นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆที่เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ
ผลงานวิชาการชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซต์ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ : ไม่สงวนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
เว็ปไซต์นี้สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
สำหรับผู้สนใจส่งบทความทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน กรุณาส่งผลงานของท่านมายัง midarticle(at)yahoo.com หรือ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
The author of this work hereby waives all claim of copyright (economic and moral) in this work and immediately places it in the public domain... [copyleft] กรุณานำบทความไปใช้ต่อโดยอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควร

The Midnight University

การเมืองเรื่องการสร้างความกลัว
วิพากษ์สารคดีบีบีซี : พลังอำนาจของฝันร้าย
สมเกียรติ ตั้งนโม : เรียบเรียง
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

หมายเหตุ
บทความชิ้นนี้เรียบเรียงมาจาก

The Power of Nightmares : From Wikipedia, the free encyclopedia

ทางกองบรรณาธิการได้รวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของสารานุกรมมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เพื่อใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการ

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 742
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 12 หน้ากระดาษ A4)




วิพากษ์สารคดีบีบีซี : พลังอำนาจของฝันร้าย
เรื่องพลังอำนาจของฝันร้าย(The Power of Nightmares)เป็นรายการสารคดีทางโทรทัศน์ของ BBC ที่ได้รับการเขียนและผลิตโดย Adam Curtis. แก่นของสารคดีชุดนี้ คล้ายคลึงกับเรื่องของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ที่พยายามเพิ่มเติมเสริมแต่งเกี่ยวกับการคุกคามของคอมมิวนิสม์ในช่วงทศวรรษที่ 1970s - 1980s ที่ผ่านมานั่นเอง

โดยในครั้งนี้พวกเขาพยายามขยายเรื่องให้เกินความเป็นจริงเกี่ยวกับภัยคุกคามของการก่อการร้าย ซึ่งพวกเขาพยายามเสนอตัวที่จะมาปกป้องเรา ชะตากรรมของลัทธิอนุรักษ์นิยมใหม่และลัทธิอิสลามหัวรุนแรง(neo-conservatism and radical Islamism )ได้ถูกนำมาเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และมันทำให้ประชาชนบางส่วนมีความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มต่างๆเหล่านี้อย่างไม่ถูกต้อง

ตามคำขึ้นต้นนับจากต้นรายการของภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าว ระบุว่า:
ในอดีต บรรดานักการเมืองทั้งหลายได้ให้คำมั่นสัญญากับเราว่าจะสร้างโลกที่ดีกว่าใบหนึ่งขึ้นมา พวกเขามีวิธีการที่แตกต่างกันในการทำให้คำมั่นสัญญาดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งพลังของพวกเขาและอำนาจต่างๆ มันมาจากวิสัยทัศน์ในเชิงบวกที่บรรดานักการเมืองต่างๆพยายามนำเสนอกับผู้คนทั่วไป. ความฝันเหล่านั้นต้องประสบกับความล้มเหลว และในทุกวันนี้ผู้คนต่างสูญเสียศรัทธาในอุดมคติดังกล่าว

ยิ่งไปกว่านั้น บรรดานักการเมืองต่างได้รับการมองอย่างง่ายๆ ในฐานะของผู้จัดแจงเกี่ยวกับชีวิตสาธารณะของผู้คน แต่ปัจจุบันพวกเขาได้ค้นพบบทบาทใหม่อันหนึ่ง ที่จะมาฟื้นฟูพลังและอำนาจของพวกเขา แทนที่จะเป็นผู้ส่งทอดความฝันบรรดานักการเมืองทั้งหลายทุกวันนี้ ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะปกป้องเราจากฝันร้ายทั้งปวง

พวกเขากล่าวว่า จะมาช่วยเหลือเราจากภัยอันตรายจากความหวาดกลัวและความน่าพรั่นพรึง ที่พวกเรามองไม่เห็นและปราศจากความเข้าใจ และอันตรายที่ยิ่งใหญ่สุดของสิ่งทั้งมวลคือ ลัทธิการก่อการร้ายสากล(international terrorism), พลังอำนาจและเครือข่ายที่ชั่วร้ายของเซลล์ที่หลับใหล(sleeper cell) ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
(sleeper cell - สายลับหรือผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในประเทศเป้าหมายในฐานะพลเมืองที่เคารพกฎหมาย จนกระทั่วถูกกระตุ้นโดยสัญญานที่เตรียมไว้)

การคุกคามนั้นต้องได้รับการต่อต้านโดยการทำสงครามกับการก่อการร้าย แต่ส่วนใหญ่ของการคุกคามนี้เป็นเพียงแค่จินตนาการเพ้อฝัน ซึ่งได้รับการขยายเกินจริงและบิดเบือนโดยบรรดานักการเมืองทั้งหลาย มันคือมายาการอันมืดมนที่แผ่ออกไปอย่างไม่มีการตั้งคำถามโดยผ่านรัฐบาลต่างๆทั่วโลก โดยหน่วยงานรักษาความมั่นคงต่างๆ และสื่อกระแสหลักข้ามชาติ. นี่คือภาพยนตร์สารคดีทางโทรทัศน์เกี่ยวกับว่า ทำไมและอย่างไร จินตนาการเพ้อฝันนั้นจึงถูกสร้างขึ้น และใครได้รับประโยชน์จากเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าดังกล่าว

