นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆที่เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ
ผลงานวิชาการชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซต์ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ : ไม่สงวนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
เว็ปไซต์นี้สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
สำหรับผู้สนใจส่งบทความทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน กรุณาส่งผลงานของท่านมายัง midarticle(at)yahoo.com หรือ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
The author of this work hereby waives all claim of copyright (economic and moral) in this work and immediately places it in the public domain... [copyleft] กรุณานำบทความไปใช้ต่อโดยอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควร

The Midnight University

นิติรัฐศาสตร์ ว่าด้วยคนไร้สัญชาติ
ภาวะสิ้นชาติที่รัฐกำหนด-เขาถูกบังคับให้ไร้สัญชาติ
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
สาขานิติศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บทความเพื่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับคนชายขอบ

หมายเหตุ
ชาวเขา (หรือที่เรียกกันในภาษาของหน่วยงานราชการว่าบุคคลบนพื้นที่สูง)
เป็นกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งที่เผชิญกับภาวะของการเป็นคนไร้สัญชาติ
การมี/ไม่มีสัญชาตินั้นมีความหมายสำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ของผู้คนในห้วงเวลาปัจจุบัน

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 714
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘

(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 5 หน้ากระดาษ A4)

 



เขาถูกบังคับให้ไร้สัญชาติ

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

๑.
ชาวเขา (หรือที่เรียกกันในภาษาของหน่วยงานราชการว่าบุคคลบนพื้นที่สูง) เป็นกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งที่เผชิญกับภาวะของการเป็นคนไร้สัญชาติ การมี/ไม่มีสัญชาตินั้นมีความหมายสำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ของผู้คนในห้วงเวลาปัจจุบัน หากปราศจากสัญชาติแล้วบุคคลก็อาจไม่มีความมั่นคงของการมีชีวิตอยู่ภายในรัฐ

สภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ประเมินเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2548 ว่ากลุ่มคนไร้สัญชาติในประเทศไทยมีทั้งหมด 5 กลุ่ม คือ

- กลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูง (ชาวไทยภูเขา)
- กลุ่มที่อพยพมาจากนอกประเทศแต่อาศัยในประเทศไทยมายาวนาน
- กลุ่มคนที่ทางราชการได้สำรวจและจัดทำระบบทะเบียนและควบคุมและผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว
- กลุ่มผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และ
- กลุ่มคนที่ไม่ทราบที่มา

เฉพาะในกลุ่มของกลุ่มชาวเขา รัฐบาลได้จำแนกชนกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่หนึ่งเรียกว่าชาวไทยภูเขาดั้งเดิม อันมีความหมายถึงชาวเขาติดแผ่นดินที่เกิดระหว่าง 10 เมษายน พ.ศ. 2456 ถึง 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยกลุ่มนี้จะได้สัญชาติไทยและบุตรที่เกิดจากคนกลุ่มนี้ก็จะได้สัญชาติไทยโดยการเกิดและหลักดินแดน

กลุ่มที่สองเป็นชาวเขาอพยพแต่เข้ามาในประเทศไทยก่อน พ.ศ. 2528 กลุ่มนี้จะได้สถานะของคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย และบุตรที่เกิดจากคนกลุ่มนี้จะได้สัญชาติไทยด้วยการอนุมัติของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย

กลุ่มที่สามเป็นชาวเขาอพยพเข้ามาหลัง 3 ตุลาคม พ.ศ. 2528 ซึ่งจะถือว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับสิทธิหรือสถานะใดๆ เพราะถือว่าเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

การจำแนกสถานะของชาวเขาออกเป็น 3 กลุ่มเช่นนี้ ในด้านหนึ่งก็ดูจะเป็นการสอดคล้องกับข้อเท็จจริงว่า ในอดีตการตั้งถิ่นฐานที่อยู่ของชาวเขาหลายกลุ่มมิได้มีลักษณะที่เป็นการถาวร แต่มีลักษณะของการอพยพเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งจากเหตุผลตามประเพณี การหลบหนีจากภัยธรรมชาติหรือแม้กระทั่งจากภัยสงคราม

เช่นเดียวกับชาวเขาที่ปัจจุบันพักอาศัยในประเทศไทย บางกลุ่มเป็นชาวเขาที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมในดินแดนของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง บางกลุ่มอาจมีการอพยพข้ามพรมแดนไปมาก่อนที่อำนาจรัฐจะมีความเข้มแข็งขึ้น จึงได้ตั้งถิ่นฐานถาวรลงในประเทศไทย บางส่วนอาจเป็นชาวเขาใหม่ที่เพิ่งโยกย้ายเข้ามา

