บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้
มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก
ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด.
สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ
ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com
(กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)
Political
Astrology
Midnight University
โหราศาสตร์การเมือง: Thai
Politics under Political Uncertainty
โหราศาสตร์การเมือง: ชาตะบ้านเมือง-ชะตานักการเมือง
ปาฏิหาริย์
ประกาศสัจธรรม :
เขียน
นักวิชาการอิสระ ผู้สันทัดเรื่องโหราศาสตร์ ([email protected])
ท่ามกลางเมฆหมอกของความไม่แน่นอนทางการเมือง
วิธีวิทยาแบบไทยอย่างหนึ่ง ซึ่งกระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ-
จนถึงปัจจุบัน ในภาวะที่ขาดเสียซึ่งความมั่นใจของสถานการณ์บ้านเมืองก็คือ การพึ่งพาโหรการเมือง
เพื่อตรวจตราถึง
ความเป็นไปในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชะตาบุคคลและชาตะของบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น
ในบทความบนหน้าเว็บเพจต่อไปนี้
เป็นผลงานวิชาการโหราศาสตร์ที่กองบรรณาธิการ ม.เที่ยงคืนได้รับการจากผู้เขียน
ซึ่งได้ใช้เวลาสำรวจตรวจค้นอย่างละเอียดตามตำราโหราศาสตร์ และคาดการณ์ถึงอนาคตอันใกล้ของบุคคลในแวดวง
การเมือง และสังคมบ้านเมือง. อย่างไรก็ตาม การทำนายโดยใช้หลักวิชาโหราศาสตร์
ผู้เขียนเรื่องนี้เปรียบเทียบว่า ...
เหมือนดั่งกับคนที่นั่งอยู่ใน บ้านมองเหตุการณ์ผ่านประตูกระจกฝ้าหนา ทราบเพียงว่าหน้าประตูบ้านขณะนี้มีเงาคนมาหา
แต่เป็นใคร ชายหรือหญิง เด็กหรือชราก็พอรู้บ้าง แต่จะให้รู้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน
มีรายละเอียด อย่างไรบ้าง เป็นคนด
ีหรือคนร้ายคงตอบได้ยาก. เช่นกันกับดวงการเมืองไทย
การทายดวงเมืองนั้นนักโหราศาสตร์สามารถทำนายหลักใหญ่ๆ
ได้แน่นอน เช่นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก จะมีเหตุการณ์รุนแรงในช่วงระยะเวลานั้น เวลานี้
แต่คงไม่สามารถลงไปในรายละเอียด
ได้มากมายนัก ยิ่งดวงเมืองนั้นหมายรวมถึงประชาชนหมู่มาก ก็ยิ่งยากที่จะทำนายให้ถูกต้องแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะ
ตัวแปรมีมาก ด้วยเหตุนี้ นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจทุกท่านควรใช้วิจารณญาน
สำหรับการนำเสนอบนหน้าเว็บเพจของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ได้แบ่งออกเป็น ๒ ภาค ประกอบด้วย:
ภาคแรก เกี่ยวกับเหตุบ้านการเมือง. ส่วนภาคที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักการเมืองและนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
midnightuniv(at)gmail.com
บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้
ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ ๑๓๘๔
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
๒๒.๕ หน้ากระดาษ A4)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
โหราศาสตร์การเมือง: Thai
Politics under Political Uncertainty
โหราศาสตร์การเมือง: ชาตะบ้านเมือง-ชะตานักการเมือง
ปาฏิหาริย์
ประกาศสัจธรรม :
เขียน
นักวิชาการอิสระ ผู้สันทัดเรื่องโหราศาสตร์ ([email protected])
ภาคหนึ่ง: เหตุบ้านการเมือง
1. โหราศาสตร์....กับการเมืองไทย
(เดือนมิถุนายน ๒๕๕๐)
"เสนา..เจ้าจงไปตามราชครู-ปุโรหิต มาพบข้าเดี๋ยวนี้.!" เจ้าเมืองที่แสดงในลิเกมักจะเรียกหาราชครู-ปุโรหิต
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่ทรงภูมิ ทางด้านโหราศาสตร์ประจำราชสำนัก มาพบหาทุกครั้งที่จะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ
คงเช่นเดียวกันกับผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบัน การตัดสินใจครั้งสำคัญ ไม่ว่าการปฏิวัติ
รัฐประหารทุกครั้งของบ้านเมืองเรา มักใช้บริการของนักโหราศาสตร์เป็นประจำในการหาฤกษ์ยาม
เพื่อทำการปฏิวัติ. ฝ่ายต่อต้านก็จะอาศัยโหรอีกสำนัก เพื่อหาฤกษ์ออกอาวุธในการป้องกัน
หลายครั้งหลายหนที่บ้านเมืองเรามีเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญ มักจะมีการเปิดเผยภายหลังว่ามีการหาฤกษ์
วางลัคนาหาเวลาในการปฏิบัติการ
เร็วๆ นี้ก็เช่นกัน การไปพบ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ร่างทรงฤษี หมอดูเจ้าสำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่ ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (น.ส.พ.ไทยรัฐ ๙ มิ.ย.) เพื่อแก้ไขและเสดาะเคราะห์ดวงชะตาเมือง ในเวลาเดียวกันกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก็ไปพบ นายวารินทร์ เช่นกัน เพื่อหาทางออกที่ได้เปรียบทางด้านโหราศาสตร์. การต่อสู้ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน นอกจากจะสู้กันด้วยไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธทางการเมืองแล้ว ยังต่อสู้กันทางด้านไสยศาสตร์ ไสยเวทย์ในทางลับด้วย