หัวใจของเรื่องราวได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม: กลุ่มแรกคือบรรดานักอนุรักษ์นิยมใหม่อเมริกัน และกลุ่มที่สองคือบรรดาอิสลามิสท์หัวรุนแรง. ทั้งคู่ต่างๆเป็นพวกนักอุดมการณ์ ซึ่งถูกทำให้เกิดขึ้นหลุดออกไปจากความล้มเหลวของความฝันเสรีนิยมที่จะสร้างโลกใบใหม่ที่ดีกว่าใบหนึ่งขึ้นมา และทั้งคู่มีคำอธิบายที่คล้ายคลึงกันมากว่าอะไรเป็นมูลเหตุแห่งความล้มเหลวนั้น

ทั้งสองกลุ่มนี้จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ไม่ใช่ในหนทางที่แต่ละฝ่ายตั้งใจจะทำ. พวกเขาได้สร้างฝันร้ายของทุกวันนี้ขึ้นมาด้วยกันทั้งสองฝ่าย เกี่ยวกับองค์กรชั่วร้ายที่ลึกลับซึ่งได้คุกคามโลกใบนี้, จินตนาการเพ้อฝันที่บรรดานักการเมืองทั้งมวลได้ค้นพบการฟื้นฟูพลัง และอำนาจของพวกเขาในยุคแห่งการปลดปล่อยมายาภาพแก่คนทั่วไป ด้วยความกลัวอันมืดมนถึงที่สุดซึ่งมันกลับกลายเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่สุด

ตอนที่ ๑ (Baby It's Cold Outside)
ในทศวรรษที่ 1950s, Sayyid Qutb, ข้าราชการพลเรือนชาวอียิปต์ได้พลิกผันตัวเองอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ และ Leo Strauss ศาสตราจารย์อเมริกันทางปรัชญาการเมือง ทั้งคู่ได้สำรวจถึงลัทธิเสรีนิยมตะวันตก ในฐานะที่มันได้ไปกัดกร่อนสังคมและศีลธรรม. Qutb ได้ถูกส่งตัวไปยังสหรัฐฯ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการศึกษาทั่วไป แต่เขากลับรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงในสิ่งที่เขาพบเห็นเกี่ยวกับสังคมนั้น

ทั้งคู่ต่างถกเถียงกันถึงมาตรการรุนแรง รวมถึงเล่ห์เพทุบาย ความหลอกลวง (ในกรณีของ Qutb) กระทั่งความรุนแรง อาจได้รับการสนับสนุนเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องด้วยความพยายามอันหนึ่งที่จะฟื้นฟู โดยการแบ่งปันคุณค่าต่างๆทางศีลธรรมให้กับสังคม และข้อถกเถียงของพวกเขาได้มีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อลัทธิอิสลามิสม์มูลราก(radical Islamism) และลัทธิอนุรักษ์นิยมใหม่อเมริกัน(American neo-conservatism)ตามลำดับ

ข้าราชการพลเรือนอาวุโสและบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ต่างได้รับอิทธิพลจากลัทธิอนุรักษ์นิยมใหม่ พวกเขาเชื่อถือในการโฆษณาชวนเชื่อในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ และมองมันในฐานะที่เป็นพลังแห่งความชั่วร้ายที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะ ซึ่งสหรัฐฯควรได้รับการนำเสนอในฐานะที่เป็นพลังอำนาจของความดี. โฆษณาชวนเชื่อนี้รวมถึงการประเมินที่เกินจริงของ Donald Rumsfeld เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหารของโซเวียต และ William Casey ที่น้อมนำ CIA ด้วยการยืนยันว่า องค์การก่อการร้ายต่างๆ ได้รับการหนุนหลังโดยสหภาพโซเวียต ในระหว่างนั้น Qutb กลายเป็นคนที่มีอิทธิพลในหมู่พี่น้องมุสลิมในประเทศอียิปต์ และต่อมาได้ถูกจำคุก ภายหลังที่สมาชิกของเขาบางคนพยายามที่จะลอบฆ่าประธานาธิบดี Nasser

สารคดีชุดนี้ได้รับการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ครั้งแรกในวันพุธที่ 20 ตุลาคม 2004. ชื่อตอนดังกล่าวได้นำมาจากเพลงยอดนิยม ซึ่ง Qutb ได้ยินเมื่อตอนที่บรรดาคนหนุ่มสาวต่างร่ายรำตามจังหวะเพลง ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์กรศาสนา ที่เขามองว่ามันเป็นโรคร้ายจากความไร้ศีลธรรมของสังคมอเมริกัน

ตอนที่ ๒ (The Phantom Victory - ชัยชนะของปีศาจ)
ในทศวรรษ 1980s อิสลามิสท์มูจาห์ฮีดดีน(Islamist mujaheddin) และพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ โดยอิทธิพลของการบริหารในยุคเรแกน ได้ปฏิบัติการร่วมกันเป็นครั้งคราวในการต่อสู้กับศัตรูร่วม นั่นคือ"สหภาพโซเวียต" และระบอบการปกครองที่มีโซเวียตหนุนหลังอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน

แม้ว่าสหภาพโซเวียต ซึ่งมีทีท่าว่าจะล่มสลายอยู่แล้ว แต่ทั้งสองกลุ่มกลับเชื่อว่า มันเนื่องมาจากปฏิบัติการของพวกเขาในอัฟกานิสถานนั่นเอง อันเป็นสาเหตุให้มันล่มสลายลง แต่อย่างไรก็ตามความพยายามอื่นๆ โดยอิสลามิกชนได้ล้มเหลวในการปลุกปั่นการปฏิวัติของปวงชน และพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ก็สูญเสียอำนาจในสหรัฐฯ จากตำแหน่งประธานาธิบดี George H.W.Bush ไปสู่ประธานาธิบดี Bill Clinton ในเวลาต่อมา