สถานะของชาวเขาที่ได้รับการจัดแบ่งโดยหน่วยงานรัฐ จึงน่าจะเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและหลักกฎหมายในเรื่องสัญชาติ เพราะมิใช่ว่าชาวเขาทุกคนจะต้องเป็นคนที่ได้รับสิทธิของการถือสัญชาติไทย ถ้าเป็นชาวเขาที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นและเพิ่งเข้ามาในประเทศไทยก็ย่อมไม่ได้รับสัญชาติอย่างแน่นอน

จากการสำรวจของทางสภาความมั่นคงและสำนักทะเบียนกลางระบุว่ามีชาวเขาที่จัดเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองมาใหม่จำนวน 220,527 คน (ตัวเลขนี้ต่างจากการประเมินขององค์กรพัฒนาเอกชนที่มีจำนวนมากกว่า) ที่จะไม่ได้รับสิทธิและสถานะใดๆ เลย
คำถามที่สำคัญก็คือว่ากลุ่มคนทั้งหมดนี้เป็นชาวเขาที่เพิ่งอพยพเข้ามาใหม่จริงหรือ

๒.
ตามหลักกฎหมายเรื่องสัญชาติของไทย บุคคลที่เกิดในประเทศไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2456 มาจนกระทั่งถึง พ.ศ. 2515 จะได้รับสัญชาติไทยโดยไม่พิจารณาว่าบิดาหรือมารดาจะเป็นคนไทยหรือไม่ จะเข้าเมืองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ก็ไม่เป็นเงื่อนไขในการตัดสิทธิไม่ให้ได้รับสัญชาติ ลำพังการเกิดในประเทศไทยก็จะทำให้ได้รับสัญชาติไทยทันที อันเป็นการได้รับสัญชาติตามหลักดินแดน (jus soli)

หากพิจารณาในทางกฎหมาย ชาวเขาทุกคนที่เกิดในประเทศไทยก่อน พ.ศ. 2515 ก็ย่อมได้รับสัญชาติไทยทันที ดังนั้นการจำแนกสถานะของชาวเขาตามที่ทางหน่วยงานได้กระทำจึงสอดคล้องกับหลักกฎหมายในเรื่องสัญชาติ

แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติการแยกแยะว่าบุคคลใดที่ถือกำเนิดขึ้นในหรือนอกประเทศไทยสำหรับชาวเขาเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยง่าย

ความสามารถของรัฐไทยในการเข้าถึงประชาชนกลุ่มที่เป็นชาวเขานั้นมีอยู่อย่างจำกัดในอดีต อันเนื่องมาจากถิ่นที่อยู่ของชาวเขาอยู่ห่างไกลจากเส้นทางคมนาคมซึ่งทำให้ความเป็นอิสระของชาวเขามีอยู่สูงจากอำนาจรัฐ และนอกจากนี้สงครามภายในระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่เพิ่งยุติลงกลางทศวรรษ 2520 ก็ยิ่งทำให้ความสามารถของรัฐในการควบคุมชาวเขาเป็นไปได้อย่างลำบาก

การสำรวจประชากรของชาวเขานั้นเริ่มต้นกระทำกันอย่างจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2512-2513 ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคใต้ตอนล่าง สามารถกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีความพยายามในการสำรวจและจัดทำเอกสารบ่งชี้ในเชิงตัวบุคคล เพื่อให้ทราบว่าบุคคลใดที่ผ่านการสำรวจ อย่างไรก็ตามการสำรวจครั้งนี้ยังคงมีความหละหลวมเนื่องจากเป็นการสำรวจลงแบบพิมพ์และมิได้มีการถ่ายรูปไว้ จึงทำให้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดได้เมื่อระยะเวลาผ่านไปยาวนาน

การสำรวจชาวเขาครั้งต่อมาเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2528-2531 หรือที่เรียกว่า "โครงการสิงห์ภูเขา" โดยกรมประชาสงเคราะห์ทำการสำรวจในพื้นที่ 18 จังหวัด แต่การสำรวจครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างจากครั้งก่อนที่เป็นเพียงการสำรวจชื่อและบุคคลในครอบครัวเท่านั้น

