Postmodernity - Postmodern Art
The Midnight University
ศิลปะหลังสมัยใหม่สำหรับนักศึกษาศิลปะ
๑๐
ชั่วโมงกับศิลปะหลังสมัยใหม่และบริบทเกี่ยวเนื่อง
สมเกียรติ
ตั้งนโม
คณะวิจิตรศิลป์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
บทความบนหน้าเว็บเพจนี้
ได้รับมาจากผู้เขียนเพื่อเผยแพร่สำหรับการศึกษา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อและรายละเอียดคำบรรยายเรื่อง
ศิลปะหลังสมัยใหม่โดยสังเขป
สำหรับนักศึกษาศิลปะ โดยได้วางโครงเรื่องระหว่างตัวบทกับบริบทให้เห็นถึงความสัมพันธ์กัน
แนวทางการบรรยายได้ยึดถือเอาวิธีการทางปรัชญาวิภาษวิธีมาใช้
เพื่อสร้างความเข้าใจเชิงเปรียบเทียบ
midnightuniv(at)yahoo.com
(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้
ได้มีการแก้ไขและตัดแต่งไปจากต้นฉบับบางส่วน
เพื่อความเหมาะสมเป็นการเฉพาะสำหรับเว็บไซต์แห่งนี้
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 1064
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
10 หน้ากระดาษ A4)
๑๐ ชั่วโมงกับศิลปะหลังสมัยใหม่และบริบทเกี่ยวเนื่อง
Modern - anti Modern และ Postmodern
สมเกียรติ ตั้งนโม : คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ความนำ
10 ชั่วโมงกับศิลปะหลังสมัยใหม่และบริบทเกี่ยวเนื่อง เดิมทีเป็นการเตรียมเนื้อหาขึ้นมาสำหรับเป็นแนวทางการบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะหลังสมัยใหม่
สำหรับนักศึกษาศิลปะ โดยให้ภาพรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และบริบทเกี่ยวเนื่องกับการเมือง
เศรษฐกิจ และสังคมสมัยใหม่ เปรียบเทียบกับพัฒนาการและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุคหลังสมัยใหม่
เพื่อให้เห็นภาพความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมโดยรวม มากกว่าที่จะทำความรู้จักศิลปะสมัยใหม่และหลังสมัยใหม่แบบเดิม
โดยตัดแยกหรือฉีกขาดออกจากความสัมพันธ์กับโครงสร้างหลักที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสังคม
แนวทางการบรรยายได้ใช้แนวคิดคำอธิบายเชิงปรัชญาวิภาษวิธี เพื่อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น และปัจจัยต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับสิ่งที่มีมาแต่เดิม และนำมาสู่การสังเคราะห์เพื่อก่อตัวเป็นข้อสรุปใหม่ ซึ่งการเลือกใช้วิธีการอธิบายทำนองนี้ ผู้บรรยายเชื่อว่าจะทำให้นักศึกษาเข้าใจภาพที่ปรากฏการณ์ได้ชัดเจนมากขึ้น
วิธีการนำเสนอสำหรับการทำความเข้าใจศิลปะและบริบทสังคมหลังสมัยใหม่ในที่นี้ จะเตรียมขึ้นเพื่อนำเสนอผ่านโปรแกรม power point โดยกำหนดเป็นหัวข้อบรรยายในลักษณะคร่าวๆ เพื่อให้เห็นกรอบและโครงร่างที่ไล่เลียงไปตามลำดับในเรื่องราวเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในลักษณะสังเขป โดยจะมีการเพิ่มประเด็น และรายละเอียดในระหว่างการบรรยายในแต่ละชั่วโมง พร้อมเชื่อมโยงประเด็นต่างๆ บนกระดานระหว่างชั่วโมงสอนประกอบ เพื่อให้เห็นปรากฏการณ์ต่างๆได้ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้จะได้มีการฉายภาพสไลด์ผลงานทางด้านศิลปะในแขนงต่างๆ สถาปัตยกรรม และภาพเคลื่อนไหวประกอบ อีกทั้งยังมีการนำเสนอตัวอย่างภาพยนตร์เชิงเปรียบเทียบ และสื่อและวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น วรรณกรรม ดนตรี วีดิทัศน์ โฆษณาทางโทรทัศน์ และนิตยสารต่างๆ ซึ่งสัมพันธ์กับคำอธิบายเพื่อมาช่วยในการสร้างภาพความเข้าใจเกี่ยวกับยุคสมัยและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของภาพโครงสร้างใหญ่ ทั้งนี้โดยตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทและบริบทที่ต้องทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
ข้างล่างต่อไปนี้คือหัวข้อและรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับการบรรยาย ที่เสนอผ่าน power point และเอกสารที่แจกให้กับนักศึกษาศิลปะ เพื่อใช้เป็นกรอบและโครงร่างเพื่อติดตามการบรรยายและการดำเนินเรื่องโดยภาพรวม ๑๐ ชั่วโมง ในการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องศิลปะหลังสมัยใหม่
แนวคิดคำอธิบายแบบวิภาษวิธี
Dialectic (Hegel, Georg Wilhelm Friedrich. 1770-1831)
thesis, antithesis, synthesis.