ทั้งสองกลุ่มต่างล้มเหลวที่จะบรรลุถึงอิทธิพลทางการเมืองที่มั่นคง การชี้ถึงเป้าหมายใหม่ในการโจมตี: พวกอนุรักษ์นิยมใหม่แสวงหาหนทางที่จะทำให้ Clinton กลายเป็นปีศาจ ขณะที่อิสลามิสท์หัวรุนแรงได้ตัดสินใจว่า คนเหล่านั้นที่ไม่ให้ความช่วยเหลือพวกเขา คือเป้าหมายที่ถูกต้องชอบธรรมสำหรับความรุนแรง. ส่วนของภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ ได้ออกอากาศในวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2004

ตอนที่ ๓. (The Shadows in the Cave - เงามืดภายในถ้ำ)
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990s กลุ่มทาลิบัน(Taliban) ได้ก่อตั้งค่ายฝึกทหารขึ้นในอัฟกานิสถานสำหรับบรรดานักรบอิสลาม ส่วนใหญ่คนเหล่านี้สนใจที่จะสู้รบในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตน แต่โอสะมะ บิน ลาเดน(Osama bin Laden) และอัยมัน อัล-ซาวาฮารี(Ayman al-Zawahiri) ผู้นำของอิสลามิสท์จีฮาดชาวอียิปต์และสานุศิษย์ของซายยิด คับท์ม(Sayyod Qutb) จ่ายเงินให้กับกลุ่มทาลิบัน เพื่อน้อมนำให้คนเหล่านี้ให้รับอาสาสมัครใหม่ๆ เพื่อโจมตีสหรัฐอเมริกาจากค่ายฝึกดังกล่าว

บรรดาโจทก์หรือผู้เสียหายในการถูกระเบิดสถานทูตอเมริกันในปี 1998 เชื่อว่า บิน ลาเดน ได้รวบรวมอาสาสมัครเหล่านี้ และต้องการที่จะลงโทษเขาโดยการแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นหัวหน้าองค์การอาชญากรรม. จามัล อัล-ฟาด์ล(Jamal al-Fadl) ผู้ช่วยเก่าคนหนึ่งของบิน ลาเดน อธิบายถึงองค์การนั้นกับพวกเขา ซึ่งบรรดานักสืบทั้งหลายเรียกองค์การนี้ว่า อัล-กออิดะ(al-Qaeda)

ขณะที่บิน ลาเดนให้การช่วยเหลือการโจมตีต่างๆ อย่างเด่นชัด แต่ตัวเขาเองกลับไม่มีองค์การอะไร ซึ่งเขาสามารถที่สั่งการและควบคุมคนเหล่านี้เลย; อัล-ฟาด์ล ดูเหมือนจะบอกนักสืบสวนทั้งหลายเกี่ยวกับสิ่งที่คนพวกนี้อยากจะได้ยิน เพื่อผลตอบแทนในรูปตัวเงินและการคุ้มครองพยาน. ในทำนองเดียวกัน ขณะที่บิน ลาเดนได้จัดหาเงินทุนและบรรดาอาสาสมัครทั้งหลายให้เพื่อปฏิบัติการโจมตีวันที่ 11 กันยายน 2001 ให้สำเร็จลุล่วง, อันที่จริงแล้ว คนเหล่านี้ได้รับการวางแผนโดย คฮาลิด ชาคฮ์ โมฮัมเมด(Khalid Shaikh Mohammed)

หลังเหตุการณ์โจมตี 11 กันยานี้ พวกอนุรักษ์นิยมใหม่สามารถที่จะทำให้ประธานาธิบดี George W. Bush เชื่อมั่นเพื่อเริ่มต้นทำสงครามกับการก่อการร้าย และระบายสีอัล-กออิดะในฐานะที่เป็นเครือข่ายสากลของพวกผู้ก่อการร้าย. สงครามในอัฟกานิสถานได้เปลี่ยนแปลงปัจจัยหลักๆ เกี่ยวกับทหารเกณฑ์ของบิน ลาเดนไป

กองกำลังของสหรัฐฯและพันธมิตรทางเหนือชาวอัฟกัน ได้จับกุมและสังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากในค่ายฝึกต่างๆของทาลิบัน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบิน ลาเดนเลย. เรื่องราวที่แพร่กระจายนั้นฟังได้ว่า บิน ลาเดนและแกนนำของอัล-กออิดะได้ถอยล่นลงไปอยู่ใต้ดินที่สลับซับซ้อนในตอรา โบรา(Tora Bora), แต่จากการค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แสดงให้เห็นว่าไม่มีเครื่องหมายใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

อัล-กออิดะไม่สามารถถูกพบ เพราะมันไม่เคยมีอยู่จริงแต่อย่างใด พวกผู้ก่อการร้ายอิสลามได้ถูกนำไปเชื่อมโยงโดยอุดมคติเท่านั้น ไม่ใช่โดยองค์การหนึ่งที่สามารถถูกขุดรากถอนโคนมันออกไปได้

การจับกุมกลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็นที่สงสัยว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายในสหรัฐฯ ภายหลังจากเหตุการณ์โจมตีวันที่ 11 กันยา ล้มเหลวที่จะพบเบาะแสที่แท้จริงใดๆ แต่ได้แสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันมากมายของฝ่ายสืบสวนทั้งหลาย. ในทำนองเดียวกันในสหราชอาณาจักร การจับกุมภายใต้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับการก่อการร้าย เป็นผลให้มีการลงโทษอิสาลามิสท์เพียง 3 คดีเท่านั้น ทั้งหมดเพื่อการเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้นนั่นเอง

