นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่าน หากประสงค์จะตรวจดูบทความอื่นๆที่เผยแพร่บนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ท่านสามารถคลิกไปดูได้จากตรงนี้ ไปหน้าสารบัญ
ผลงานวิชาการชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซต์ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ : ไม่สงวนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ทางวิชาการ
เว็ปไซต์นี้สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิ
สำหรับผู้สนใจส่งบทความทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน กรุณาส่งผลงานของท่านมายัง midarticle(at)yahoo.com หรือ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
The author of this work hereby waives all claim of copyright (economic and moral) in this work and immediately places it in the public domain... [copyleft] กรุณานำบทความไปใช้ต่อโดยอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควร

The Midnight University

กรณีสังหาร ๒ นาวิกโยธินที่ตันหยงลิมอ
๖๘๙. สนามรบที่ไม่ต้องการความห้าว
เขียนโดย
ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์
อาจารย์อาวุโส มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ผลงานที่ตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๘

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 689
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๘
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 8 หน้ากระดาษ A4)

หน้าเว็ปเพจนี้ บรรจุบทความที่ตีพิมพ์แล้ว ๒ เรื่อง
๑. สนามรบที่ไม่ต้องการความห้าว : นิธิ เอียวศรีวงศ์
๒. ขอดวงวิญญาณนักสู้เพื่อสันติทั้งสองจงไปสู่สุคติ : เกษียร เตชะพีระ


สนามรบที่ไม่ต้องการความห้าว
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
นักวิจารณ์หลายคนมีความเห็นว่า เหตุการณ์ประทุษร้ายนาวิกโยธินสองท่านจนถึงแก่ชีวิตที่ตำบลตันหยงลิมอ แม้เป็นความสูญเสียที่น่าสลด แต่ก็เป็นชัยชนะทางการเมืองของรัฐบาล. ใช่เลย ไม่ว่ารัฐบาลจะจัดการกับความไม่สงบในภาคใต้อย่างไร้ประสิทธิภาพมาอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ทำให้คนไทยจำนวนมากหยุดตั้งคำถามความไร้ประสิทธิภาพกับรัฐบาล เหตุการณ์นี้ยังช่วยหยุดข้อสงสัยของชาวบ้านในพื้นที่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนในการก่อความไม่สงบ อย่างน้อยก็ทำให้ชาวบ้านยอมรับว่ามีกลุ่มนอกกฎหมายที่ร่วมก่อความไม่สงบด้วยอย่างแน่นอน

เหตุการณ์นี้ยังเป็นโอกาสให้ท่านนายกฯได้แสดงความเป็นผู้รักชาติชนิดเฟ้อ(chauvinistic) ด้วยการประกาศว่า จะรักษาทุกตารางนิ้วของประเทศไทยไว้มิให้มีเขตปลดปล่อยเป็นอันขาด โพลสำนักหนึ่งทำการสำรวจทันทีว่าประชาชนเห็นด้วยกับคำประกาศนี้หรือไม่ เป็นไปตามคาด ย่อมมีผู้เห็นด้วยเกิน 90% (ผมก็ไม่รู้ว่าจะสำรวจทำไมกับคำถามซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร แต่น่าแปลกที่ผู้สำรวจโพลไม่สนใจว่าคนที่ไม่เห็นด้วยไม่ถึง 10% นั้น ให้เหตุผลว่าอย่างไร เพราะตรงนี้ต่างหากที่จะแสดงความซับซ้อนของปัญหา ซึ่งสังคมไทยถูกชักจูงให้มองข้ามตลอดมา)

วีรบุรุษที่เสียชีวิตแล้ว สร้างวีรบุรุษที่ยังหายใจได้ อย่างที่วีรบุรุษตัวจริงในประวัติศาสตร์ทำอย่างนี้เสมอมา
แม้รัฐบาลได้รับชัยชนะทางการเมือง แต่ประเทศไทยได้รับชัยชนะด้วยหรือไม่? คำตอบก็คือ ประเทศไทยไม่มีทางที่จะได้รับชัยชนะโดยไม่ทำอะไรเลย รัฐบาลต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วงชิงผลได้นั้นมาสู่ประเทศไทย ไม่ใช่สู่ตัวรัฐบาลเอง

ผมขอเสนอเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังต่อข้อสรุปข้างต้นดังนี้

ถ้าเราพิจารณาการก่อการร้ายของฝ่ายที่ต้องการแยกดินแดนตั้งแต่ 24 ม.ค.2547 มาจนถึงบัดนี้(ถึงแม้เขาอาจไม่มีส่วนรับผิดชอบต่ออุบัติการณ์ก่อการร้ายทุกครั้ง แต่เขามีส่วนร่วมด้วยในหลายครั้งอย่างแน่นอน) ก็จะเห็นได้ชัดว่า กลุ่มนี้ไม่สนใจปฏิกิริยาของสังคมไทยเลย ไม่เคยแสวงหาพันธมิตรในสังคมไทย และไม่สนใจว่าประชาชนในท้องถิ่นแม้ที่เป็นมลายูมุสลิมด้วยกัน จะเห็นพ้องกับจุดมุ่งหมายทางการเมืองของตัวหรือไม่

"ผู้เห็นใจ" (sympathizer) ทั้งหมด คือผู้ที่ไม่ชอบรัฐบาลไทยหรือรัฐไทยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ร่วมอุดมการณ์และปฏิบัติการกับกลุ่มแยกดินแดน ฉะนั้น แม้แต่จะใช้คำว่า "แนวร่วม" ก็ยังอาจไขว้เขวได้ เพราะ "แนวร่วม" ย่อมรวมเอาคนหลายกลุ่มหลายสีสันไว้ด้วยกัน แม้ไม่ร่วมปฏิบัติการ แต่อย่างน้อยก็ยอมรับเป้าหมายปลายทางของกลุ่มที่เป็นแกน แต่กรณีนี้ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือเป้าหมายปลายทางกันแน่ นอกจากขจัดรัฐบาลไทยหรือรัฐไทยที่ตัวไม่ชอบให้พ้นๆ ออกไปจากชีวิตของตัว หรืออย่างน้อยก็จำกัดอำนาจของรัฐบาลกลางในนามของรัฐไทยลงเสียบ้าง

แต่จะเกิดรัฐปาตานีดารุสซาลามหรือไม่ "ผู้เห็นใจ" ไม่สนใจ ยังไม่พูดถึงว่าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้างในรัฐนั้นจะเป็นอย่างไร ด้วยเหตุดังนั้น ในขณะที่กลุ่มแยกดินแดนก่อการร้ายชนิดที่ผู้รู้ในศาสนาอิสลามรับไม่ได้หลายอย่าง เช่น ฆ่านักบวช, ทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง, รวมทั้งของประชาชนที่เป็นมุสลิมด้วยกันด้วย ทั้งหมดก็เพื่อท้าทายอำนาจรัฐไทย และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า อำนาจที่แท้จริงในพื้นที่อยู่ในมือของเขา ไม่ใช่อยู่ในมือของบางกอก

กลุ่มก่อการร้ายกำลังพูดด้วยภาษาของความรุนแรง ภาษาเดียวกับที่รัฐไทยในประสบการณ์ของชาวบ้านเคยใช้มาแล้ว

ทั้งนี้ เพราะยุทธวิธีของกลุ่มแยกดินแดนเป็นยุทธวิธีที่ง่ายมาก นั่นก็คือ การก่อการร้าย เพื่อดึงการตอบโต้อย่างรุนแรงจากรัฐไทย ยุทธศาสตร์ก็คือ การทำให้ประเด็นการแยกดินแดนเป็นประเด็นระดับนานาชาติ ไม่ใช่การสร้างแรงบีบต่อประเทศไทยจากกลุ่มประเทศมุสลิมเท่านั้น แต่รวมถึงการสร้างแรงบีบจากกลุ่มประเทศตะวันตกและองค์การระหว่างประเทศด้วย (น่าสังเกตอย่างยิ่งว่าขบวนการไม่เคยโจมตีการกระทำของสหรัฐในกรณีอีรักอย่างเจาะจง)