Modern, postmodern, ???
POSTMODERN
Aftermodern / Against modernism (Robert Atkins)
ผู้นำคำว่า Postmodern นี้มาใช้ครั้งแรกคือ Daniel Bell ในเรื่อง End of Ideology
(อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)
อีกหนึ่งทศวรรษต่อมา Charles Jencks ได้นำคำนี้มาใช้ และใช้กันทั่วไปในทศวรรษที่
1970
- Charles
Jencks อธิบายคำนี้ว่าคือ a half way house
- Post - avant-garde ศัพท์คำนี้ Peter Burger นำมาใช้ (บ่งถึงความล้มเหลวของ
surrealists)
- Post-Photography (ยุคหลังภาพถ่าย) (ภาพดิจิตอล, ภาพเอนิเมชั่น)
POSTMODERNISM
- เป็นยุคของแนวคิดการตีกลับ และ/หรือ การขยายหลักการของ modernism
1. MODERN
- MODERNITY - MODERNISM
- อธิบายคำทั้ง ๓ คำนี้ที่มีความหมายแตกต่างกัน (บรรยาย)
- กระบวนการ the Enlightenment ก่อให้เกิดยุคสมัยใหม่ เป็นยุคแห่งเหตุผล(the
Age of Reason)ขึ้นมาแทนที่ศาสนาซึ่งตรึงอยู่กับศรัทธา(faith) ยุคที่เชื่อในความก้าวหน้า(progression)
ซึ่งเป็นฐานให้เกิดการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เป็นฐานให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม
และต่อมาทำให้เกิดยุคการแผ่ขยายทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม
ด้านเศรษฐกิจ
ในยุค Modern
- มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม / ยุคเครื่องจักรพัฒนา
- ส่วนซีกโลกตะวันตกยึดถือเศรษฐกิจแบบทุนนิยม(Capitalism) - production, distribution,
consumption.
- แนวคิดกำไรขาดทุนเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นมนุษย์ (ตลาดเป็นทรราช
เข้ามากำหนดและครอบงำสังคมและวิถีชีวิตเกือบทั้งหมด)
- เกิดชนชั้นกลางในเมืองขึ้นมากมายในภาคบริการ เกิดชนชั้นแรงงานภาคอุตสาหกรรม
- แนวเศรษฐกิจทุนนิยมได้กระจายตัวไปทั่วโลก ผ่านยุคอาณานิคม, ยุคพัฒนา, และยุคโลกาภิวัตน์ตามลำดับ
- ยุคสมัยใหม่ (Modern Age) มีการประนีประนอมกับยุคอุตสาหกรรม และการเปิดพื้นที่การผลิตขนานใหญ่ทั้งทางด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมต่างๆ
- เศรษฐกิจแบบทุนนิยมตะวันตก เป็นกลไกของการสร้างวิถีชีวิตแบบสุขนิยมขึ้นมา
โดยผ่านการมอมเมาของภาพลักษณ์ที่กระตุ้นเรื่องทางเพศ และหีบห่ออันแวววาว สด
ใหม่ อันแสดงถึงความเป็นหนุ่มสาวหรืออุดมคติต่างๆ
- สังคมชนชั้นกลางได้รับผลกระทบของแนวคิดเศรษฐกจแบบทุนนิยม และแยกตัวออกมาจากมาตรการทางศีลธรรม
ทั้งนี้เพื่อให้ปัจเจกบุคคลวิ่งไล่ตามความต้องการต่างๆ ของตัวตนได้อย่างเต็มที่
ด้านการเมือง
ในยุค Modern Age
- มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน ระหว่าง"ศาสนาจักร"กับ"อาณาจักร"(religious
life - secular life)
- ยุค the Enlightenment ถือเป็นจุดหักเหที่ชัดเจนจากอิทธิพลทางศาสนา และยุคศรัทธามาสู่ยุคเหตุผล(the
Age of Reason) ในทางการเมืองเกิดคำที่มีความหมายแบบ "เสรีภาพ" -
"อิสรภาพ" และ "ปัจเจกภาพ"ขึ้นมา (คำนี้มีนัยะที่เป็นการต่อต้านการควบคุม
และต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมจากโครงสร้างความคิดเก่าทางศาสนา)
- เกิดการปฏิวัติทางการเมือง เกิดขบวนการประชาธิปไตย (เสรีภาพ, อิสรภาพ, และประชาชน)
- เกิดการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ และสังคมนิยม (ต่อมาได้ล่มสลายลงในปลายคริสตศตวรรษที่
๒๐)
- เกิดการเมืองของชนชั้นนำในนามประชาธิปไตย เกิดธนาธิปไตย / ธนกิจการเมือง
- ธุรกิจการเมือง (money politics)
ด้านสังคมวัฒนธรรม
ในยุค Modern Age
- คริสตศตวรรษที่ 18 วิจิตรศิลป์(Fine Arts)เป็นสถาบันขึ้นมา และเป็นอิสระจากเรื่องราวชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาและราชสำนัก
อาณาจักร
- คริสตศตวรรษที่ 19 เกิดแนวคิดสุนทรียภาพ ศิลปะเพื่อศิลปะ เกิดแนวคิดศิลปะแบบ individualism ขึ้นมา โดยศิลปะเองไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับสังคมและชีวิตประจำวัน (ตย. การเขียนภาพทิวทัศน์ที่ไม่มีภาพคน เริ่มเกิดขึ้นมา ก่อนหน้านี้ภาพทิวทัศน์ทำหน้าที่เป็นเพียงฉากหลังของภาพเท่านั้น [ยกเว้นในสมัยโรมัน ที่มีบทกวีและภาพเขียนทำนองชื่นชมธรรมชาติ])
- สังคมวัฒนธรรมเกือบทั่วโลกได้ถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็น hegemonic culture (การมีอำนาจนำทางวัฒนธรรม ความเป็นประมุขทางวัฒนธรรม) ทั้งนี้โดยผ่านระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่ต้องการให้มีวัฒนธรรมที่เป็นแบบเดียวกันในการแพร่กระจายผลผลิต(distribute product). (สรุปและเพิ่มเติมจากคำอธิบายของ Antonio Gramsci) / (hegemonic culture - Globalization, คำตรงข้าม Localization) - (อธิบาย Development) (อธิบาย fundamentalism).