การรายงานข่าวของสื่อกระแสหลักเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับศักยภาพในการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ยังคงเป็นไปในลักษณะการคาดเดาและเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ยกตัวอย่างเช่น การโจมตีของผู้ก่อการร้ายมีการใช้รังสีและอาวุธเคมี อันนี้ถูกอ้างโดยสื่อต่างๆ ในฐานะที่เป็นระเบิดกัมมันตภาพรังสี(dirty bomb) ซึ่งจะไม่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากจากสารกัมมันตภาพรังสีแต่อย่างใด เนื่องเพราะวัสดุที่เกิดจากการแผ่รังสีจะแพร่กระจายออกไปแต่เพียงเบาบางเท่านั้นด้วยระเบิดต่างๆ

อย่างไรก็ตาม บรรดานักอนุรักษ์นิยมใหม่พบว่า พวกเขาสามารถใช้การคุกคามของลัทธิก่อการร้ายอิสลาม และอ้างว่ามีความเป็นไปได้ด้วยการสปอนเซอร์หรือสนับสนุนจากทางอิรัก ในฐานะศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้สหรัฐฯ และบรรดานักการเมืองอื่นๆ อย่างเช่น โทนี่ แบล์ร(Tony Blair)อ้างถึงบทบาทอันสำคัญในการปกป้องประเทศของพวกเขาจากการโจมตี. พวกนักการเมืองทั้งหลายและบรรดาเจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายตัดสินใจว่า พวกเขาจะต้องใช้มาตรการเชิงรุก ในการจินตนาการถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการโจมตีที่เลวร้าย และหยุดยั้งคนเหล่านั้นซึ่งดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำให้การโจมตีประสบผลสำเร็จ

เนื้อหาสารคดีดังกล่าว ได้รับการถ่ายทอดสัญญานครั้งแรกในวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2004. ชื่อตอนของสารคดีชุดนี้พูดถึง Plato's allegory of the cave (การอุปมาอุปมัยของเพลโตเกี่ยวกับถ้ำ ต่อความเชื่อในความสลับซับซ้อนของ Tora Bora

การนำออกเผยแพร่ (Distribution)
พลังอำนาจของฝันร้าย(The Power of Nightmares) ได้รับการออกอากาศครั้งแรกโดย BBC เป็นตอนๆ 3 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในวันพุธช่วงเย็นของฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.2004. ภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าวได้รับการออกอากาศซ้ำอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2005 ต่อเนื่องกัน 3 คืน, โดยตอนสุดท้ายได้มีการปรับปรุงขึ้นมาล่าสุดเพื่อสะท้อนถึงบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติ ที่วินิจฉัยในเดือนธันวาคมศกก่อนว่า มีการกักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างประเทศ โดยปราศจากเบาะแสหรือหลักฐาน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

แม้ว่าสารคดีชุดนี้จะไม่ได้มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในสหรัฐฯ แต่เรื่องราวทั้ง 3 ตอนได้รับการนำเสนออย่างต่อเนื่องในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2005 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า the True/False Film Festival ใน Columbia, มลรัฐ Missouri สหรัฐอเมริกา. หลังจากการนำเสนอภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว, Curtis ได้สร้างปรากฏการณ์สาธารณะอันหนึ่งขึ้นมา และทำให้เกิดการสนทนากันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเขาได้แสดงออกถึงท่าทีต่อทีวีอเมริกันในแง่ลบ เกี่ยวกับการไม่ยอมเปิดกว้างให้มีการพูดคุยหรือถกเถียงกันในประเด็นสาธารณะของโทรทัศน์อเมริกัน หรือการเผยแพร่ DVD

Curtis ยังกล่าาวด้วยว่า: "มีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษเกิดขึ้นกับทีวีอเมริกัน นับจากเหตุการณ์โจมตี 11 กันยา. ผู้อำนวยการทีวีเครือข่ายชั้นนำคนหนึ่ง ซึ่งผมจะไม่ระบุชื่อดีกว่า ได้พูดกับผมว่า "มันไม่มีทางที่พวกเขาจะนำเสนอสารคดีชุดนี้ออกมาได้" เขากล่าวว่า "คุณเป็นใครที่หาญกล้ามาพูดเรื่องนี้?" และเขายังเพิ่มเติมอีกว่า "พวกเราจะถูกฆ่าอย่างทารุณ หากว่ามีการนำเสนอเรื่องนี้". เมื่อผมอยู่ที่นิวยอร์ค ผมได้หยิบเอา DVD ไปให้หัวหน้าฝ่ายสารคดีของ HBO, แต่ผมยังคงไม่ได้ยินอะไรจากเขามาจนกระทั่งทุกวันนี้"

สารคดีชุดดังกล่าว ซึ่งมีการตัดต่อให้ยาวเพียงสองชั่วโมงครึ่งได้รับการกลั่นกรองในงานมหกรรมภาพยนตร์ Cannes Film Festival ในเดือนพฤษภาคม 2005 โดย Pathe ได้ทำการเหมาสิทธิในการจัดจำหน่าย เพื่อนำเสนอสารคดีชุดนี้ในโลกภาพยนตร์