สังคมไทยไม่เกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในส่วนอื่นของประเทศหรือประชาชนในพื้นที่ก็ตาม จะก่นด่าประณามหรือโปรยนกพิราบกระดาษก็ไม่เกี่ยวกับเขา

สนามรบที่แท้จริงจึงอยู่นอกประเทศ แม้เป็นสนามรบที่เขาเป็นฝ่ายเลือก เราก็ไม่มีทางจะแปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้ จำเป็นต้องตามไปรบในสนามนั้นอย่างฉลาด นั่นก็คือ ไม่ใช้ความสามหาวถีบหน้าไหนก็ตามที่โผล่เข้ามายุ่งในเรื่องภาคใต้ เพราะไม่ได้ผล ไม่สามารถกีดกันออกไปได้ ซ้ำยังเข้าทางของฝ่ายแยกดินแดน ตรงที่สร้างภาพความไม่ชอบมาพากลของการปกครองของรัฐไทย จนต้องปิดลับอย่างเข้มงวด

ตรงกันข้ามกับวิธีนั้นก็คือ ยอมรับการท้าทายของฝ่ายแยกดินแดน เปิดตัวเองเพื่อการพิสูจน์แก่โลกอย่างชัดแจ้งว่า ชะตากรรมของประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ย่อมดีที่สุดภายใต้การปกครองของรัฐไทย เพราะเราไม่ใช้อำนาจเข้าไปรังแกประชาชนอย่างที่พวกเขากระทำ

ในสนามรบข้างนอก เราอาจเก็บเกี่ยวประโยชน์จากมรณกรรมของวีรชนทั้งสองที่ตันหยงลิมอได้มาก ถ้าไม่ห่วงแต่จะเก็บเกี่ยวเอาวีรกรรมของทั้งสองท่านมาเป็นประโยชน์ทางการเมืองภายในของตนเอง

ชัดเจนจนแทบไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกว่า มรณกรรมของทั้งสองท่านเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายแยกดินแดน เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมชนิดที่ไม่มีอารยชนที่ไหนจะรับได้ การกระทำอันป่าเถื่อนครั้งนี้ลิดรอนความชอบธรรมใดๆ ที่ฝ่ายแยกดินแดนมีในการเรียกร้องการแทรกแซงจากองค์กรต่างประเทศและนานาชาติ แม้แต่องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างลับๆ ก็ยิ่งจะต้องปิดลับความช่วยเหลือให้มากขึ้น ซึ่งทำให้ไหลไม่คล่องอย่างเคย

ส่วนนานาประเทศที่โน้มเอียงจะ "เป็นกลาง" ในความขัดแย้งระหว่างรัฐไทยและกลุ่มแยกดินแดน ก็จะรู้สึกได้ว่าจุดยืน "เป็นกลาง" นั้นขาดความชอบธรรม หรืออย่างน้อยก็อึดอัดมากขึ้นที่ต้อง "เป็นกลาง" ระหว่างความเหี้ยมโหดป่าเถื่อนกับรัฐ ที่แม้จะไร้ประสิทธิภาพบ้าง ก็พยายามจะสร้างระเบียบและความสงบสุข

แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ ผมเชื่อว่ารัฐบาลไทยต้องเล่นเกมให้ถูก และเล่นเกมเป็น เช่น แทนที่จะทุ่มเทไปกับการวิ่งเต้นให้คนไทยได้เป็นเลขาฯยูเอ็นอย่างเดียว แบ่งเอากำลังที่จะทำการนั้นไปวิ่งเต้นให้เกิดการประณามการกระทำของกลุ่มแยกดินแดนในครั้งนี้ให้กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจเริ่มกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน กับมิตรประเทศที่บางคนอ้างความสนิทสนมกับผู้นำเป็นพิเศษ เช่น จีนและสหรัฐฯ