เหตุการณ์ปี ๒๕๔๙ ช่วงที่พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยนำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล กำลังต่อสู้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่า..มีการใช้ไสยเวทย์ ฝังรูปฝังรอยในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังมีการเผาพริกเผาเกลือ เผาหุ่น สาปแช่งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งผู้ที่เชื่อถือทางด้านนี้ ก็จะทึกทักว่า เกิดเป็นจริงจังตามที่ได้กระทำไว้ แม้นกระทั่งตัวนายสนธิเอง เวลาขึ้นบนเวที ก็จะห้อยพระเครื่องพวงใหญ่ ผูกตะกรุดที่เอวเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจและเชื่อว่าคงกระพัน. นี่คือสังคมและการเมืองแบบไทยๆ ของเรา ที่ยังยึดถือความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ที่ซึมลึกอยู่ภายใต้สมองของเรามาตั้งแต่โบราณ
โหราศาสตร์นั้นเป็นวิทยาศาสตร์ในระดับหนึ่ง
ตามที่ผู้เขียนเคยกล่าวไว้ในที่อื่นแล้ว คือเกิดจาการสังเกต จดจำ ช่วงที่ดวงดาวโคจรไปในภพเรือนต่างๆ
เกิดเหตุการณ์อะไรที่สำคัญๆ จึงบันทึกไว้ แล้วนำมาจดจำเป็นตำราไว้ให้นักโหราศาสตร์รุ่นหลังๆ
ได้นำมาทำนายทายทัก วิธีทางโหราศาสตร์ไม่สามารถนำมาแก้ดวงชะตาเมืองได้ เพราะถ้าแก้ให้ได้
หมายถึงต้องนั่งเครื่อง ไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปในอดีตแล้วเปลี่ยน วัน เวลา ฤกษ์ผา
นาที ในการก่อตั้งกรุงเทพฯมหานครเสียใหม่
คำทำนายทางโหราศาสตร์นั้นความจริงแล้ว คล้ายกับโคมไฟใหญ่หน้ารถยนต์ที่ส่องสว่างให้เห็นทางด้านหน้าในยามค่ำคืน
ส่องให้เห็นทางด้านหน้ามีสิ่งอะไรกีดขวางอยู่บ้าง ให้เห็นด้านซ้ายเป็นเหว ด้านขวาเป็นภูเขา
ให้เห็นหนทางที่คดเคี้ยวอยู่เบื้องหน้า เมื่อมีไฟส่องทางแล้วเราสามารถขับรถผ่านไปได้
โดยไม่ตกเหว หรือชนภูเขา ถ้ารู้จักนำมาใช้โดยไม่งมงาย ย่อมเป็นสิ่งที่ดี การรู้จังหวะของชีวิต
และบ้านเมือง ทำให้เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่เกิดผลดีแก่ตัวเรา และบ้านเมืองได้
เช่นในช่วงเวลานี้ ดวงชะตาเมืองของเรา ดาวพฤหัส(๕)(หมายถึงปัญญาพิสุทธ์) กำลังเดินถอยหลังในเรือนมรณะ
ทั้งตุลาการ คตส. สสร. สนช. พระสงฆ์ และนักวิชาการต่างๆ กำลังมืดบอดอยู่กับปัญญา
และความคิดที่คับแคบ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ และที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง
วันที่ ๑๗ มิ.ย. ๕๐ นี้ "ดาวอังคาร(๓)(ดาวอังคาร หมายถึงกลุ่มอำนาจทหาร)
ที่หลบอยู่หลังลัคนาเมืองมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง บัดนี้ได้เวลาที่จะออกมาสำแดงพลังแล้ว..."
ดาวอังคาร(๓) เริ่มเข้าทับลัคนาเมืองอย่างเต็มตัว และยังเป็นเกษตรในเรือนของตัวเอง (เกษตรในความหมายของโหราศาสตร์ หมายถึงมั่นคง เข้มแข็ง ต่อเนื่อง) ทุกฝ่ายเริ่มเปิดหน้า เปิดตา เลิกหลบซ่อน ต่อสู้ช่วงชิงกันตรงๆ จากวันที่ ๑๗ มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ดวงชะตาเมืองอ่อนแอ ต้องระวังความรุนแรง อาจจะไม่มีการเลือกตั้ง จลาจล การทำลายล้าง ปฏิวัติเงียบ จะตามมา...
จับตามองนักโหราศาสตร์ คนสำคัญเอาไว้ ไม่แน่..เผื่อตอนนี้อาจจะมีบางกลุ่มอำนาจไปขอฤกษ์ปฏิวัติแล้วก็เป็นไปได้...!
2. ดาวพฤหัส เดินถอยหลัง..นักวิชาการถอยลงคลอง
(ปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐)
ยศศักดิ์ ทายอาทิตย์ (๑)
รูปร่างจริต ทายจันทร์ (๒)
แข็งกล้าขยัน ทายอังคาร (๓)
เจรจาอ่อนหวาน ทายพุธ (๔)
ปัญญาพิสุทธิ์ ทายพฤหัส (๕)
กิเลส สมบัติ ทายศุกร์ (๖)
โทษ ทุกข์ ทายเสาร์ (๗)
มัวเมา ทายราหู (๘)
อายุยืนอยู่ ทายเกตุ (๙)
ภัยอาเพศ ทายมฤตยู (๐)
คำกลอนนี้ได้มีการท่องจำกันมาตลอด สำหรับนักโหราศาสตร์ทั่วไปที่เริ่มเรียนรู้ทางโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน มีดาวอยู่สิบดวงในระบบโหราศาสตร์ไทย ที่จะต้องเรียนรู้ ด้วยเหตุนี้จึงใคร่พูดถึง ดาวพฤหัส(๕)ก่อน เพราะดาวพฤหัส(๕) ความหมายทั่วไป หมายถึง ปัญญาชน ขยายความออกไปอีก คือ บุคคลระดับผู้ทรงภูมิปัญญา นักวิชาการ พระเกจิอาจารย์ พระสงฆ์ ตุลาการ ครูบาอาจารย์ สสร. คตส. ระยะเวลานี้
ดาวพฤหัส(๕) กำลังเดินถอยหลังในเรือนมรณะของดวงเมือง (เรือนมรณะในความหมายของโหร คือ ความชำรุด ความเสื่อมถอย ความตาย ความตกต่ำ) ทำให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งมากมายในหมู่นักวิชาการ และผู้ทรงภูมิปัญญา สังเกตได้จาก ระยะนี้ จะมีทั้งความขัดแย้งกัน เรื่องไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าทั้งการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างนายวิเชียร อำนาจวรประเสริฐ กับ นายการุณ ใสงาม หรือกระทั่ง ด้านศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็มีปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นให้สินบนคดียุบพรรคการเมือง พระสงฆ์องค์เจ้า กำลังประท้วง อดอาหารให้บรรจุพุทธศาสนาลงในร่างรัฐธรรมนูญ สารพันปัญหาที่เกิดกับบุคคลประเภทดาวพฤหัส(๕) ก็สืบเนื่องมาจากการเดินถอยหลังของดาวดังกล่าว