พลังอำนาจของฝันร้าย(The Power of Nightmares) ได้รับการออกอากาศในแคนาดาในเดือนเมษายน 2005 โดย CBC Newsworld. ส่วนในออสเตรเลีย โปรแกรมดังกล่าวจะได้รับการนำเสนอบนจอของ SBS โดยเริ่มออกอากาศวันที่ 12 กรกฏาคม 2005 แต่อย่างไรก็ตาม การนำเสนอบนจอของภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ได้ถูกระงับไป. อี-เมล์ที่ตอบข้อซักถามฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการยกเลิกรายการสารคดีดังกล่าวมีใจความว่า "ผู้บริหาร SBS ได้ตัดสินใจว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดหลายครั้งในกรุงลอนดอนเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ไม่เป็นการเหมะสมนักที่จะมีการนำภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าว ออกเผยแพร่ในช่วงนี้"

ไม่มี DVD เกี่ยวกับภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าวที่หาได้ แต่รายการนี้ผู้สนใจสามารถเสาะหามาดูกันได้อย่างกว้างขวาง ด้วยวิธีการ download มาจากบนอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก archive.org

การวิพากษ์พลังอำนาจของฝันร้าย
การใช้ความกลัวเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
ในส่วนของการวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องพลังอำนาจของฝันร้าย นักวิจารณ์ได้เพ่งเล็งว่า การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องความกลัวในทางการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด บรรดาเผด็จการและผู้นำประชาธิปไตยทั้งหลายตลอดเวลาที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ ได้ทำให้คู่ปรปักษ์หรือศัตรูฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นภูติผีปีศาจขึ้นมา. ในยุคสมัยใหม่ความกลัวเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน(global warming), ปัญหามลภาวะ, บรรษัทขนาดใหญ่, โลกาภิวัตน์, ฯลฯ ต่างถูกนำมาใช้ตักตวงผลประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น

สารคดีชุดนี้นำเสนอทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด (The programme is, or presents, a conspiracy theory)
David Aaronovitch เสนอว่า โปรแกรมรายการดังกล่าวเป็นเรื่องของ"ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด". อันนี้เป็นวลีที่ติดปากในชีวิตประจำวันช่วงปัจจุบัน การโจมตีที่พอฟังได้บางส่วนสำหรับบางประเด็นที่สร้างขึ้นมาในภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ ตัวอย่างเช่น เหตุผลทั้งหลายสำหรับการโจมตีต่อคุณสมบัติของประธานาธิบดีคลินตัน สามารถได้รับการพิจารณาว่าสร้างขึ้นมาจากทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่จงใจต่อต้านเขา แต่อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานที่นำเสนอรวมถึงการสัมภาษณ์ต่างๆ อย่างน้อยที่สุด โดยหนึ่งในบรรดาคนที่เล่นงานเขาในช่วงเวลาดังกล่าวยอมรับว่า พวกเขาสร้างเรื่องทั้งหมดและรายละเอียดทั้งหลายขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีต่างๆและความเชื่อที่ผิดๆ

Curtis ปกป้องทัศนะของเขาว่า "การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับความกลัวในการเมืองร่วมสมัย ไม่ใช่ผลลัพธ์ของการสมรู้ร่วมคิด แต่บรรดานักการเมืองทั้งหลายได้ค้นพบโดยบังเอิญหรือไปสะดุดกับมันเข้า ยุคของนักบริโภคคือยุคที่พวกนักการเมืองได้ค้นพบอำนาจหน้าที่ของพวกตนขึ้นมา และการเอียงลาดหรือเสื่อทรามลงของความชอบธรรมทางกฎหมายอย่างกระทันหัน ทำให้พวกเขาค้นพบเรื่องของ"สงครามการก่อการร้าย"อย่างง่ายๆขึ้น ซึ่งมันเป็นวิธีการหนึ่งในการฟื้นฟูอำนาจหน้าที่ของบรรานักการเมือง โดยการการให้คำมั่นสัญญาที่จะปกป้องพวกเรา

สารคดีชุดนี้ปฏิเสธที่จะวิเคราะห์ถึงผลกระทบเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
(The programme neglects to analyse the impact of economic interests)

บรรดานักวิจารณ์ อย่างเช่น MediaLens ซึ่งเชื่อว่า นโยบายของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหญ่โต โดยอำนาจผลประโยชน์ทางธุรกิจ และชี้ว่า Curtis มิได้กล่าวถึงแง่มุมอันนี้เอาไว้เลย. Curtis ยอมรับว่า การวิจารณ์นี้เป็นเรื่องที่จริงจังและมีความสำคัญมาก แต่ก็ได้ปกป้องภาพยนตร์สารคดีของเขาว่า:

"ทั้งพวกอนุรักษ์นิยมใหม่และอิสลามมิสท์ต่างมีอิทธิพลและพลังอำนาจ และผมเลือกที่จะสร้างภาพยนตร์สารคดีชุดหนึ่ง ซึ่งต้องการอธิบายถึงรากเหง้าต่างๆ ทางความคิดของพวกเขา ว่ามันมีความเป็นมาอย่างไรที่ทำให้สิ่งเหล่านี้ได้รับการหยิบขึ้นมาใส่ใจ ทำให้มันง่ายและถูกบิดเบือนไป. คุณต้องการให้ผมสร้างภาพยนตร์สารคดีที่แตกต่างอีกชุดหนึ่ง(เกี่ยวกับ)การนำเสนอเรื่องที่ดีอย่างสมบูรณ์และสำคัญมาก แต่มันจะต่างจากนี้ไปเลยทีเดียว หากผมทำเช่นนั้น"