ถ้าเล่นเกมถูกและเป็น เราจะสามารถบีบฝ่ายตรงข้ามให้เหลือพื้นที่ในสนามรบนอกประเทศแคบลงไปเรื่อยๆ(แน่นอนว่าเราต้องทำให้การปกครองภายในของเราเป็นธรรม และเกื้อกูลต่อประชาชนในพื้นที่ไปพร้อมกัน)

ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามกันให้ความไม่สงบในภาคใต้เป็นกิจการภายในอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็ถูกในแง่ที่ว่าการแทรกแซงจากภายนอกจะยิ่งทำให้ปัญหาซับซ้อน และมัดแขนมัดขาการตอบโต้ของรัฐบาลมากขึ้น แต่เราไม่ได้เป็นผู้กำหนดเกมแต่ผู้เดียว ฝ่ายแข็งข้อก็มีส่วนในการกำหนดเช่นกัน โดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งหรือเบี่ยงเบนนโยบายของเขา เราจึงไม่อาจต่อสู้กับเขาในสนามรบที่เขากำหนดขึ้นได้

ทั้งๆ ที่รัฐไทยมีศักยภาพในการต่อสู้ในสนามนั้นมากกว่าที่เขาคาดคิดมากนัก เพียงแต่เราไม่เคยนำเอาศักยภาพนั้นมาใช้ให้เต็มที่ เราจึงควรแฉโพยความป่าเถื่อนโหดร้ายของเขาที่กระทำต่อประชาชนไปให้กว้างไกลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการกระทำครั้งนี้หรือครั้งใดก็ตาม(แต่เราต้องไม่โกหก ไม่โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ซัดทอดโดยไร้เหตุผลและหลักฐานรัดกุม) เราต้องใช้เครื่องมือและกลไกของรัฐเพื่อการนี้ให้เต็มที่

ในขณะเดียวกัน เราควรดึงให้โครงการพัฒนาในพื้นที่(ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประชาชน) เป็นโครงการที่มีลักษณะนานาชาติ เช่น หากต้องการปรับปรุงการสอนศาสนาสถาบันการศึกษา ตั้งแต่ระดับปอเนาะขึ้นมาถึงมหาวิทยาลัย ก็ควรทำเป็นโครงการร่วมมือระหว่างประเทศกับประเทศมุสลิม ทั้งในกลุ่มอาเซียนและในตะวันออกกลาง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เราจะสามารถคว้าชัยชนะในสนามรบของเขาเองได้ ต้องขึ้นกับเงื่อนไขสองอย่าง

หนึ่ง คือ เมื่อพร้อมจะเปิดหลังให้คนอื่นดู หลังของเราต้องไม่มีแผล แม้เราไม่อาจปิดบังแผลเป็นได้ แต่ต้องไม่มีแผลสด
สอง ผู้นำประเทศต้องเลิกใฝ่ฝันจะเป็นวีรบุรุษที่เอาเลือดทาแผ่นดินเสียที นั่นอาจได้ประโยชน์ทางการเมืองในท่ามกลางประชากรที่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของลัทธิคลั่งชาติ แต่ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย และในหลายกรณีอาจเสียหายด้วย

ผมขอจบด้วยการพูดสิ่งที่ท่านผู้นำชอบพูดเสมอก็คือ คิดถึงบ้านเมืองให้มากกว่าตัวเอง


กรณีสังหาร ๒ นาวิกโยธินที่ตันหยงลิมอ
๖๙๐. ขอดวงวิญญาณนักสู้เพื่อสันติทั้งสองจงไปสู่สุคติ
เขียนโดย
เกษียร เตชะพีระ
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผลงานที่ตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 689
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๘
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 3.5 หน้ากระดาษ A4)


ก่อนอื่นผมขอไว้อาลัยต่อการเสียสละชีวิตอย่างกล้าหาญของนาวาเอกวินัย นาคะบุตร กับนาวาตรีคำธร ทองเอียด สองนาวิกโยธินแห่งกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ 5 บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังบุตร ภรรยา และญาติมิตรของท่านทั้งสองที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รัก เป็นหลักเป็นแกน เป็นขวัญกำลังใจของครอบครัวและหน่วยงาน อย่างน่าเศร้าสลดไปก่อนเวลาอันควร

