บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ 619 หัวเรื่อง
คำบรรยายของเบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
โอกาสรับรางวัลโนเบล-วรรณคดี
สมเกียรติ ตั้งนโม : แปล
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
บทความบริการฟรี ม.เที่ยงคืน
The
Midnight 's free article
Website
ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษา
โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
หากต้องการติดต่อกับ
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ส่ง mail ตามที่อยู่ข้างล่างนี้
midnight2545(at)yahoo.com
คลิกไปหน้า homepage มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
วาทะกรรมรางวัลโนเบล
สาขาวรรณคดี
เบอร์ทรันด์
รัสเซลล์ : โนเบลวาทะกรรมทางวรรณคดี
สมเกียรติ
ตั้งนโม : แปล
สาขาจิตรกรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หมายเหตุ : บทความบรรยายชิ้นนี้นำมาจาก
Bertrand Russell - Nobel
Lecture
Nobel Lecture, December 11, 1950
What Desires Are Politically Important?
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม
๒๕๔๘
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 17.5 หน้ากระดาษ A4)
ความปรารถนาชนิดใดที่มีความสำคัญในทางการเมือง?
ข้าพเจ้าเลือกหัวข้อสำหรับการบรรยายในค่ำคืนนี้
เพราะว่าข้าพเจ้าคิดว่า การสนทนาในปัจจุบันที่แพร่หลายมากที่สุดเกี่ยวกับการเมืองและทฤษฎีทางการเมือง
ได้หยิบเอาเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยามาพูดกันน้อยมาก. ในทางตรงข้าม ข้อเท็จจริงต่างๆทางเศรษฐกิจ,
สถิติจำนวนประชากร, องค์กรพื้นฐานต่างๆทางรัฐธรรมนูญ, และอื่นๆ ต่างได้รับการนำเสนอขึ้นมาทุกๆนาที
ไม่เป็นเรื่องยุ่งยากในการสำรวจพบว่า ผู้คนชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จำนวนเท่าใดที่ประสบชะตากรรมเกี่ยวกับสงครามเกาหลีที่เริ่มต้นขึ้น. ถ้าคุณจะมองเข้าไปในหนังสือที่ดีๆ คุณจะสามารถสืบหาค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของพวกเขาได้ และขนาดต่างๆของกำลังทหารโดยลำดับ. แต่ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่าคนเกาหลีเป็นคนชนิดใด และพวกเขามีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนระหว่างชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้; และถ้าคุณปรารถนาที่จะรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไรในชีวิต, อะไรคือสิ่งที่พวกเขาไม่พอใจ, อะไรคือความหวังของพวกเขา และอะไรที่พวกเขาหวาดกลัว; พูดอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ เรื่องของพฤติกรรมและแรงดลใจ อย่างที่กล่าว หนังสืออ้างอิงทั้งหลายที่คุณเปิดดูมันค่อนข้างที่จะเปล่าประโยชน์สำหรับค้นหาเรื่องราวเหล่านี้
และด้วยเหตุดังนั้น คุณจึงไม่สามารถบอกได้ว่าชาวเกาหลีใต้มีความกระตือรื้อร้นหรือศรัทธาเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติหรือไม่, หรือโอนเอียงที่จะรวมกับญาติพี่น้องของพวกเขาซึ่งอยู่ทางตอนเหนือหรือเปล่า, และทำไมพวกเขาจึงสมัครใจที่จะละทิ้งการปฏิรูปที่ดินเพื่อสิทธิพิเศษในการออกเสียงให้กับนักการเมืองบางคนที่พวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงเลย อันนี้คุณไม่สามารถคาดเดาได้
มันคือการไม่เอาใจใส่เกี่ยวกับคำถามต่างๆเหล่านั้นต่อคนซึ่งนั่งอยู่ไกลจากเมืองหลวงต่างๆ ที่บ่อยครั้งมากมักจะไม่สมหวังนักเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาปรารถนา ถ้าการเมืองต้องกลายเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ และถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอีกต่อไป อันนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่ว่า ความคิดทางการเมืองของพวกเรา ควรที่จะเจาะทะลุลึกลงไปสู่แหล่งกำเนิดต่างๆเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ ยกอย่างเช่น
อะไรคืออิทธิพลของคำขวัญ หรือสโลแกนต่างๆเกี่ยวกับคนที่หิวโหย? ประสิทธิภาพที่ผันแปรของมันกับจำนวนแคลอรีต่างๆในอาหารของคุณเป็นอย่างไร? ถ้าใครสักคนให้ประชาธิปไตยแก่คุณ และอีกคนให้ข้าวถุงหนึ่งแก่คุณ ระดับใดของความอดอยากที่คุณจะมีใจโน้มเอียงเลือกรับเอาถุงข้าวมากกว่าการมีสิทธิ์ในการออกเสียง? คำถามเหล่านี้ได้ถูกนำมาพิจารณากันน้อยมาก แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ขอให้เราลืมเรื่องของชาวเกาหลี และมาพิจารณากันถึงเรื่องเผ่าพันธุ์ของมนุษย์แทน
กิจกรรมมนุษย์ทุกๆอย่างได้รับการกระตุ้นหรือสนับสนุนโดยความปรารถนา. ทั้งหมดเป็นทฤษฎีที่หลอกลวง ซึ่งได้รับการทำให้ก้าวหน้าโดยบรรดานักศีลธรรมที่เอาจริงเอาจังทั้งหลายสู่ผลที่ว่า มันมีความเป็นไปได้ที่จะต่อต้านความปรารถนาในความสนใจต่างๆเกี่ยวกับหน้าที่และศีลธรรม(duty and moral principle)
ข้าพเจ้ากล่าวว่านี่เป็นสิ่งหลอกลวง มิใช่เพราะว่าไม่มีมนุษย์คนใดกระทำการต่างๆจากความรู้สึกอันหนึ่งเกี่ยวกับหน้าที่ แต่เป็นเพราะว่าหน้าที่ไม่มีทางที่จะจับคว้าเขาเอาไว้ได้ เว้นแต่ว่าเขาจะปรารถนาที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่นั้นๆ. ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มนุษย์จะต้องทำ อันดับแรกที่คุณจะต้องรู้ ไม่เพียงสถานการณ์แวดล้อมทางวัตถุของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องทราบถึงระบบเกี่ยวกับความปรารถนาของเขาทั้งหมด กับความเข้มแข็งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
มีความปรารถนาบางอย่างซึ่ง แม้ว่าจะมีพลังอำนาจมาก แต่ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นกฎเกณฑ์อันหนึ่งที่มีความสำคัญในทางการเมืองที่สำคัญแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น ผู้คนส่วนใหญ่ ณ บางช่วงของชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา พวกเขาปรารถนาที่จะแต่งงาน และในฐานะกฎเกณฑ์อันหนึ่ง พวกเขาสามารถพอใจกับความปรารถนาอันนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องกับการกระทำทางการเมืองใดๆ
แน่นอน มันมีข้อยกเว้นต่างๆอยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น การข่มขืนผู้หญิงชาวเซไบน(อาศัยอยู่ในอิตาลี สมัยกรุงโรมรุ่งเรือง) ถือเป็นกรณีหนึ่งในประเด็นนี้. และพัฒนาการของออสเตรเลียทางตอนเหนือ ได้รับการขัดขวางและหน่วงเหนี่ยวอย่างจริงจัง โดยข้อเท็จจริงที่ว่าคนหนุ่มที่กระฉับกระเฉงผู้ซึ่งควรจะทำหน้าที่นี้ รู้สึกไม่ชอบใจที่ถูกตัดสิทธิ์และกีดกันออกไปทั้งหมดโดยสังคมของผู้หญิง. แต่กรณีที่ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างนั้น ถือเป็นข้อยกเว้น และโดยทั่วไปผลประโยชน์ดังกล่าวที่ผู้ชายและผู้หญิงรับเอามาแต่ละฝ่าย มันมีอิทธิพลน้อยมากที่ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