การสำรวจชาวเขาที่มีการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวของชาวเขา ที่สามารถบ่งชี้สำหรับปัจเจกบุคคล ซึ่งยากต่อการเปลี่ยนมือหรือแอบอ้างตัวบุคคลได้ยาก เพิ่งปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้การดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติ และวางบัตรประจำตัวบุคคลบนที่สูง (หรือที่เรียกกันว่า "บัตรสีฟ้า") ใน 20 จังหวัดที่มีชาวเขา โดยดำเนินการในช่วงระยะเวลาระหว่าง พ.ศ 2533-2534 อันเป็นการสำรวจและจัดทำทะเบียนที่มีรูปถ่ายของผู้ได้รับการสำรวจ

๓.
ภายหลัง พ.ศ. 2515 ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลักกฎหมายเรื่องสัญชาติ คณะปฏิวัติที่นำโดยจอมพลถนอม กิตติขจรได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับ 337 (ปว. 337) มีเนื้อหาจำกัดสิทธิการได้สัญชาติของบุคคลที่เกิดในประเทศไทยที่เคยเป็นมาแต่เดิม โดยนับจากนี้ไปเพียงการเกิดในประเทศไม่เป็นผลให้บุคคลนั้นได้สัญชาติไทย

คำสั่งคณะปฏิวัติฉบับนี้เป็นผลจากสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความเกรงกลัวว่าจะมีการแทรกซึมเข้ามาในประเทศโดยการแต่งงานของคนต่างด้าวกับชายไทย และอาจเป็นการบ่อนทำลายประเทศต่อไปในอนาคตตามคำปรารภของ ปว.337 ว่า

"บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือบิดา หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่เพียงชั่วคราว หรือเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย บุคคลเหล่านี้แม้จะมีสัญชาติไทย แต่ก็มิได้มีความจงรักภักดีต่อประเทศไทย เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงแห่งชาติ สมควรมิให้บุคคลดังกล่าวมีหรือได้สัญชาติไทยอีกต่อไป"

เป้าหมายของ ปว. 337 จึงมุ่งจำกัดสิทธิในการได้สัญชาติของบุคคลที่เป็นบุตรคนต่างด้าวและเข้าเมืองมาในลักษณะไม่ถาวร ที่ทางรัฐพิจารณาแล้วว่าอาจเป็นภัยต่อประเทศชาติ ดังนั้น ในกรณีสำหรับกลุ่มชาวเขาแล้ว จึงไม่เข้าข่ายที่จะถูกจัดอยู่ในข้อจำกัดตาม ปว. ฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นชาวเขาที่อยู่มาดั้งเดิม และถือกำเนิดภายในประเทศไทยก่อนหน้า พ.ศ. 2515 ก็ย่อมได้สิทธิในการถือสัญชาติไทยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาขึ้นในทางปฏิบัติว่าเมื่อจะมีการให้สัญชาติแก่ชาวเขาเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทางหน่วยงานของรัฐก็ต้องคำนึงด้วยว่าบุคคลเหล่านี้ได้ถือกำเนิดขึ้นประเทศไทยก่อน พ.ศ. 2515 หรือไม่ หรือถือกำเนิดขึ้นจากบุคคลที่เป็นคนต่างด้าวตามที่เป็นข้อจำกัดใน ปว. 337 หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมากว่า จะอาศัยหลักฐานอะไรมาเป็นเงื่อนไขในการพิสูจน์ถึงสถานะของการเป็นชาวเขาดั้งเดิมที่อยู่ติดแผ่นดิน

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าหลักฐานของทางหน่วยงานที่จะออกให้แก่ชาวเขาในประเทศไทยที่สามารถบ่งชี้ถึงตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนก็เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533-2534 และก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ได้รับการสำรวจจะได้รับเอกสารยืนยันถึงความเป็นชาวเขาดั้งเดิม

แม้กฎหมายจะให้สิทธิในการถือสัญชาติไทย แต่เมื่อปราศจากหลักฐานพิสูจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานทางราชการ (ที่ก็ไม่มีอยู่ในความเป็นจริง) เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความเป็นชาวเขาดั้งเดิม จึงมีผลทำให้ชาวเขาเป็นจำนวนนับแสนคนถูกจัดกลุ่มอยู่ในสถานะของชาวเขาผู้อพยพเข้ามาใหม่ บางคนอาจได้สถานะต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทย ขณะที่บางส่วนไม่ได้รับสถานะใดเลย