หวังว่าน้ำตา กำลังใจ และความช่วยเหลือที่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศมอบให้ จะมีส่วนปลอมประโลมให้ผู้สูญเสียบรรเทาความเจ็บปวดบอบช้ำลงได้บ้าง เพื่อผองเราผู้อยู่หลังจะร่วมกันสานต่อภารกิจ นำสันติสุขกลับคืนมาสู่แผ่นดินภาคใต้สืบต่อไป มิให้เลือดเนื้อชีวิตของท่านทั้งสองสูญเปล่า

ชีวิตเลือดเนื้อของทหาร ตำรวจ ครู อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนที่สูญเสียไปในสงครามภาคใต้ในปีกว่าที่ผ่านมา ล้วนเป็นที่เจ็บปวดและน่าเสียดายของเราทั้งหลาย แต่ที่กรณีการสละชีวิตของนาวาเอกวินัย กับนาวาตรีคำธรครั้งนี้ ยิ่งเจ็บปวดและน่าเสียดายเป็นพิเศษ ก็เพราะท่านทั้งสองได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปฏิบัติหน้าที่และการกระทำที่เป็นจริงในยามคับขันว่า ท่านเป็น...

ผู้เพียรพยายามเข้าใจ เข้าถึง และรับใช้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างจริงจังและจริงใจ ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา หัดเรียนรู้จนสามารถพูดคุยกับชาวบ้านด้วยภาษามลายูพื้นถิ่น แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนดูแลช่วยเหลือกิจการต่างๆ ในหมู่บ้านเป็นประจำ แม้ในคืนเกิดเหตุยิงชาวบ้านที่ร้านน้ำชา ก็เสี่ยงขับรถออกมาเพื่อจะช่วยชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ผู้บาดเจ็บ

ผู้ยึดมั่นยืนหยัดต่อสู้ในแนวทางการเมืองนำการทหาร สมานฉันท์ และสันติวิธี เมื่อถูกชาวบ้านล้อมกรอบด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายในคืนเกิดเหตุ แม้ท่านทั้งสองจะมีอายุปืนพกและเอ็ม 16 ครบมือ แต่ก็มิได้ยิงต่อสู้ขัดขืน ตัดสินใจเสี่ยงวางปืนยอมให้ชาวบ้านคุมตัวไป มุ่งอาศัยความดีงาม ความบริสุทธิ์ และความเชื่อถือไว้วางใจที่ปลูกสร้างไว้กับชาวบ้านเป็นเครื่องคุ้มครองตัว แทนที่จะใช้อาวุธปืนยิงฝ่าออกไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่เข้าใจผิด และเปิดช่องให้ผู้ก่อความไม่สงบอ้างเป็นเหตุปลุกปั่นยุยงให้เรื่องราวบานปลาย

และที่สำคัญเหนืออื่นใด ท่านทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด ความหมายใด

หากท่านมีส่วนในเหตุลอบยิงที่ร้านน้ำชา ท่านยังจะรั้งรออยู่บริเวณที่เกิดเหตุ อีกทั้งยอมวางปืนให้ชาวบ้านกุมตัวไปโดยไม่ยิงต่อสู้ขัดขืนหรือ? การที่ท่านยอมให้ชาวบ้านผู้เข้าใจผิดคุมตัวไป ก็มิใช่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยเอาความปลอดภัยของชีวิตร่างกายตัวเองเป็นเดิมพันดอกหรือ? และต่อให้นี่เป็นกรณีควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ในทางกฎหมายก็ต้องถือว่าท่านทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ตามกระบวนการในศาลสถิตยุติธรรมจนถึงที่สุดว่าผิดจริงมิใช่หรือ?

