The Midnight University
ข่าวบ้านการเมืองไทยร่วมสมัย
กษิต
ภิรมย์ : สหรัฐฯไม่สนับสนุนไทยเป็นเลขาฯยูเอ็น
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรียบเรียงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการระหว่างประเทศ
บทความชิ้นนี้ กองบรรณาธิการใช้ข้อมูลจากเว็ปไซต์ของไทยอินไซเดอร์
http://www.thaiinsider.com/ShowNews.php?Link=News/Political/2005-12-23/13-21.htm
ทางกอง บก.จึงขอขอบพระคุณเอาไว้ ณ ที่นี้
(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 787
เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๘
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
6.5 หน้ากระดาษ A4)
เปิดเอกสาร
กษิต ภิรมย : แนะ สุรเกียรตถอนตัว
เจ้าตัวแฉมี ๓-๔ คนกุเรื่อง จ้องเล่นงานคนปูดหลักฐาน
23 December
2005 13:21
"ดาร์กนิวส์" เปิดเอกสาร "กษิต ภิรมย์" อดีตทูตไทยที่วอชิงตัน
ทำจดหมายถึง "กันตธีร์" แนะให้ "สุรเกียรติ" ถอนตัวจากการชิงชัยเก้าอี้เลขาฯยูเอ็น
สอดรับกับข้อมูลที่ "เอกยุทธ" เคยระบุไว้เมื่อปลายเดือนตุลาคม "สุรเกียรติ"
ชี้มี 3-4 คน "สร้างเรื่อง" ขึ้น หวังจ้องทำลายไม่ให้ชิงตำแหน่ง
เตรียมเล่นงานคนนำเอกสารทางราชการมาปูด
วันที่ 23 ธ.ค. 2548 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ส่งโทรเลขให้ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงกับเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ของประเทศไทยทั่วโลกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของบรรยากาศการหารือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่หารือและบรรยากาศทั้งหลายสะท้อนอยู่ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี ถือว่าบรรยากาศการหารือวันนั้นดีมาก และออกมาในทางบวกมาก ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่ได้ให้ความสนใจหรือให้น้ำหนักกับโทรเลขฉบับนั้น
นายสุรเกียรติ์ ตั้งข้อสังเกตว่า โทรเลขฉบับดังกล่าวเขียนขึ้นวันสุดท้ายก่อนที่บุคคลผู้นี้ (นายกษิต) จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2548 และก่อนหน้านั้นเท่าที่ตนติดตามนายกรัฐมนตรี และได้พบหน้ากับนายกษิตก็ไม่เห็นพูดอะไร ยังคุยกันเป็นปกติ และข้อสังเกตประการต่อมาคือ โทรเลขที่เข้ามายังกระทรวงการต่างประเทศ จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ทำไมจึงเพิ่งออกมาเป็นข่าวช่วงนี้ ไม่ทราบว่ามีเป้าหมายหรือเงื่อนงำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีประธานาธิบดีสหรัฐฯ สนับสนุนเราเต็มที่หรือไม่ นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ประเทศใหญ่ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจะมีท่าทีสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครในวันที่ใกล้ๆ วันโหวต ซึ่งเป็นท่าทีปกติ อีกทั้งเราไม่เคยพูดว่าท่าทีของสหรัฐฯ เป็นอย่างไร เพียงแต่การพบกันวันนั้น หรือในการที่ตนพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนก่อนหรือคนปัจจุบัน เราได้หารือกันเรื่องแนวคิดการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ ว่าเรื่องไหนเราเห็นตรงกัน หรือเรื่องไหนที่จะทำประโยชน์ว่าสหประชาชาติจะทำอย่างไร เป็นลักษณะการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ฉะนั้นข้อความที่อยู่ในโทรเลขเป็นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ให้ความสนใจหรือให้น้ำหนักอะไร และการที่ประเทศอีกจำนวนมากให้การสนับสนุนเรา และเราเป็นผู้สมัครในนามของอาเซียน และอาเซียนร่วมสู้กับเรามาตลอดและจะสู้ต่อไป
"ข้อเสนอที่อดีตทูตไทยที่เรียกร้องให้คนไทยถอนตัวจากการชิงตำแหน่งครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก จะได้หรือไม่ได้ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด ทางอาเซียนได้เชิญผมไปและเล่าให้ฟังว่า ผลเป็นอย่างไร เขาก็พอใจจึงได้มีการตกลงอาเซียน 10 ประเทศจะวางยุทธศาสตร์ร่วมกันหาเสียงต่อไป ขณะนี้ประเทศในเอเชียกลาง ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ช่วยเราหาเสียงอย่างมากมาย นั้นเป็นสิ่งที่ดีและเราจะทำต่อไปให้ดีที่สุด"รองนายกรัฐมนตรีระบุ
เมื่อถามว่า
จนถึงขณะนี้แนวโน้มเป็นอย่างไร นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า...
นายกรัฐมนตรีเคยบอกแล้วว่า เรายังไม่อยากนับเป็นรายประเทศ แต่ล่าสุดยืนยันได้ว่าขณะนี้เราได้รับเสียงสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
และจากการที่เราหารือกันมีคนให้ความสนับสนุนเรา และกับประเทศมหาอำนาจทั้ง 5
ประเทศ เราก็คุยกับเขามาตลอด และนายกรัฐมนตรีก็ได้แนะนำตนในฐานะเป็นรองนายกรัฐมนตรี
และเป็นผู้สมัครของอาเซียน ก็มีการพูดคุย เขาก็รับทราบเป็นอย่างดี ซึ่งใกล้
6-8 เดือนในโค้งสุดท้าย ถือเป็นช่วงสำคัญ แต่ก็มีข้อสังเกตว่าทำไมมีการแต่งเรื่องอะไรต่างๆ
ขึ้นมาเป็นระยะๆ รวมถึงเรื่องที่มีการพูดกันว่า เราไปเจรจาต่อรองกับประเทศศรีลังกาว่า
จะให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการยูเอ็น ซึ่งไม่มีมูลความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะกระบวนการแบบนี้ทำไม่ได้ จะเป็นการทำให้เกิดการกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยซ้ำ จึงอยากขอร้องบุคคล 3-4 คนที่พยายามแต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาว่าอย่าทำแบบนั้นเลย เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน การที่ไปแต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้นกับประเทศต่างๆ ว่าเราไปต่อรองหรือไปทำอย่างนี้กับประเทศนี้ มันเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทวิภาคีมันคนละเรื่องกัน มันแยกกัน ตนและผู้สมัครต่างๆ เวลาเจอกันในที่ประชุมก็ทักทาย พูดจาหัวเราะกันดี เพราะทุกคนรู้และเข้าใจ เป็นเรื่องปกติ
"ความพยายามเขียนบทความว่าประเทศไทยส่งคนไปเจรจากับศรีลังกา เสนอตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ให้เขา ปัดโธ่จะเสนออย่างนั้นได้อย่างไร เขาหัวเราะเราตายเลย เพราะยังไม่รู้ว่าเราจะได้หรือเปล่า และหากต่อไปมีประเทศอื่นๆ เสนอตัวเข้ามา เราไม่ต้องไปเสนอตำแหน่งให้เขาหมดหรือ มันเป็นไปไม่ได้"นายสุรเกียรติ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกษิตมีความไม่พอใจท่านเป็นการส่วนตัวหรือไม่ นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ตอนที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แต่งตั้งให้นายกษิตเป็นทูตไทยประจำญี่ปุ่นและวอชิงตัน สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับท็อปของกระทรวง ไม่ทราบว่าเขาผิดหวังอะไร หรืออยากเป็นอะไรมากไปกว่านั้นหรือเปล่าไม่ทราบ จึงสงสัยว่าเวลาเจอกันก็ไม่มีอะไร แต่พอกลับมาก็จะมีโทรเลขแปลกๆ เข้ามาที่กระทรวง และสิ่งที่เป็นความจริงก็ไม่เขียน รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศก็สงสัยว่า โทรเลขเข้ามาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2548 แต่ทำไมเพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ต้องการหรือมีวัตถุประสงค์อะไรหรือไม่
ความจริงหน้าที่ของทูตน่าจะเป็นผู้ประสานความสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจที่ดีระหว่างประเทศนั้น หากไม่ดีทูตก็มีหน้าที่ทำให้ดี แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น คือมันค่อนข้างแปลกที่คนไทยด้วยกันเองกลับมาบอกว่าให้คนไทยถอนตัว ในขณะที่อาเซียน 10 ประเทศ เขาสู้ให้เราและประเทศอื่นอีกเป็นร้อยประเทศเขาสนับสนุนเรา ดังนั้น คนไทยจะสร้างความผิดหวังให้มิตรประเทศเหล่านั้นไม่ได้
นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า เวลานี้หลายประเทศก็งง เพราะเห็นบทความที่ลง มีหลายประเทศสอบถามเข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาไม่มีความคิดเห็นอย่างนั้นเอง ด้านนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องนี้และได้เห็นเรื่องแล้ว ท่านบอกว่ามันก็ชัดเจนว่า ผู้ที่เขียนโทรเลขนั้นไม่ได้เอาความจริงในที่ประชุมมาพูด ซึ่งท่านบอกว่า ในที่ประชุมท่านรู้ดีว่าอะไรเป็นบวกอะไรเป็นลบ อันนี้ชัดเจนว่าตั้งใจไม่เอาความจริงทั้งหมดมาเขียน
เมื่อถามว่าโทรเลขดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการหาเสียงหรือไม่ นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีผลกระทบอะไร คนที่อยู่ในวงการนี้จะทราบดี บุคคลที่ได้พบปะรวมทั้งประเทศต่างๆ ที่เราได้พบเขาทราบข้อเท็จจริงดี จนถึงวันนี้ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียนรู้แล้วว่ามันมีอยู่ 3-4 คนนี้ที่พยายามสร้างเรื่องต่างๆ ขึ้นมา แต่ที่เป็นห่วงคือ การสร้างเรื่องจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งศรีลังกา รวมถึงสหรัฐฯ ทั้งที่เขายังไม่มีท่าทีเป็นลบอะไรเลย ก็ไปวาดภาพเสียอย่างนั้น แบบนี้มันเสียหายต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม และเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สั่งให้ตรวจสอบแล้วเพราะถือว่ามีความผิด เนื่องจากมีการนำเอกสารทางราชการออกมาเผยแพร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ออนไลน์ "ดาร์กนิวส์" ในเครือเนชั่น-คมชัดลึก
ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "ตัวเก็ง" เลขายูเอ็น...โดยมีเนื้อหาว่า....
ดาร์กนิวส์" ได้นำเสนอมุมมองของผู้นำและบุคคลสำคัญทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา
ที่มีต่อผู้ท้าชิงเก้าอี้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เนื้อหาทั้งมันส์...และเร้าใจกับลีลาการล็อบบี้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศพันธมิตรของ
สุรเกียรติ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี
มหามิตรแอบนินทามาติดๆ
พร้อมทั้งคำถามถึงบทบาทของ "จอมตื้อ" ของตัวแทนจากประเทศไทยว่า "หมอนั่น...เป็นใคร
?" การกระทำที่ฝรั่งตาน้ำข้าวแอบกระซิบคนใกล้ชิดว่า
"น่ารำคาญ" คงเป็นสัญญาณหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า "เจ้าหัวโต"
ผู้นี้...จะไปถึงดวงดาวหรือไม่...?
แล้วภาพลักษณ์ดังกล่าวก็ถูกถ่ายทอดโดยโทรเลขจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน
ส่งตรงถึง รมว.ต่างประเทศดังนี้
..........................................................
โทรเลขสถานเอกอัครราชทูต (สอทฯ) ณ กรุงวอชิงตัน
กราบเรียน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
สอทฯ ขอเรียนว่า จากที่ ปทท. (ประเทศไทย) เห็นว่า สรอ. (สหรัฐอเมริกา) จะเป็นประเทศที่ชี้เป็นชี้ตายในเรื่องตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่ ฉะนั้นในข้อคิดเห็นของสรอ.เกี่ยวกับคุณสมบัติและบทบาทของเลขาธิการสหประชาชาติ และเกี่ยวกับการปฏิรูปสหประชาชาติ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องนำมาประกอบการพิจารณาทบทวน ประเมินสถานะของไทยในการแข่งขันเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
ล่าสุดนาย Donald Rumsfeld รมว.กห. (กระทวงกลาโหม) สรอ. ได้ถามผู้สมัครฝ่ายไทย ว่ามี Platform อะไร คำตอบที่ว่า สรอ.มีความสำคัญยิ่งต่อการปฏิรูปสหประชาชาติ และสหประชาชาติจะต้องปรับปรุงการบริหารจัดการ มีความโปร่งใสและรับผิดชอบได้ ดูจะไม่เป็นการเพียงพอ และไม่สามารถตอบคำถามอย่างถึงใจ การจะตอบคำถามให้ได้ถึงใจ จะต้องออกมาจากใจ จากความเชื่อถือ จากอุดมการณ์ที่มีในตัวของตัวมานมนาน มิใช่เป็นไปตามกระแสแล้วเริ่มแสดงความสนใจ เชื่อถือในเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นต้น หรือไปตกแต่งให้มาเป็นของตัว
ปธน. (ประธานาธิบดี) บุช ก็ได้พูดกับฝ่ายไทยว่า ต้องการเห็นผู้สมัครที่ได้ต่อสู้กับระบบทรราชย์ ต่อสู้เพื่อและส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และต้องมีชื่อเสียงบุคลิกที่จะเรียกร้องความร่วมมือ และความเป็นผู้นำ ชี้นำได้ หรืออีกนัยหนึ่งผู้สมัครต้องมีความเป็นยี่ห้อ Brand name มาเก่าก่อน
ทั้งนี้ โดยตลอดเวลา รมว.กต. (กระทรวงต่างประเทศ) สรอ.ทั้งคนก่อนและปัจจุบัน ก็มิได้เคยมีการแสดงออกซึ่งท่าทีใดๆ ต่อผู้สมัครของไทย เป็นการรับฟังและนิ่งเฉย ขาดความกระตือรือร้น หรือตื่นเต้นใดๆ ทั้งสิ้น
ถึงตรงนี้ฝ่ายไทยคงจะต้องทบทวน ไม่สายเกินไป และไม่ขายหน้าที่จะเลิก หากได้ประเมินสถานการณ์ดูอย่างดีแล้ว โดยไม่เอาความทะเยอทะยาน ความโลภะ โมหะมาเป็นที่ตั้ง และไม่เสียงบประมาณ ไม่เสียเวลา ในเมื่อเรายังมีเรื่องสำคัญ เร่งด่วนของชาติบ้านเมืองอีกมาก หลายเรื่องในวันนี้ เกี่ยวกับ ปชต. (ประชาธิปไตย) และสิทธิมนุษยชน
จึงขอกราบเรียนท่านรัฐมนตรี มาด้วยความเคารพ ด้วยความรักประเทศชาติ ด้วยความเชื่อถือในความหวังดีต่อชาติบ้านเมืองเช่นเดียวกับท่านรัฐมนตรี
กษิต ภิรมย์
..........................................................
บทสรุป
โทรเลขจาก "กษิต ภิรมย์" อดีตทูตประจำกรุงวอชิงตัน ส่งมาเมื่อวันที่
28 กันยายน 2548 เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา แม้จะทำให้ฝันของใครบางคนพังครืนลงมา
แต่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ประชาชนคนไทยเป็นที่ตั้ง เพื่อให้คนไทยยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี
มิใช่เพียงแค่ตัวตลกในสายตาอารยประเทศ
..........................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์ลงในเว็บไซต์ thaiinsider.com เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548 ที่ผ่านมา ในคอลัมน์ "เอกยุทธอินไซเดอร์" เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในหัวข้อ "แฉอดีตทูตไทย-แนะ "สุรเกียรติ" ถอนตัว" มีเนื้อหาใจความว่า...
การชิงชัยในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ของนายสุรเกียรติ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งนั้น ตนทราบมาว่า หนทางที่จะก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งดังกล่าวอาจมืดมน เพราะเท่าที่ทราบจากท่าทีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นนั้น มีแนวโน้มที่จะไม่สนับสนุนนายสุรเกียรติอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดตนทราบมาว่า ก่อนที่นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการทำบันทึกเสนอกลับมายังรัฐบาล ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศต้นสังกัด โดยเสนอแนะให้นายสุรเกียรติขอถอนตัวจากการสมัครชิงเก้าอี้เลขาธิการยูเอ็น
"ในหนังสือฉบับนั้นระบุถึงการวิเคราะห์คำพูดของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช และน.ส.คอนโดลีซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ รวมถึงคำพูดของนายจอห์น โบลตัน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ ซึ่งในเชิงทางการทูตเมื่อฟังแล้ว เป็นที่รับรู้ว่า สหรัฐฯจะไม่สนับสนุนนายสุรเกียรติ ในตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นแน่นอน"นายเอกยุทธกล่าว
นายเอกยุทธกล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบอดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันผู้นี้ ทำความเห็นเสนอให้นายสุรเกียรติถอนตัวจากการลงชิงชัย เพื่อไม่ให้ไทยต้อง "หน้าแตก" ในเวทีสากลระดับโลก อีกทั้งยังเป็นการไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการลงสมัครในครั้งนี้ด้วย และเท่าที่ตนทราบ ที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณที่สูงมากเกินความจำเป็น และเมื่อรู้ว่า หนทางตีบตันไม่สดใส รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะดื้อรั้นต่อไป เพราะสู้ต่อไปก็มีแต่จะแพ้เท่านั้น
นายเอกยุทธกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทราบมาว่า หนังสือดังกล่าวของอดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันผู้นี้ ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด ไม่ยอมนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งคนที่รับทราบเรื่องนี้ดีก็คือ นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศนั่นเอง ขณะที่เมื่อรัฐบาลรับทราบคำท้วงติงนี้แล้ว ก็นิ่งเฉย ไม่สนใจ แต่ยังเดินหน้าไปขอคะแนนเสียงจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งที่หัวใจสำคัญอยู่ที่สมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นทั้ง 5 ชาติ อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และจีน ถ้าหากมีใครสักคน "วีโต้" ผู้สมัครคนนั้นก็หมดสิทธิ์ทันที
"ล่าสุดทราบมาว่า นายสุรเกียรติเดินทางไปขอพบผู้นำจากประเทศฟินแลนด์ เพื่อขอเสียงสนับสนุน ก็ถูกผู้นำฟินแลนด์สอนเชิงมารยาททางการทูตอีกว่า คุณมาหาเราทำไม เพราะเราเป็นประเทศเล็กๆ ทำไมไม่ไปหาเสียงกับสมาชิกถาวรฯ ทั้ง 5 ชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญมาก เรื่องนี้ผมถือว่า เป็นการสอนเด็กที่ไม่รู้เรื่อง และไม่เข้าใจรูปแบบและวิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งตำแหน่งอันมีเกียรติระดับโลกเช่นนี้"นายเอกยุทธกล่าว
นายเอกยุทธ กล่าวอีกว่า การที่สหรัฐฯจะตัดสินใจสนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นนั้นจะตัดสินใจจากองค์ประกอบหลายประการคือ
1. ขีดความสามารถ ประวัติ และพฤติกรรมส่วนตัวของผู้สมัคร
2. การลงคะแนนออกเสียงของฝ่ายไทยในสหประชาชาต ิและเวทีระหว่างประเทศต่างๆ ว่ามีความสอดคล้อง หรือตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ รวมทั้งการแสดงออกของฝ่ายไทยต่อองค์กรและต่อตัวแทนขององค์กรยูเอ็น หรือการประณามตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่องค์กร
3. ความเป็นไปในสังคมไทย โดยเฉพาะพฤติกรรมของฝ่ายรัฐในเรื่องสิทธิมนุษยชน การใช้ความยุติธรรมในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิด การดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเรื่องพม่า
"แค่คำกล่าวที่ว่า "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ" ของนายกรัฐมนตรีไทยก็เป็นที่เลื่องลือกันมากในหมู่นักการทูต รวมไปถึงปัญหาพฤติกรรมส่วนตัวของนายสุรเกียรติเอง ซึ่งเป็นที่รับทราบว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรบ้าง และคิดว่าประเทศในกลุ่มมุสลิมก็คงไม่ยินดีและยอมรับ ยิ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีไทยยังออกมาเล่นบทแข็งกร้าวกับโอไอซี (องค์การสมัชชาอิสลาม) ถึงขนาดตำหนิว่า อย่ามาก้าวร้าว แถมยังไปสอนเรื่องการเขียนแถลงการณ์ของโอไอซีอีก"นายเอกยุทธกล่าวและว่า เรื่องนี้ถือเป็นพฤติกรรมโดยรวมที่ชี้ให้เห็นว่า เมื่อต่างประเทศมองภาพกลับมาเมืองไทยแล้ว คิดอย่างไร และอย่างนี้จะยังสนับสนุนนายสุรเกียรติอีกหรือ
ทางด้านนายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบถึงบุคคลที่นำข้อมูลเอกสารของนายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตันดี.ซี. ที่มีโทรเลขมายังตนเองเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่เมินเฉยต่อการสนับสนุนนายสุรเกียรติ โดยเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับของทางราชการ ถือว่ามีความผิดทางอาญา
บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็ปไซคทั้งหมด
กว่า 760 เรื่อง หนากว่า 11000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็ปไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com