สารคดีชุดดังกล่าวให้การยืนยันที่ไม่ผิดพลาด (The programme makes unfalsifiable assertions)
คำถามหนึ่งอาจได้รับการยกขึ้นมาว่า: สารคดีชุดดังกล่าวผิดพลาดได้หรือไม่ หรือมันเป็นการคาดคะเนล้วนๆ ที่ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆมาสนับสนุน. การยืนยันส่วนใหญ่ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ สามารถที่จะได้รับการพิสูจน์ความจริงโดยผ่านหลักฐานและคำให้การต่างๆ บางอย่างของสิ่งเหล่านี้ได้ถูกจัดหามาในตัวของภาพยนตร์เอง

เจตจำนงทั้งหลายของพวกอนุรักษ์นิยมใหม่(neocons) และพวกอื่นๆในรัฐบาลสหรัฐฯ, พวกอิสลามิสท์, บรรดาสานุศิษย์ของซาวาฮิรี, บรรดาผู้ได้รับการว่าจ้างจาก CIA, ฯลฯ ไม่สามารถได้รับการพิสูจน์ แต่อย่างไรก็ตาม ใครคนหนึ่งสามารถที่จะสำรวจตรวจสอบการกระทำต่างๆของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาพูดได้ ทั้งสองกรณีสามารถได้รับการให้เหตุผลถึงแรงกระตุ้นใดๆ ก็ได้ แม้ว่าเหตุผลบางอย่างมันมีความเป็นไปได้มากกว่าอย่างอื่นก็ตาม

ให้หมายเหตุลงไปว่า สิ่งใดก็ตามที่เป็นการคาดเดาเกี่ยวกับเจตนาของบุคคล ถือเป็นสิ่งที่ควรเคารพต่อการวิจารณ์ในอย่างเดียวกัน. มันควรได้รับการหมายเหตุลงไปด้วยว่า ข้อมูลที่นำเสนอสู่สาธารณะโดยสำนักข่าวกรองของรัฐบาล ก็ขาดเสียซึ่งความสามารถในการพิสูจน์ความจริงเช่นเดียวกัน

โปรแกรมดังกล่าวแสดงความรู้สึกต่อต้านอเมริกัน
(The programme plays on anti-American sentiment)

สารคดีชุดนี้ยังได้รับการกล่าวหาด้วยเกี่ยวกับการแสดงความรู้สึกต่อต้านอเมริกัน โดยการเสริมส่งปลุกปั่นทัศนะที่ว่าสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลบางประการ ได้มีการกระทำบางอย่างขนานกันไปกับอัล-กออิดะในลัทธิสุดขั้ว หรือกล่าวหาว่าสหรัฐฯเป็นผู้ควบคุมสั่งการและวางแผน

เหตุการณ์ต่างๆของผู้ก่อการร้าย พิสูจน์ถึงความผิดพลาดเกี่ยวกับทฤษฎีของเขา
(Terrorist events disprove his theory)

ยังมีการเสนอด้วยว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับการโจมตีวันที่ 11 กันยา และการระเบิดที่กรุงแมดริด และเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้เกี่ยวกับการระเบิดในกรุงลอนดอน นั่นเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะในการอ้างว่า การคุกคามดังกล่าวของลัทธิก่อการร้ายโดยอิสลามมิสท์หัวรุนแรงทั้งหลายเป็นเรื่องที่กุขึ้นเกินจริง

Curtis กล่าวว่า: "สารคดีชุดดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ นี่เป็นที่ชัดเจนมากในข้อถกเถียงที่ว่า แม้ว่ามันจะเป็นการคุกคามที่ร้ายแรงของลัทธิก่อการร้ายจากพวกอิสลามิสท์หัวรุนแรงบางคน แต่วิสัยทัศนะแบบฝันร้ายเกี่ยวกับพลังอำนาจขององค์กรซ่อนเงื่อนที่พิเศษองค์กรหนึ่ง ซึ่งกำลังรอที่จะโจมตีสังคมทั้งหลายของพวกเรา เป็นเรื่องของมายาการ"

มากไปกว่านั้น Curtis ยังกล่าวอีกว่า: "การโจมตีในเหตุการณ์วันที่ 11 กันยา ไม่ใช่การแสดงออกของขบวนการที่กำลังเจริญเติบใหญ่และมีความมั่นใจ พวกเขากระทำการด้วยความสิ้นหวัง โดยคนกลุ่มเล็กๆที่ถูกทำให้หมดหวังโดยความล้มเหลวของพวกเขา ซึ่งพวกเขาติเตียนและประณามเกี่ยวกับพลานุภาพของอเมริกัน"

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเสนอว่า การโจมตีต่างๆของผู้ก่อการร้ายอิสลามิสท์หัวรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปทั่วโลก ผู้คนนับเป็นพันๆในหลายสิบประเทศถูกฆ่าตาย หรือถูกทำให้บาดเจ็บโดยลัทธิก่อการร้าย ซึ่งอันนี้ได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับพวกอิสลามมิสท์หัวรุนแรง โดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และมาตรการทั้งหลายของกลุ่มอิสระต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมานับจากเหตุการณ์โจมตีวันที่ 11 กันยายน 2001

อันที่จริง พวกเขาเพิ่มขึ้นมามากนับจากสหรัฐฯ ได้มีการบุกเข้าไปในอิรัก ซึ่งกระทรวงต่างประเทศยังคงไม่ตีพิมพ์ภาพหรือตัวเลขต่างๆสำหรับเรื่องนี้. จากการถีบตัวตัวสูงขึ้นดังที่เห็นของลัทธิการก่อการร้ายนับจาก ค.ศ.2001 เป็นต้นมา มันยังคงถูกมองในทัศนะของ Curtis ว่า การคุกคามดังกล่าวได้ถูกทำให้เกินความเป็นจริงไป ซึ่งจะต้องได้รับการพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์