ฉะนั้น ไม่ว่าจะโดยข้อเท็จจริงแวดล้อม ศีลธรรม และกฎหมาย นาวิกโยธินทั้งสองท่านล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้นทั้งสิ้น แล้วคนดี คนบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นนักสู้เพื่อสันติอีกสองคนก็ต้องมาล้มตายสังเวยให้กับสงคราม ความหวาดระแวงและความไม่เชื่อถือ หมดศรัทธา ระหว่างคนไทยร่วมแผ่นดินเดียวกันอีก

จะบอกว่า ท่านทั้งสองตกเป็นเหยื่อแผนร้าย แผนลวงของผู้ก่อความไม่สงบ ก็อาจจะใช่ แต่มองกว้างออกไปกว่านั้น พวกท่านและพี่น้องทหาร ตำรวจ ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ข้าราชการ รวมทั้งชาวบ้านอีกนับร้อยนับพัน ก็ตกเป็นเหยื่อบริสุทธิ์ของ... ความหวาดระแวงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจทางราชการของชาวบ้าน ความหมดสิ้นศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมของชาวบ้าน

ความรู้สึกว่ารัฐทั้งอ่อนแอและล้มเหลวในการทำหน้าที่ปกป้องร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของชาวบ้าน จนชาวบ้านหันมาพึ่งกำลังของชุมชนในการปกป้องตัวเองนอกกรอบของกฎหมาย และโน้มเอียงที่จะเชื่อข่าวลือของผู้ก่อความไม่สงบ แทนที่จะเชื่อถือข่าวสารราชการ หรือแม้แต่ข่าวสื่อมวลชนไทย

จุดอ่อนช่องโหว่ดำรงอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ สังคมไทยกับชาวบ้านชายแดนภาคใต้มากมายถึงปานนี้ เพียงผู้ก่อความไม่สงบไม่กี่สิบ ข่าวลือไม่กี่ชิ้น ก็สามารถปั่นหัวชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่เป็นร้อยเป็นพันให้เข้าใจผิดกัน หันมาเผชิญหน้ากันและใช้ความรุนแรงต่อกันได้อย่างง่ายดาย

การแก้ไขจุดอ่อน ปิดช่องโหว่ซึ่งฟักตัวเน่าในมายาวนาน ย่อมไม่ง่าย ต้องอาศัยทั้งความเพียร ความอดกลั้น ความอดทน ความเสียสละ สติปัญญา และยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ชาญฉลาด ลึกซึ้งเยือกเย็น รอบคอบรัดกุม แน่วแน่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ด้อยไปกว่าที่นาวาเอกวินัย กับนาวาตรีคำธรได้แสดงออกมา และพิสูจน์ด้วยเลือดเนื้อชีวิตของตนเอง

อันที่จริงเจ้าหน้าที่ราชการในพื้นที่ก็ได้เริ่มเดินมาบนหนทางต่อสู้แบบการเมืองนำการทหาร - สมานฉันท์ - สันติวิธี ดังกล่าวนี้บ้างแล้ว ดังที่เราได้เห็นทางราชการและชาวบ้านตันหยงลิมอ เจรจาต่อรองกันอย่างสันติเพื่อหาทางออกกรณีการกักตัวสองนาวิกโยธินอยู่ถึง 19 ชั่วโมง ทั้งที่มันง่ายกว่าเยอะและเร็วกว่ามากที่จะใช้กำลังพลและอาวุธที่เหนือกว่า ลุยเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตรในหมู่บ้านเพื่อช่วยตัวนาวิกโยธินทั้งสองออกมา ทว่าทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็อดกลั้น เพราะเข้าใจว่า ในสงครามการเมืองที่ประชาชนเป็นเดิมพัน การชิงพื้นที่ภูมิประเทศกายภาพ สำคัญน้อยกว่าการชิงพื้นที่ในใจของประชาชน

การใช้กำลังลุกตะลุยเข้าไปปลดปล่อยเพื่อนนาวิกโยธินทั้งสองอาจไม่ยากในแง่ปฏิบัติการ โดยเฉพาะหากไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ย่อมพลอยจะเกิดขึ้นบ้างแก่ผู้คนรอบข้าง แต่นั่นไม่ใช่ชัยชนะในสงครามการเมืองแบบนี้ เพราะนี่เป็นสงครามที่ชี้ขาดด้วยการเปลี่ยนใจชาวบ้านทีละคนให้กลับมาไว้ใจรัฐว่า รัฐเป็นของเขาและให้ศรัทธากระบวนการยุติธรรม ว่าสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่เขา