- life-world ได้รับเชื้อจากลัทธิ modernism เช่น เรื่องการแสดงความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่, การเรียกร้องประสบการณ์ส่วนตัวที่แท้จริง, และลัทธิปัจเจกชนนิยม
- ทางด้านเชื้อชาติ
คนผิวขาว(white man)เป็นใหญ่ ค่อนข้างมีอิทธิพลครอบงำ และอ้างความมีวัฒนธรรมที่สูงกว่าชนชาติอื่นๆ
- ผู้ชายเป็นใหญ่ (masculine) ขาดความเสมอภาคระหว่างหญิง/ชาย
- เชิดชูความเป็นผู้เชี่ยวชาญ และกระบวนการ specialization
- เกิดแนวคิดปัจเจกนิยมขึ้นมา แทนที่แนวคิดเรื่องชุมชนในยุคเกษตร
- ทางด้านศิลปะ ได้มีการแบ่งแยกระหว่าง high art ออกมาจาก low art และ popular
art
สุนทรียศาสตร์
ในยุค Modern
เรียกร้องความสดและความใหม่, สไตล์ไม่เหมือนใคร,
- Novelty, Invention, Creation (ความแปลก, การประดิษฐ์คิดค้น, การสร้างสรรค์)
งานศิลปะในยุคสมัยใหม่เน้นคำที่เป็นกริยาพวกนี้เป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของเป้าหมาย(objective)เท่าที่ควร
- เรียกร้องให้สุนทรียภาพมีความเป็นอิสระจากเรื่องศีลธรรม (autonomy of the
aesthetic from moral norms). (Daniel Bell)
- ให้คุณค่าอย่างสูงมากต่อสิ่งใหม่ๆ และการทดลอง (by valuing more highly the
new and experimental). (Daniel Bell) และ
- นำเรื่องของตัวตน(ความคิดริเริ่มและเอกลักษณ์) มาเป็นมาตรฐานตัดสินทางวัฒนธรรม
(originality - identity)
- มีปฏิกริยาต่อศิลปะแบบ academic, eclecticism(เลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด
เช่น ในสมัยวิคตอเรียน) ปฏิเสธความงามที่ปราศจากประโยชน์ใช้สอย ซึ่งเนื่องมาจากยุคพัฒนาทางด้านเครื่องจักร
- ทางด้านสถาปัตยกรรม เกิดแนวคิดแบบ form follow function, ทางศิลปะเกิดสถาบันอย่าง
เบาว์เฮาส์ ขึ้นมา
- ปฏิเสธลวดลายและสิ่งประดับ(ornament) หันมาชื่นชอบกับรูปทรงเรขาคณิต(แบบเครื่องจักร)
และความเรียบง่าย simplicity, clarity, uniformity, purity, order and rationality.
- ปฏิเสธสไตล์ท้องถิ่น หรือวัฒนธรรมประจำชาติ ให้การเชิดชูความเป็นสากล หรือ
international styles.
- ยุคนี้ถือว่าเป็น the tradition of the new (Harold Rosenberg)
- ให้การยกย่อง Originality อย่างสูง experiment, innovation, novelty.
สรุป : ศิลปกรรมในยุคโมเดิร์น
- จากปรากฏการณ์ทางด้านศิลปะต่างๆข้างต้นนี้ เราต้องใช้ต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเช่นนี้โดย การสูญเสียความเชื่อมโยงและความสอดคล้องทางวัฒนธรรม และความเป็นท้องถิ่น โดยเฉพาะการขยายตัวของท่าทีที่ขัดแย้งกับมาตรการทางศีลธรรม
