นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆที่เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ
ผลงานวิชาการชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซต์ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ : ไม่สงวนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
เว็ปไซต์นี้สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
สำหรับผู้สนใจส่งบทความทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน กรุณาส่งผลงานของท่านมายัง midarticle(at)yahoo.com หรือ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
The author of this work hereby waives all claim of copyright (economic and moral) in this work and immediately places it in the public domain... [copyleft] กรุณานำบทความไปใช้ต่อโดยอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควร

The Midnight University

คำทักท้วงจากนักกฎหมาย
ถือหลายสัญชาติ : เป็นภัยต่อรัฐจริงหรือ? ผิดกฎหมายจริงหรือ?
เขียนโดย
รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

บทความวิชาการกฎหมายเกี่ยวกับการอธิบายเรื่องการมีหลายสัญชาต
ทางกองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้รับมาจาก

Thitinob Komalnimi
Free Women's Studies
9 Samsen9, Samsen rd, Dusit Bangkok,10300
email : [email protected], [email protected], [email protected]


(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 685
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 3.5 หน้ากระดาษ A4)


หมายเหตุ : ถือหลายสัญชาติ : เป็นภัยต่อรัฐจริงหรือ ? ผิดกฎหมายจริงหรือ ?
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
เริ่มเขียนตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และเขียนเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๘
เผยแพร่ในมติชนรายวันเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9835


----------------------------------------------------------------------------------

ในบรรยากาศของการก่อการร้ายที่คุกคามภาคใต้ของประเทศไทย แนวคิดเรื่องคนหลายสัญชาติถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหลายครั้ง มีข้อเสนอให้รัฐไทยถอนสัญชาติไทยของบุคคลที่ถือสัญชาติไทยควบคู่ไปกับสัญชาติของรัฐต่างประเทศมาเลเซีย คนสอนกฎหมายสัญชาติก็รู้สึกว่า มันเป็นเรื่องที่อยู่นิ่งเฉยได้ลำบาก มีหลายคำถามที่ขออนุญาตตั้งคำถามและเสนอแนะต่อผู้บริหารรัฐไทยในวันนี้

ทำไมคนหนึ่งคนจึงมีหลายสัญชาติได้ ?
คำตอบก็คือ กฎหมายของรัฐหลายรัฐต่างก็ให้สัญชาติของตนแก่บุคคลคนเดียว โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล รัฐหนึ่งย่อมมีอำนาจอธิปไตยที่จะกำหนดว่า บุคคลในลักษณะใดย่อมมีสัญชาติของตน และในแนวปฏิบัติของสังคมมนุษย์ที่เติบโตมาเป็นกฎหมายจารีตประเพณี ที่ยอมรับกันในทุกรัฐว่า รัฐหนึ่งๆ มักให้สัญชาติแก่คนที่มีจุดเกาะเกี่ยวอย่างแท้จริงกับตน ซึ่งในสังคมดั่งเดิมที่การเดินทางข้ามชาติแทบจะไม่เกิด ปัญหาคนหลายสัญชาติก็จะไม่เกิดให้เป็นที่ลำบากใจ

เราจะมีความเข้าใจในหลักกฎหมายที่กล่าวจะมากขึ้น หากเราวิเคราะห์ผ่านตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง
ตัวอย่างแรก ก็คือ เรื่องของนายแดงซึ่งเกิดในประเทศไทย จากพ่อแม่ที่มีเชื้อชาติไทยและเกิดในประเทศไทยอีกด้วย และแม้เมื่อเติบใหญ่ นายแดงก็ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทย และก่อตั้งครอบครัวกับคนสัญชาติไทย

จะเห็นว่า โดยการเกิดและภายหลังการเกิด ทุกจุดเกาะเกี่ยวในชีวิตนายแดงก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย จึงเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนว่า นายแดงย่อมมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศไทย รัฐไทยไม่รู้สึกลำบากใจที่จะยอมรับว่า นายแดงมีสัญชาติไทย จึงไม่มีใครเลยสักคนขึ้นมาสงสัยว่า นายแดงไม่มีสัญชาติไทย