แต่อย่างไรก็ตาม ทัศนะอันนี้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า "วิสัยทัศน์แบบฝันร้าย"เกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายอิสลาม อาจกระทำในสิ่งที่คล้ายกับคำทำนายที่ถูกพิสูจน์ว่าถูกต้อง นั่นคือ ความน่าเชื่อถือ, ความมีอิทธิพล, และประโยชน์ที่ได้รับซึ่งกลุ่มก่อการร้ายอิสลามต่างๆได้ไปในสิ่งเหล่านี้แต่เพียงลำพังฝ่ายเดียว โดยผ่านการทำให้เกินจริงเกี่ยวกับการคุกคาม ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีอำนาจมากขึ้นด้วยความสามารถที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และการเคลื่อนไหวแก่คนที่ให้การสนับสนุนและลอกเลียนแบบจำนวนมาก ด้วยเหตุดังนั้นจึงได้สร้างโลกขึ้นมาบนภาพของความฝันร้าย

อัล-กออิดะถูกนำเสนอออกมาอย่างผิดๆ (Al-Qaeda was misrepresented)
ยังมีการหมายเหตุโดยบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายว่า อัล-กออิดะอาจไม่ดำรงอยู่ในฐานะกลุ่มองค์กรที่มีอำนาจและโครงสร้างที่เข้มแข็ง และไม่สนใจว่า พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติการในฐานะกลุ่มที่ก่อกรรมทำเข็ญอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการระเบิดในวันที่ 11 กันยา หรือมีผู้นำต่างๆ คนเดียวกัน

พวกเขาเป็นกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งเป็น"ตัวแทนเครือข่าย"(franchises)ที่ใช้ชื่อเดียวกัน บรรดานักวิจารณ์พูดถึงอัล-กออิดะว่าไม่ได้ถูกจัดองค์กรหรือมีประสิทธิภาพมากนัก และด้วยเหตุนี้จึงไม่เป็นอันตรายมากเท่าที่เราถูกทำให้เข้าใจ. ส่วนนักวิจารณ์คนอื่นๆคัดค้านการที่ Curtis เสนอว่า ระดับของอันตรายได้ถูกกุขึ้นมาเกินจริง ซึ่งอันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เสกสรรค์กันขึ้นมา

Curtis เสนอว่า อัล-กออิดะยังคงไม่อันตรายเท่าใดนัก แม้ในเชิงสัญลักษณ์หรือในบทบาทเกี่ยวกับการส่งเสริมหรือให้การสนับสนุน. Curtis ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้. สารคดีดังกล่าวไม่ได้บอกว่ามันไม่มีการคุกคาม แต่กล่าวว่า มันไม่ใช่องค์กรพิเศษที่มีพลังอำนาจซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังพวกเขา บรรดานักวิจารณ์หลายคนกล่าวว่า มันได้รับการเสนอแนะโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายว่า ธรรมชาติที่แท้จริงของอัล-กออิดะ ไม่ได้เป็นที่ชัดเจนแต่อย่างใดในฐานะองค์กร ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการแปรรูปและปรับตัวเข้ากับเงื่อนใหม่ต่างๆ

ภาพของนักอนุรักษ์นิยมใหม่ถูกให้ภาพอย่างผิดๆ (The neoconservatives were "misrepresented")
Clive Davis ในงานเขียนเรื่อง "The Power of Bad Television" (อำนาจของโทรทัศน์ที่เลวๆ) ที่ the National Review อ้างว่า ระดับซึ่งบรรดานักอนุรักษ์นิยมใหม่ได้รับอิทธิพลจาก Leo Strauss เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาเกินจริงไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังยืนยันว่า สารคดีชุดนี้เสนอว่า "มันคือ Strauss ไม่ใช่ Osama bin Laden ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่ชั่วร้ายตัวจริง"

แต่อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจตรวจดูเกี่ยวกับสำเนาเกี่ยวกับภาพยนตร์สารคดีดังกล่าวที่คัดลอกเอาไว้ ได้แสดงให้เห็นว่า ได้มีการกล่าวหา Strauss เกี่ยวกับการเสนอแนะที่ว่า การสร้างมายาคติที่แท้จริงอาจเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่ความชั่วร้ายที่ถูกใส่ความเรื่อยมา

ความขัดแย้งต่างๆของ BBC (BBC contradictions)
บรรดานักวิจารณ์ภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าวยืนยันว่า มันไม่มีความสอดคล้องต้องกันที่ฝ่ายข่าวของ BBC ได้นำเสนอเมื่อเร็วๆนี้ที่ว่า การระเบิดหลายครั้งที่กรุงลอนดอน อาจเป็นฝีมือของอัล-กออิดะ อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆ ชี้ว่า ฝ่ายข่าวนั้นมักจะคาดเดาอยู่เสมอในมูลเหตุเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

นักวิจารณ์หลายคนยังยืนยันด้วยว่า สารคดีชุดนี้ของ BBC ได้เสนอว่า อัล-กออิดะไม่น่ามีอยู่ และนั่นคือความขัดแย้งกับรายงานของ BBC. แต่อย่างไรก็ตาม สารคดีชุดนี้ไม่ได้มีการยืนยันใดๆ อย่างนั้น และด้วยเหตุนี้ ความสมเหตุสมผลเกี่ยวกับข้ออ้างทั้งหลายของสารคดีชุดดังกล่าวจึงไม่มีผล. ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังยืนยันว่า BBC ได้รับทุนสนับสนุนจากสาธารณะ และด้วยเหตุนี้ BBC จึงมีอาณัติบางอย่างที่จะต้องรักษาความเที่ยงธรรมโดยไม่มีอคติ และจะต้องนำเสนอความเห็นและทัศนะที่หลากหลายอย่างเต็มที่ด้วย

See also

- The Century Of The Self - A documentary in a similar vein also by Adam Curtis.
- Pandora's Box - A series also by Adam Curtis.