- รสนิยมทางศิลปะที่มีมาก่อนหน้านั้น เคยเป็นของผู้อุปถัมภ์ เช่น ศาสนาจักร และอาณาจักร ชนชั้นสูง ขุนนาง คหบดี กลายมาเป็นรสนิยมของชนชั้นกลาง ตลาดศิลปะ และตัวตนของศิลปินที่ถูกครอบงำโดยแนวคิดวัฒนธรรมกระแสหลักของ modernism
- ในทางการเมือง ก่อให้เกิดศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะในแนวทางสังคมนิยมในโลกคอมมิวนิสต์ ทั้งทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม และภาพยนตร์ ฯลฯ- Modernism ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแนวคิดที่โจมตีต่อความคิดความเชื่อเก่า(orthodox) พอมาถึงทศวรรษที่ 1960 แนวทางทั้งหลายแบบ modernism ได้กลายเป็นความคิด orthodox (คร่ำครึ) เสียเอง
2. POSTMODERN - POSTMODERNITY
- POSTMODERNISM
อธิบายคำ ๓ คำนี้ที่มีความหมายแตกต่างกัน (บรรยาย)
ลักษณะทางสังคมของยุค
POSTMODERN AGE
multi - media, multi - racial, multi - culture
ช่วงปี 1960 - 1970 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม
และการเมืองขนานใหญ่
- มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบทางเศรษฐกิจ อันเป็นที่มาของแนวคิด Neo-liberalism
ในเวลาต่อมา (deregulation, capital flow, privatization เป็นต้น) เงินทุน
เศรษฐกิจการเงิน ไหลเวียนอย่างอิสระ มีการแปรรูปและแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคของการลงทุนไปทั่วโลก
มีการจัดตั้งองค์การค้าโลก มีการทำสัญญาการค้าในลักษณะทวิภาคี (FTA) จีนและอินเดียมีการเปลี่ยนแปลง
และความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
- บริษัทยักษ์ใหญ่มีสาขาไปทั่วโลก
พร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร ทำให้อาณาเขตของประชาชาติพ้นสมัย
ซึ่งเป็นผลมาจากพัฒนาการทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและการสนับสนุนของเทคโนโลยีสานสนเทศ
(ในเวลาเดียวกันกับที่เป็นความได้ประโยชน์ของตัวมัน ก็เป็นผลเสียของตัวมันเองด้วย)
- ผู้คนเริ่มมองเห็นแล้วถึงพิษภัยของทุนนิยม
ธนาธิปไตย ธนกิจการเมือง และวัฒนธรรมนำ ของโลกในยุค Modern / กล่าวคือ การตักตวงทรัพยกรอย่างไม่มีขีดจำกัด
นายทุนเข้าสู่ระบบการเมืองทำให้การจัดสรรทรัพยากรไม่เป็นธรรม วัฒนธรรมนำของตะวันตกทำลายวัฒนธรรมท้องถิ่นและครอบงำวิถีชีวิต
ตลาด(ทรราช)ได้เข้ามากำหนดคุณภาพของชีวิต
- neo-conservatism
กล่าวว่า พัฒนาการทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมก่อให้เกิดแนวคิด สุขนิยมขึ้นมา, การขาดเสียซึ่งการแยกแยะเอกลักษณ์ทางสังคม,
ขาดเสียซึ่งการเชื่อฟัง(แต่ถูกมอมเมา), ลัทธิการรักตัวเอง(narcissism), มุ่งการแข่งขัน(competition)
(Jurgen Habermas)
- จากความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง
ผู้คนเริ่มหมดศรัทธาต่อยุคสมัยใหม่ และแนวคิด Modernism. ในเวลาเดียวกันก็เห็นถึงความแห้งผากของของชีวิตแบบ
Communist. สิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงการค่อยๆ ปิดตัวลงของยุค modern อย่างช้าๆ
- มีการปฏิวัติทางด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม
(เนื่องมาจากผลกรรมของการแผ่ขยายลัทธิทุนนิยมและการบริโภคที่เกินความจำเป็น
โดยละเลยเรื่องของธรรมชาติและสภาพแวดล้อม) (อันนี้เป็นสัญญานของการสิ้นศรัทธาต่อยุค
modern ซึ่งได้ก่อให้เกิดกับสิ่งแวดล้อม)
- เกิดกระบวนการ
Green ขึ้นมา และผลักดันทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อต่อต้านการทำลายล้างทรัพยากรของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
- มีการเติบโตเรื่องแนวคิดสิทธิมนุษยชน ขบวนการสิทธิสตรี เพื่อลดช่องว่างความไม่เสมอภาค
การครอบงำ และการละเมิดสิทธิต่างๆ
- ยุค
modern มีการประนีประนอมกับยุคอุตสาหกรรม และการเปิดพื้นที่การผลิตขนานใหญ่ทั้งทางด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมต่างๆ
แต่ยุค postmodern ปรองดองกับยุคอิเล็คทรอนิค
- ทางด้านการเมือง
เกิดการเมืองภาคประชาชนขึ้นมาทั่วโลก การต่อสู้กับธนาธิปไตย โลกาภิวัตน์ (Structure
without subject) อาทิเช่นกลุ่มประเทศละตินอเมริกา (แนวคิดการปฏิวัติโบลิวาร์
ของเวเนซุเอรา, โบลิเวีย, คิวบา ฯลฯ) การต่อต้านจักรวรรดินิยม จักรวรรดิวัฒนธรรม
เกิดขบวนการก่อการร้ายสากล (International Terrorism)(subject without Structure)
- ทางด้านวัฒนธรรม
เกิด opposition to hegemonic culture
- เกิดขบวนการ
neo-populist (ภาคประชาชนใหม่) คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม, เตือนเรื่องที่
modernism กำลังทำลายวิถีชีวิตของการชอบอยู่กันเป็นสังคมของมนุษย์ลงไป. ต้องการให้มีการดำเนินการต่อไปเกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรม,
การรวมตัวกันเป็นสังคม(social integration) และการทำให้เป็นสังคม(socialization)
- เกิดขบวนการ
feminist ขึ้นมาต่อสู้กับ masculine มีการเรียกร้องเรื่องสิทธิสตรี
- เกิดขบวนการ minority / การเรียกร้องของคนผิวสี การเรียกร้องของผู้หญิงและเด็ก
ชนกลุ่มน้อย คนชายขอบ คนด้อยโอกาส
ความเปลี่ยนแปลงในทางศิลปะยุค
Postmodern
พัฒนาการทางศิลปะในยุค modern ได้พัฒนามาจนกระทั่งถึงงาน minimal art ซึ่งถือว่าได้มาถึงจุดศูนย์แล้ว(reach
ground zero) และลูกตุ้มนาฬิกากำลังตีกลับ
สุนทรียศาสตร์และรูปลักษณ์อันเด่นชัดของศิลปะในยุค
Postmodern Art
- Pastiche (การเลียนแบบ), (Fredric Jameson)
- Hybrid art form (รูปแบบศิลปะที่ผสมปนเป) อย่างเช่น furniture-sculpture.