ความปรารถนาต่างๆที่เป็นเรื่องสำคัญทางการเมือง อาจได้รับการแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มปฐมภูมิและกลุ่มทุติยภูมิ ในกลุ่มปฐมภูมิ เป็นเรื่องของความจำเป็นทั้งหลายเกี่ยวกับชีวิต นั่นคือ เรื่องของอาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย. เมื่อไรก็ตามที่สิ่งต่างๆเหล่านี้ขาดแคลนหรือมีไม่เพียงพอ มันจะไม่มีข้อจำกัดใดๆในความพยายามที่มนุษย์จะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง หรือกระทั่งความรุนแรงที่ว่า พวกเขาจะแสดงอย่างเปิดเผย ในความหวังเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขา
มีข้อมูลที่ได้รับการกล่าวโดยบรรดานักศึกษาต่างๆเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคแรกสุดว่า ในโอกาสหรือจังหวะที่แตกต่างกันไป 4 ครั้ง, อย่างเช่น ฤดูแล้งที่ยาวนานในอาราเบีย เป็นสาเหตุให้ประชากรของประเทศนั้นไหลบ่าเข้าไปสู่ดินแดนรายรอบทั้งหลาย โดยส่งผลต่างๆอย่างมากต่อการเมือง วัฒนธรรม และศาสนา. ท้ายสุดของช่วงโอกาสในครั้งที่ 4 ก็คือการก่อเกิดขึ้นมาของอิสลาม
การค่อยๆแผ่ขยายของชนเผ่าเยอรมานิกต่างๆจากทางตอนใต้ของรัสเซีย ไปสู่อังกฤษ และจากนั้นก็ไปสู่ซานฟรานซิสโก ก็มีแรงกระตุ้นต่างๆในทำนองเดียวกัน. ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความต้องการด้านอาหารเท่าที่เป็นมาในอดีตและยังคงเป็นอยู่ต่อไปในอนาคต ถือเป็นหนึ่งในมูลเหตุหลักของเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่
แต่มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์อื่นๆในแง่มุมหนึ่งซึ่งสำคัญมาก และอันนั้นก็คือเขามีความปรารถนาต่างๆดังที่มีอยู่ กล่าวคือ ความต้องการหรือความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่เคยสามารถได้รับการทำให้รู้สึกพึงพอใจได้อย่างสมบูรณ์ และนั่นทำให้เขาไม่เคยหยุดพักแม้จะอยู่บนสรวงสวรรค์. งูเหลือมที่รัดเหยื่อจนตาย เมื่อมันได้รับอาหารเพียงพอในมื้อหนึ่ง มันก็จะนอนและไม่ตื่นขึ้นมาเลย จนกว่ามันจะต้องการอาหารในมื้อต่อไป
มนุษย์ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เหมือนกับสัตว์... เมื่อตอนที่ชาวอาหรับ ผู้เคยมีความคุ้นชินกับการดำรงอยู่อย่างมัธยัสถ์กับช่วงวันเวลาสั้น ๆ ได้เข้ายึดครองความร่ำรวยของจักรวรรดิ์โรมันตะวันออก และอาศัยอยู่ในสถานที่ต่างๆซึ่งหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างแทบไม่น่าเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยหรือเฉื่อยชาลงเลย แม้จะได้ครอบครองความมั่งคั่งเหล่านั้น
สำหรับบรรดาทาสของชาวกรีก ซึ่งได้ทำหน้าที่จัดเสบียงและตระเตรียมอาหารอันประณีตวิจิตรให้กับนายของพวกเขาซึ่งเพียงพยักหน้าเบาๆ คนเหล่านี้แม้จะไม่เคยหิวโหย แต่พวกเขาก็มีความปรารถนาอื่นๆทำให้เขากระตือรือร้น นั่นคือความปรารถนา 4 อย่าง ซึ่งเราสามารถที่จะติดป้ายฉลากได้โดยเฉพาะคือ ความอยากได้ใคร่มี, การแข่งขันชิงดีชิงเด่น, ความภาคภูมิหยิ่งทะนง, และความรักในอำนาจ(acquisitiveness, rivalry, vanity, and love of power)
ความอยากได้ใคร่มี
(Acquisitiveness)
ความอยากได้ใคร่มี คือความปรารถนามที่จะครอบครองของบางสิ่งบางอย่าง มากเท่าที่จะเป็นไปได้
หรือมีกรรมสิทธิ์ในสิ่งๆนั้น ซึ่งอันนี้คือแรงกระตุ้นที่ข้าพเจ้าอนุมานหรือคาดคะเนว่า
รากกำเนิดของมันมาจากการรวมตัวกันอันหนึ่งของความกลัว กับ ความต้องการสำหรับความจำเป็นต่างๆ
(a combination of fear with the desire for necessaries)
ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้ามีเพื่อนที่เป็นเด็กผู้หญิงเล็กๆสองคนจากเอสโทเนีย ผู้ซึ่งหนีรอดจากความตายอย่างหวุดหวิดมาจากความอดอยากในภาวะทุพภิกขภัย พวกเธออาศัยอยู่ในครอบครัวของข้าพเจ้า และแน่นอนมีอาหารการกินอย่างบริบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเธอใช้เวลาว่างทั้งหมดของตัวไปกับการไปเยี่ยมฟาร์มของเพื่อนบ้านและไปลักขโมยมันฝรั่ง เพื่อนำมาเก็บสะสมไว้
Rockefeller, ผู้ซึ่งในวัยเด็กมีประสบการณ์กับความยากจนอย่างแสนสาหัส และใช้ชีวิตใช่วงวัยเติบใหญ่ในวิธีการทำนองเดียวกันนี้. คล้ายคลึงกับบรรดาหัวหน้าเผ่าชาวอาหรับทั้งหลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รองนั่งไบแซนทีนบุด้วยผ้าไหม แต่พวกเขาไม่เคยลืมเลือนทะเลทรายได้เลย และพยายามเก็บสะสมความร่ำรวยเอาไว้อย่างล้นเหลือ มากกว่าความต้องการทางกายภาพเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นั่นอาจเป็นเรื่องทางจิตวิเคราะห์เกี่ยวกับความอยากได้ใคร่มี ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่ามันเป็นหนึ่งในแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในท่ามกลางอำนาจมากมาย ดังเช่นที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ มันคือหนึ่งในแรงกระตุ้นต่างๆอันไม่มีที่สิ้นสุดและไร้ขอบเขต. อย่างไรก็ตาม จำนวนมากในหมู่พวกคุณอาจได้มาหรือเข้าถือสิทธิ์ คุณมักจะปรารถนาที่จะได้มามากๆ; ความอิ่มแปล้คือความฝันอันหนึ่งซึ่งมักจะหลบหลีก พลิกแพลง ยากจะอธิบายสำหรับคุณเสมอ
การแข่งขันชิงดีชิงเด่น
(Rivalry)
ความอยากได้ใคร่มี แม้ว่ามันจะเป็นกำลังสำคัญของระบบทุนนิยม แต่ก็ไม่ใช่พลังอำนาจส่วนใหญ่ของแรงกระตุ้นทั้งหมดของความอยู่รอดอันนั้นเพื่อเอาชนะความหิวโหย.
การแข่งขันชิงดีชิงเด่นคือแรงกระตุ้นที่เข้มแข็งมากอีกอันหนึ่ง
อีกครั้งและอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของผู้นับถือศรัทธาในศาสนามะหะหมัด ราชวงศ์ทั้งหลายต่างรู้สึกเศร้าโศกเพราะบรรดาราชบุตรของสุลต่านองค์หนึ่ง โดยมีพระราชมารดาที่ต่างกันมักจะไม่ค่อยลงรอยกัน และนั่นคือผลนำไปสู่สงครามกลางเมืองและผลลัพธ์คือความพินาศอยู่เสมอ
ลักษณะอย่างเดียวกันนี้เกิดขึ้นในยุโรปสมัยใหม่ เมื่อรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยไม่ฉลาดเอามากๆ ในการที่ไม่ยินยอมให้กษัตริย์ไกรเซอร์เข้าร่วมตรวจพลบนเรือรบ ณ Spithead, ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจของข้าพเจ้าไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวที่พวกเราตั้งใจ. สิ่งที่เขาคิดคือ "ข้าพเจ้าจะต้องมีกองทัพเรือที่ดีเท่าที่ของสมเด็จพระอัยยิกา". และจากความคิดนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆที่ตามมาของเรามากมายและพรั่งพรู
โลกจะเป็นสถานที่ที่มีความสุขยิ่งกว่านี้ หากว่าความอยากได้ใคร่มีมันมีความเข้มแข็งกว่าการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันไปตลอด แต่ตามข้อเท็จจริง บุคคลที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากจะเผชิญหน้ากับความยากจนอย่างปลื้มปิติ ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถปลอดภัยจากความพินาศย่อยยับจากคู่ต่อสู้ของพวกเขา
ความภาคภูมิและหยิ่งทะนง
(Vanity)
ความภาคภูมิและหยิ่งยะโส คือแรงกระตุ้นอันหนึ่งของพลังอำนาจมหาศาล ใครก็ตามซึ่งมีความเกี่ยวพันกับพวกเด็กๆมากจะทราบว่า
พวกเขาเล่นตลกแปลกๆอยู่อย่างสม่ำเสมอทำไม และพูดว่า"มองฉันซิ".
"มองฉันซิ"เป็นหนึ่งในความปรารถนาเบื้องต้นที่สุดของหัวใจมนุษย์
ความภาคภูมิและหยิ่งทะนง สามารถปรากฏตัวได้ในรูปลักษณ์ต่างๆมากมายเหลือคณานับ นับจากการเล่นตลกอย่างหยาบๆไปจนกระทั่งการแสวงหาชื่อเสียงหลังมรณกรรมเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น เจ้าชายน้อยชาวอิตาเลียนเรอเนสซองค์พระองค์หนึ่ง ผู้ซึ่งได้รับการไต่ถามจากพระบาทหลวงรูปหนึ่งในช่วงเวลาที่ใกล้จะต้องลาจากโลกนี้ไป สำหรับสิ่งที่พระองค์รู้สึกอยากจะสำนึกผิด
"ใช่", พระองค์ตรัส, "มีอยู่สิ่งหนึ่ง นั่นคือโอกาสที่ข้าพเจ้าได้รับการเยี่ยมเยือนจากองค์พระจักรพรรดิ์และองค์พระสันตปาปาพร้อมกัน ข้าพเจ้าจะนำพาท่านทั้งสองพระองค์ไปบนยอดสุดของหอคอยเพื่อชมทิวทัศน์อันนั้น และข้าพเจ้าจะปฏิเสธโอกาสดังกล่าวที่ผลักทั้งคู่ให้ตกลงมา ซึ่งมันจะทำให้ข้าพเจ้ามีชื่อเสียงไปชั่วนิรันดร์". ประวัติศาสตร์มิได้เล่าถึงพระบาทหลวงได้เอ่ยอะไรกับพระองค์ต่อไปหลังจากนั้น
หนึ่งในปัญหาต่างๆเกี่ยวกับความภาคภูมิหยิ่งทะนงก็คือ มันเจริญงอกงามขึ้นมาจากสิ่งที่มันถูกป้อนเข้าไป. และยิ่งคุณถูกพูดถึงมากเท่าไร คุณยิ่งปรารถนาที่จะถูกพูดถึงมากเท่านั้น. การประณามฆาตกรและพวกวายร้ายต่างๆ ผู้ซึ่งกระทำความผิด เมื่อเขาได้รับอนุญาตให้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการสอบสวนของเขาในหน้าหนังสือพิมพ์ มันจะเป็นเรื่องที่สร้างความเดือดดาลใจให้กับเขามาก ถ้าหากพบว่าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่รายงานข่าวเกี่ยวกับตัวเขาไม่มากพอ และยิ่งเขาค้นพบเกี่ยวกับตัวเองในหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ มากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเท่านั้น เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวซึ่งรายงานต่างๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ได้พูดถึงเรื่องของเขาน้อยเกินไป
บรรดานักการเมืองทั้งหลายและคนในแวดวงหนังสือก็อยู่ในกรณีเดียวกันนี้ นั่นคือยิ่งพวกเขามีชื่อเสียงมากเท่าใด มันก็ยิ่งยากที่ตัวแทนที่ทำหน้าที่ตัดข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์จะสนองความพึงพอใจให้กับพวกเขาได้. มันเป็นไปได้ยากยิ่งที่จะเพิ่มเติมอิทธิพลเกี่ยวกับความภาคภูมิหยิ่งทะนงไปจนตลอดชีวิตมนุษย์ นับจากเด็กอายุสามขวบ ไปจนกระทั่งถึงผู้มีอำนาจอย่างราชา ผู้ซึ่งเพียงหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ทำให้โลกหวั่นไหว. มนุษยชาติผูกมัดอยู่กับการขาดความเลื่อมใสและเสื่อมศรัทธาของความปรารถนาในลักษณะทำนองนี้กับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพวกเขากระหายจินตนาการเกี่ยวกับการยกย่องสรรเสริญอย่างต่อเนื่อง
ความรักในอำนาจ (Love
of power)
และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ อิทธิพลเกี่ยวกับแรงกระตุ้นต่างๆที่เรากำลังจะพิจารณาถึง
นั่นคืออีกสิ่งหนึ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าเรื่องที่ได้กล่าวแล้วทั้งหมด ข้าพเจ้าหมายถึง"ความรักในอำนาจ"
ความรักในอำนาจเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดกับความภาคภูมิหยิ่งทะนง แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน. สิ่งซึ่งความภาคภูมิหยิ่งทะนงต้องการสนอง คือความพึงพอใจของมันที่เป็นเรื่องของชื่อเสียงและเกียรติยศ ซึ่งมันง่ายมากที่จะมีชื่อเสียงเกียรติยศ โดยปราศจากอำนาจ. ผู้คนซึ่งเพลิดเพลินไปกับชื่อเสียงเกียรติยศมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือ เหล่าดารานักแสดงภาพยนตร์ทั้งหลาย แต่พวกเขาสามารถถูกนำไปวางลงในกรอบของพวกเขาโดยคณะกรรมการเพื่อกิจกรรมต่างๆที่ไม่ใช่อเมริกัน ซึ่งสนุกเพลิดเพลินกับการไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย
ในประเทศอังกฤษ กษัตริย์ทรงมีชื่อเสียงเกียรติยศมากกว่านายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจมากกว่ากษัตริย์. ผู้คนมากมายชื่นชอบชื่อเสียงและนำไปสู่อำนาจ(glory to power) แต่ทั้งหมดของผู้คนเหล่านี้มีผลน้อยมากต่อมูลเหตุเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ยิ่งกว่าคนเหล่านั้นที่ชื่นชอบในอำนาจและชื่อเสียง(power to glory)
เมื่อตอนที่ Blucher ในปี ค.ศ.1814 ได้ไปเห็นพระราชวังของ Napoleon, พระองค์ตรัสว่า "เขาไม่โง่ไปหน่อยหรือที่มีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด และยังคงเคลื่อนไปยังมอสโคว์". Napoleon, ผู้ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยเป็นคนที่สิ้นเนื้อประดาตัวเกี่ยวกับความภาคภูมิในและความหยิ่งทะนง แต่เขาชื่นชอบในอำนาจมากกว่าเมื่อเขาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง. สำหรับ Blucher, ทางเลือกอันนี้ดูเหมือนช่างโง่เขลา
อำนาจ, ก็คล้ายๆกับความภาคภูมิหยิ่งทะนง เป็นเรื่องที่ไม่อาจสนองความพอใจได้. ความสมบูรณ์พร้อมของอำนาจ พลานุภาพทุกอย่าง อาจสร้างความพึงพอใจได้อย่างสมบูรณ์. และดังที่มันเป็น โดยเฉพาะข้อบกพร่องหรือปมด้อยของมนุษย์ มูลเหตุแห่งพลังของความรักในอำนาจมันอยู่นอกเหนืออัตราส่วนทั้งหมดของความถี่. อันที่จริงมันคือ แรงกระตุ้นที่เข้มแข็งที่สุดเลยทีเดียว ในความเป็นอยู่ของคนสำคัญ
ความรักในอำนาจได้ถูกเพิ่มเติมขึ้นมาอย่างมากโดยประสบการณ์เกี่ยวกับอำนาจ และอันนี้ได้นำไปประยุกต์ใช้กับอำนาจที่ต่ำช้าเช่นเดียวกับอำนาจของกษัตริย์. ในวันคืนแห่งความสุขก่อนปี 1914, เมื่อสุภาพสตรีทั้งหลายที่มีฐานะดีอาจมีหัวหน้าคนใช้ต่างๆ บรรดาหัวหน้าคนใช้ทั้งหลายต่างมีความพึงพอใจกับการบริหาร และการมีอำนาจเหนือเรื่องต่างๆภายในบ้าน ซึ่งมันจะเพิ่มพูนขึ้นตามอายุของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ทำนองเดียวกัน ในระบอบการปกครองแบบอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้ที่ถือครองอำนาจจะกลายเป็นทรราชย์มากขึ้น ด้วยประสบการณ์เกี่ยวกับความปลื้มปิติต่างๆที่อำนาจสามารถมีให้ได้. นับจากความมีอำนาจเหนือผู้คนซึ่งได้แสดงถึงการกระทำของพวกเขาในสิ่งซึ่งพวกเขาไม่ควรทำ. คนที่ถูกกระตุ้นโดยความรักในอำนาจ จะโน้มเอียงไปสู่การกระทำที่สร้างความเจ็บปวดด้วยการลงโทษ มากกว่าที่จะยอมใช้มันไปกับการกระทำเพื่อนำไปสู่ความพึงพอใจ
ถ้าหากว่าคุณถามเจ้านายคุณ เพื่อขอไม่มาทำงานในบางโอกาสที่สมควร ความรักในอำนาจของเขาที่สร้างความพึงพอใจมากกว่าจะได้มาจากการปฏิเสธยิ่งกว่าการอนุญาต. ถ้าเผื่อคุณต้องการได้รับใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะพึงพอใจมากกับการพูดว่า"ไม่" ยิ่งกว่าที่จะพูดว่า"ได้". มันคือสิ่งนี้ซึ่งทำให้ความรักในอำนาจนั้นเป็นแรงกระตุ้นที่อันตรายอย่างหนึ่ง
แต่ก็มีด้านอื่นๆอีกซึ่งเป็นที่น่าปรารถนามาก. การไล่ตามความรู้ ข้าพเจ้าคิดว่า ส่วนใหญ่ได้รับการกระตุ้นโดยความรักในอำนาจ. และรวมทั้งความก้าวหน้าทั้งหมดในเทคนิควิทยาศาสตร์. ในทางการเมืองด้วยเช่นกัน นักปฏิรูปอาจมีความเข้มข้นในความรักในอำนาจเท่ากับทรราชย์และเผด็จการ. มันจะเป็นการผิดพลาดอย่างยิ่ง หากจะตำหนิหรือประณามความรักในอำนาจทั้งหมด ในฐานะที่เป็นแรงกระตุ้นอันหนึ่งที่ไม่ดี
ไม่ว่าคุณจะถูกน้อมนำโดยแรงกระตุ้นนี้ให้กระทำในสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ หรือกระทำสิ่งที่เป็นอันตรายถึงตาย อันนี้ขึ้นอยู่กับระบบสังคมและขึ้นอยู่กับความสามารถต่างๆของคุณ. ถ้าหากว่าความสามารถของคุณเป็นเรื่องทางทฤษฎีหรือทางด้านเทคนิค คุณจะช่วยสนับสนุนต่อความรู้หรือเทคนิค. และในฐานะที่เป็นกฏอันหนึ่ง แรงกระตุ้นนี้จะเชื่อมตัวของมันเองกับความปรารถนาที่จะมองดูสภาวะทั่วๆไปของสิ่งต่างๆอย่างมีสำนึก ซึ่งในบางเหตุผลคุณชื่นชอบต่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่
ลักษณะโดยทั่วๆไป คล้าย Alcibiades (นักการเมืองและนายพลชาวเอเธนส์) ที่ไม่สนใจเกี่ยวกับข้างฝ่ายใดที่เขาต่อสู้ด้วย แต่นายพลส่วนใหญ่ชอบที่จะต่อสู้เพื่อประเทศของพวกเขาเอง และด้วยเหตุนี้ จึงมีแรงกระตุ้นอื่นๆนอกไปจากความรักในอำนาจ. นักการเมืองอาจเปลี่ยนพรรคบ่อยมากเพื่อว่าตัวของเขาเองจะได้อยู่ในพรรคที่มีเสียงข้างมากเสมอ แต่บรรดานักการเมืองส่วนใหญ่ชอบที่จะดำรงอยู่กับพรรคการเมืองหนึ่งมากกว่าที่จะอยู่กับพรรคการเมืองอื่น และเป็นรองในความรักในอำนาจของพวกเขาต่อความชอบอันนี้
ความรักในอำนาจเป็นสิ่งที่ค่อนข้างบริสุทธิ์เท่าที่จะเป็นไปได้ ดังที่ได้พบเห็นในแบบฉบับที่แตกต่างหลากหลายของมนุษย์. แบบฉบับอันหนึ่งเป็นของทหารซึ่งเกี่ยวข้องกับความสำเร็จ ความรุ่งเรือง และทรัพย์ศฤงคาร, Napoleon ถือเป็นตัวอย่างสุดยอดของแบบฉบับอันนี้. ข้าพเจ้าคิดว่า Napoleon ไม่ได้มีความชื่นชมในเชิงอุดมคติดใดๆสำหรับการที่ฝรั่งเศสมีชัยเหนือคอร์ซิกา แต่ถ้าหากว่าพระองค์กลายเป็นจักรพรรดิ์ของคอร์ซิกา พระองค์ก็จะไม่เป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่เท่าที่พระองค์ทรงเป็น โดยการอวดอ้างว่าเป็นจักรพรรดิ์ของชาวฝรั่งเศส
แต่อย่างไรก็ตาม คนเช่นนั้นไม่ใช่ตัวอย่างที่บริสุทธิ์เลยทีเดียว เพราะพวกเขาได้รับความพึงพอใจอย่างล้นเหลือมาจากความภาคภูมิหยิ่งทะนง. ตัวอย่างอันบริสุทธิ์ที่สุดคือ eminence grise - อำนาจที่อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ ซึ่งไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนเลย และเพียงกอดรัดหรือยึดติดตัวเองกับความคิดที่เป็นความลับที่ว่า "หุ่นเชิดตัวเล็กๆเหล่านี้รู้ไหมว่า ใครเป็นผู้ที่กำลังชักหุ่นอยู่"
Baron Holstein, ผู้ซึ่งควบคุมนโยบายต่างประเทศของจักรวรรดิ์เยอรมัน นับจากปี ค.ศ.1890 - 1906 เป็นตัวอย่างแบบฉบับอันนี้ที่สมบูรณ์. เขาอาศัยอยู่ในสลัมแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยปรากฏกายในสังคม เขาหลีกเลี่ยงการพบปะกับพระจักรพรรดิ์ เว้นแต่เพียงโอกาสเดียวเมื่อตอนที่การรบเร้าของพระองค์ไม่อาจที่จะปฏิเสธและขัดขืนต่อไปได้
เขาปฏิเสธการเชื้อเชิญทุกครั้งสู่หน้าที่ต่างๆในราชสำนัก บนพื้นฐานที่ว่าเขาไม่ได้ครอบครองเครื่องแต่งกายราชสำนักใดๆ. เขาเป็นผู้กุมความลับต่างๆซึ่งทำให้เขาสามารถขู่กรรโชกอัครมหาเสนาบดีได้ และบรรดาผู้ใกล้ชิดของกษัตริย์ Kaiser เป็นจำนวนมาก. เขาใช้อำนาจการขู่กรรโชก มิใช่เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยหรือชื่อเสียง หรือผลประโยชน์ใดๆที่ชัดแจ้ง มีแต่เพียงต้องการบังคับให้ผู้มีอำนาจน้อมรับนโยบายต่างประเทศที่เขาชื่นชอบ. ในทางซีกโลกตะวันออก ตัวละครต่างๆในทำนองเดียวกันก็ไม่ธรรมดาเอามากๆท่ามกลางเหล่าขันทีทั้งหลาย
มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจะมาถึงแรงกระตุ้นอื่นๆ
แม้ว่าในความหมายหนึ่งมันจะเป็นพื้นฐานเบื้องต้นน้อยกว่าสิ่งเหล่านั้นที่เราได้พิจารณากันอยู่
แต่ก็เป็นประเด็นสำคัญค่อนข้างมาก
ความรักในความตื่นเต้น(love of excitement)
อันดับแรกเป็นเรื่องของ
ความรักในความตื่นเต้น(love of excitement) มนุษย์แสดงถึงความเหนือกว่าสัตว์ต่างๆโดยความสามารถของพวกเขาเกี่ยวกับความเบื่อหน่าย
แม้ว่าบางครั้งข้าพเจ้าคิดว่า ในการสำรวจถึงลิงเอพที่สวนสัตว์ บางทีพวกมันนั้นมีพื้นฐานเกี่ยวกับอารมณ์เบื่อหน่ายอยู่ด้วยเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม นั่นอาจเป็นประสบการณ์แสดงให้เห็นว่า การหนีไปจากความเบื่อหน่ายนับเป็นหนึ่งในความปรารถนาอันมีพลังที่แท้จริงของมนุษย์เกือบทั้งหมด
เมื่อคนขาวได้ติดต่ออย่างได้ผลเป็นครั้งแรกกับชนชาติป่าเถื่อนที่ยังไม่เสียคน พวกเขาได้นำเสนอประโยชน์ต่างๆทุกชนิดให้กับผู้คนเหล่านั้น นับจากแสงสว่างแห่งคำสอนของพระเยซูคริสต์ ไปจนกระทั่งถึงขนมไพน์ยัดไส้ฟักทอง อย่างไรก็ตาม มากทีเดียวที่สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราทั้งหลายรู้สึกสลดใจ เพราะคนป่าเถื่อนเหล่านั้นรับเอาสิ่งของจากพวกเราไปด้วยอาการที่เฉยเมย
สิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริงต่อพวกเขาในท่ามกลางของขวัญที่เรามอบให้ก็คือ เหล้ากลั่นที่ทำให้มึนเมา ซึ่งทำให้พวกเขารู้จักอาการมึนเมาขึ้นมาเป็นครั้งแรกในความเป็นอยู่ ทำให้พวกเขาเกิดมายาภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งนั่นมันดีสำหรับการมีชีวิตอยู่ยิ่งกว่าตาย
ชนอินเดียนแดงต่างๆ ขณะที่พวกเขายังไม่ได้รับผลกระทบจากคนขาว จะสูบไปป์ของพวกเขา ซึ่งไม่สงบอย่างที่เราทำ แต่ค่อนข้างจะไร้การควบคุม สูบเข้าไปในปอดลึกๆซึ่งทำให้พวกเขาจ่อมจมลงไปสู่อาการหน้ามืดวิงเวียน. และเมื่อความตื่นเต้นโดยอิงอาศัยนิโคตินล้มเหลว นักพูดปลุกใจให้รักชาติคนหนึ่งจะกระตุ้นพวกเขาขึ้นมาให้โจมตีเผ่าเพื่อนบ้านเผ่าหนึ่ง ซึ่งได้ให้ความสุกสนานกับพวกเขาทั้งหมด ซึ่ง(ตามอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเรา)เราได้รับมาจากม้าแข่งตัวหนึ่ง หรือจากการเลือกตั้งทั่วๆไป
ความพอใจเกี่ยวกับการพนันเป็นเรื่องซึ่งเข้ากันได้กับความตื่นเต้นเกือบทั้งหมด. Monsieur Huc ได้อธิบายถึงพ่อค้าชาวจีนทั้งหลาย ณ กำแพงใหญ่ในฤดูหนาว ซึ่งจะเล่นการพนันจนกระทั่งพวกเขาสูญสียเงินสดไปทั้งหมด ต่อจากนั้นก็จะนำสินค้าของพวกเขามาเล่นพนันต่อจนหมดตัว และในท้ายที่สุดก็เสื้อผ้าของพวกเขาจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนในสภาพเปลือยกาย และออกไปหนาวตายกับความเย็นยะเยือก
กับมนุษย์ผู้มีอารยธรรม และกับชนเผ่าอินเดียนแดงต่างๆในยุคบุพกาล ข้าพเจ้าคิดว่า มีความรักในความตื่นเต้นอย่างมาก ซึ่งทำให้ประชากรปรบมือสรรเสริญเมื่อสงครามปะทุขึ้นมา แน่นอน อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวเป็นอย่างเดียวกันกับการแข่งขันฟุตบอล แม้ว่าผลลัพธ์ต่างๆบางครั้งค่อนข้างจะแตกต่างกันมากและจริงจังมากกว่า
ทั้งหมดมันไม่ง่ายที่จะตัดสินว่าอะไรคือมูลเหตุรากฐานของความรักในความตื่นเต้น ข้าพเจ้ามีความโน้มเอียงที่จะคิดว่า จิตใจของเราที่สร้างขึ้นมานั้นได้รับการปรับสู่ขั้นตอนอันหนึ่ง เมื่อมนุษย์ดำรงชีพโดยการล่าสัตว์ เมื่อมนุษย์ต้องใช้เวลาอันยาวนานกับอาวุธในยุคบุพกาลที่โบราณเอามากๆ ในการไล่ตามกวางตัวหนึ่งไปเพื่อหวังจะนำมันมาเป็นอาหารมื้อเย็น และเมื่อการสิ้นสุดของวันมาถึง เขาก็ลากซากสัตว์ดังกล่าวไปยังถ้ำของเขาอย่างมีชัยชนะ เขาทรุดกายลงด้วยความอ่อนเพลียและอิ่มใจ ขณะที่ผู้หญิงทำหน้าที่ชำแหละและปรุงเนื้อที่ได้มานั้น เขาก็รู้สึกง่วงนอนด้วยอาการเมื่อยล้าและปวดกระดูก และกลิ่นของอาหารขจรขจายไปทั่วทุกซอกมุมเกี่ยวกับความสำนึกของเขา
ในท้ายที่สุด หลังจากได้กินอาหารแล้วเขาก็ม่อยหลับและลึกลงไปสู่ภวังค์ ในชีวิตเช่นนั้นมันไม่มีเวลาและพลังงานใดที่หมดไปกับความเบื่อหน่าย แต่เมื่อมนุษย์ได้ก้าวมาสู่ยุคเกษตรกรรม และปล่อยให้ภรรยาของเขาทำงานหนักทุกๆชนิดในไร่นา เขามีเวลาที่จะไตร่ตรองถึงเวลาว่างและความภาคภูมิของชีวิตมนุษย์ มีการประดิษฐ์คิดค้นเทพปกรณัมต่างๆและระบบปรัชญาทั้งหลายขึ้นมา และใฝ่ฝันถึงชีวิตในโลกหน้าซึ่งเขาจะไล่ล่าหมูป่าตลอดปีที่พระราชวัง Valhalla (ปกรณัมโบราณของสแกนดิเนเวีย - Valhalla คือพระราชวังแห่งหนึ่งบนสรวงสวรรค์ ซึ่งบรรดาเหล่าวีรบุรุษที่ถูกฆ่าตายในสนามรบ ต่างเลี้ยงฉลองสำหรับความเป็นนิรันดร)
จิตใจของเราที่สร้างขึ้น ถูกทำให้เหมาะกับชีวิตที่รุนแรงและเอาจริงเอาจังในด้านแรงงานทางกายภาพ. ข้าพเจ้าใช้มันในช่วงที่ข้าพเจ้าเป็นหนุ่มด้วยการเดินเล่นในวันหยุด ข้าพเจ้าสามารถเดินไปได้ครอบคลุมถึง 25 ไมล์ และเมื่อยามเย็นมาเยือน ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องการอะไรอีกที่จะปลดปล่อยตัวเองจากความเบื่อหน่าย เพราะรู้สึกเป็นสุขกับการนั่งพักผ่อน ซึ่งนั่นก็เป็นการเพียงพอแล้ว
แต่ชีวิตสมัยใหม่ไม่อาจได้รับการประพฤติปฏิบัติด้วยหลักการที่เข้มแข็งทางกายภาพอันนี้ได้ งานส่วนใหญ่เป็นงานนั่งโต๊ะ และงานที่เกี่ยวกับมือส่วนใหญ่ก็ใช้กล้ามเนื้อต่างๆที่พิเศษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น. เมื่อฝูงชนมารวมตัวกันที่จัตุรัสทราแฟลการ์ในกรุงลอนดอน(Trafalgar Square - ทราแฟลการ์ เดิมเป็นชื่อแหลมที่กองทัพเรืออังกฤษมีชัยเหนือฝรั่งเศสและสเปนในปี 1805) เพื่อไชโยโห่ร้องกับเสียงประกาศอย่างกึกก้องซึ่งรัฐบาลตัดสินใจให้พวกเขาฆ่า พวกเขาก็จะไม่ทำเช่นนั้น ถ้าเผื่อว่าพวกเขาทั้งหมดได้เดินเท้ามาแล้ว 25 ไมล์ในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม การบำบัดนี้สำหรับแก้ความกระหายในการต่อสู้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจใช้การได้ และถ้าเผื่อว่าเชื้อชาติมนุษย์จะต้องอยู่รอดต่อไป - บางทีอาจเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งไม่พึงปรารถนา - เครื่องมืออื่นๆจะต้องถูกพบเพื่อปกป้องช่องทางออกที่ไร้เดียงสาอันหนึ่งสำหรับพลังงานทางกายที่ไม่ได้ใช้นี้ ซึ่งได้สร้างความรักเกี่ยวกับความตื่นเต้นขึ้นมา
นี่คือสาระอันหนึ่งที่ได้รับการนำมาพิจารณากันน้อยมาก ทั้งโดยนักศีลธรรมและนักปฏิรูปสังคมทั้งหลาย. บรรดานักปฏิรูปสังคมต่างมีความคิดเห็นว่า พวกเขามีสิ่งที่จริงจังซึ่งต้องพิจารณามากกว่า ในขณะที่บรรดานักศีลธรรมทั้งหลาย ถูกทำให้ฝังใจกับการเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับทางออกที่ยินยอมได้ทั้งหมดของความรักในความตื่นเต้น; แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงจังนั้นในใจของพวกเขาก็คือสิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับบาป
ห้องเต้นรำ, ภาพยนตร์, ยุคของเพลงแจ๊ส, ทั้งหมดนี้ถ้าเราเชื่อหูตัวของเราเองจะได้ยินว่า "มันคือทางผ่านที่นำไปสู่นรก" และเราควรจะใช้เวลานั่งอยู่ที่บ้านดีกว่าเพื่อพิจารณาถึงบาปต่างๆของเรา. ข้าพเจ้าพบว่าตัวเองไม่สามารถเห็นด้วยทั้งหมดกับคนที่เกี่ยวข้องกับหลุมฝังศพเหล่านี้ได้ ซึ่งได้เปล่งคำเตือนเหล่านั้นออกมา
ปีศาจมันมีรูปลักษณ์อยู่หลายแบบ บ้างได้รับการออกแบบขึ้นมาให้หลอกลวงคนหนุ่มสาว บ้างถูกออกแบบขึ้นมาให้หลอกต้มคนแก่และคนที่เอาจริงเอาจัง. ถ้ามันคือปีศาจที่ยั่วยวนคนหนุ่มให้ระเริงไปกับความสนุกสนาน บางทีมันจะไม่ใช่ตัวตนเดียวกันกับที่ชักชวนให้คนแก่ประณามความสนุกสนานเพลิดเพลินของพวกเขาใช่หรือไหม ? และบางที จะไม่ใช่การประณามเพียงรูปแบบหนึ่งของความตื่นเต้นที่เหมาะสมกับวัยชราใช่ไหม ? หรือบางที มันไม่ใช่ยาเสพติดชนิดใดชนิดหนึ่ง อย่างเช่น ฝิ่น ที่จะต้องสูบเข้าไปมาก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ผลดังที่ปรารถนาอันนั้น ?
มันไม่ใช่การถูกทำให้กลัว โดยการเริ่มต้นด้วยเจตนาร้ายของภาพยนตร์ ที่เราควรถูกน้อมนำไปทีละขั้นจนกระทั่งถึงการตำหนิประณามพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม, เดโกส์(dagoes - เป็นภาษาแสลงที่เหยียดหยามคนอิตาลี สเปน และโปรตุเกส), วอพส์(wops - ผู้ที่มีเชื้อสายอิตาลี หรือชาวยุโรปตอนใต้), เอเชียติกส์(Asiatics - คนเอเชีย) และกล่าวอย่างสั้นๆ ทุกๆคนยกเว้นสมาชิกเพื่อนฝูงในคลับของเรา ? และมันมาจากการประณามของพวกเรา เมื่อแพร่กระจายออกไป สงครามต่างๆ ก็เกิดขึ้น. ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินว่า สงครามเกิดขึ้นมาจากห้องเต้นรำเลย
สิ่งที่จริงจังเกี่ยวกับความตื่นเต้นก็คือว่า รูปแบบของมันจำนวนมากเป็นเรื่องของการทำลาย มันคือการทำลายล้างต่อคนเหล่านั้น ซึ่งไม่สามารถต้านทานต่อเหล้าหรือการพนันได้. มันเป็นการทำลายเมื่อมันอยู่ในรูปของความรุนแรงของม็อบฝูงชน และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดมันเป็นการทำลาย เมื่อมันน้อมนำไปสู่สงคราม. มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการอันหนึ่ง ซึ่งมันจะค้นหาทางออกที่อันตรายต่างๆของสิ่งนี้ เว้นแต่ทางออกที่ไร้เดียงสาต่างๆมีอยู่ใกล้มือ
มันคือทางออกอันไร้เดียงสาหรือไม่เป็นอันตรายเหล่านั้นที่นำเสนอออกมาในรูปของกีฬา และในทางการเมือง ตราบเท่าที่มันได้ถูกรักษาเอาไว้ภายใต้ขอบเขตต่างๆของรัฐธรรมนูญ. แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะชนิดหนึ่งของการเมืองที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด นั่นคือชนิดหนึ่งซึ่งอันตรายมากที่สุด
ชีวิตที่มีอารยธรรมเจริญงอกงามพร้อมกันไปกับความเชื่องมากๆ และ ถ้าหากว่ามันจะมีเสถียรภาพ ก็จะต้องจัดหาทางออกทั้งหลายที่ไม่เป็นอันตรายต่างๆ เพื่อปลดปล่อยแรงผลักดันซึ่งบรรพบุรุษที่ห่างไกลทั้งหลายของเราได้รับความพึงพอใจกับการล่า. ในออสเตรเลีย ที่ซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนักแต่มีกระต่ายอยู่มาก ข้าพเจ้าเฝ้าดูประชากรทั้งหมดที่มีความพึงใจกับแรงผลักดันในยุคบุพกาล กับขนบธรรมเนียมโบราณโดยการฆ่ากระต่ายๆเป็นพันๆอย่างมีทักษะ
แต่ในลอนดอนหรือนิวยอร์ค เครื่องมือบางอย่างจะต้องถูกค้นหาให้เจอ เพื่อทำให้แรงผลักดันจากยุคบุพกาลได้รับความพออกพอใจ. ข้าพเจ้าคิดว่าเมืองใหญ่ๆทุกๆแห่งควรจะมีน้ำตกจำลองต่างๆ ที่ซึ่งผู้คนทั้งหลายจะได้สามารถร่องเรือคะนูที่เปราะบางมากๆ และเมืองใหญ่ๆเหล่านี้ควรจะมีสระว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยฉลามกลต่างๆ. บุคคลใดก็ตามที่ส่งเสริมสนับสนุนสงครามป้องกันตัว(preventive war) ควรที่จะถูกประณามวันละสองชั่วโมงด้วยความเป็นอุสรกายที่เฉลียวฉลาด
จริงจังมากขึ้นไปอีก ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานทั้งหลายควรที่จะได้รับการนำไปสู่การหาทางออกที่สร้างสรรค์สำหรับความรักในความตื่นเต้น. ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะตื่นเต้นมากไปกว่าช่วงขณะหนึ่งของการค้นพบอย่างฉับพลัน หรือการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาในทันทีทันใด และผู้คนมากต่อมากสามารถที่จะมีประสบการณ์กับช่วงขณะนั้นได้มากยิ่งกว่าที่คิดในบางครั้ง
การผสมคลุกเคล้ากันกับแรงกระตุ้นทางการเมืองอื่นๆอีกมากมาย คือกิเลสตัณหาสองอย่างที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ซึ่งมนุษย์มีความเอนเอียงไปในทำนองนี้ได้ง่ายอย่างน่าเศร้า ข้าพเจ้าหมายถึง"ความกลัว"และ"ความเกลียดชัง". มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกลียดในสิ่งที่เรากลัว และมันเกิดขึ้นมาบ่อยๆ แม้จะไม่เสมอไปก็ตาม ที่เรากลัวสิ่งที่เราเกลียด
ข้าพเจ้าคิดว่ามันอาจถูกนำเอามาเป็นกฎท่ามกลางมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ ที่พวกเขาเกลียดและกลัวอะไรก็ตามซึ่งไม่เป็นที่คุ้นเคย. พวกเขามีฝูงของพวกเขา แรกเริ่มเดิมทีเป็นเพียงฝูงที่เล็กมาก และภายในฝูงๆหนึ่ง ทั้งหมดต่างเป็นเพื่อนกัน เว้นแต่ในบางกลุ่มที่พิเศษซึ่งมีศัตรูอยู่ด้วย. ฝูงคนกลุ่มอื่นๆต่างก็มีศักยภาพหรือเป็นศัตรูที่แท้จริง; สมาชิกโดดๆ หรือหนึ่งในหมู่พวกเขาซึ่งซัดเซพเนจรมาโดยอุบัติเหตุ จะถูกฆ่า. ฝูงคนที่แปลกหน้าทั้งหมดจะถูกหลีกเลี่ยงหรืออาจมีการต่อสู้กันไปตามสถานการณ์
อันนี้คือกลไกโบราณอันหนึ่ง ที่ยังคงคอยควบคุมปฏิกริยาโดยสัญชาตญานของเราต่อประชาชาติอื่นๆ คนที่ไม่เคยท่องเที่ยวไปไหนเลยจริงๆ จะมองชาวต่างประเทศในฐานะที่เป็นคนป่าเถื่อน และเห็นว่าเป็นสมาชิกหนึ่งของฝูงชนอีกฝูงหนึ่ง แต่คนที่เคยเดินทางท่องเที่ยวหรือผู้ซึ่งศึกษาการเมืองระหว่างประเทศ จะค้นพบว่า ถ้าฝูงชนของเขาเป็นกลุ่มที่มีความเจริญ ในบางระดับ มันจะต้องกลายไปผสมกับฝูงชนอื่นๆ
ถ้าหากว่าคุณเป็นชาวอังกฤษและมีใครคนบางคนพูดกับคุณว่า"ชาวฝรั่งเศสเป็นพี่น้องของคุณ" ความรู้สึกโดยสัญชาตญานแรกสุดของคุณจะรู้สึกว่า "ไร้สาระ พวกเขายักไหล่ และพูดภาษาฝรั่งเศส และผมอยากจะบอกว่าพวกเขากินกบ" ถ้าเผื่อว่าเขาอธิบายกับคุณว่า เราอาจจะต้องรบกับรัสเซีย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นที่น่าปรารถนาในการที่จะป้องกันแนวรบของแม่น้ำไรน์ และถ้าเผื่อว่าแนวรบแม่น้ำไรน์ได้รับการปกป้องและการช่วยเหลือจากฝรั่งเศส อันนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งคุณจะเริ่มมองว่าอะไรที่เขาหมายความถึงเมื่อเขากล่าวว่า ฝรั่งเศสเป็นพี่น้องของคุณ
แต่ถ้าหากว่าเพื่อนนักเดินทางบางคนพูดต่อไปว่า ชาวรัสเซียเป็นพี่น้องของคุณด้วยเช่นกัน เขาอาจจะไม่สามารถชักชวนคุณได้ เว้นแต่เขาสามารถแสดงให้เราเห็นว่า เรากำลังอยู่ในอันตรายจากมนุษย์ดาวอังคาร. เรารักผู้คนเหล่านั้นซึ่งเกลียดศัตรูของพวกเรา และถ้าเผื่อว่าเราไม่มีศัตรูเลย ก็จะมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เราควรจะรัก
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงได้ตราบเท่าที่เราไปเกี่ยวข้องกับท่าทีหรือทัศนคติต่างๆต่อมนุษย์คนอื่นๆ คุณอาจพิจารณาว่าผืนดินเป็นศัตรูของคุณ เพราะมันให้ผลผลิตอย่างไม่เต็มที่ และไม่พอแก่การยังชีพ คุณอาจคิดว่ามารดาธรรมชาติโดยทั่วไปเป็นศัตรูของคุณ และมองไปข้างหน้าถึงชีวิตมนุษย์ในฐานะที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีกว่ากับมารดาธรรมชาติ. ถ้ามนุษย์มองชีวิตในวิธีการนี้และมีการร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อื่นๆทั้งมวล ชีวิตก็จะง่ายขึ้น
และง่ายมากที่มนุษย์สามารถจะมองชีวิตในลักษณะนี้ ถ้าเผื่อว่าโรงเรียน หนังสือพิมพ์ และบรรดานักการเมืองทั้งหลาย จะอุทิศตัวของพวกเขาเองต่อจุดหมายปลายทางดังกล่าว. แต่โรงเรียนต่างๆก็ยังคงพร่ำสอนเรื่องรักชาติ หนังสือพิมพ์ทั้งหลายก็ยังเน้นไปที่ความน่าตื่นเต้น และบรรดานักการเมืองยังคงวาดหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งอีก. ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามส่วนที่กล่าวถึงจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้จากการฆ่าตัวตายทั้งสองฝ่าย
มีอยู่ 2 วิธีด้วยกันเกี่ยวกับการรับมือกับความกลัว วิธีการแรกก็คือการลดอันตรายจากภายนอกลง และวิธีที่สองคือบ่มเพาะความอดกลั้นแบบ Stoic (เมินเฉย ไม่แยแส). วิธีการอันหลังสามารถได้รับการเสริมเพิ่มพลังได้ เว้นแต่ที่การกระทำอย่างฉับพลันเป็นสิ่งจำเป็น โดยการเปลี่ยนความคิดของเราไปจากมูลเหตุแห่งความกลัว
การเอาชนะความกลัวเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ความกลัวในตัวของมันเองคือความเสื่อม มันจะกลายเป็นการครอบงำได้ง่ายๆ มันจะสร้างความเกลียดกับสิ่งซึ่งถูกทำให้กลัว และมันน้อมนำไปสู่ความทารุณโหดร้ายมากจนเกินไปและสะเพร่า ไม่มีความดีใดๆเลยที่เป็นผลต่อมนุษย์ในเรื่องความปลอดภัย.
ถ้าหากว่าระบบนานาชาติอันหนึ่งสามารถได้รับการสถาปนาขึ้นมา เพื่อยักย้ายความกลัวเกี่ยวกับสงครามออกไปได้ การปรับปรุงสภาพจิตใจในชีวิตประจำวันของผู้คนให้ดีขึ้น จะเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่และรวดเร็วมาก. ปัจจุบัน ความกลัวเป็นเงามืดที่บดบังโลก ระเบิดอะตอมและระเบิดแบคทีเรีย ที่ถูกกวัดแกว่งโดยคอมมิวนิสท์หรือนายทุนที่โหดร้ายถือเป็นกรณีที่อาจทำให้กรุงวอชิงตันและเครมลินสั่นสะเทือน และขับเคลื่อนให้ผู้คนยังคงอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าสู่ปลักนรกอเวจีต่อไป
ถ้าเพื่อว่าปัญหาเรื่องราวต่างๆได้มีการปรับปรุงขึ้น ก้าวแรกและก้าวสำคัญก็คือการค้นหาหนทางอันหนึ่งซึ่งจะบรรเทาความกลัวลง. โลกในปัจจุบันได้ถูกครอบงำโดยความขัดแย้งเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ทางอุดมการณ์ต่างๆ และหนึ่งในมูลเหตุที่ชัดแจ้งของความขัดแย้งคือ ความปรารถนาที่จะทำให้อุดมการณ์ของพวกเรามีชัยชนะเหนืออุดมการณ์อื่น หรือทำให้อุดมการณ์อื่นพ่ายแพ้ไป
ข้าพเจ้าไม่คิดว่าแรงกระตุ้นพื้นฐานในที่นี้มันเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ต่างๆมากมายนัก ข้าพเจ้าคิดว่าอุดมการณ์ต่างๆเป็นเพียงหนทางอันหนึ่งของการทำให้มนุษย์รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน และความกระตือรือร้นที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นเพียงสิ่งซึ่งมักเกิดขึ้นเสมอระหว่างกลุ่มต่างๆที่เป็นคู่ต่อสู้กัน. แน่นอน มันมีเหตุผลมากมายสำหรับความเกลียดชังพวกคอมมิวนิสท์
ประการแรก และสำคัญที่สุด พวกเราเชื่อว่าพวกเขาปรารถนาที่จะแย่งชิงทรัพย์สินของเราไป แต่ดังที่พวกหัวขโมยทั้งหลายทำ และแม้ว่าเราไม่เห็นด้วยกับพวกหัวขโมย ท่าทีและทัศนคติของเราต่อคนพวกนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมาก อันที่จริงจากทัศนคติของเราต่อพวกคอมมิวนิสต์ - ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีแรงดลใจในเรื่องความกลัวระดับเดียวกันกับเรา
ประการที่สอง เราเกลียดชังพวกคอมมิวนิสท์เพราะพวกเขาไม่เลื่อมใสในศาสนา แต่ชาวจีนทั้งหลายก็ไม่เลื่อมใสในศาสนามาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเอ็ดมาแล้ว และเราเพิ่งเริ่มที่จะเกลียดชังพวกเขา เมื่อพวกเขาทอดทิ้งเจียงไคเช็คเท่านั้น
ประการที่สาม พวกเราเกลียดชังคอมมิวนิสท์เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อในระบอบประชาธิปไตย แต่เราพิจารณาว่า อันนี้ไม่มีเหตุผลสำหรับความเกลียดชังนายพล Franco แห่งสเปน
ประการที่สี่ พวกเราเกลียดพวกเขาเพราะว่า พวกเขาไม่ยอมรับเรื่องเสรีภาพ อันนี้เรารู้สึกเข้มข้นว่าเราตัดสินใจที่จะเลียนแบบพวกเขา
เป็นที่ชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พื้นฐานที่แท้จริงสำหรับความเกลียดชังของพวกเรา พวกเราเกียดชังพวกเขาเพราะว่า เรากลัวพวกเขาและพวกเขาคุกคามเรา ถ้าหากว่าชาวรัสเซียยังคงยึดมั่นในศาสนากรีกออร์ธอด็อกส์ ถ้าพวกเขาจัดตั้งรัฐบาลที่มีรัฐสภา และถ้าเผื่อว่าพวกเขามีสิ่งพิมพ์ที่มีอิสระอย่างสมบูรณ์ซึ่งด่าว่า ผรุสวาทเราทุกๆวัน ต่อมา - พวกเขายังคงมีกำลังอาวุธที่ทรงพลังอย่างที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ - เราก็ยังคงควรจะเกลียดชังพวกเขา ถ้าหากว่าพวกเขาให้ความคิดพื้นฐานแก่เราถึงความเป็นปรปักษ์และความเป็นศัตรู
แน่นอน มันคือ odium theologicum (เทววิทยาแห่งความเกลียดชัง) และมันสามารถที่จะเป็นมูลเหตุของความเป็นปฏิปักษ์ได้. แต่ข้าพเจ้าคิดว่าอันนี้เป็นกิ่งก้านอันหนึ่งของความรู้สึกเกี่ยวกับฝูง มนุษย์ซึ่งมีความนับถือเทวศาสตร์ที่แตกต่างกันรู้สึกแปลกหน้าหรือแปลกแยก และอะไรก็ตามที่แปลกหน้าจะต้องเป็นอันตราย. อุดมการณ์ต่างๆ ตามข้อเท็จจริง คือหนึ่งในวิธีการทั้งหลายซึ่งฝูงชนต่างๆได้รับการสร้างขึ้น และจิตวิทยาก็เป็นอย่างเดียวกันนี้มากๆ ซึ่งฝูงชนได้รับการให้กำเนิดขึ้นมาผ่านสิ่งเหล่านี้
คุณอาจมีความรู้สึกว่า ข้าพเจ้าพิจารณาเพียงแต่เรื่องของแรงกระตุ้นที่เลวๆเท่านั้น หรืออย่างดีที่สุด ก็แรงกระตุ้นที่เป็นกลางๆในเชิงจริยธรรม. ข้าพเจ้าเกรงว่า พวกมัน, ในฐานะที่เป็นกฎเกณฑ์อันหนึ่ง, จะมีพลังอำนาจมากกว่าแรงกระตุ้นที่เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิเสธว่า แรงกระตุ้นที่ดีๆนั้นมีอยู่ ในบางโอกาสและอาจมีประสิทธิผลด้วย
การปลุกระดมต่อพวกทาสในอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งอย่างไม่ต้องสงสัย และมีประสิทธิผลอย่างเต็มที่. หลักปฏิบัติที่เห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นนี้ได้รับการพิสูจน์โดยข้อเท็จจริงที่ว่า ในปี ค.ศ.1833 บรรดาผู้เสียภาษีชาวอังกฤษได้จ่ายเงินเป็นจำนวนหลายล้านปอนด์ในการชดเชยให้กับเจ้าของที่ดินจาไมก้า สำหรับการปลดปล่อยทาสของพวกเขาให้เป็นอิสระ
และโดยข้อเท็จจริงที่ว่า ณ สภาคองเกรสส์ของเวียนนา รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้รับการตระเตรียมที่จะทำการอ่อนข้อด้วยทัศนะอันหนึ่งที่จะชักจูงชาติอื่นๆให้เลิกการค้าทาส. นี่คือตัวอย่างหนึ่งจากอดีต แต่ปัจจุบันนี้ อเมริกามีกรณีตัวอย่างต่างๆที่ยอดเยี่ยมเท่าเทียมกัน แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าไม่ค่อยอยากที่จะนำไปสู่สิ่งเหล่านี้ เช่นดังที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะลงไปสู่การโต้เถียงที่แพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน
ข้าพเจ้าไม่คิดว่ามันสามารถจะถูกตั้งคำถามได้ว่า ความเห็นอกเห็นใจเป็นแรงกระตุ้นที่แท้จริงอันหนึ่งหรือเปล่า และคนบางคนนั้น บางครั้งได้ถูกกระทำให้ต้องรู้สึกเจ็บปวดค่อนข้างมาก โดยความทุกข์ทรมานจากใครบางคน มันคือความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ที่ได้สร้างความก้าวหน้าในความมีมนุษยธรรมขึ้นมาในช่วงหลายร้อยปีหลังมานี้ พวกเราถึงกับช็อคเมื่อเราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิบัติการอันโหดร้ายกับคนป่วยที่เป็นโรคจิต และตอนนี้ เรามีสถานพยาบาลคนไข้โรคจิตจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติกับผู้ป่วยอย่างโหดเหี้ยมอีกต่อไปแล้ว
บรรดาคนคุกทั้งหลายในประเทศตะวันตกต่างๆ ไม่ถูกทึกทักให้ต้องได้รับโทษด้วยการทรมาน และเมื่อพวกเขาถูกทำเช่นนั้น มันจะมีเสียงร้องโวยวายหรือประท้วงคัดค้านเกิดขึ้น ถ้าเผื่อว่าข้อเท็จจริงต่างๆได้ถูกเปิดเผย. พวกเราไม่ยอมรับในการปฏิบัติกับเด็กกำพร้าอย่างที่พวกเขาถูกปฏิบัติในเรื่อง Oliver Twist. บรรดาประเทศโปรเตสแตนท์ทั้งหลายไม่ยอมรับเกี่ยวกับการกระทำทารุณสัตว์ ในหนทางต่างๆเหล่านี้ทั้งหมด ความเห็นอกเห็นใจจึงเป็นเรื่องของประสิทธิผลทางการเมือง
ถ้าหากว่าความกริ่งเกรงสงครามได้ถูกขจัดออกไป ความมีประสิทธิผลของมันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก บางทีความหวังที่เยี่ยมยอดที่สุดสำหรับอนาคตของมนุษยชาติก็คือว่า หนทางต่างๆดังกล่าวจะถูกค้นพบเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของลู่ทางที่ว่า และความเข้มข้นเกี่ยวกับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจจะงอกงามมากขึ้น
สรุป
ถึงเวลาที่ต้องสรุปการสนทนาของเรา
การเมืองเป็นเรื่องที่ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับฝูงชนมากกว่าปัจเจกชน และด้วยเหตุนี้
ความกระตือรือร้นต่างๆที่สำคัญในทางการเมืองก็คือ สิ่งเหล่านั้นซึ่งสมาชิกที่หลากหลายของฝูงชนดังกล่าวสามารถรู้สึกเหมือนกันได้.
กลไกทางด้านสัญชาตญานกว้างๆ ซึ่งสถาบันทางการเมืองต้องการได้รับการสร้างขึ้นมา
คือหนึ่งใน"ความร่วมมือภายในฝูงชน" และ"ความเป็นปรปักษ์กับฝูงชนอื่น
ๆ"
การร่วมมือภายในฝูงชนไม่เคยสมบูรณ์แบบ จะมีสมาชิกที่ไม่ลงรอยกัน จะมีสมาชิกที่เลวระยำ หรือ ดีเกินไป" นั่นคือ อยู่นอกฝูง. สมาชิกเหล่านี้คือพวกที่อยู่ข้างล่าง หรืออยู่เหนือขึ้นไปข้างบนจากระดับปกติ. คนพวกนี้มีทั้งพวก อีเดียท(idiot - พวกโง่เง่า), อาชญากร, ศาสดาพยากรณ์, และบรรดาผู้ค้นคิด. ฝูงชนที่ฉลาดจะเรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้นในความประหลาดหรือผิดปกติของบุคคลอื่น ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปจากค่าเฉลี่ย และปฏิบัติกับคนที่ต่ำช้าเลวทรามด้วยความทารุณโหดร้ายน้อยที่สุด
ดังที่พิจารณาความสัมพันธ์กับฝูงชนกลุ่มอื่นๆ เทคนิคสมัยใหม่ได้สร้างความขัดแย้งอันหนึ่งขึ้นมาระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว กับ สัญชาตญาน. ในวันเวลาแห่งอดีต เมื่อคนสองเผ่าเข้าสู่สงคราม เผ่าหนึ่งจะทำลายล้างอย่างถอนรากถอนโคนอีกเผ่าหนึ่ง และผนวกดินแดนของเผ่าที่พ่ายแพ้เข้ามา. จากมุมมองของผู้ชนะ ปฏิบัติการทั้งหมดนี้เป็นความพึงพอใจโดยตลอด. การฆ่านั้นทั้งหมดไม่แพงเลย และความตื่นเต้นเป็นเรื่องที่เห็นสอดคล้องต้องกัน เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในสถานการณ์ต่างๆอันนั้น สงครามจะยังคงอยู่ต่อไป
โชคไม่ดี พวกเรายังคงมีอารมณ์ความรู้สึกที่เหมาะกับการทำสงครามในแบบยุคบุพกาลอันนั้น ขณะที่ปฏิบัติการที่แท้จริงของสงครามได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง. การฆ่าศัตรูคนหนึ่งในสงครามสมัยใหม่เป็นปฏิบัติการที่มีราคาแพงมาก ถ้าเผื่อว่าคุณพิจารณาถึงชาวเยอรมันจำนวนมากเท่าไรที่ถูกฆ่าในสงครามครั้งหลังสุด และผู้ชนะทั้งหลายกำลังจ่ายภาษีรายได้ไปจำนวนมากเท่าไหร่กับเรื่องนั้น โดยการหารส่วนแบ่งที่ต้องรับผิดชอบกันในระยะยาว คุณสามารถค้นพบต้นทุนของคนเยอรมันคนหนึ่งที่ต้องตายลงไป และคุณจะพบว่ามันค่อนข้างแพงมากทีเดียว
ในตะวันออก เป็นความจริงที่ว่าศัตรูทั้งหลายของเยอรมันได้รักษาผลประโยชน์อันเก่าแก่ของประชากรผู้พ่ายแพ้เอาไว้ได้ และหวนกลับไปครอบครองผืนแผ่นดินของพวกเขา ส่วนผู้มีชัยชนะตะวันตก อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ต่างๆอันนั้นเอาไว้ได้เลย. เป็นที่ชัดเจนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ใช่ธุรกิจที่ดีเมื่อมองจากมุมมองทางการเงินและการคลัง แม้ว่าพวกเราจะชนะสงครามโลกถึงสองครั้ง มาถึงตอนนี้ เราควรจะร่ำรวยขึ้นถ้าหากว่าสงครามเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นมาเลย
ถ้ามนุษย์ได้รับการกระตุ้นโดยผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งพวกเขาไม่มี - เว้นแต่ในกรณีของนักบุญเพียงไม่กี่คน - เชื้อชาติมนุษย์ทั้งมวลจะร่วมมือกัน. มันไม่ควรมีสงครามมากไปกว่านี้ ไม่ควรมีทหารมากกว่านี้ ไม่ควรมีกองทัพเรือมากไปกว่านี้ และไม่ควรมีระเบิดอะตอมมากไปกว่านี้อีกแล้ว. มันจะต้องไม่มีทหารที่ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งถูกใช้ให้วางยาพิษลงในใจของผู้คนชาติหนึ่งเพื่อต่อสู้และรู้สึกเป็นศัตรูกับผู้คนอีกชาติหนึ่ง จะต้องไม่มีทหารซึ่งทำหน้าที่อยู่แถวชายแดน เพื่อปกป้องหนังสือจากต่างประเทศและความคิดต่างชาติที่จะเล็ดลอดเข้ามา แม้ว่ามันจะดีเลิศสำหรับพวกเขาก็ตาม
มันจะต้องไม่มีการกีดกันลูกค้าต่างๆ เพื่อประกันการมีอยู่ของธุรกิจขนาดเล็กเป็นจำนวนมากให้อยู่รอด ที่ซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่อันหนึ่งจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า. ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเผื่อว่ามนุษย์ปรารถนาในความสุขของพวกเขาเอง อย่างเร่าร้อนเท่ากันกับที่พวกเขาปรารถนาให้เพื่อนบ้านของพวกเขาประสบกับความทุกข์เข็ญ. แต่คุณจะต้องบอกกับข้าพเจ้า ประโยชน์ของความฝันในลักษณะยูโทเปียต่างๆนี้คืออะไร? บรรดานักศีลธรรมทั้งหลายจะมองดูว่า เราจะต้องไม่เห็นแก่ตัวไปเสียทั้งหมด แต่ถ้าเผื่อเป็นเช่นนั้น รอบพันปีแห่งความสุขในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้
ดูเหมือนว่า ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะจบลงด้วยหมายเหตุของการเยาะเย้ยถากถาง ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธว่ามีบางสิ่งที่ดีกว่าความเห็นแก่ตัว และคนบางคนได้บรรลุถึงสิ่งต่างเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตามในด้านหนึ่งนั้น ข้าพเจ้ายืนยันว่า มีโอกาสอยู่ไม่มากนักซึ่งกลุ่มคนส่วนใหญ่ อย่างเช่นในทางการเมืองเกี่ยวข้องด้วย สามารถอยู่เหนือความเห็นแก่ตัวนี้ได้ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งนั้น มีสถานการณ์แวดล้อมอยู่มากมายซึ่งประชากรทั้งหลายจะตกอยู่ในสภาพของความเห็นแก่ตัว ถ้าหากว่าความเห็นแก่ตัวได้ถูกตีความในฐานะที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวที่ถูกทำให้กระจ่างแจ้ง
และในท่ามกลางโอกาสต่างๆเหล่านั้น ซึ่งผู้คนตกอยู่ในผลประโยชน์ส่วนตัว คือโอกาสส่วนใหญ่ซึ่งพวกเขาถูกทำให้เชื่อมั่นว่า พวกเขากำลังกระทำจากแรงกระตุ้นเชิงอุดมคติต่างๆ. จำนวนนั้นผ่านมาในฐานะอุดมคติที่ได้รับการปลอมแปลงเพื่อให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง หรือซ่อนเร้นมาในความรักในอำนาจ. เมื่อคุณเห็นมวลชนจำนวนมากถูกแกว่งไกวโดยสิ่งที่ปรากฏเป็นแรงกระตุ้นที่ประเสริฐ มันจะต้องมองลงไปข้างใต้ผิวหน้าด้วยและถามตัวเองว่า มันคืออะไรที่ทำให้แรงกระตุ้นเหล่านี้มีประสิทธิผล
บางส่วนเป็นเพราะมันง่ายมาก ที่นำเข้ามาโดยลักษณะภายนอกอันหนึ่งของความมีคุณธรรมอันประเสริฐ สง่างาม ซึ่งเป็นการสอบถามในเชิงจิตวิทยาอันหนึ่ง อย่างเช่น ข้าพเจ้ากำลังพยายามทำในสิ่งที่ค่า ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวว่าในเชิงสรุปว่า ถ้าสิ่งข้าพเจ้าพูดมานี้เป็นเรื่องถูกต้อง สิ่งสำคัญที่ต้องการให้โลกนี้มีความสุขก็คือ สติปัญญาและความเฉลียวฉลาด
ผลที่สุดเมื่อพิจารณาดูแล้ว อันนี้คือข้อสรุปซึ่งมองโลกในแง่ดี เพราะสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด คือสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่มเพาะและส่งเสริมได้ โดยเรียนรู้วิธีการต่างๆเกี่ยวกับการศึกษา
From Nobel Lectures, Literature 1901-1967,
Editor Horst Frenz, Elsevier Publishing Company, Amsterdam, 1969
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา
3
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
e-mail
: midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด
กว่า 590 เรื่อง หนากว่า 7800 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา
120 บาท(รวมค่าส่ง)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่
midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
และง่ายมากที่มนุษย์สามารถจะมองชีวิตในลักษณะนี้ ถ้าเผื่อว่าโรงเรียน หนังสือพิมพ์ และบรรดานักการเมืองทั้งหลาย จะอุทิศตัวของพวกเขาเองต่อจุดหมายปลายทางดังกล่าว. แต่โรงเรียนต่างๆก็ยังคงพร่ำสอนเรื่องรักชาติ หนังสือพิมพ์ทั้งหลายก็ยังเน้นไปที่ความน่าตื่นเต้น และบรรดานักการเมืองยังคงวาดหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งอีก. ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามส่วนที่กล่าวถึงจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้
ถ้าหากว่าคุณเป็นชาวอังกฤษและมีใครคนบางคนพูดกับคุณว่า"ชาวฝรั่งเศสเป็นพี่น้องของคุณ" ความรู้สึกโดยสัญชาตญานแรกสุดของคุณจะรู้สึกว่า "ไร้สาระ พวกเขายักไหล่ และพูดภาษาฝรั่งเศส และผมอยากจะบอกว่าพวกเขากินกบ" ถ้าเผื่อว่าเขาอธิบายกับคุณว่า เราอาจจะต้องรบกับรัสเซีย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นที่น่าปรารถนาในการที่จะป้องกันแนวรบของแม่น้ำไรน์ และถ้าเผื่อว่าแนวรบแม่น้ำไรน์ได้รับการปกป้องและการช่วยเหลือจากฝรั่งเศส อันนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งคุณจะเริ่มมองว่าอะไรที่เขาหมายความถึงเมื่อเขากล่าวว่า ฝรั่งเศสเป็นพี่น้องของคุณ แต่ถ้าหากว่าเพื่อนนักเดินทางบางคนพูดต่อไปว่า ชาวรัสเซียเป็นพี่น้องของคุณด้วยเช่นกัน เขาอาจจะไม่สามารถชักชวนคุณได้ เว้นแต่...
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด
กว่า 600 เรื่อง หนากว่า 8000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM ในราคา 120 บาท(รวมค่าส่ง) สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com
หรือ ส่งธนาณัติถึง สมเกียรติ
ตั้งนโม : ไปรษณีย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 50202
กรุณาส่งธนาณัติแลกเงินไปยัง
สมเกียรติ ตั้งนโม : คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
50202 และอย่าลืมเขียนชื่อ ที่อยู่ ของผู้รับตัวบรรจงด้วยครับ เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจัดส่งทางไปรษณีย์