉายเข้าไป จึงเห็นภาพคนทำผิด กำลังหลบกันวูบวาบ เพราะความสว่างที่เกิดขึ้นกะทันหัน จึงเห็นคนทำผิดมาก ไม่ได้แปลว่าเมื่อก่อนที่ไม่เห็นไม่มีคนทำผิด

อย่ามองเฉพาะภาพคนทำผิด แต่ควรมองที่แสงสว่างด้วยว่า เมื่อประเทศไทยสว่างขึ้น ในอนาคตคนทำผิดจะลดลง อย่าเข้าใจผิดเอา "อาการ" มาเป็น "สมุฏฐาน" ประเทศไทยกำลังบำบัดโรคเก่าที่มีแต่เดิม การเมืองกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน นักการเมืองและพรรคการเมืองจะไม่ปรับตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ การซื้อเสียงขนานใหญ่อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้

(๓) การปรับตัวทางการเมือง

แน่นอนนักการเมืองแบบเก่าๆ ประเภทเสือสิงห์กระทิงแรดยังอยู่ แต่ลองพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งในระบบพื้นที่ให้ดีๆ จะเห็นมี "เลือดใหม่" จำนวนค่อนข้างมาก แน่นอนว่า จะมีนักการเมืองที่ดี ที่ได้รับการเลือกตั้ง เข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าเดิม ทำนองเดียวกับวุฒิสภา อย่ามองเรื่องจำนวนอย่างตายตัว นักการเมืองที่ดีที่มีมากขึ้น แม้ไม่เกินครึ่งก็มีผลได้มาก ความดีมีอำนาจมาก ดูตัวอย่างวุฒิสมาชิกที่ดีๆ ๒๐-๓๐ คน เมื่อทำงานเชื่อมโยงกับสังคมก็ทำสิ่งดีๆ ได้มาก กุญแจอยู่ที่ ส.ว. และ ส.ส. ที่ดีทำงานเชื่อมกับสังคม และสังคมทำงานเชื่อมโยงกับ ส.ว. และ ส.ส. เหล่านี้

อย่ามองเป็นเรื่อง ส.ส. vs ส.ส. เท่านั้น แต่ต้องมองกระบวนการทางสังคม ที่เชื่อมโยงกับนักการเมืองด้วย แม้นักการเมืองที่คิดว่าไม่ดี แต่ถ้ากระบวนการทางสังคมเข้มแข็ง นักการเมืองเหล่านี้ก็ทำเรื่องดีๆ อย่ามองแบบแยกส่วนตายตัว

(๔) การเมืองภาคประชาชน

อย่าไปมองเฉพาะการเมืองของนักการเมืองเท่านั้น เพราะจะทำให้เห็นแบบแยกส่วนและตายตัว ต้องมองการเมืองของพลเมือง หรือการเมืองภาคประชาชนด้วย หากการเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง ก็จะไปทำให้นักการเมืองและพรรคการเมืองดีขึ้น ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในระดับรากหญ้ามีกลุ่มต่างๆ กว่า ๑๐,๐๐๐ กลุ่มแล้ว และกำลังเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ และข้าราชการร่วมด้วย เสียงเรียกร้องทิศทางการพัฒนา และการแก้วิกฤตชาติที่มีมากขึ้นเรื่อย เป็นการยากที่รัฐบาลใหม่จะปฏิเสธได้

ไม่ว่ารัฐบาลจะสนใจหรือไม่สนใจ การเมืองภาคประชาชนจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น แต่ไม่มีหวังกับนักการเมือง ควรเข้าร่วมและส่งเสริม การเมืองภาคพลเมือง เพราะเป็นเครื่องมือที่ชะงัดที่สุด ที่จะทำให้นักการเมืองและพรรคการเมืองดีขึ้น ถ้ารัฐบาลใหม่ฉลาด นำเรื่องพลังทางสังคม มาเป็นยุทธศาสตร์ข้ามชาติ บ้านเมืองจะพ้นวิกฤตเร็วขึ้น

(๕) คนไทยไม่ใช่คนสุดโต่ง

ดูประวัติศาสตร์การแก้ปัญหาของคนไทยที่ผ่านมาทั้งหมด คนไทยไม่ใช่แรดิคัลลิสต์ หรือฟันดาเมนตัลลิสต์ ที่จะให้ฆ่ากันเป็นแสนเป็นล้าน เหมือนในบางประเทศนั้น คนไทยทำไม่ได้ พอจวนๆ จะเกิดเรื่อง หรือเกิดเรื่องไปบ้างแล้ว คนไทยจะปรับตัว และปรับยุทธศาสตร์อย่างรวดเร็ว ที่จริงขณะนี้ ก็มีกระแสการปรับตัวเกิดขึ้นแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจคราวนี้ทำให้คนไทยฉลาดขึ้นเยอะ ไม่ช้าคนไทยก็จะจับได้ว่าอะไรเป็นอะไร ขออย่าให้มองในแง่ร้ายเกินไป ขณะนี้คนไทยกำลังถูกทำให้มองว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ทั้งโกง ทั้งไม่เก่ง มีหลักฐานว่าคนไทยนั้นเป็นคนเก่งและดี แต่ระบบไม่ดี ต้องมีการแก้ไขระบบเพื่อให้ความเก่งและความดีของคนไทยปรากฏได้