การเดินถอยหลังนั้น ก่อให้เกิดปัญญาที่มืดทึบ เห็นผิดเป็นชอบของผู้ทรงภูมิทั้งหลาย ที่ต่างเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาต่อจากนี้ไป จนถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ดาวพฤหัส(๕) เริ่มเดินขึ้นหน้า เหตุการณ์จะค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี จวบจนถึงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ดาวพฤหัส(๕) ย้ายไปเรือนศุภะ (เรือนแห่งความหวังความราบรื่น ความเกื้อกูล เป็นสุข) ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น เริ่มเห็นคูหาเลือกตั้งอยู่รางๆ
สำหรับดาวอังคาร(๓) (กลุ่มอำนาจ ทหาร) เข้าราศีเมษ อันเป็นเกษตรแห่งเรือนตน (เกษตร หมายถึงความแข็งแรงมั่นคง เชื่อมั่น)ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๐ ระยะนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่ม อำนาจทาง คมช. เกิดความฮึกเหิม เชื่อมั่นในอำนาจตนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องแทงกั้กอีกต่อไป เปิดหน้าไพ่เล่นกันตรงๆ กับกลุ่มอำนาจเก่า ทั้งรุกและทิ่มแทงสารพัดเพื่อกวาดล้างอำนาจเก่าให้หมดไป หักหอกที่จะหวนกับมาทิ่มแทงตนเองทิ้ง. แต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่ง การเสพติดในอำนาจไม่เคยให้คุณแก่ใคร และอำนาจจะไม่อยู่กับคนผู้นั้นตลอดไป ถ้าอำนาจนั้นได้มาจากปากกระบอกปืน
ดาวอังคาร(๓) จะออกจากราศีเมษ หลังจากวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐ นี้ และเป็นปรเกษตรในเรือนกดุมพะ(ปรเกษตรในความหมายของโหรคือ ความไม่มั่นคง อ่อนแอ ขาดพลัง) กลุ่มอำนาจทหารจะพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงจากผู้อ่อนวัยกว่า จะเกิดความขัดแย้งด้านอำนาจและผลประโยชน์ (กดุมพะหมายถึงผลประโยชน์ อำนาจและเงินทอง) ช่วงนี้กลุ่มอำนาจทหารจะอ่อนแอ เกิดภาวะขัดแย้ง จะไปสิ้นสุด วันที่ ๑๕ กันยายน เมื่อดาวอังคาร(๓) ย้ายเข้าเรือนสหัสชะ (เรือนสหัสชะ คือ การประสานผลประโยชน์ ความร่วมมือ การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแก้ไข ) ความหมายคือ ฝ่ายกลุ่มอำนาจทหารประสานผลประโยชน์กันเองเรียบร้อยแล้ว ก็จะร่วมมือกับฝ่ายนักการเมือง (ขั้วไหนพรรคไหนไปลองนึกกันเอาเอง) เพื่อต่อท่ออำนาจในการบริหารบ้านเมืองต่อไป
ราชสีห์คบกับหมาจิ้งจอก
ต้อนไก่กิน - ประชาชนอย่างเราก็เป็นไก่อยู่วันยังค่ำ
เวรกรรมก็จะตกกับประชาชนตาดำๆ ต่อไป การค้า ธุรกิจ เศรษฐกิจ ก็จะดิ่งลงเหว "การทำมา
ค้าไม่ขึ้น ในยุค คมช." ก็จะเป็นคำเล่าขานต่อไปอีกเนิ่นนาน
3. กบเลือกนาย
(เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๐)
ดาวอังคาร(๓) กำลังเดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว... (อังคาร..กลุ่มอำนาจทหาร)
ขณะเดียวกัน ดาวพฤหัส(๕)ยังคงเดินถอยหลังต่อไป...
ดาวพฤหัส(๕)ซึ่งหมายถึงนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้ที่ยึดมั่นในคุณธรรมความถูกต้องทั้งหลาย ยังคงมืดบอดอยู่กับปัญญาอันตีบแคบต่อไป... ไม่มีแม้นแต่คนเดียวที่จะออกมาปกป้องประชาชนตาดำๆ ที่กำลังทุกข์อยู่กับการทำมาหากินที่ฝืดเคือง และการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานหลายประการที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันวิกฤตินี้
กบเลือกนาย..นิทานอีสปทีไม่เคยล้าสมัย...
กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง ...ในบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ยังมีกบนักวิชาการ กบอาจารย์มหาวิทยาลัย
กบสื่อมวลชน(กบที่ชอบอ้างตนเองว่าเป็นผู้กู้ชาติ) และกบผู้ทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย
อาศัยอยู่ และต่างกระโดดโลดเต้นบนขอนไม้ใหญ่ที่ลอยอยู่ในบึงอย่างมีความสุข ต่อมาขอนไม้ใหญ่
ได้ถูกลมพัดกรรโชก ทำให้ขอนไม้พลิกตัว กบหลายตัวตกจากขอนไม้นั้น กบหลายตัวเสียผลประโยชน์
กบบางตัวถูกถอดถอนรายการทีวี เป็นเหตุให้เกิดความโกรธแค้น หาว่าขอนไม้นั้นเป็นเผด็จการ
ต้องทำลายขอนไม้นั้นให้ได้ เกิดการด่าทอ ปลุกระดมให้มีการต่อต้านขอนไม้นั้นเป็นการใหญ่
จนเกิดเสียงอื้ออึง ปลุกให้มีการเดินขบวน ก่อม็อบ วุ่นวายไปทั่วบริเวณบึงน้ำนั้น
นกกระสาเฒ่าที่กำลังเดินหากบ หาปลากิน อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น ได้ยินเข้า เกิดความรำคาญ จึงเดินเข้าไปในบึงน้ำแห่งนั้น ตั้งตนเป็นเจ้านายคนใหม่ ออก พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน ออกกฎหมายย้อนหลัง มาไล่จิกกิน กบในบึงนั้นอย่างมีความสุข กบนักวิชาการ กบอาจารย์มหาวิทยาลัย กบสื่อมวลชนทั้งหลายที่อยู่ในบึงก็เงียบเสียง ไม่มีแม้นแต่ตัวใดตัวหนึ่งที่จะออกมาปกป้อง ประชาชนกบตาดำๆอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้ไม่สอนอะไร เพราะนิทานเรื่องนี้ ไม่สามารถนำไปสอนอะไรให้กับเยาวชนรุ่นหลังๆ ได้เลย. ครับ... การเดินถอยหลังของดาวพฤหัส(๕)ในเรือนมรณะของดวงชะตาเมือง ทำให้นักวิชาการทั้งหลายทั้งปวง เกิดภาวะจิตที่อยู่ในสภาพถดถอย ไร้พลังที่จะต่อสู้ หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ มักจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เชื่อว่ามีนักวิชาการไม่น้อยที่มิได้เห็นดีเห็นงามกับการกระทำดังกล่าว แต่อยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก เสมือนคนใบ้อมบอระเพ็ด แม้รสจะขมอย่างไรก็ไม่สามารถบอกจากปากได้ แต่...ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น หลังวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๕๐ ไปแล้ว ดาวพฤหัส(๕)เริ่มเดินขึ้นหน้า นักวิชาการจะเริ่มออกมามีปากมีเสียง เรียกร้องในสิ่งที่เหมาะที่ควรต่อไป
มาดูที่ดาวอังคาร(๓)บ้าง หลังจาก วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ไปแล้ว ดาวอังคาร(๓)ย้ายเข้าราศีพฤษก เป็นปรเกษตร (ไม่มั่นคง อ่อนแอ ขาดพลัง ) เล็งกับดาวพฤหัส(๕) ที่กำลังเดินถอยหลัง ความจริงแล้วตามตำราโหราศาสตร์ ดาวพฤหัส(๕) และดาวอังคาร(๓) เป็นดาวคู่สมพล เป็นคู่ที่ให้คุณด้านพลังการกระทำ และพลังปัญญา. ตรวจดูในดวงชะตาเมือง ดาวอังคาร(๓) และดาวพฤหัส(๕) ทั้ง ๒ ดวงนี้เป็น อริ และมรณะแก่กัน เมื่อมาเล็งกันแล้ว ทำให้ กลุ่มอำนาจทหารและนักวิชาการจะแตกคอกัน จะขาดพลังในการควบคุมมวลชน นักวิชาการก็จะเริ่มออกมาต่อต้านอย่างจริงจัง แต่...จะไม่ประสบผลสำเร็จใดๆ จนกระทั่งเลยกลางเดือน พฤศจิกายนไปแล้ว ดาวพฤหัส(๕) ย้ายเข้าสู่เรือนศุภะ อันเป็นเรือนแห่งความหวัง ความราบรื่น ทุกอย่างจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไป
แต่สิ่งต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนดาวศุภเคราะห์ใหญ่อย่างดาวพฤหัส(๕)จะย้ายเรือน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเกิดการกระเพื่อมครั้งใหญ่ในดวงชะตาเมืองก่อน
เสมือนเรือใหญ่จะออกจากท่า ย่อมก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่กระทบ กระแทกเข้ากับท่าเรือเป็นธรรมดา
ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม โดยเฉพาะ หลังวันที่ ๑๕ กันยายน ดาวอังคาร(๓)ย้ายเรือน
จะมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในกลุ่มพลังอำนาจใหม่ ให้ระวังจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอให้ปีนี้ เป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
ขออย่าให้มีเหตุการณ์ไม่บังควรเกิดขึ้นเลย...สาธุ
4. ประชามติ
กับท้องที่หิวโซ
(เดือนสิงหาคม ๒๕๕๐)
๗ วันต่อจากนี้ไป
เป็นช่วงเวลาที่จะต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ห้ามกระพริบตาโดยเด็ดขาด เรื่องราวในขณะนี้
คงไม่มีอะไรที่ร้อนแรงเท่ากับเรื่อง การลงประชามติ รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
๕๐ ในวันที่ ๑๙ สิงหาคมนี้ คงต้องบอกว่า เหตุการณ์ต่อจากนี้ไป เป็นการชิงไหว
ชิงพริบ ระหว่าง คมช. และกลุ่มอำนาจเก่าไทยรักไทย อย่างชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน
รับ หรือ ไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นหัวข้อถกเถียง ที่ทุกวงการกำลังพูดถึงกันอย่างดุเดือด นำดวงชะตาเมืองมาวิเคราะห์ดู ดวงดาวในชะตาเมือง กำลังโคจรมารวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นที่น่าวิตกอย่างยิ่งโดยเฉพาะดาวบาปเคราะห์ใหญ่หลายดวงเล็งกันอยู่ระหว่าง ราศีสิงห์ และราศีกุมภ์ ก่อให้เกิดผลที่ไม่ดีนักต่อบ้านเมือง. วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๕๐ ที่ผ่านมา ดูที่ดวงชะตาเมืองแล้ว เราจะเห็น ดาวเสาร์(๗ ธาตุไฟ) ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ในดวงชะตา ย้ายราศีจากราศีกรกฎ ไปสู่ราศีสิงห์ อันเป็นภพปุตตะ แห่งลัคนาเมือง ดาวเสาร์(๗) ปีนี้ ทำหน้าที่ เป็นเจ้าเรือนปัตนิจร นำความหมายแฝงของ ภพศุภะ และภพกัมมะเดิมมาด้วย เสาร์(๗) ย้ายเข้าราศีสิงห์ ภพปุตตะอันเป็นราศีธาตุไฟ และวันที่ ๑๗ สิงหาคมนี้ ดาวอาทิตย์(๑ ธาตุไฟ) ย้ายเข้าสู่ราศีสิงห์เช่นกัน
ส่วนดาวที่ตั้งรับ เล็งกับดาวเสาร์(๗) และดาวอาทิตย์(๑) ก็มีดาวราหู(๘) ดาวเกตุ(๙) และดาวมฤตยู(๐) ล้วนแล้วแต่เป็นดาวที่ มีอิทธิพลต่อดวงชะตาเมืองเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าเป็นห่วง ต้องระวังเหตุการณ์ รุนแรงกำลังเริ่มก่อตัว จะเกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน จนยากที่จะกลับมาประสานกันได้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะวันที่ ๒๐- ๒๒ สิงหาคม ดาวจันทร์(๒) โคจรเข้าภพมรณะของดวงชะตาเมืองในราศีพิจิก ทับดาวพฤหัส(๕) ซึ่งโหรโบราณถือนักถือหนาว่า ดาวจันทร์ (๒) มักจะเป็นตัวการจุดชนวนให้เหตุการณ์ระเบิดขึ้นได้ และที่น่าสังเกตสำหรับนักโหราศาสตร์ วันที่ ๒๐-๒๒ สิงหาคม ดาวทุกดวงจะอยู่ในตำแหน่ง ที่เยื้องหน้าราศีทวารหลัก เสมือนเสาหลักของประเทศที่กำลังถูกโยกคลอนให้สั่นไหว ต่อจากนี้ไป จะไม่มีใครฟังใคร ไม่มีใครสนใจกติกา และกฎหมายจะขาดความศักดิ์สิทธิ์
จึงอยากจะวิงวอนให้ทุกฝ่าย เล่นการเมืองตาม กติกาสากล ที่นานาชาติยอมรับ. สำหรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ จะผ่านหรือไม่ รัฐบาลคงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งตามเวลาที่กำหนดไว้ มิเช่นนั้นประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราจะเกิดความยุ่งยากไปจนไม่มีทางเยียวยา และคงไม่สามารถเงยหน้ามองตาใครได้ในระดับโลก
แต่เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญ จะผ่าน ประชามติได้ โดยมีคะแนนเสียงไม่ห่างไกลกันมากนัก แต่จะโปร่งใสหรือไม่ เพียงใด คงไม่มีใครให้คำมั่นสัญญาได้ และสำหรับประชาชนรากหญ้าแล้ว รับ หรือ ไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับ ตาสี ป้ามี ยายมา ไอ้จุก อีแจ๋ว คงไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าตราบใดท้องของพวกเขายังร้องอยู่ เพราะ...ไม่ว่า เขาจะรับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือฉบับใดก็ตาม คงไม่สามารถทำให้ท้องของพวกเขาอิ่มได้เลย ถ้ากลุ่มอำนาจต่างๆ ยังเล่นเกมชิงอำนาจ แย่งความได้เปรียบทางการเมือง และผลประโยชน์ อย่างไร้คุณธรรม และจริยธรรมเช่นนี้แล้ว รัฐธรรมนูญจะร่างได้ดีเลิศเลอเพียงใดก็ตาม ประชาธิปไตยของไทยเราก็คงย่ำอยู่กับที่ไม่มีทางพัฒนาไปได้ และท้องของ ประชาชนชาวรากหญ้าก็ยังคงหิวโซต่อไป...!
5. นายกในฝัน...?
(ปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๐)
ฉบับวันศุกร์
17 สิงหาคมที่ผ่านไปนั้น ผู้เขียนได้เขียนไว้ที่ย่อหน้าเกือบสุดท้ายดังนี้
"
แต่เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญ จะผ่าน ประชามติได้ โดยมีคะแนนเสียงไม่ห่างไกลกันมากนัก
แต่จะโปร่งใสหรือไม่ เพียงใด คงไม่มีใครให้คำมั่นสัญญาได้". ตัวเลขที่ออกมาอย่างเป็นทางการ
โหวดรับร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 57.81 และที่โหวดไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 42.19
ถือว่าตัวเลขไม่ห่างไกลกันมากนักตามที่ได้ทำนายไป แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก
เพราะสิ่งที่ผู้เขียนเป็นห่วงยิ่งกว่าคือ นับต่อนี้ไป ดาวเสาร์(๗) ซึ่งย้ายเข้าสู่เรือนปุตตะของดวงเมืองตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมนั้น จะ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่จะค่อยๆ ลามไหม้ไปเรื่อยๆ แบบไฟลามทุ่ง และต้นเหตุจะเกิดจากคนที่กุมอำนาจอยู่แต่เดิม เชื่อว่าจะคงสภาพแบบนี้ไปอีกเป็นเวลานาน ถึงแม้นจะมีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม
ตามตำราโหรบอกไว้ว่า ดาวเสาร์(๗) เข้าไปกุมอยู่ในภพ เรือนใดก็ตาม จะส่งผลให้เกิดโทษ และทุกข์แก่เรือนนั้นๆ ให้เกิดภาวะที่ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ไม่รุนแรงแบบเปรี้ยงเดียวจอด แต่จะมีลักษณะร้อนดุจไฟสุมขอน คือจะร้อนแบบรุมๆ ดาวเสาร์(๗)นี้ยังผูกพันกับเรือนกัมมะ และเรือนศุภะ อย่างแยกไม่ออก จึงส่งผลให้เกิดภาวะการว่างงานของประชาชน ที่จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ความหวังของประชาชนด้านความเป็นอยู่คงไม่มีอะไรดีขึ้น จึงขอเตือนรัฐบาลขิงแก่ให้หันกลับมามองเรื่องสังคม-เศรษฐกิจบ้าง อย่าคิดเพียงแต่ว่าจะจัดการเลือกตั้งให้ตามกำหนดให้ได้เพียงอย่างเดียว เพื่อปัดภาระให้พ้นตัวเท่านั้น และควรจะนำร่องระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงมาใช้อย่างจริงจังเสียที
ดาวเสาร์(๗)ในเรือนปุตตะ และเป็นเจ้าเรือนปัตนิจรปี ๒๕๕๐ ยังให้ความหมายถึงการเริ่มต้นของพรรคการเมืองใหม่ๆ หลายพรรคด้วยกัน ทั้งพรรคเก่าๆ ที่เคยมีปัญหาจนแทบจะไม่มองหน้ากัน จะกลับมาจับมือกันร่วมกัน ให้จะสร้างปัญหาต่อเนื่องให้บ้านเมืองเป็นเวลานาน เนื่องจากตามที่เคยว่าไว้ ดาวใหญ่หลายๆ ดวงไม่ว่าจะเป็นดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘) ดาวพฤหัส(๕) ดาวมฤตยู(๐) และดาวอังคาร(๓) ไม่ได้สถิตอยู่ที่ราศีทวารหลักของดวงเมือง ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ กี่พรรค กี่กลุ่มก็ตาม จะไม่มีความมั่นคงเลย เสมือนการตอกเสาเข็มที่ ตอกได้ไม่เที่ยงตรง โย้ไปโย้มา การสร้างบ้านบนรากฐานเช่นนี้ย่อมไม่มั่นคงตามไปด้วย
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๓ ธันวาคมนี้จริง ตามที่รัฐบาลกำหนด เอาไว้ และมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นในต้นปีหน้า พ.ศ. ๒๕๕๑ ก่อนเดือน กุมภาพันธ์แล้ว เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจเสียที แต่จะเป็นได้ไม่นานนัก ประการนี้ดูจากดวงชะตาเมืองในปีนี้ ที่ลัคนาจรตกอยู่ราศีกรกฎ ตนุลักษณ์ เป็นดาวจันทร์ (๒) น่าจะเป็นบุคลิคของนายอภิสิทธ์ แต่ถ้าการเลือกตั้งล่าช้าออกไปอีกในช่วงต้นปี ๒๕๕๑ และการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในช่วง เดือนมีนาคม-เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เชื่อว่าจะมีบุคลที่อยู่ในเครื่องแบบ หรือข้าราชการระดับสูงเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะตนุจรของดวงชะตาเมือง คือดาว(๑) อันหมายถึงบุคคลในเครื่องแบบ(ทหาร) หรือข้าราชการระดับสูงที่เกษียณแล้ว และเคยมีตำแหน่งเป็นหัวแถวขององค์กรนั้นๆ
การเมืองของไทยเราก็คง เวียน ว่าย ตาย เกิด ตามครรลองของมัน รัฐธรรมนูญ ร่างแล้วฉีก ฉีกแล้วร่าง จนเป็นเรื่องธรรมดา นักการเมืองยังคงแย่งชิงผลประโยชน์กันต่อไป
นายกจะเป็นใครก็ได้ ถ้าคนๆ นั้นมีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ที่สำคัญต้องทันเกมการเมืองทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ แถมต้องมีชั้นเชิงทางธุรกิจและความรู้ทางด้านเศรษฐกิจระดับโลก ไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไปนั่งเป็นพระอันดับในการประชุมเวทีระดับโลก ไม่มีบทบาทอันใดในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งยังไม่กล้าสบสายตาใครในเวทีโลก ขอบอกว่า อายเขาครับ !
6. กันยายน...ลุ้นระทึก...?
(เดือนกันยายน ๒๕๕๐)
เดือนกันยายนของทุกปี เป็นเดือนที่ข้าราชการสังกัดหน่วยงานต่างๆ มักจะลุ้นระทึกกับการแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานของตน
โดยเฉพาะหน่วยงานที่ลุ้นกันมากที่สุดคงไม่พ้นกองทัพ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกกำลังจะว่างลง
จำได้ว่า ๓ - ๔ ปีที่ผ่านมา ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ไม่ค่อยจะเป็นที่ลุ้นระทึกสำหรับชาวบ้านสักเท่าไหร่
เพราะผู้กุมอำนาจที่แท้จริงคือ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากวันที่
๑๙ กันยายนปีที่แล้ว(๒๕๔๙) หลังจากการปฏิวัติ รัฐประหาร ตำแหน่งนี้ กลับมามีความสำคัญขึ้นอีกครั้ง
เพราะตำแหน่งนี้สามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของประเทศไว้ในอุ้งมือได้
วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๐ ดูจากดวงชะตาเมืองแล้ว จะพบว่า ดาวอังคาร(๓) ย้ายจากเรือนกดุมพะ ไปเรือนสุหัสชะ ทับดาวมฤตยู(๐)เดิมของดวงเมือง ส่งผลให้เกิดอะไรขึ้น? ก่อนอื่นต้องพิจารณาจากดาวอังคารเดิมในชะตาเมืองว่าเขาเป็นใคร มีหน้าที่อะไร และมาจากไหน?
"อังคาร(๓) ในดวงเดิมมาจาก ภพกดุมพะ เป็นเจ้าเรือน ตนุ และมรณะ"
"อังคาร(๓)จรปีนี้ ทำหน้าที่ กัมมะ และปุตตะ"อังคาร(๓)(กัมมะ,ปุตตะ)-สุหัสชะ-ทับดาวมฤตยู(๐)-อริ(เดิมพุธวินาส) ตามตำราโหรโบราณ บอกว่า อังคาร(๓)ถึงมฤตยู(๐) ระวังเจ็บตัว เกิดอุบัติเหตุ มีเรื่องกระทบใจรุนแรง ระวังของมีคม
ผู้เขียนได้วิเคราะห์ ดวงชะตาบ้านเมือง โดยดูจากการโคจรของดวงดาวจริง พยายามไม่อิงกับกระแสการเมือง ที่กำลังเชี่ยวกรากอยู่ในขณะนี้ เมื่อตรวจดูดวงชะตาเมืองแล้ว ดาวอังคาร โคจร(มณฑ์)เข้าเรือนสุหัสชะ เริ่มจากวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๐ ปีนี้ จนถึงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๑ สถิตนิ่งเป็นเวลา ๘ เดือนกว่าๆ ช่วงนี้เชื่อว่ากลุ่มอำนาจทหารยังคงกุมอำนาจส่วนใหญ่ของการบริหารไว้อย่างเหนียวแน่น ดังนั้นดูจากการโคจรของดาวอังคาร(๓) ยังจะมีผลกระทบต่อดวงเมืองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้นจะได้รัฐบาลใหม่ คงอยู่ใต้อำนาจการชักนำของขุนทหาร
และคาดว่าผู้นำฝ่ายกองทัพ หลายต่อหลายคน จะกระโจนเข้าสู่วังวนของการเมือง เพื่อแย่งชิงการนำรัฐนาวาให้เป็นไปตามทิศทางของตนเอง เมื่อวิเคราะห์ร่วมกับดาวเสาร์(๗) ที่ย้ายเข้าสู่เรือนปุตตะ(วันที่ ๑๐ สิงหาคมที่ผ่านมา) อันเป็นเหตุให้เกิดภาวะยุ่งยากที่ก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน และภาวะเศรษฐกิจจะทรงตัวไปแบบไม่หวือหวาไปอีกไม่น้อยกว่า ๒ ปีต่อจากนี้
ฯพณฯท่านทั้งหลาย ที่นั่งบริหารบ้านเมืองอยู่ขณะนี้ ทั้งรัฐบาลและ คมช. ลองออกจากทำเนียบฯ และป้อมค่ายไปสอบถามชาวบ้านร้านค้าตามตลาดบ้างนะครับ ว่าทุกวันนี้เขาเป็นอยู่กันอย่างไร ขายข้าวขายของกันได้บ้างไหม หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ใกล้ครบปีแล้ว ลองประเมินตนเองดูบ้างนะครับ
ดังที่เคยเขียนไว้หลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลจะต้องนำระบบเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริ มาใช้อย่างจริงจัง ลดความฟุ่มเฟือยของเยาวชน และประชากรชาวรากหญ้าให้ได้ ปรับประเทศเข้าสู่การพึ่งตนเองให้มากที่สุด (ดาวเสาร์ -ประหยัด มัธยัสถ์) จึงจะสามารถบรรเทาภาวะไข้ทรพิษทางเศรษฐกิจให้เบาบางลงได้ ที่สำคัญต้องได้รัฐบาลที่มีฝีมือจริงๆ แบบมืออาชีพ ไม่ใช่ใครก็ได้
โหรหลายสำนัก ชี้ให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษก็คือ เดือนกันยายนนี้ หากการจัดสรรตำแหน่งและผลประโยชน์ของกองทัพไม่ลงตัว โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา แต่ผู้เขียนขอชี้เปรี้ยงว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ เพราะดาวอังคาร(๓)ที่ย้ายเข้าสู่เรือนสุหัสชะ ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในจักรราศี ไม่ให้ทั้งคุณและโทษ ย่อมไม่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมายนัก
อย่างไรก็ตาม.. ใครจะแย่งชิงอำนาจจากใคร ใครจะมาเป็นรัฐบาล ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ภาวะพิษเศรษฐกิจแบบนี้ ชาวบ้าน ร้านตลาด และแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ห่วงอยู่อย่างเดียว " เออ..วันนี้เราจะขายก๋วยเตี๋ยวได้สักกี่ชาม...?"
7. ผบ.ทบ. สำคัญไฉน?
ระยะเวลา ๒ -๓ สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ พากันให้ความสนใจเสนอข่าวเกี่ยวกับตำแหน่ง
ผบ.ทบ.กันมากมาย ทำให้ผู้เขียนนึกย้อนไปถึงเมื่อ ๑๕ - ๒๐ ปีที่แล้ว ที่มีการเสนอข่าวและให้ความสำคัญกับตำแหน่ง
ผบ.ทบ.เป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราได้รับรู้ว่าระบอบประชาธิปไตยของเราก้าวหน้าขึ้นหรือถอยหลังลงคลอง
หลังจากวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่เกิดการรัฐประหาร ตำแหน่ง ผบ.ทบ.กลับมามีความสำคัญสำหรับประเทศไทยอีกครั้ง นักการเมือง นักธุรกิจ และนักข่าวต่างให้ความสนใจกันอย่างยิ่ง เพราะการกระดิกพลิกตัว และคำพูดของ ผบ.ทบ.มีน้ำหนักต่อกิจกรรมภาคการเมือง และการดำเนินการทางภาคธุรกิจ ที่จะมองข้ามไม่ได้เลย เป็นโจทย์ข้อใหญ่ ที่นักโหราศาสตร์ทางการเมืองในยุคนี้ คงต้องตามกระแสทางการเมืองที่กำลัง ฮอต ฮิตให้ทัน คือ ตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นของใคร?
ซึ่งขณะนี้มีแคนดิเดท อยู่ ๓ ท่าน คือ ๑. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ๒. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ ๓. พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก. น่าเสียดายครับ ที่เราไม่สามารถหาวัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก ที่แท้จริง ของแต่ละท่านได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะปกปิดกัน เพราะเกรงว่า จะถูกนำวัน เดือนปี และโดยเฉพาะเวลาตกฟาก ไปทำพิธีฝังรูปฝังรอยให้มีอันเป็นไปตามความเชื่อโบราณ
หลักโหราศาสตร์ของไทยเรานั้น วัน เดือน ปี เกิด และเวลาเกิด(ตกฟาก) เป็นสิ่งสำคัญในการตั้งลัคนาของดวงชะตาของแต่ละบุคคล ที่จะบอกวิถีชีวิต และความเป็นไปของชีวิตในแต่ละช่วงชีวิต ในเมื่อเราไม่มีเวลาดังกล่าว เราจึงมาดูที่ดวงชะตาบ้านเมืองแทน ว่าผู้ที่จะมาเป็น เบอร์ ๑ ของ กองทัพบกจะเป็นใคร ซึ่งคงไม่สามารถให้คำทำนายได้ถูกต้อง 100 % ดังนั้น การดูจากดวงชะตาเมือง คงเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะนำมาใช้ อย่างน้อยก็พอเป็นแนวทางที่จะพอวิเคราะห์กันได้
ตามดวงชะตาเมือง เราจะดูที่ดาวอังคาร(๓)เป็นหลัก ถ้าหมายถึงฝ่ายทหาร เชื่อว่าในช่วงสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าคงยังไม่มีอะไรชัดเจน มีแต่ข่าวลือข่าวลวงและข่าวซุบซิบที่ยังหาความจริงไม่ได้จนกระทั่ง เลยวันที่ ๑๕ กันยายนนี้ไปก่อน ดาวอังคาร(๓) โคจรเข้าเรือนสุหัสชะ ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลง(ที่ไม่มากมายนัก) และหมายถึงการร่วมมือประนีประนอม อันอาจจะหมายถึงการขยับส่วนหัวของกองทัพ มีการทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของตำแหน่ง ผบ.ทบ.อย่างฉันท์มิตร
ถ้าวิเคราะห์โดยละเอียด เราจะพบว่า ดาวอังคาร(๓)ธาตุลม ไม่มีตำแหน่งที่เด่นในราศีจักร ธาตุลมหมายถึงศาสตร์ ความรู้ ความสามารถ เป็นบุคคลที่วางตัวไม่เด่นนัก แต่มีความรู้ความสามารถดี ไม่น่าจะเป็นประเภท บู๊ ล้างผลาญ น่าจะมาจากสายคุมกำลังหลัก ดาวอังคารปีนี้ ยังทำหน้าที่ ดังนี้..