(no border)
- Discontinuity (ไม่มีความต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน) (Fredric Jameson)
- Unoriginality
(Jean Baudrillard)
- Eclecticism (คัดสรรสิ่งที่ดีเลิศมาใช้ นำมาประกอบกันเป็นหัวมงกุฎท้ายมังกร)
- Retro-style / Recycling old style / trans-historical styles
- Ornament / Decorative
- Complexity,
contradiction, ambiguity (พวกนี้เข้ามาแทนที่ความเรียบง่าย simplicity, purity,
rationality).
- High art ผสมกันกับ Low art, Popular art และ Commercial art (หลังปี 1970
ศิลปะไม่ได้ถูกจำแนกแบบในอดีต และไม่ต้องอยู่ใน museum, หรือ art gallery และไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ)
- Appropriated image (ภาพหยิบยืม อันนี้ต่อต้าน originality) และเป็นการต่อต้าน
avant-garde
ทางด้านวรรณกรรม
- เกิดสไตล์ intertextuality ลักษณะสัมพัทธบท หมายถึงวรรณกรรมที่คัด หรือตัดตอนมาจากงานอักษรศาสตร์ทางด้านอื่นๆ
เช่น ตำรา หนังสือพิมพ์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา ปรัชญา ภาษาศาสตร์
ฯลฯ อาจนำมาประกอบเข้าด้วยกัน จนไม่อาจแยกแยะให้ชัดเจนได้อีกต่อไปว่าเป็น วรรณกรรม
ประวัติศาสตร์ ข่าว หรือสารคดี
ทางด้านสถาปัตยกรรม
- เรื่องของ form, space, function ในยุค modern ได้ถูกลดความสำคัญลง
- สถาปัตยกรรมมีลักษณะ playfulness, humor, colour and ornament
- ปฏิเสธ International style แล้วสร้างขึ้นมาในลักษณะ eclectic mix
สรุป :
สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในปัจจุบัน (โดยสังเขป)
สถานการณ์ทางการเมือง
- สงครามเย็นสิ้นสุดลง (กำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย)
- ประเทศสังคมนิยมและคอมมิวนิสมเสื่อมความนิยม สหภาพโซเวียตล่มสลาย
- จีน ปรับตัวสู่กระแสโลกาภิวัตน์ ปรับเปลี่ยนตนเองสู่โลกทุนนิยม
- เกิดองค์กรภาคประชาชน และ NGOs ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อรองอำนาจทางการเมือง
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมทั่วโลก
- เศรษฐศาสตร์การเมือง (Capitalism, Globalization, Neo-liberalism)(Anti-Capitalism,
Localization, Fundamentalism, International-Terrorism)
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
- มีการการปรับตัวของโลกทุนนิยมอย่างขนานใหญ่ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์อันหลากหลาย
(การนำทุกสิ่งทุกอย่างมาทำเป็นสินค้า - commoditization - ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์
วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ฯลฯ รวมไปถึงสิ่งที่ต่อต้านทุนนิยมเองก็ถูกแปลงมาเป็นสินค้า)
- เกิดการรวมตัวของทุนขนาดใหญ่ในรูปต่างๆ (merging) บริษัทร่วมทุน และ joint
adventure ต่างๆ
- เพื่อผูกขาดทางการค้า (monopoly) ต่อไป
- ปกป้องผลประโยชน์ทางการค้า เช่น WTO, G8, FTA, EURO เป็นต้น
- จากแรงกดดันขององค์กรภาคประชาชนในเรื่องสิ่งแวดล้อมและมนุษยธรรม
- มีการรวมกันเพื่อลดปัญหาและต้นทุนสิ่งแวดล้อม เช่น เขตนิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ
- มีการถอนอุตสาหกรรมที่เป็นพิษไปไว้ในประเทศโลกที่สาม และการลดต้นทุนการผลิตไปยังประเทศที่ค่าแรงต่ำ