จะเห็นว่า บุคคลในสถานการณ์เดียวกับนายแดง ก็คือ คนข้างมากในสังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่มีโอกาสที่จะมีหลายสัญชาติ ความแตกต่างระหว่างอดีตและปัจจุบันอาจจะอยู่ที่จำนวนของคนหลายสัญชาติ ในอดีต คนหลายสัญชาติแทบจะไม่มีเพราะ แทบจะไม่เกิดการข้ามชาติของบุคคลธรรมดา

ในปัจจุบัน คนหลายสัญชาติมีมากขึ้นแม้จะยังมิใช่กรณีข้างมากของประเทศไทย เพราะการข้ามชาติของคนไทยออกไปนอกประเทศมีมากขึ้น และการข้ามชาติเข้ามาในประเทศไทยของคนต่างด้าวก็มากขึ้นด้วย
ดังนั้น ผลของเรื่องจึงทำให้รัฐหนึ่งรัฐ อาจทำให้คนหนึ่งคนมีหลายสัญชาติในขณะเดียวกัน หรืออาจทำให้คนหนึ่งคนอาจไม่มีสัญชาติของรัฐใดเลย กล่าวคือ คนๆ นี้ ย่อมตกเป็นคนไร้รัฐสัญชาติ (Nationalityless Person) มันจึงไม่อาจเป็นความผิดของคนๆ นั้นที่เขาจะมีหลายสัญชาติหรือไร้สัญชาติ

สถานการณ์ดังกล่าว อาจจะเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อทั้งตัวบุคคลนั้นเองหรือต่อรัฐที่เกี่ยวข้อง ปัญหาความมีหลายสัญชาติอาจทำให้บุคคลได้รับความคุ้มครองจากหลายรัฐหรืออาจใช้ทรัพยากรในฐานะคนชาติในหลายรัฐ ในขณะที่ปัญหาไร้สัญชาติอาจทำให้บุคคลปราศจากความคุ้มครองจากทุกรัฐที่เกาะเกี่ยวกับตน และตกเป็นคนต่างด้าวในทุกรัฐบนโลกนี้

ตัวอย่างในประเทศไทยของกรณีก็มีให้เห็นได้ในหลายปรากฏการณ์
อาทิ มนุษย์คนหนึ่งชื่อ "แมรี่" เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาจากบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและมารดาซึ่งมีสัญชาติไทย ปรากฏการณ์นี้นำไปสู่คนสองสัญชาติทันที กล่าวคือ กฎหมายไทยยอมรับว่า แมรี่มีสัญชาติไทย ในขณะที่กฎหมายอเมริกันก็ยอมรับว่า แมรี่มีสัญชาติอเมริกัน โดยกฎหมายสัญชาติไทย แมรี่มีสถานะเป็น "คนไทยโดยหลักสืบสายโลหิต"

กรณีอย่างนี้มีมากมายในยุคปัจจุบัน โดยข้อเท็จจริง แมรี่อาจจะรักประเทศสหรัฐอเมริกันมากกว่าประเทศไทย พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ ไม่เคยมาเห็นแผ่นดินไทยสักครั้ง ความผูกพันกับประเทศไทยโดยข้อเท็จจริงก็ไม่มี แต่ก็ไม่มีกฎหมายไทยที่ให้อำนาจรัฐไทย ที่จะถอนสัญชาติของคนไทยโดยหลักสืบสายโลหิตอย่างแมรี่ เพราะเหตุที่ดันมีหลายสัญชาติ หรือแม้ว่าบุคคลในลักษณะนี้จะมีการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐไทยอย่างใดก็ตาม ก็ไม่ปรากฏมีกฎหมายใดให้อำนาจแก่รัฐไทยที่จะถอนสัญชาติไทยของบุคคลในสถานการณ์ดังกล่าว

หรือ คำถามย้อนกลับมาถึงมนุษย์อีกคนหนึ่งที่ชื่อ "กาเซ็ม" ซึ่งเกิดในประเทศมาเลเซีย จากบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีสัญชาติมาเลเซีย แต่มีมารดาซึ่งมีสัญชาติไทย จะเห็นว่า โดยกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติ กาเซ็มย่อมเป็นบุคคลในสถานการณ์เดียวกันกับแมรี่ กล่าวคือ เป็นคนไทยโดยหลักสืบสายโลหิตเช่นกัน แต่เป็นที่น่าสงสัยว่า นโยบายของรัฐไทยในปัจจุบันที่มีต่อแมรี่และกาเซ็มจะแตกต่างกันหรือไม่ ?

