ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน
เกาะสวรรค์แห่งแห่งการซุกซ่อนเงินและฟอกเงิน
The Midnight University
คำประกาศยุบสภาของรัฐบาลไทยรักไทย
แถลงการณ์สำนักนายกฯยุบสภา
และคำแถลงของนายกทักษิณ
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวม
หมายเหตุ
ข้อมูลในหน้านี้ ถอดเทปมาจากแถลงการณ์รัฐบาล
ซึ่งถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แห่งประเทศไทย
คืนวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น.
อันเป็นแถลงการณ์ของสำนักนายก เกี่ยวกับการประกาศยุบสภาของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
และคำแถลงของนายกรัฐมนตรี พตท.ทักษิณ ชินวัตร
midnightuniv(at)yahoo.com
(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 845
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
7.5 หน้ากระดาษ A4)
แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี
และคำแถลงของนายกทักษิณ
รวบรวมโดยกองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
๑. แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่องการยุบสภาผู้แทนราษฎร และการกำหนดวันเรื่องตั้ง
โดยที่มีราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่
24 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว เป็นเหตุให้สมาชิกสภาพสภาผู้แทนราษฎรทุกคนสิ้นสุดลง
และจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน 2549 ความละเอียดทราบแล้วนั้น
บัดนี้รัฐบาลขอชี้แจงเกี่ยวกับการยุบสภาผู้แทนราษฎรดังนี้
ข้อที่ 1.
การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปรกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกประเทศที่ใช้ระบบนี้ กล่าวคือ ยามใดที่มีความขัดแย้งหรือเกิดปัญหาการเมืองอันอาจนำมาซึ่งวิกฤตการณ์ต่างๆ
จนการบริหารราชการแผ่นดินไม่อาจดำเนินไปได้ตามปรกติ ซึ่งปล่อยให้เนิ่นนานไป
ความขัดแย้งและปัญหานั้นอาจบานปลายถึงขั้นกระทบต่อเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย
วิธีการสุดท้ายที่มักนำมาใช้อยู่เสมอก็คือการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่
อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินทางการเมืองกับไปให้ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงเป็นผู้ตัดสินว่า
ความขัดแย้งและปัญหานั้นสมควรยุติลงเช่นใด และเมื่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดได้ตัดสินด้วยวิธีเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
หรือพรรคการเมืองใด จนได้รัฐบาลที่ได้มาโดยชอบตามวิถีทางรัฐธรรมนูญแล้ว ทุกฝ่ายต้องเคารพในฉันทานุมัติของประชาชน
และยุติความเคลื่อนไหวทางการเมืองอันเป็นที่มาซึ่งความขัดแย้ง และปัญหาที่ได้รับการตัดสินแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้น ภาวะทางการเมืองก็จะกลับคืนสู่ภาวะปรกติ
ประเทศไทยเองก็ยึดถือธรรมเนียมนั้นมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการดำเนินการยุบสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายครั้ง เช่น เมื่อพุทธศักราช 2519, พุทธศักราช 2526, พุทธศักราช 2529, พุทธศักราช 2531, พุทธศักราช 2535, พุทธศักราช 2538, พุทธศักราช 2539, และพุทธศักราช 2543
ข้อที่
2. การยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ เกิดจากการที่รัฐบาลชุดนี้พิจารณาเห็นว่า
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปัจจุบัน ได้บังคับใช้ล่วงเข้ามาถึงปีที่ 9 แล้ว
ส่งผลให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาพัฒนาด้วยดีสมเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ
โดยมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพราะการจัดตั้งมาจากรัฐบาลเพียงพรรคเดียวดังที่เห็นในนานาอารยประเทศ
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามมติเห็นชอบของเสียงข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่ง
ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ลงคะแนนโดยเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จนพ้นภาวะวิกฤตและก้าวทันการแข่งขันในโลกปัจจุบัน
แต่บัดนี้ได้มีความสับสนทางการเมืองเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มไม่พอใจในตัวผู้นำของรัฐบาล
และได้มีการชุมนุมสาธารณะตั้งข้อเรียกร้องในทางการเมืองเชิงบีบบังคับ ซึ่งแม้ระยะแรกจะอยู่ในกรอบของกฎหมาย
แต่เมื่อนานวันเข้า การชุมนุมเรียกร้องได้ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวาง และอาจรุนแรงขึ้น
