The Midnight University
ฐานความรู้เพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน
Law of the Few และทฤษฎีฟิสิกส์-สังคมศาสตร์
กรณีการขับไล่ทักษิณ
ประสาท
มีแต้ม
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หมายเหตุ
ข้อมูลในหน้านี้รวบรวมมาจากประชาไทออนไลน์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่บรรจุอยู่ใน
ถังความรู้การขายหุ้นชินคอร์ป ของ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ประกอบด้วยบทความขนาดสั้น ๒ เรื่องโดย อ.ประสาท มีแต้ม
๑. สิ่งเล็กๆ
สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
๒. ทฤษฎีฟิสิกส์และสังคมศาสตร์ กับ การยิกทักษิณ
midnightuniv(at)yahoo.com
(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 844
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
4 หน้ากระดาษ A4)
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป
รวบรวมโดย
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
Law of
the Few และทฤษฎีฟิสิกส์-สังคมศาสตร์ กรณีการขับไล่ทักษิณ
ประสาท มีแต้ม
หมายเหตุ : ประสาท มีแต้ม, อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งวิทยาลัยวันศุกร์
ได้รับเชิญเป็นองค์ปาฐกโกมลคีมทอง ประจำปี 2547 เรื่อง " การจัดการความรู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ
: จากสงขลาถึงนิวยอร์ก"
เป็นผู้จับโกหกกรณีโครงการท่อก๊าซไทย - มาเลเซีย สนใจศึกษาในประเด็นปัญหาเรื่องพลังงาน
1. สิ่งเล็กๆ สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
ผมเคยเลือกพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2544 เพราะคิดว่าประเทศของเรายังมีอะไรดีๆ
อยู่หลายอย่าง รวมทั้งคุณภาพคน วัฒนธรรมที่เอื้อเฟื้อ ทรัพยากรธรรมชาติ ทะเล
พลังงาน ฯลฯ ถ้าได้ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ มีหลักวิชา ประเทศเราก็น่าจะฟื้นตัวได้เร็วไว
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน นายกฯ ทักษิณเริ่มออกลายหลายอย่าง คิดจะสร้างเกาะกลางทะเลสาบสงขลา โดยไม่ปรึกษานักวิชาการที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องเลย การเลื่อนแนวท่อก๊าซไทย-มาเลย์ไปจากเดิม 4.7 กิโลเมตรโดยมีคำอธิบายเพียง 4 บรรทัด และอื่นๆ การเลือกตั้งปี 2548 ผมจึงไม่ได้เลือกพรรคไทยรักไทยแล้ว
มาวันนี้คุณทักษิณได้ทำให้สังคมไทยเห็นประจักษ์มากขึ้น ถ้าเป็นพระสงฆ์ก็ปาราชิกแล้ว คือพ้นจากความเป็นพระ จะบวชใหม่ก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลจากขายหุ้นชินคอร์ป ขายวงโคจรดาวเทียมของประเทศ ฯลฯ ผมเชื่อว่าหลายคนคิดเหมือนผม
สิ่งที่อยากฝากนักวิชาการทั้งหลายทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น ก็คือ โปรดช่วยกันคิดหาแนวทางการปฏิรูปการเมือง รวมทั้งเรื่องการจัดการทรัพยากร ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ การนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ การทำมาหากินของคนรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานของรัฐบาลทักษิณ
นอม ชอมส์กี แห่งเอ็ม ไอ ที กล่าวว่า "หน้าที่ของปัญญาชน มีสองอย่าง คือพูดความจริงและชี้ให้เห็นการโกหก" มีหลายเรื่องมากที่คุณทักษิณได้หลอกลวงต่อสังคมไทย หรือทำให้ความจริงบางอย่างบิดเบี้ยวไป
หลายท่านอาจจะรู้สึกว่า ปัญหาบ้านเมืองมันใหญ่โตเกินไป คนตัวเล็กๆ หยิบมือเดียวจะทำอะไรได้ ถ้าท่านคิดอย่างนี้จริงๆ ผมขอเชิญให้ค้นหากำลังใจและวิธีการจาก "The Tipping Point" และ "The Law of The Few" (จาก http://www.fridaycollege.org ในหัวข้อ The Dummies Guide to Change, Diffusion and the Tipping Point) เราจะพบในเอกสารนี้ว่า สิ่งเล็กๆ สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ท่านที่สามารถค้นคว้าได้อย่างแตกฉาน โปรดนำมาแลกเปลี่ยนในวิทยาลัยวันศุกร์ด้วยครับ
เท่าที่ผมพอสรุปได้ในขณะนี้ ต้องมีปัจจัย 3 อย่างครับ คือ
- หนึ่ง ต้องมีตัวเชื่อมเครือข่าย(Connectors)
- สอง ต้องมีผู้ชำนาญการ (Mavens) ซึ่งรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้งเพราะยินดีจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคม และ
- สาม ต้องมี Salespeople ที่สามารถอธิบายขยายความให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างง่ายๆ
(ภาพประกอบ)
อย่าลืมนะครับว่า เราแต่ละคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ดังนั้น การกระทำบางอย่างที่ใครๆ คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่อาจจะส่งผลสะเทือนต่อสังคมอย่างใหญ่โตได้ การที่นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว "ยิกทักษิณ" (ยิก เป็นภาษาใต้ หมายถึง ไล่) นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก และจัดอยู่ในกรณีของ The Tipping Point ได้ครับ
2. ทฤษฎีฟิสิกส์และสังคมศาสตร์
กับ การยิกทักษิณ
ท่านที่ได้ติดตามข่าวการเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสื่อสิ่งพิมพ์
หลายฉบับ คงจะได้พบคำกับว่า "ยิก" กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินทางลงไปภาคใต้
คำว่า "ยิก" เป็นภาษาท้องถิ่นของคนปักษ์ใต้ ความหมายโดยทั่วไปมักแปลว่า
"ไล่" ไม่ได้เป็นคำหยาบแต่อย่างใด แต่มักใช้กับการไล่สัตว์ เช่น
"ยิกไก่ที่เขี่ยต้นดีปลี" นอกจากนี้อาจแปลว่า "ต้อน" ก็ได้เช่น
"ยิกวัวเข้าคอก" หรืออาจมีความหมายถึง "การวิ่งไล่กัน"
เช่น "มึงยิกกูให้ทัน" เป็นต้น
ปรากฏการณ์ที่ภาษาท้องถิ่นคำหนึ่งได้เป็นที่รู้จักและเข้าใจของคนทั่วประเทศ
(รวมทั้งชาวต่างประเทศอย่างคุณแอนดรู บิกก์ นักจัดรายการทางโทรทัศน์) ในเวลาอันรวดเร็วนับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก
ความจริงคำว่า "ยิก" ได้ถูกกลุ่มคนเล็กๆนำไปเขียนเป็นคำขวัญบนเวทีพันธมิตรฯที่ว่า
"ยิกทักษิณ กู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย" แต่ได้แพร่กระจายและส่งผลกระเทือนไปสู่คนจำนวนมากได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้