ความดีของคนไทยบางอย่างก็ดีกว่าของฝรั่ง เราต้องมองหาความดีของเรา และเอาความดีของคนไทยมาแก้ปัญหา อย่าไปมองในแง่ร้ายมากเกินจนหมดหวัง ประเทศไทยไม่หมดหวังหรอกครับ อนาคตของประเทศไทยจะดี หากคนไทยไม่หมดหวัง และช่วยกันสร้างพลังสังคมที่จะเข้าไปขับเคลื่อนให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา

หากใช้หลัก อนิจจัง ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเปลี่ยนแปลง และหลัก การเชื่อมโยง (อิทัปปัจจยตา) จะเห็นความจริงได้ชัดเจนขึ้น ว่าการเมืองของเรา กำลังเปลี่ยนแปลงไปดีขึ้น 0000000 ขอให้คนไทยตั้งใจทำสิ่งดีๆ รวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ทุกองค์กรทุกเรื่อง และเชื่อมโยงกัน จะเป็นพลังทางสังคม หรือพลังแผ่นดินอันมหาศาล ที่ทำให้เราเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง และประเทศไทยมีอนาคตที่ดี

จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ๔ ม.ค. ๔๔

 

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา I webboard

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

สำหรับสมาชิกที่ต้องการ download ข้อมูล อาจใช้วิธีการง่ายๆดังต่อไปนี้

1. ให้ทำ hyper text ข้อมูลทั้งหมด
2. copy ข้อมูลด้วยคำสั่ง Ctrl + C
3. เปิด word ขึ้นมา (microsoft-word หรือ word pad)
4. Paste โดยใช้คำสั่ง Ctrl + V
จะได้ข้อมูลมา ซึ่งย่อหน้าเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ
(กรณีที่ตัวอักษรสีจาง ให้ทำ hyper text และเปลี่ยนเป็นสีเข้ม)

 

ปาฐกถาพิเศษวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2545 เวลา 09.30-16.30 น. ณ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ซอย รร.เชียงใหม่ภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ / เปิดที่ทำการใหม่
เนื่องในการเปิดที่ทำการใหม่ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้จัดให้มีการแสดงปาฐกถานำโดย
อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ ท่านพระไพศาล วิสาโล ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2545 ตั้งแต่เวลา 09.30 น.-16.30 น. ในหัวข้อ "ทางเลือกอุดมศึกษาเพื่อความไท"
next home
Midnight University

ผมได้เคยพูดมาร่วม 20 ปีแล้วว่า
"มหาวิทยาลัยได้ตายไปแล้ว" ตัวตึก
ตัวอาคารยังอยู่ และยิ่งนานวันจะขยายตัว
ใหญ่โตขึ้น แต่ว่ามันตายไปในเชิงของปัญญา
ความคิด ในเชิงของจิตวิญญานความเป็นอุดมศึกษา
(เสน่ห์ จามริก / นักวิชาการอิสระ)

ผมเสนอว่าน่าจะยกเลิกการตีราคาปริญญา เปิดโอกาสให้คนศึกษาที่ไหนก็ได้ โคนต้นไม้ก็ได้ มันเรื่องอะไรต้องสร้างตึกใหญ่ๆ เราลงทุนสร้างตึกใหญ่กันไปเยอะแยะมากมายในเรื่องต่างๆ ในทางราชการ แต่ตัวปัญญาในตึกมันมีน้อยมาก บางครั้งผมแกล้งเรียก"ทัสมาฮาล" ตึกมันสวยแต่ข้างในมีศพอยู่ (ประเวศ วะสี / นักวิชการอิสระ)

 

QUOTATION
ภาพประกอบดัดแปลง จากบทความเรื่อง The Body in Space และ Beyond Granvity ในหนังสือ National Geographic ฉบับ
เดือน มกราคม 2001 หน้า 8 และหน้า 14 (ใช้เพื่อประกอบบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน บริการฟรีโดยไม่คิดมูลค่า)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ทางเลือกเพื่ออุดมศึกษาไท : เชิญชวนนักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่านฟังปาฐกถานำเนื่องในโอกาสเปิดสถานที่ทำการมหาวิทยาลัยแห่งใหม่
บทความถอดเทป
ปาฐกถาพิเศษ เนื่องในโอกาสเปิดมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่ทำการใหม่
โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี
ณ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ซ.โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2545
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ร่วมกับ องค์กรพันธมิตรและเอกชน ร่วมรณรงค์ช่วยเหลือชาวบ้านที่ลำพูน ให้ได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้ทางกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม
เสน่ห์ จามริก
ผมได้เคยพูดมาร่วม 20 ปีแล้วว่า "มหาวิทยาลัยได้ตายไปแล้ว" ตัวตึกตัวอาคารยังอยู่ และยิ่งนานวันจะขยายตัวใหญ่โตขึ้น แต่ว่ามันตายไปในเชิงของปัญญาความคิด ในเชิงของจิตวิญญานความเป็นอุดมศึกษาตามนัยะที่จะพูดถึงต่อไป