รวมทั้งส่อเค้าว่าจะมีการเผชิญหน้าจนอาจจะเกิดการปะทะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
และอาจจะมีการสอดแทรก ฉวยโอกาสจากผู้มีความประสงค์จะเห็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
จุดชนวนให้เกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อกันจนลุกลามจนกระทั่งถึงการก่อการจลาจลวุ่นวาย
สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังที่ปรากฏว่ามีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการระเบิดขึ้นในสถานที่ของผู้ประกาศตนว่าจะมาร่วมกันชุมนุมเร็วๆนี้
แม้ว่ารัฐบาลจะได้เรียกร้องให้เกิดความปรองดองกัน ก็ยังไม่อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาและความคิดเห็นพื้นฐานที่แตกต่างกัน ทั้งระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกับรัฐบาล และระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะเคลื่อนไหวบ้าง จนอาจจะเกิดการปะทะกันได้
สภาพเช่นว่านี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ การเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ภายใต้ระบบรัฐสภา และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะในขณะนี้ควรจะสร้างความสามัคคี ปรองดอง การดูแลรักษาสภาพบ้านเมืองที่สงบร่มเย็น และเป็นที่อยู่น่าอาศัย น่าลงทุน และการเผยแพร่ความวิจิตรอลังการ ตลอดจนความดีงามตามแบบฉบับของไทยให้เป็นที่ประจักษ์
อนึ่ง แม้ว่ารัฐบาลจะได้พยายามดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ ด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมของรัฐสภาแล้วก็ตาม กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ยังหายุติการดำเนินการทางการเมืองดังกล่าวไม่ ยิ่งกว่านั้น พรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางพรรค สมาชิกวุฒิสภาบางส่วน ซึ่งควรใช้ครรลองประชาธิปไตยระบบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการตรวจสอบรัฐบาลในที่ประชุมรัฐสภา กับไม่ยึดติดกติกาโดยวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ใช้วิธีการเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ดังที่ปรากฏในที่ชุมนุมครั้งที่ผ่านๆ ทำให้เกิดความวิตกกังวลขยายวงกว้างขึ้น อันเป็นการกระทบกับความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และขยายความสับสนให้เพิ่มขึ้น อันอาจจะกระทบกับศรัทธาในระบบประชาธิปไตยของระบบรัฐสภา จึงมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนทั่วไปให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนนั้น ก็มีเสียงเรียกร้องแกมบังคับ ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยบุคคลบางกลุ่ม อันแตกต่างไปจากเจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปัจจุบันที่บังคับใช้อยู่ โดยยังมิได้มีการปรึกษาประชาชนทั้งประเทศ ทั้งที่รัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นสัญญาประชาคมที่คนทั้งสังคมต้องมีส่วนร่วมกำหนด มิใช่กลุ่มบุคคลใดกลุ่มบุคคลหนึ่ง
เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความคิดเห็นในสังคมที่หลากหลาย และยังคงเป็นความแตกต่างจนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงเช่นนี้ ครั้นจะดำเนินการตรวจสอบความประสงค์ที่แท้จริงของประชาชนโดยประการอื่น เพื่อให้ทุกฝ่ายยังทราบแล้ว ยอมรับให้เป็นไปตามกลไกของระบอบประชาธิปไตยก็ทำได้ยาก ทางออกในระบบประชาธิปไตยที่เคยปฏิบัติกันมาในนานาประเทศและแม้แต่ในประเทศไทยคือ การคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมือง กลับไปสู่ประชาชนด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปขึ้นมาใหม่ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
ทั้งนี้เพื่อให้ความสับสน ความวิตกกังวลของประชาชนหมดไป และทำให้ภาวการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวปรกติ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายนำปัญหาและข้อขัดแย้งต่างๆไปปรึกษาประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง เพื่อประชาชนจะได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอันเป็นสุด และยุติปัญหาการเมืองทั้งปวง
ข้อที่
3. รัฐบาลได้หารือกับกรรมการเลือกตั้งแล้ว
และมีความเห็นร่วมกันว่า แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน
60 วัน นับตั้งแต่วันยุบสภาผู้แทนราษฎรก็จริง แต่กฎหมายและในความเป็นจริงและคณะกรรมการเลือกตั้งพร้อมที่จะดำเนินการเลือกตั้ง
ตั้งแต่วันครบ 30 วันนับตั้งแต่วันยุบสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้นจึงกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน 2549 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเร็ว