ในสังคมไทย คำว่า "ภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ" ดูจะเป็น "ถ้อยคำ" ที่ปาใส่ใครได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเขาคนนั้นคิดต่างไปจากผู้ถืออำนาจในการปกครองประเทศ

เมื่อศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ จะพบว่า สิ่งที่กฎหมายระหว่างประเทศต่อต้านก็คือ การที่รัฐนั้นใช้อำนาจตามอำเภอใจที่จะถอนสัญชาติของมนุษย์ เพราะเหตุว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้เกิด "ความไร้รัฐ" (Statelessness) หรือ "ความไร้สัญชาติ" (Nationalitylessness) แก่มนุษย์

โดยพิจารณาทางปฏิบัติของนานารัฐบนโลกในปัจจุบันนี้ ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะกฎหมายระหว่างประเทศ ประเภทจารีตประเพณีระหว่างประเทศ จึงพบว่า รัฐจะไม่ถอนสัญชาติของคนในชาติโดยหลักสืบสายโลหิต แม้บุคคลนั้นจะเลวทรามต่ำช้าประการใด การประหารชีวิตให้สิ้นสุดลงอาจเกิดได้ต่อคนในชาติในหลายประเทศ แต่การถอนสัญชาติให้คนในชาติ โดยหลักสืบสายโลหิตให้ตกเป็นคนไร้รัฐทั้งโดยข้อเท็จจริงหรือโดยข้อกฎหมาย เป็นสิ่งที่อารยประเทศผู้เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ไม่กระทำ เนื่องจากการตกเป็น "คนไร้รัฐ" ย่อมทำให้มนุษย์ไม่อาจได้บริโภค "สิทธิมนุษยชน" อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์

แค่เป็นคนสองสัญชาติไม่น่าจะเป็นเหตุแห่งการถอนสัญชาติไทย ในยุคที่การข้ามชาติเป็นเรื่องทำได้ง่ายและไม่นานนัก การไปมีความสัมพันธ์กับรัฐต่างประเทศ อาทิ การมีบุพการีฝ่ายหนึ่งเป็นคนต่างด้าวหรือคู่สมรสเป็นคนต่างด้าว หรือการไปตั้งรกรากในต่างประเทศ จึงไม่อาจหมายความโดยอัตโนมัติว่า บุคคลจะสิ้นความผูกพันกับประเทศไทยเสมอไป หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นประสงค์ร้ายต่อสังคมไทยโดยทันที

ในขณะเดียวกัน ความเป็นภัยต่อรัฐไทยอาจเกิดขึ้นได้ แม้บุคคลนั้นมีสัญชาติไทยแต่เพียงสัญชาติเดียว เพราะไม่มีความสัมพันธ์กับรัฐต่างประเทศเลย กล่าวคือ มีบุพการีเป็นคนไทยหรือคู่สมรสก็เป็นคนไทยหรือบ้านเรือนตั้งรกรากในประเทศไทย โดยสรุป การมีหลายสัญชาติและความเป็นภัยต่อรัฐเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน การเอาเหตุที่มีหลายสัญชาติมาเป็นเหตุให้ถูกถอนสัญชาติไทย จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีเหตุผล

นอกจากข้อท้วงติงทางกฎหมาย ก็ยังจะท้วงติงทางจิตวิทยาด้วยว่า ควรที่รัฐบาลจะคำนึงถึงจิตใจของคนในสถานการณ์เดียวกับกาเซ็ม คนหลายสัญชาติในมาเลเซียซึ่งอาจจะสะเทือนใจในข่าวที่ออกมาจากรัฐบาลที่ดูรังเกียจเดียดฉันท์พวกเขาเสียเหลือเกิน มันผิดด้วยหรือที่กาเซ็มจะรักทั้งแผ่นดินมาเลเซียของบิดาและแผ่นดินไทยของมารดา ? การคงไว้ซึ่งสัญชาติไทยและมาเลเซียในชีวิตของกาเซ็มเป็นไปไม่ได้หรือ ? หากจะมีคนหลายสัญชาติสักคนที่เป็นภัยต่อรัฐ ก็ควรที่จะจัดการปราบปรามลงโทษคนหลายสัญชาติคนนั้นในลักษณะเดียวกับคนที่มีสัญชาติไทยแต่สัญชาติเดียว