การใช้แรงงานเด็ก และแรงงานข้ามชาติ แรงงานคนคุก เป็นต้น
- เกิดมาตรฐาน
ISO ขึ้นมา (International Standards Organization)
- เกิดบริษัทดอทคอม ต่างๆขึ้นมากมาย รวมไปถึง e-commerce
- มาตรการเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก, สตรี, การค้ามนุษย์ (human cargo, trafficking)
และการป้องกันการเอาเปรียบแรงงาน
สถานการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรม
- จากพัฒนาการทางด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ internet ทำให้สังคมก้าวมาถึงยุค
Information society, Knowledge base society, Space-time ที่เคยเป็นอุปสรรค
ได้หดตัวลงและสั้นเข้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีการสื่อสารสองทางมากขึ้นและมีประสิทธิภาพ
ทำให้การสื่อสารเชื่อมกันได้อย่างรวดเร็ว
- คนแก่และเด็กยังคงถูกทอดทิ้ง อันเนื่องมาจากแนวทางเศรษฐกิจทุนนิยมโลก
- ปัญหาคนจนที่เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมากยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาคนชายขอบที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรยังเป็นปัญหามาก
การบริโภคที่ไม่เป็นธรรมยังคงมีอยู่และได้ถ้างกว้างมากขึ้นตามวันเวลาอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนความไม่เสมอภาคอย่างชัดเจน
- การขยายตัวของจำนวนประชากร
อันเนื่องมาจากภาวะการตายน้อยลง ก่อให้เกิดผลต่อปัญหาการจัดการทรัพยากรที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
จากคนส่วนน้อยไปสู่คนส่วนใหญ่ (จะใช้วิธีการจัดสรรทรัพยากรอย่างเดิมไม่ได้)
- มีการเคลื่อนย้ายของประชากรอันเนื่องมาจาก ปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาทางการศึกษา
ความต้องการผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ (เป็นที่มาของสังคมปัจจุบันที่เป็นแบบ multi-racial,
multi-culture)
- การศึกษามีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงต่อการเผชิญหน้าใหม่ของสถานการณ์โลก เกิดการศึกษาทางเลือกขึ้นมากมาย
และชุมชนวิชาการนอกกระแสที่มีต่อต้านกับการศึกษากระแสหลัก ฯลฯ
คลิกไปที่
กระดานข่าวธนาคารนโยบายประชาชน
นักศึกษา
สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
I สารบัญเนื้อหา
5
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 1000 เรื่อง หนากว่า 17000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
ปัจจุบันสังคมวัฒนธรรมเกือบทั่วโลกได้ถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็น hegemonic culture (การมีอำนาจนำทางวัฒนธรรม ความเป็นประมุขทางวัฒนธรรม) ทั้งนี้โดยผ่านระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่ต้องการให้มีวัฒนธรรมที่เป็นแบบเดียวกันในการแพร่กระจายผลผลิต(distribute product). (สรุปและเพิ่มเติมจากคำอธิบายของ Antonio Gramsci) / (hegemonic culture - Globalization, คำตรงข้าม Localization) - (อธิบาย Development) (อธิบาย fundamentalism). - life-world ได้รับเชื้อจากลัทธิ modernism เช่น เรื่องการแสดงความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่, การเรียกร้องประสบการณ์ส่วนตัวที่แท้จริง, และลัทธิปัจเจกชนนิยม