อันจะส่งผลให้วันประกาศการเลือกตั้งได้ก่อนวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2549 อันจะเป็นวันที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก
เพื่อที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้ประชุมกันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
แต่งตั้งและให้เวลานายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร
และลงมือบริหารราชการแผ่นดินได้ก่อนเดือนมิถุนายน 2549
ข้อที่
4. เมื่อยุบสภาแล้ว
คณะรัฐมนตรีย่อมสิ้นสุดลงด้วย แต่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา
215 กำหนดเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ และดูแลบริหาราชการแผ่นดินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายกรัฐมนตรีจะได้สั่งการให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามปรกติ และให้ระมัดระวังที่จะไม่กระทำการอันใดจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความไม่สุจริต
หรือไม่เที่ยงธรรม หรือทำให้เกิดความหวาดระแวงว่ามีการฉวยโอกาส จากการที่ไม่มีองค์กรควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินไปกระทำการใดโดยมิชอบ
หรือไม่สุจริต
ข้อที่ 5. ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่
2 เมษายน 2549 ด้วยการไปใช้สิทธิ์และทำหน้าที่ของตนเองด้วยความตื่นตัวและรอบคอบ
และแสดงเจตจำนงทางการเมืองอันเป็นการตัดสินความขัดแย้งอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาและความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวงยุติลงไปโดยสันติ
ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด
สำนักนายกรัฐมนตรี
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549
๒. คำแถลงของนายกรัฐมนตรี
พตท.ทักษิณ ชินวัตร (เกี่ยวกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร)
สวัสดีครับพี่น้องที่เคารพรัก
ก่อนอื่นผมต้องขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนที่ต้องคืนอำนจกลับไปให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจตามระบอบประชาธิปไตย
เพื่อรบกวนพี่น้องประชาชนออกมาเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาในวันนี้นะครับ
ก็ดังที่โฆษกได้แถลงการณ์ต่างๆนานา
พี่น้องที่เคารพครับ เป็นที่ทราบกันดีว่าได้มีความพยายามที่จะล้มล้างรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ เป็นเวลาต่อเนื่อง จากกลุ่มบุคคลซึ่งเสียผลประโยชน์จากการทำงานของรัฐบาล จากคนซึ่งไม่พอใจกับรัฐบาลบ้าง และจากกลุ่มการเมืองบ้าง รัฐบาลพยายามใช้ความอดทน พยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายข้อกล่าวหาต่างๆ การอธิบายโดยรัฐบาล โดยตัวผมเอง โดยส่วนราชการก็ไม่ได้รับความสนใจที่จะฟัง แต่ในขณะเดียวกันนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้พยายามเรียกร้องให้กระผมลาออก แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มบุคคลกลุ่มใหญ่ได้มาให้กำลังใจ และบอกว่า ท่านนายกอย่าลาออก ให้สู้นะ
แต่ขณะเดียวกันผมก็มองเห็นว่า บ้านเมืองขณะนี้กำลังไปได้ดี สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจจะทำอยู่หลายอย่างกำลังไปได้ดี และได้รับความสนใจจากต่างประเทศในการจะมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการมาลงทุนขนาดใหญ่ ต่างได้รับความสนใจจากทั่วโลก แต่ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี่ หลังจากที่กลุ่มเหล่านี้พยายามก่อตัว แล้วก็สร้างกระแสเป็นจำนวนมากขึ้น
ผมได้พยายามปรึกษากับผู้ซึ่งปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เป็นคนที่มีความคิดที่เป็นกลางและห่วงใยบ้านเมืองว่าจะทำแบบไหน จึงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด ก็ต้องกลับมานึกถึงระบอบประชาธิปไตยครับ
ผมรับไม่ได้ครับที่จะให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ถ้ากฎหมู่ของคนกลุ่มหนึ่งมากดดันว่า รัฐบาลต้องทำอย่างนั้น รัฐบาลต้องทำอย่างนี้โดยไม่มีหลักการที่ถูกต้อง ผมรับไม่ได้ ผมก็พยายามคิดว่าจะใช้วิธีไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ในระบอบประชาธิปไตยนั้น การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน โดยปวงชน เพื่อปวงชน แต่วันนี้เมื่อมีการขัดแย้งกันว่ารัฐบาลมีอำนาจจริงหรือเปล่า ทั้งๆที่ผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมาเป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่อมีความขัดแย้งแบบนี้เกิดขึ้น ผมจึงต้องขอรบกวนพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า พี่น้องประชาชนยังอยากจะใช้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อหรือไม่ หรือพี่น้องเห็นว่ากลุ่มที่คัดค้านทั้งหลายนำเสนอในสิ่งที่เหมาะสม ก็เป็นสิ่งที่พี่น้องจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ผมเคารพในการตัดสินใจของประชาชนครับ แต่ไม่ใช่ว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาทำเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และก็บอกว่าเขามีอำนาจตัดสินใจแทนประชาชน ไม่ใช่ครับ เพราะว่าประชาธิปไตยมีครรลองของระบอบประชาธิปไตยอยู่ ครรลองก็คือมีระบบของการเลือกตั้งที่ถูกต้อง
เมื่อมีระบบการเลือกตั้งเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนตัดสินใจอย่างไร ต้องเป็นอย่างนั้น และผมเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนให้มาทำหน้าที่ ผมต้องรักษากติกานี้ไว้ให้ได้ ถ้าผมรักษากติกาประชาธิปไตยไม่ได้ ผมถือว่าผมทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงต้องรักษากติกาประชาธิปไตย โดยตัดสินใจที่จะคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่า พี่น้องประชาชนจะตัดสินใจแบบไหน ซึ่งผมพร้อมน้อมรับทุกประการ
ขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงที่พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ และเป็นที่ชื่นชอบที่จะมาเที่ยว และมาลงทุนในประเทศไทย เริ่มมีการถามมาว่า เอ๊ะ ชักไม่แน่ใจ เสถียรภาพทางการเมืองเป็นอย่างไร ตลาดหลักทรัพย์ก็พะวักพะวง การลงทุนในเรื่องของเมกกะโปรเจคท์ก็เกิดคำถามขึ้นมา ผมคิดว่าการตัดสินใจยุบสภาแล้วเลือกตั้ง ซึ่งจะใช้เวลาที่อึมครึมอยู่นี้ในเวลาสั้นๆ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปดีกว่าที่จะปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการข่าวพบว่า จะมีผู้ซึ่งประสงค์จะให้เกิดความรุนแรงมาแทรกแซงเข้าไป เพราะอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาแน่นอน
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 การเยียวยายังเถียงกันไม่จบ พี่น้องครอบครัวที่เดือดร้อนโดนลูกหลง มันเป็นความทุกข์เข็ญของคนที่ซึ่งต้องได้รับเคราะห์ เป็นความบอกช้ำของประเทศ เพราะหลายคนกำลังคิดว่ามันสร้างเนื้อสร้างตัวกันอย่างไร ถ้าประเทศบอบช้ำอีก ผมคิดว่าเพิ่งเสร็จสิ้นจากความบอบช้ำทางเศรษฐกิจเมื่อไม่กี่วันนี้ แต่ถ้าจะบอบช้ำอีกรอบหนึ่ง เพราะความขัดแย้งกันเองของคนในสังคม และจริงๆแล้วเป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่เคยอยู่ในภาวะของการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงต้องขอรบกวนพี่น้องประชาชนว่า ผมขออนุญาตที่ท่านมอบอำนาจให้มาทำงาน 4 ปีนั้น วันนี้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมขออนุญาตคืนอำนาจให้พี่น้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าพี่น้องจะตัดสินใจแบบไหน ผมพร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน แต่ผมจะไม่มีทางน้อมรับการตัดสินใจของกลุ่มคนที่แอบอ้างนอกระบบว่า เป็นการตัดสินใจแทนประชาชน ผมจะไม่ยอมรับกฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมขอรับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนด้วยความเคารพครับ
เพราะฉะนั้น วันที่ 2 เมษายนนี้ จึงเป็นวันสำคัญของประเทศอีกครั้งหนึ่ง มันไม่ได้เป็นการเลือกตั้งธรรมดาครับ แต่เป็นการเลือกตั้งที่พี่น้องประชาชนจะแสดงพลังของการตัดสินใจของท่านว่า ท่านเห็นด้วยกับระบบไหน ถ้าท่านเห็นด้วยแบบไหน ท่านก็ตัดสินใจของท่าน ผมก็พร้อมที่จะน้อมรับด้วยความเคารพเหมือนกัน
ทีนี้ก็ต้องขอกราบอภัยพี่น้องอีกครั้งหนึ่งว่า ต้องขอพี่น้องออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อกำหนดทิศทางของประชาธิปไตยของประเทศอีกอีกครั้งหนึ่งครับ
ผมก็ขออภัยและขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง สวัสดีครับ
(ภาคผนวก)
ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่เกาะ British Virgin (โทรทัศน์ช่อง
9, สำนักข่าวไทย)
คุณผู้ชมครับ มาดูกันที่หมู่เกาะฟอกเงิน British Virgin กันบ้างนะครับในทะเลคาลิเบียน
ปัจจุบันเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยมากขึ้น หลังจากที่มีการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็กของรัฐบาลสิงคโปร์
วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าหมู่เกาะ British Virgin จะมีความเกี่ยวข้องกับแหล่งฟอกเงินอย่างไร
.................................................................
เกาะ British Virgin หรือ BVI เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น เพราะข่าวการขายหุ้นของชิน
คอร์ปอเรชั่น จากบริษัท Ample Rich Investment คืนให้กับตระกูลชินวัตร เพื่อขายต่อไปยังกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์
แม้ว่าคนไทยจะรู้จัก British Virgin ไม่มากนัก จนอาจคิดว่าเป็นเกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในทะเลแคลิเบียน แต่สำหรับนักธุรกิจทั่วโลกต่างรู้ดีว่า British Virgin เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษีระดับโลก ที่เป็นเกาะสวรรค์ของนักธุรกิจและอาชญากรข้ามชาติ สำหรับการซุกซ่อนและฟอกเงิน
นับตั้งแต่การตรากฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของชาวต่างชาติใน BVI จนถึงปัจจุบันกว่า 19 ปี มีชาวต่างชาติไปจัดตั้งบริษัทแล้วกว่า 6 แสนบริษัท เฉลี่ยวันละ 87 บริษัท โดยมี Ample Rich Investment ซึ่งก่อตั้งโดย พตท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นบริษัทหนึ่งในนั้น
สาเหตุที่หมู่เกาะ British Virgin หรือ BVI เป็นที่นิยมของนักฟอกเงินก็คือ กฎหมายรองรับความเป็นส่วนตัวที่ปกปิดเจ้าของบริษัทหรือผู้ถือหุ้นให้เป็นความลับถึงที่สุด มีการยกเว้นภาษีมรดกและภาษีกำไรจากการขาย ซึ่งดึงดูนักธุรกิจที่ต้องการหลบเลี่ยงภาษี ตลอดจนการจัดตั้งบริษัทที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถจดทะเบียนได้ภายใน 24 ชั่วโมง
สาระสำคัญของการจัดตั้งบริษัทที่ BVI ดึงดูดนักธุรกิจทั่วโลกมีหลายประการ เช่น - บุคคลเพียงคนเดียวสามารถจัดตั้งบริษัทได้ โดยไม่กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องชำระมูลค่าหุ้นโดยเงินสด แต่อาจชำระเป็นค่าตอบแทนอื่นๆได้ ผู้ถือหุ้น กรรมการผู้จัดการ หรือพนักงานจะมีสัญชาติใดก็ได้ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานดูแลในบริษัท รวมทั้งไม่จำเป็นต้องประชุมใหญ่สามัญประจำปี แต่หากจะประชุมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกระทำที่ British Virgin จะประชุมทางโทรศัพท์หรือใช้สื่ออิเล็คทรอนิคก็ได้
สำหรับเอกสารต่างๆนั้น บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องแสดงรายละเอียดผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้จัดการ ซึ่งจะช่วยปกปิดบุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้บริหาร และบริษัทก็สามารถเก็บเอกสารเอาไว้ที่ใดในโลกก็ได้ และยังเก็บเอกสารได้เท่าที่เฉพาะเห็นว่าจำเป็น ทั้งนี้ยังไม่ต้องแสดงงบการเงินและบัญชี รวมทั้งไม่จำเป็นต้องส่งตรวจสอบบัญชีด้วย
โดยสาเหตุหลายประการเหล่านี้ ยังอาจสะท้อนบริษัทต่างชาติกว่า 6 แสนบริษัทใน British Virgin อาจเป็นเพียงบริษัทกระดาษที่ไม่มีที่ตั้ง และตัวตนจริงในหมู่เกาะสวรรค์ของนักซุกซ่อนและฟอกเงิน ซึ่งอาจรวมถึง Ample Rich ที่แปลว่า"มหารวย"
สำนักข่าวไทยรายงาน
บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 800 เรื่อง หนากว่า 11500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
Law
of the Few
ท่านขยายความว่า
"สิ่งเล็กๆสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ" เหตุการณ์สำคัญๆ
ของโลกมักเกิดมาจากคนจำนวนหยิบมือเดียว
ในสังคมทั่วไปคนที่ตื่นรู้ก่อนคนอื่นมักจะมีประมาณเพียง 2.5% ของคนทั้งหมดเท่านั้น
คนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ปลุกให้คนอีก 13.5% ตื่นตาม แล้วก็ปลุกกันต่อๆกันไปอีก
68% แต่ในที่สุดจะมีพวกที่ไม่ยอมตื่นอีกประมาณ 16% หลงเหลืออยู่ในสังคม ในจำนวนนี้รวมอดีตนักจัดรายการโทรทัศน์ตอนเช้าๆด้วย