Islamism

- Jihad: The Trail of Political Islam ISBN 0674010906 by Gilles Kepel and his earlier book, The Prophet and the Pharaoh ISBN 0520085434
- His latest book is The War for Muslim Minds ISBN 0674015754, but this was not mentioned by Curtis.
- The best insight into the ideas behind all this are in the writings of Sayyid Qutb - in particular Milestones (also translated as Signposts Along the Road) ISBN 0911119426
- The Failure of Political Islam by Olivier Roy translated by Carol Volk ISBN 0674291417 and
- Globalized Islam:The Search for a New Ummah by Olivier Roy ISBN 0231134983
- Al Qaeda:The True Story of Radical Islam by Jason Burke ISBN 1850436665
- "By far the best book on Afghanistan" The Fragmentation of Afghanistan: State Formation and Collapse in the International System, Second Edition by Barnett Rubin ISBN 0300095198
- and his follow up called The Search for Peace in Afghanistan:From Buffer State to Failed State ISBN 0300063768
-"And Zawahiri's own account of the struggle which is actually very revealing - It is translated as Knights under the Prophet's Banner" says Curtis "I think you can still find it on the internet" Exerpts are here, translation here

The history of Neoconservatism

- The Rise of the Counterestablishment: From Conservative Ideology to Political Power by Sidney Blumenthal ISBN 0060971401
- Neoconservatism: The Autobiography of an Idea by Irving Kristol ISBN 0028740211
- Leo Strauss and the American Right by Shadia Drury ISBN 0312217838
- The Anatomy of Antiliberalism by Stephen Holmes ISBN 0674031857 (Antiliberalism by the same author?)
- Recasting Conservatism by Robert devigne ISBN 0300055943 [3]
- The Closing of the American Mind by Allan Bloom ISBN 0671657151

Reviews

- The Guardian: The making of the terror myth and Al-Qaida is no dark illusion (the latter by David Aaronovitch)
- Christian Science Monitor: Politics of 'fear over vision' explored on British television
- The Times: Kept awake by the politics of fear
- National Review: Clive Davis- The Power of Bad Television
- Robert Scheer: Is Al Qaeda Just a Bush Boogeyman? printed in The Nation[4] and the Los Angeles Times[5]
- Crooked timber: "The Power of Nightmares"
- samizdata.net: Nighmares about Nightmares
Retrieved from "http://en.wikipedia.org/wiki/The_Power_of_Nightmares"
Categories: BBC television programmes | Television documentaries



 




บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ

 

สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด กว่า 700 เรื่อง หนากว่า 10000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

 

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 

 

 

H
ภาพประกอบดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบบทความฟรีสำหรับนักศึกษา จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เพื่อให้ทุกคนที่สนใจศึกษาสามารถ เข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ขอขอบคุณ www.thaiis.com ที่ให้ใช้พื้นที่ฟรี

เรื่องพลังอำนาจของฝันร้าย(The Power of Nightmares)เป็นรายการสารคดีทางโทรทัศน์ของ BBC ที่ได้รับการเขียนและผลิตโดย Adam Curtis. แก่นของสารคดีชุดนี้ คล้ายคลึงกับเรื่องของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ที่พยายามเพิ่มเติมเสริมแต่งเกี่ยวกับการคุกคามของคอมมิวนิสม์ในช่วงทศวรรษที่ 1970s - 1980s ที่ผ่านมานั่นเอง

โดยในครั้งนี้พวกเขาพยายามขยายเรื่องให้เกินความเป็นจริงเกี่ยวกับภัยคุกคามของการก่อการร้าย ซึ่งพวกเขาพยายามเสนอตัวที่จะมาปกป้องเรา ชะตากรรมของลัทธิอนุรักษ์นิยมใหม่และลัทธิอิสลามหัวรุนแรง(neo-conservatism and radical Islamism )ได้ถูกนำมาเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และมันทำให้ประชาชนบางส่วนมีความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มต่างๆเหล่านี้อย่างไม่ถูกต้อง

R
related topic
171148
release date
คลิกไปหน้าสารบัญ(1)
คลิกไปหน้าสารบัญ
(2)
คลิกไปหน้าสารบัญ(3)
คลิกไปหน้าสารบัญ(4)
เพื่อดูบทความใหม่สุด
เว็ปไซต์เผยแพร่ความรู้
เพื่อสาธารณประโยชน์

หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลด text size ของ font ลง
จะช่วยแก้ปัญหาได้


อุดมศึกษาบนเว็ปไซต์ เพียงคลิกก็พลิกผันความรู้ ทำให้เข้าใจและเรียนรู้โลกมากขึ้น
สนใจค้นหาความรู้ในสารานุกรมมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน คลิกที่แบนเนอร์สีน้ำเงิน
สนใจเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน คลิกที่แบนเนอร์สีแดง