ปัญหาจริงๆ ก็คือ ความไม่มั่นคงของชายแดนไทย-มาเลเซียเกิดจากระบบการควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายยังไม่มีประสิทธิภาพนักมิใช่หรือ ? ความไม่สงบของภาคใต้เกิดจากระบบข่าวกรองการก่อการร้ายยังไม่มีประสิทธิภาพนักมิใช่หรือ ? ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในภาคใต้เกิดจากขบวนการก่อการร้ายที่เคลื่อนไหวในภาคใต้มิใช่หรือ ? ดังนั้น การแก้ปัญหาก็น่าจะมุ่งไปที่สาเหตุของปัญหาอันได้แก่

(๑) การเสริมประสิทธิภาพในระบบควบคุมการผ่านแดนไทย-มาเลเซียของบุคคลทุกคน
(๒) การตรวจระบบข่าวกรองให้มีศักยภาพมากขึ้น และ
(๓) การติดตามบุคคลที่การข่าวระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย

หรือแม้จับกุมคนที่มีการกระทำที่เป็นภัยโดยชัดแจ้ง หรือแม้ถอนสัญชาติไทยของคนที่เป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง หากสัญชาติที่จะถอนนั้นมิใช่สัญชาติไทยโดยหลักสืบสายโลหิต และไม่ทำให้บุคคลนั้นตกเป็นคนไร้สัญชาติ

สิ่งที่ไม่อยากเห็นอีก ก็คือ นโยบายแบบคลุมๆ เครือๆ ต่อคนหลายสัญชาติในภาคใต้ ซึ่งมันน่าจะเป็นการทำลายความมั่นคงของรัฐมากกว่า


++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ

 

สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I สารบัญเนื้อหา 3
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด กว่า 680 เรื่อง หนากว่า 9500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

 

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 

 

 

คำโปรย คัดลอกมาจากบทความ เพื่อให้มองเห็นเนื้อความที่น่าสนใจบางส่วน
H
ภาพประกอบดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบบทความฟรีสำหรับนักศึกษา จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เพื่อให้ทุกคนที่สนใจศึกษาสามารถ เข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
คำถามย้อนกลับมาถึงมนุษย์อีกคนหนึ่งที่ชื่อ "กาเซ็ม" ซึ่งเกิดในประเทศมาเลเซีย จากบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีสัญชาติมาเลเซีย แต่มีมารดาซึ่งมีสัญชาติไทย จะเห็นว่า โดยกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติ กาเซ็มย่อมเป็นบุคคลในสถานการณ์เดียวกันกับแมรี่
ขอขอบคุณ www.thaiis.com ที่ให้ใช้พื้นที่ฟรี

อาทิ มนุษย์คนหนึ่งชื่อ "แมรี่" เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาจากบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและมารดาซึ่งมีสัญชาติไทย ปรากฏการณ์นี้นำไปสู่คนสองสัญชาติทันที กล่าวคือ กฎหมายไทยยอมรับว่า แมรี่มีสัญชาติไทย ในขณะที่กฎหมายอเมริกันก็ยอมรับว่า แมรี่มีสัญชาติอเมริกัน โดยกฎหมายสัญชาติไทย แมรี่มีสถานะเป็น "คนไทยโดยหลักสืบสายโลหิต"

กรณีอย่างนี้มีมากมายในยุคปัจจุบัน โดยข้อเท็จจริง
แมรี่อาจจะรักประเทศสหรัฐอเมริกันมากกว่าประเทศไทย พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ ไม่เคยมาเห็นแผ่นดินไทยสักครั้ง ความผูกพันกับประเทศไทยโดยข้อเท็จจริงก็ไม่มี แต่ก็ไม่มีกฎหมายไทยที่ให้อำนาจรัฐไทย ที่จะถอนสัญชาติของคนไทยโดยหลักสืบสายโลหิตอย่างแมรี่ เพราะเหตุที่ดันมีหลายสัญชาติ

R
related topic
300948
release date
คลิกไปหน้าสารบัญ(1)
คลิกไปหน้าสารบัญ
(2)
คลิกไปหน้าสารบัญ(3)
คลิกไปหน้าสารบัญ(4)
เพื่อดูบทความใหม่สุด
เว็ปไซต์เผยแพร่ความรู้
เพื่อสาธารณประโยชน์

หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลด text size ของ font ลง
จะช่วยแก้ปัญหาได้