นักสังคมศาสตร์เรียกปรากฏการณ์เช่นนี้ว่า "กฎของคนหยิบมือเดียว (Law of
the Few)"
ท่านขยายความว่า
"สิ่งเล็กๆสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ" เหตุการณ์สำคัญๆ
ของโลกมักเกิดมาจากคนจำนวนหยิบมือเดียว
ในสังคมทั่วไปคนที่ตื่นรู้ก่อนคนอื่นมักจะมีประมาณเพียง 2.5% ของคนทั้งหมดเท่านั้น
คนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ปลุกให้คนอีก 13.5% ตื่นตาม แล้วก็ปลุกกันต่อๆกันไปอีก
68% แต่ในที่สุดจะมีพวกที่ไม่ยอมตื่นอีกประมาณ 16% หลงเหลืออยู่ในสังคม ในจำนวนนี้รวมอดีตนักจัดรายการโทรทัศน์ตอนเช้าๆด้วย
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ "ปรากฏการณ์สนธิ" ก็เข้าข่ายในกฎของคนหยิบมือเดียว ในครั้งหลังนี้เริ่มต้นจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล สู่องค์กรต่างๆ สู่อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ล่าสุดกำลังลามไปสู่นักเรียนมัธยมปลายและมัธยมต้น ไม่แน่นะครับอาจจะลามไปถึงเด็กอนุบาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ทารกอายุยังไม่ถึง 2 ขวบที่กำลังดูดนมยังพยักหน้าตามเมื่อแม่ของเธอร้องขึ้นมาว่า "ทักษิณ ออกไป"
การที่เราเข้าใจการมีอยู่ของ "กฎของคนหยิบมือเดียว (Law of the Few)" ย่อมเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทางสังคมที่อยู่เพียงหยิบมือเดียว แต่ยึดถือธรรมะและผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าท่านทักษิณจะอ้างคะแนนเสียงสักกี่ล้านเสียงก็ตาม น่าดีใจกับปรากฏการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง ไชโย ๆ ๆ
ทฤษฎีทางฟิสิกส์และสังคมศาสตร์
ทีนี้เราลองมาทำความเข้าใจกับทฤษฎีทางฟิสิกส์กันบ้าง ผมจะกล่าวอย่างง่ายๆ ไม่มีศัพท์แสงที่ยุ่งยากให้ปวดหัวเล่น
และทุกท่านสามารถทำการทดลองได้ด้วยตนเอง อุปกรณ์การทดลองมีเพียงอย่างเดียว
คือไข่ 2 ฟอง ฟองหนึ่งเป็นไข่ดิบ อีกฟองหนึ่งเป็นไข่ต้มสุกแล้ว นำไข่ทั้งสองฟองมาวางบนโต๊ะที่มีพื้นเรียบและลื่นพอสมควร
- การทดลองที่หนึ่ง ใช้นิ้วชี้แหย่ไข่เบาๆ ทีละฟอง แล้วเฝ้าสังเกตการเคลื่อนที่ของไข่ ถ้าเป็นไข่สุก เมื่อเราแหย่เพียงเบาๆ มันก็เคลื่อนที่ได้ แต่ไข่ดิบ ถ้าเราแหย่เบาๆ มันจะมีการขยับเล็กน้อยแล้วกลับมาที่เดิมอีก เราต้องแหย่แรงกว่าเดิมไข่ดิบจึงจะเคลื่อนที่ไปได้
การทดลองครั้งนี้สอนเราว่า "ไข่ดิบหรือไข่ที่มีชีวิตจะเคลื่อนตัวได้ยาก นักฟิสิกส์เขาอธิบายว่าเพราะไข่ที่มีชีวิตจะมีความเฉื่อยหรือความขี้เกียจอยู่ในตัวมากกว่าไข่สุก ไข่ดิบหรือที่มีชีวิตมักจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงในระยะแรกๆ เสมอ"
- ต่อไปเป็นการทดลองที่สอง นำไข่ทั้งสองฟองเดิมมาหมุนทีละใบบนโต๊ะ ทีละฟอง อย่าหมุนให้แรงเกินไปเพราะกลัวไข่จะตกจากโต๊ะต้องเดือดร้อนเช็ดถูกันอีก ในขณะที่ไข่กำลังหมุน ใช้ฝ่ามือแตะไข่เบาๆ เพื่อให้ไข่หยุดหมุน จากนั้นก็รีบยกฝ่ามือออกทันที แล้วสังเกตอาการ จะพบว่า ไข่สุกจะไม่ยอมหมุนต่อเมื่อเอาฝ่ามือออกไปแล้ว แต่ไข่ดิบจะหมุนต่อไปครับ
การทดลองนี้สามารถเปรียบเปรยได้ว่า คนที่ตื่นรู้และสนใจปัญหาของบ้านเมืองแล้ว จะตื่นต่อไป ใครมาห้าม ใครมาหยุดก็จะไม่ยอม
จากการทดลองทั้งสองนี้ สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการเคลื่อนตัวของรถจักรยานยนต์และรถสิบล้อได้ เราต้องเปรียบเทียบเพราะทำการทดลองยาก รถจักรยานยนต์จะออกเคลื่อนตัวหรือจะหยุดก็สามารถจะทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่า แต่รถสิบล้อจะออกตัวก็ช้า แต่เมื่อออกตัวไปแล้วจะหยุดก็ลำบากอีก เพราะรถสิบล้อมีความเฉื่อยหรือขี้เกียจที่จะหยุด เปรียบได้กับคลื่นมวลมหาชนที่กำลังเกิดขึ้นในการ "ยิกทักษิณ" ในขณะนี้ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างที่หลายคนคิดไม่ถึง จะหยุดหรือจะห้ามไม่ให้เคลื่อนก็คงลำบากเสียแล้ว
ความจริงแล้ว ความไม่พอใจต่อ "ระบอบทักษิณ" ได้ก่อตัวเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดได้เปลี่ยนไปสู่คุณภาพใหม่ คือรับไม่ได้และหมดความชอบธรรมอีกต่อไปกับการขายหุ้น 7 หมื่น 3 พันล้านบาทอย่างซ่อนเงื่อน ถ้าเป็นพระภิกษุ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ปาราชิกไปแล้ว แม้ท่านจะยุบสภาแล้วกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ก็ไม่ได้ เพราะพระสงฆ์ที่ปาราชิกแล้วจะบวชใหม่ไม่ได้
บทความนี้นอกจากจะให้กำลังใจกับกระบวนการของพันธมิตรทั้งหลายให้เติบใหญ่ต่อไปแล้ว ยังเป็นการเตือนสติให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณไปด้วยในตัว
สุดท้ายที่อยากจะเชิญชวนพลังประชาชนให้ช่วยกันระวังอีกอย่างก็คือว่า
หลังจากพ้นยุคทักษิณไปแล้ว เราไม่ควรจะหยุดการเคลื่อนไหวกันง่ายๆ แต่ต้องทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองกันต่อไป
อย่าให้ประชาชนต้องกลับมาเฉื่อยชาเหมือนกับหลังจากกระบวนการ "ธงเขียว"
ครั้งก่อนเป็นอันขาด
คราวนี้เราช่วยกันหามาตรการให้ชัดเจนขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยมีที่ยืนอย่างมีศักดิ์ศรีบนพื้นแผ่นดินแม่ของตนเอง
ไม่เป็นขี้ข้าต่างชาติที่มีกลุ่มทุนผูกขาดเป็นผู้ชักนำเข้ามาอีกต่อไป
บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 800 เรื่อง หนากว่า 11500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
Law
of the Few
ท่านขยายความว่า
"สิ่งเล็กๆสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ" เหตุการณ์สำคัญๆ
ของโลกมักเกิดมาจากคนจำนวนหยิบมือเดียว
ในสังคมทั่วไปคนที่ตื่นรู้ก่อนคนอื่นมักจะมีประมาณเพียง 2.5% ของคนทั้งหมดเท่านั้น
คนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ปลุกให้คนอีก 13.5% ตื่นตาม แล้วก็ปลุกกันต่อๆกันไปอีก
68% แต่ในที่สุดจะมีพวกที่ไม่ยอมตื่นอีกประมาณ 16% หลงเหลืออยู่ในสังคม ในจำนวนนี้รวมอดีตนักจัดรายการโทรทัศน์ตอนเช้าๆด้วย