ชัยชนะทางการเมืองที่ทางราชการผู้เจรจามุ่งหวังจึงเป็นการให้ชาวบ้านเข้าใจ ไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ ยอมปล่อยสองนาวิกโยธินออกมาเอง และช่วยปกป้องประกันความปลอดภัยของนาวิกโยธินทั้งสองเอง ดังที่ปรากฏข่าวว่า กลุ่มหญิงชาวบ้านคอยแวดล้อมปกป้องนาวิกโยธินทั้งสอง จากกลุ่มวัยรุ่นไม่ให้เข้ามาทำร้ายอยู่นานหลายชั่วโมง

นั่นหมายความว่า สุดท้ายรัฐกับชาวบ้านสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งกันได้ด้วยสันติวิธี ไม่มีใครสักคนต้องมาตาย ต้องถูกฆ่า หรือทำร้ายบาดเจ็บเพราะความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดต่อกัน

อนิจจา...เราทำไม่สำเร็จ ความหวาดระแวง ความหมดศรัทธา ความเกลียดชัง และความรุนแรงเป็นฝ่ายชนะ, ทั้งเจ้าหน้าที่ราชการและชาวบ้านที่เจรจาหาทางออกประสบความล้มเหลว, และเราต้องสูญเสียนักสู้เพื่อสันติทั้งสองท่านั้นไปอย่างเจ็บปวดรวดร้าวและน่าเสียดายที่สุด

สันติวิธีไม่ใช่การยอมจำนน สันติวิธีคือวิธีการต่อสู้ในสงครามการเมืองที่เดิมพันคือการชนะใจประชาชน หลอมรวมใจประชาชนกับใจรัฐเป็นหนึ่งเดียว ในการต่อสู้นี้ ย่อมมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งรักษาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้ได้และสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ไป บางทีความไว้ใจและศรัทธาระหว่างกันที่ถูกทำลายไปเพราะเลือดเนื้อชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ถูกผลาญพร่าอย่างมักง่าย สิ้นคิด ก็ต้องจ่ายราคาไม่น้อยกว่ากันเพื่อเรียกคืนมา

แต่เราหยุดไม่ได้ หันหลังให้หนทางนี้ไม่ได้ เพราะการหันหลังให้สันติวิธีก็คือ ความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดในสงครามการเมือง

สิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการต่อสู้ด้วยสันติวิธีคือ มาตรฐานทางศีลธรรม นั่นหมายความว่า หลักเกณฑ์ หลักการทางศีลธรรมที่เราเรียกร้องจากคนอื่น เราเองต้องปฏิบัติให้ได้ด้วย มิฉะนั้นเราก็ไม่คู่ควรกับการต่อสู้ในแนวทางนี้

ชาวบ้านตันหยงลิมอและพี่น้องมลายูมุสลิมภาคใต้ ได้เรียกร้องความยุติธรรมจากกรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้ม กรณีมัสยิดกรือเซะ กรณีสะบ้าย้อย กรณีตากใบ กรณีชาวบ้านถูกลอบยิงตาย 2 บาดเจ็บ 4 ที่ร้านน้ำชาในหมู่บ้านตันหยิงลิมอ และกรณีอื่นๆ ฉันใด พวกท่านก็มีพันธะหน้าที่ต้องธำรงรักษาความยุติธรรมด้วยหลักเกณฑ์หลักการและมาตรฐานเดียวกันในการต่อสู้อย่างสันติฉันนั้น จะปล่อยให้มีศาลเตี้ยที่ตำรวจ ผู้พิพากษา และเพชฌฆาตอยู่ในตัวพร้อมกันมิได้

จะปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ที่เพียงแต่ต้องสงสัย และยอมตนอยู่ในความควบคุมดูแลของท่านถูกทำร้ายทรมาน และสังหารอย่างป่าเถื่อนมิได้

ท่านจะต้องรับผิดชอบทางศีลธรรมต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุกชีวิต ไม่ว่าฝ่ายไหน เท่าที่อยู่ในวิสัยการปกป้องดูแลของท่าน เยี่ยงเดียวกับที่ท่านเรียกร้องให้ฝ่ายอื่นรับผิดชอบต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่เป็นญาติมิตรพี่น้องของท่านเช่นกัน

ต่อความตายของสองนาวิกโยธิน ขั้นต่ำที่สุดที่พวกท่านพึงทำและทำได้คือ ละอายแก่ใจ, สำนึกผิด, กล่าวคำขอโทษออกมา, และร่วมมือกับทางราชการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม

เพื่อที่บางทีพวกเราและลูกหลานของเราจะสามารถให้อภัยแก่กันและกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสืบไป

 

 

 

บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ

 

สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I สารบัญเนื้อหา 3
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)yahoo.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

 

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด กว่า 680 เรื่อง หนากว่า 9500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

 

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 

 

 

คำโปรย คัดลอกมาจากบทความ เพื่อให้มองเห็นเนื้อความที่น่าสนใจบางส่วน
H
ภาพประกอบดัดแปลงเพื่อใช้ประกอบบทความฟรีสำหรับนักศึกษา จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เพื่อให้ทุกคนที่สนใจศึกษาสามารถ เข้าถึงอุดมศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
การหันหลังให้สันติวิธีก็คือ ความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดในสงครามการเมือง สิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการต่อสู้ด้วยสันติวิธีคือ มาตรฐานทางศีลธรรม นั่นหมายความว่า หลักเกณฑ์ หลักการทางศีลธรรมที่เราเรียกร้องจากคนอื่น เราเองต้องปฏิบัติให้ได้ด้วย มิฉะนั้นเราก็ไม่คู่ควรกับการต่อสู้ในแนวทางนี้
ขอขอบคุณ www.thaiis.com ที่ให้ใช้พื้นที่ฟรี

ชัดเจนจนแทบไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกว่า มรณกรรมของทั้งสองท่านเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายแยกดินแดน เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมชนิดที่ไม่มีอารยชนที่ไหนจะรับได้ การกระทำอันป่าเถื่อนครั้งนี้ลิดรอนความชอบธรรมใดๆ ที่ฝ่ายแยกดินแดนมีในการเรียกร้องการแทรกแซงจากองค์กรต่างประเทศและนานาชาติ แม้แต่องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างลับๆ ก็ยิ่งจะต้องปิดลับความช่วยเหลือให้มากขึ้น ซึ่งทำให้ไหลไม่คล่องอย่างเคย

ส่วนนานาประเทศที่โน้มเอียงจะ "เป็นกลาง" ในความขัดแย้งระหว่างรัฐไทยและกลุ่มแยกดินแดน ก็จะรู้สึกได้ว่าจุดยืน "เป็นกลาง" นั้นขาดความชอบธรรม หรืออย่างน้อยก็อึดอัดมากขึ้นที่ต้อง "เป็นกลาง" ระหว่างความเหี้ยมโหดป่าเถื่อนกับรัฐ ที่แม้จะไร้ประสิทธิภาพบ้าง ก็พยายามจะสร้างระเบียบและความสงบสุข

R
related topic
031048
release date
คลิกไปหน้าสารบัญ(1)
คลิกไปหน้าสารบัญ
(2)
คลิกไปหน้าสารบัญ(3)
คลิกไปหน้าสารบัญ(4)
เพื่อดูบทความใหม่สุด
เว็ปไซต์เผยแพร่ความรู้
เพื่อสาธารณประโยชน์

หากนักศึกษาหรือสมาชิก ประสบปัญหาภาพและตัวหนังสือซ้อนกัน กรุณาลด text size ของ font ลง
จะช่วยแก้ปัญหาได้