๔.
เมื่อนึกถึงชาวเขา สำหรับสังคมไทยแล้วส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าสาเหตุที่บุคคลเหล่านี้ไม่มีสัญชาติเป็นเพราะบุคคลเหล่านี้ "ไม่ใช่คนไทย" แต่ในความเป็นจริงบนดินแดนของประเทศไทย มีคนกลุ่มนี้อาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน และหากพิจารณาตามหลักกฎหมายเรื่องสัญชาติก็ควรมีสิทธิได้รับสัญชาติไทย

แต่เพราะข้อจำกัดบางประการ เฉพาะอย่างยิ่งดังที่ได้กล่าวมาแล้วความสามารถของรัฐไทยในการเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกลยังอยู่ในระดับที่ต่ำ รวมทั้งรัฐไทยเองก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดทำเอกสารทางทะเบียน เพื่อจำแนกแยกแยะบุคคล ดังนั้นแม้ ปว.337 จะมุ่งเน้นการจำกัดการให้สัญชาติแก่บุคคลที่อพยพหลบหนีเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติก็เกิดปัญหาในการจำแนกแยกแยะบุคคลเหล่านี้มิใช่น้อย

ข้อจำกัดดังกล่าวเป็นที่ยอมรับในหน่วยงานของรัฐที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชาวเขา คณะอนุกรรมการชาวเขาสาขาการปกครองและการทะเบียน ได้มีความเห็นต่อการจัดการทางทะเบียนแก่ชาวเขาเมื่อ 8 พ.ค. 2516 ว่า

"ชาวเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรกรากอยู่ในเขตแดนของประเทศไทยเป็นเวลาช้านานแล้ว ตามหลักกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ชาวเขาเหล่านั้นก็เป็นคนไทยหรือมีสัญชาติไทยอยู่แล้ว ชาวเขาเหล่านี้จะมีข้อบกพร่องตรงที่มิได้มีชื่อในทะเบียนบ้านเท่านั้น ซึ่งข้อนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของชาวเขา หากแต่ว่าทางราชการไม่อาจส่งเจ้าหน้าที่ออกไปปกครอง ควบคุม ดูแลให้ถึงที่อยู่ของชาวเขาต่างหาก"

การจะเป็นไทยหรือไม่เป็น จึงอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุผลว่าเป็นคนไทยหรือไม่ หากเป็นเพราะว่าเขาเหล่านั้นถูกบังคับจากอำนาจรัฐ และช่องว่างของกฎหมายให้กลายไปเป็นคนไร้สัญชาติ


 

 



บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ

 

สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด กว่า 700 เรื่อง หนากว่า 10000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

 

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 

 

 

คำโปรย คัดลอกมาจากบทความ เพื่อให้มองเห็นเนื้อความที่น่าสนใจบางส่วน
H
ภาพประกอบดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบบทความฟรีสำหรับนักศึกษา จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เพื่อให้ทุกคนที่สนใจศึกษาสามารถ เข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ขอขอบคุณ www.thaiis.com ที่ให้ใช้พื้นที่ฟรี

ภายหลัง พ.ศ. 2515 ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลักกฎหมายเรื่องสัญชาติ คณะปฏิวัติที่นำโดยจอมพลถนอม กิตติขจรได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับ 337 (ปว. 337) มีเนื้อหาจำกัดสิทธิการได้สัญชาติของบุคคลที่เกิดในประเทศไทยดังนี้

"บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือบิดา หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่เพียงชั่วคราว หรือเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย บุคคลเหล่านี้แม้จะมีสัญชาติไทย แต่ก็มิได้มีความจงรักภักดีต่อประเทศไทย เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงแห่งชาติ สมควรมิให้บุคคลดังกล่าวมีหรือได้สัญชาติไทยอีกต่อไป"

R
related topic
271048
release date
คลิกไปหน้าสารบัญ(1)
คลิกไปหน้าสารบัญ
(2)
คลิกไปหน้าสารบัญ(3)
คลิกไปหน้าสารบัญ(4)
เพื่อดูบทความใหม่สุด
เว็ปไซต์เผยแพร่ความรู้
เพื่อสาธารณประโยชน์

หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลด text size ของ font ลง
จะช่วยแก้ปัญหาได้
ชาวเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรกรากอยู่ในเขตแดนของประเทศไทยเป็นเวลาช้านานแล้ว ตามหลักกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ชาวเขาเหล่านั้นก็เป็นคนไทยหรือมีสัญชาติไทยอยู่แล้ว ชาวเขาเหล่านี้จะมีข้อบกพร่องตรงที่มิได้มีชื่อในทะเบียนบ้านเท่านั้น ซึ่งข้อนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของชาวเขา