Website
ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
สร้างขึ้นมาเพื่อผู้สนใจในการศึกษาโดยไม่จำกัดคุณวุฒิ หากนักศึกษา สมาชิก สนใจบทความที่เผยแพร่อยู่บนเว็ปไซต์แห่งนี้
กรุณาไปดูได้จากที่นี่ หน้าสารบัญ
ชี้จุดจบเหมือนฟูจิโมริของเปรู
ซัดนักการเมืองซื้อหุ้นสื่อทำตัวเป็น "บิ๊กบราเทอร์" คอยสั่งหันซ้าย
- ขวา คปส.ออกแถลงการณ์ปิดเว็บไซต์ ทำระดับสิทธิมนุษยชนไทยต่ำกว่าติมอร์
ที่ศูนย์สารานิเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยยลัย คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้จัดประชุมวิชาการเรื่อง
"ปิดหู ปิดตา ปิดปาก : สิทธิเสรีภาพในมือธุรกิจการเมืองสื่อ " เนื่องในโอกาสครบรอบ
40 ปี ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้นำเสนอรายงานทางวิชาการ ของ ศ.ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร เรื่อง "สื่อกับประชาธิปไตย
: บทเรียนจากรณีมองเตสซิโนแห่งเปรู" โดยระบุว่า
ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ การศึกษาประเทศเปรูช่วงสมัยประธานาธิบดีฟูจิมูริ ในยุค 1990 นั้น สามารถเปรียบเทียบกับประเทศไทยได้อย่างชัดเจน โดยหลังจากประธานาธิบดีฟูจิมูริชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ได้สัญญาจะฟื้นเศรษฐกิจและจะทำให้การเมืองนิ่ง จึงมอบหมายให้นายวลาดิมิโร่ มองเตสซิโน หัวหน้าตำรวจลับ ได้รับสิทธิ์เต็มที่เพื่อทำให้การเมืองนิ่งไม่ให้เกิดการวิจารณ์รัฐบาล จนสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล
ดร.อุบลรัตน์ กล่าวต่อว่า นายมองเตสซิโนใช้วิธีจ่ายสินบนให้กับคน 3 กลุ่ม คือ
1. ส.ส.ฝ่ายค้าน เดือนละ 5,000-20,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
2. ผู้พิษากษาให้ตัดสินคดีตามที่ต้องการ เดือนละ 5,000-10,000 ดอลล่าร์
3. ในขณะที่จ่ายเงินให้สื่อเดือนละ 1.5 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 10 เท่าของเงินที่จ่ายให้กับส.ส.และผู้พิษากษา โดยเฉพาะสื่อทีวีจะได้รับเงินมากเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ควบคุมทีวีก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เลย
และทุกครั้งที่จ่ายเงินจะมีการบันทึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งวิธีการเช่นนี้ทำให้ประธานาธิบดีฟูจิมูริสามารถอยู่ในอำนาจได้ยาวนาน จนกระทั่งเคเบิลทีวีเล็กๆแหงหนึ่งที่ไม่สยบยอม นำวิดีโอเทปการรับสินบนไปออกอากาศ แล้วมีนักเคลื่อนไหวนำภาพไปเผยแพร่ต่อตามสี่แยกต่างๆ จนมองเตสซิโนถูกจับขังคุก ส่วนประธานาธิบดีได้ลี้ภัยไปประเทศญี่ปุ่น
ดร.อุบลรัตน์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ผู้นำมีสถานะภาพที่ซับซ้อนเป็นทั้งนายกฯ และนักธุรกิจ เมื่อเข้ามาบริหารประเทศ จึงมีหลักอยู่ 3 ประการ คือ สัญญาว่าจะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู ควบคุมสื่อ และสิทธิเสรีภาพ พยายามปิดกั้นความเห็นและข้อวิจารณ์ต่างๆ และพยายามเปลี่ยนการเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือ ควบคุมให้ข้าราชการอยู่ในอาณัติฝ่ายบริหารอย่างแท้จริง
"บทเรียนจากประเทศเปรู ทำให้ขบวนการภาคประชาสังคม ต้องเร่งปฏิรูปสื่ออีกครั้ง และต้องร่วมมือกันช่วยเหลือ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) และนักต่อสู่ท่านอื่น ที่พูดถือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างฝ่ายการเมืองกับเอกชน" ดร.อุบลรัตน์ กล่าว
นายรุจน์ โกมลบุตร อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอรายงานเรื่อง "การกำหนดวาระข่าวสารของรัฐบาล : ไม่สร้างข่าว ก็แทรกแซงข่าว" โดยกล่าวว่า ตนและคณะได้ทำการวิจัยงานชิ้นนี้ โดยมอบหมายให้นักศึกษาไปประมวลข่าวสารในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า
หากมีข่าวด้านลบของรัฐบาลติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน จะพบข่าวที่สร้างขึ้นเพื่อกลบกระแสประมาณทันที โดยพบถึง 13 ครั้ง เช่น ข่าวลูกชายนายกฯ นำโน๊ตคำตอบเข้าห้องสอบ ต่อมามีข่าวโอนหุ้น 367 ล้านหุ้นให้น้องสาว และกรณีข่าวความไม่สงบทาง 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ถูกกลบกระแสด้วยข่าวพาเด็กจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ไปทัศนะศึกษาที่วัดพระแก้ว ข่าวการซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล เพื่อกลบกระแสข่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล่าสุดข่าวการจับบ่อนที่ย่านเตาปูน ที่มีการเตรียมการและถ่ายทอดทางทีวีไว้ด้วย ก่อนที่จะมีการอภิปรายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เพียงไม่กี่วัน
นายรุจน์ ได้อธิบายถึง องค์ประกอบของข่าวสร้างว่า ต้องใช้บุคคลเด่น มีความใกล้ชิด และมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด โดยใช้วิธีการทำเป็นเหตุการณ์ (Event) ใช้ภาษาที่กระทบจิตใจ เช่น "ลูกนายกฯ เป็นโจรที่ไหน ทำไมต้องรังแกกันด้วย" และสร้างข่าวใหม่ขึ้นมากลบ
ทั้งนี้ จากงานวิจัยยังพบอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีการสร้างข่าวจริงและรู้ทัน แต่ก็ยังสนใจข่าวนั้นต่อไป นอกจากนี้ ยังพบว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะแทรกแซงการแสวงหาข้อเท็จจริงของผู้สื่อข่าวทั้งหมด 6 วิธี
1. ห้ามข่าวมิให้รั่วไหลออกจากหน่วยงานหรือ ส.ส. โดยสั่งไม่ให้พูด
2. ถ้าห้ามไม่ได้ก็ให้ข่าวไหลช้าที่สุด
3. ลดแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งเห็นได้ชัดจากการตั้งคณะกรรมขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
4. สร้างกระบวนการหาข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นธรรม เช่น ผู้กระทำผิดตั้งกรรมการมาตรวจสอบตนเอง
5. การแทรกแซง ข่มขู่ ป้ายสี ให้แหล่งข่าวเสียความชอบธรรม และ
6. แทรกแซงกองบรรณาธิการข่าว โดยใช้วิธีการโทรศัพท์ข่มขู่ หรืออ้างบุคคลระดับสูง เพื่อขอร้องไม่ให้นำเสนอข่าวด้านลบ
นายรุจน์ กล่าวอีกว่า งานวิจัยพบวาทกรรมที่ถือเป็นวรรคทองของท่านผู้นำที่ใช้ในการเอาตัวรอด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการตรวจสอบ อาทิ
- การอ้างถึงสถาบันครอบครัว ลูกและภรรยา เพื่อเป็นตัวช่วยเรียกร้องความเห็นใจ
- ส่วนวาทกรรมที่ 2 คือ การอ้างชาตินิยม ปลุกกระแสการเกลียดชังต่างชาติ
แต่ที่สำคัญจนบัดนี้นายกฯ ไม่เคยแสดงจุดยืนในเรื่องสื่อเสรี เช่น เรื่องการปิดเว๊บไซต์ www.thai-insider.com และ www.fm9225.com นายกฯ อ้างว่ายังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งหากว่านายกฯ เชื่อในเรื่องสื่อเสรี เมื่อได้ยินคำถามนายกฯ ต้องไม่ยอมให้หน่วยงานราชการขัดขวางการสื่อสารของประชาชน
นส. สุภิญญา กลางณรงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้ปฏิรูปสื่อให้มีความเป็นอิสระจากรัฐ แต่ปัจจุบันเมื่ออำนาจรัฐและกลุ่มทุนจับมือเป็นกลุ่มเดียวกัน ก็หนีไม่พ้นจากการถูกครอบงำจากฝ่ายการเมืองอยู่ดี ตกอยู่ในภาวะหนีเสือปะจระเข้ หนีอำนาจรัฐมาเจออำนาจทุน เกิดปรากฏการณ์ที่นักการเมืองเข้ามาถือหุ้นในบริษัทที่ผลิตสื่อ จนสามารถควบคุมและกำหนดทิศทางของสื่อได้ ทำให้ลดทอนประสิทธิภาพของสื่อให้มุ่งเน้นการสร้างผลกำไร
"เมื่อฝ่ายการเมืองเข้าไป บริหารสื่อ แล้วทำตัวเป็นบิ๊กบราเทอร์ คอยออกคำสั่งให้ซ้ายหันหรือขวาหัน กำหนดทิศทางความเป็นไปของสื่อ ดังนั้น ข่าวสารที่เป็นสาระในสังคมจะถูกนำเสนอเป็นเรื่องตลก ขำขำไปหมด ถือว่าเป็นตัวบั่นทอนให้เกิดรอยร้าวมากกว่าการแทรกซึมโดยระบอบการเมือง แต่จะทำลายจนถึงรากของวัฒนธรรมสื่อ " เลขาฯ คปส. กล่าว
นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ รองบรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์มติชน กล่าวว่า สังคมไทยเต็มใจและจงใจที่จะให้ถูกหลอกอยู่ตลอดเวลา เกิดจากอาการหน้ามืดก่อนการเลือกตั้งปี 44 ที่รู้สึกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ แม้สื่อรู้เท่าทันว่านายกฯ สร้างข่าว แต่ก็ยอมเข้าไปร่วมขบวนการกับนายกฯตลอด
ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่การแทรกแซง ครอบงำอีกต่อไป แต่เป็นการจัดการบริหารสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ แต่เขาจะหลอกเราไม่ได้อีกต่อไป ถ้าความน่าเชื่อถือของคนที่ให้ข่าวหมดไป และก็กำลังจะหมดลงแล้ว เราจึงเห็นการปิดบางเว็บไซต์อย่างดื้อๆ เราจะต้องช่วยกันตั้งคำถามเรื่อยๆ เงียบๆ แล้วสังคมจะเปลี่ยนเอง
จากนั้นคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ และ โครงการ UNESCO Chair in Freedom of Expression โดย ดร.อุบลรัตน์ และ น.ส.สุภิญญา ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีที่กระทรวงไอซีที มีคำสั่งปิดเว๊บไซต์ www.thai-insider.com และ www.fm9225.com โดย ดร.อุบลรัตน์ กล่าวว่า
เรื่องการปิดเว็บไซต์จะดังไปทั่วโลก เพราะการปิดเว็บไซต์ถือเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าของเว็บไซต์บางแห่งอาจต้องไปเช่าเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ เพราะกลัวจะถูกสั่งปิดอีกครั้ง ทั้งที่การสื่อสารผ่านเว๊บไซต์ถือเป็นปฏิญญาสากลที่ต้องเคารพ และนับเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนในการสื่อสาร เพราะไม่มีกฎหมายใดสามารถสั่งปิดได้ แต่รัฐบาลตีความว่าการพูดเรื่องการเมืองถือเป็นการพูดเรื่องลามก จึงใช้ข้ออ้างนี้ในการปิดเว็บไซต์
"ถ้ามีการปิดเว็บไซต์เช่นนี้ เสียงประท้วงจะไม่ได้มีแต่ประเทศไทย จะมาจากทั่วโลก เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่มีเสรีภาพกว้างขวาง แต่วันนี้มีเหตุการณ์ปิดเว็บไซต์ในประเทศไทย ยิ่งชี้ชัดให้เห็นถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่ตกต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ซึ่งต่ำกว่าประเทศติมอร์เสียอีก"
ดร.อุบลรัตน์, น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่มีกฎหมายอะไรรองรับ มีเจตนาไล่บี้คุณอัญชลี ไพรีรัก หนึ่งในผู้บริหารเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งเดิมเคยบอกว่าผิดระเบียบวิทยุชุมชน แต่ปัจจุบันก็ได้ปรับปรุงให้ถูกต้อง แต่ออกอากาศกระจายเสียงทางอินเทอร์เน็ต รัฐบาลก็ดำเนินการปิดเว็บไซต์ของคุณอัญชลี ในขณะที่หลายแห่งยังออกอากาศได้ตามปกติ เพราะไม่ได้วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน
"คปส.ขอให้กำลังใจผู้ที่ถูกกระทำ และขอเรียกร้องให้ประชาชนรวมทั้งกลุ่มองค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลในครั้งนี้ ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรม และเพื่อเสรีภาพของสื่อ เช่นเดียวกับปรัชญาสื่อสารมวลชนที่ว่า ต้องต่อสู้ให้สื่อมีเสรีภาพในการพูดแม้บางครั้งเราอาจจะไม่ชอบสิ่งที่สื่อพูดก็ตาม
เราต้องไม่ดูว่าใครเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ต้องดูว่าเขาถูกกระทำอย่างไร ขอให้รัฐบาลทบทวนบทบาทท่าที และเลิกกดดันสิทธิเสรีภาพสื่อเพียงเพราะกลัวเสียงแห่งความจริงจะเล็ดลอดถึงหูประชาชน" น.ส.สุภิญญา กล่าว
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา
3
ประวัติมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด
กว่า 600 เรื่อง หนากว่า 8000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 120 บาท(รวมค่าส่ง)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
คลิกกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ บทความลำดับที่
606
...หากมีข่าวด้านลบของรัฐบาลติดต่อกันอย่างน้อย
7 วัน จะพบข่าวที่สร้างขึ้นเพื่อกลบกระแสประมาณทันที โดยพบถึง 13 ครั้ง เช่น
ข่าวลูกชายนายกฯ นำโน๊ตคำตอบเข้าห้องสอบ ต่อมามีข่าวโอนหุ้น 367 ล้านหุ้นให้น้องสาว
และกรณีข่าวความไม่สงบทาง 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ถูกกลบกระแสด้วยข่าวพาเด็กจาก 3
จังหวัดชายแดนใต้ไปทัศนะศึกษาที่วัดพระแก้ว ข่าวการซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
เพื่อกลบกระแสข่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล่าสุดข่าวการจับบ่อนที่ย่านเตาปูน ที่มีการเตรียมการและถ่ายทอดทางทีวีไว้ด้วย
ก่อนที่จะมีการอภิปรายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เพียงไม่กี่วัน
(รุจน์ โกมลบุตร อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)