"อังคาร(๓) ในดวงเดิมมาจาก ภพกดุมพะ เป็นเจ้าเรือน ตนุ และมรณะ"
"อังคาร(๓)จรปีนี้ทำหน้าที่ กัมมะ และปุตตะ"
อังคาร(๓)(กัมมะ,ปุตตะ)-สุหัสชะ-ทับดาวมฤตยู(๐)-อริ(เดิมพุธวินาส)
แปลความหมายทางโหราศาสตร์ กองทัพมีการปรับเปลี่ยนใหม่ อย่างฉันท์มิตรได้รับความเห็นชอบจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
และมีการพลิกโผ ผิดความคาดหมายนิดๆ ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของกองทัพบ้าง
ไม่มากมายนัก
จับตาให้ดีคือ วันที่ ๑๘ กันยายนเป็นต้นไป ดาวอาทิตย์(๑) โคจรเข้าเรือนอริของดวงชะตาเมือง ระวังเรื่องความขัดแย้ง อุปสรรค ความยุ่งยาก ทั้งส่วนกองทัพและด้านรัฐบาล แต่คงไม่มีอะไรรุนแรง
สำหรับเรื่อง ตำแหน่ง
ผบ.ทบ. จะเป็นใครนั้น ขอเรียงลำดับคำทำนายดังนี้
ความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด... พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, รองลงมาคือ..พล.อ.มนตรี
สังขทรัพย์, สุดท้ายน่าจะเป็น พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร
ทั้งนี้ผู้เขียนได้วิเคราะห์จากดวงชะตาเมืองเป็นหลักใหญ่ โดยอาศัยดวงดาวที่มีความหมายทางด้านทหาร คือดาวอังคาร(๓) ซึ่งมีคุณสมบัติดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น มิได้ดูจากดวงชะตาของผู้ใดผู้หนึ่งโดยตรงของเหล่าผู้ที่กำลังเป็นแคนดิเดท ดังนั้นความแม่นยำคงไม่มากนัก เหมือนกับเรานั่งดูเหตุการณ์อนาคตข้างหน้าผ่านกระจกฝ้า เพียงเห็นแต่บุคคลและเหตุการณ์เป็นเงารางๆ เท่านั้น จะทำนายได้ถูกต้องหรือคงไม่นั้นไม่สำคัญสักเท่าไหร่ และตำแหน่ง ผบ.ทบ.คงไม่ช่วยให้ชาวบ้านกินดีอยู่ดีขึ้นมา
ที่สำคัญ ที่สุดในขณะนี้ คือ สภาพเศรษฐกิจของประเทศกำลังระบมไปด้วยไข้พิษที่กำลังใกล้ขั้นโคม่าทุกที แย่งอำนาจกันเสร็จแล้ว หันมาดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านระดับรากหญ้าและพ่อค้า แม่ขายกันบ้างนะครับ.. เจ้านาย...!!
ภาคสอง: นักการเมือง และนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
1. นายกคนใหม่... อภิสิทธิ์
..? สนธิ ...?
จบไปแล้วอย่างไม่แฮปปี้เอนดิ้งนัก แถมยังมีภาคพิสดารบู๊ปนโศก ให้ดูยาวๆเป็นหนังอินเดียอีกหลายภาคสำหรับกรณียุบพรรคไทยรักไทย
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เชิญท่านคอการเมืองทัศนากันเอาเองก็แล้วกันครับ
เอแบคโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ใน 15 จังหวัดของประเทศ 3,189 ตัวอย่าง สำรวจระหว่างวันที่ 31 พฤกษกาคม - 2 มิถุนายน ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา พบว่าตัวอย่างร้อยละ 46.7 อยากให้มีการเลือกตั้ง ไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ไป ขณะที่ ร้อยละ 38.1 ต้องการให้มีการเลือกตั้งภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า และร้อยละ 15.2 อยากให้มีการเลือกตั้ง หลังช่วงปีใหม่ไปแล้ว
สำหรับผู้เขียนวันนี้อยากจะคุยถึงเรื่องดวงนายกคนต่อไปของเมืองไทย ถ้ามีการเลือกตั้ง สำหรับดวงชะตาเมืองที่นักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่นำมาพิจารณาทำนาย คือดวงชะตาเมืองกรุงเทพมหานคร ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เวลา ๐๖.๕๔ น. ผู้เขียนจะไม่กล่าวถึงเรื่องพื้นดวงของชะตาเมือง เพราะมีนักโหราศาสตร์ทำนายไว้มากแล้ว แต่จะพูดถึง ลัคนาจรของดวงเมือง ซึ่งมีอายุเต็มครบ ๒๒๕ ปีพอดีในเดือน เมษายนปี ๒๕๕๐ ที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีลัคนาจรสถิตที่ราศีกรกฎ อันมีดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือนตนุลักษณ์ อันดาวจันทร์ (๒)นั้น ถ้าหมายถึงบุคคล จะมีบุคลิคที่ค่อนข้าง เป็นไปในทาง อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงได้ง่าย นุ่มนวล ละเมียดละมัย ส่วนอีกความหมายหนึ่งของดาวจันทร์(๒) นั้น ก็คือตัวแทนของสตรีเพศ ฉะนั้น...แม้จะเป็นชายก็จะมีลักษณะแนวโน้มทางคุณสมบัติของสตรี คือ นุ่มนวล เรียบร้อย สุภาพ ชอบที่จะสมานฉันท์ ในเรื่องต่างๆ ก็คือนายกคนปัจจุบัน
นักโหราศาสตร์โดยทั่วไป การดูดวงชะตานั้นอาศัยหลักสถิติ การจดบันทึกจากโบราณ ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน จนเห็นเป็นจริงแล้วจึงบันทึกเป็นตำราให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ถามว่าทุกประการของการทำนายนั้นแม่นยำ ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ในฐานะที่เรียนรู้เรื่องโหราศาสตร์มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี ขอตอบตามตรงว่า อยู่ที่ประสบการณ์การทำนาย
เพราะถ้าเปรียบเทียบ นักโหราศาสตร์ คือคนที่นั่งอยู่ในบ้านมองเหตุการณ์หน้าบ้านผ่านประตูกระจกฝ้าหนา ทราบเพียงว่าหน้าประตูบ้านขณะนี้มีเงาคนมาหา แต่เป็นใคร ชายหรือหญิง เด็กหรือชราก็พอรู้บ้าง แต่จะให้รู้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน มีรายละเอียด อย่างไรบ้าง เป็นคนดีหรือคนร้ายคงตอบได้ยาก เช่นกันกับดวงการเมืองไทย การทายดวงเมืองนั้นนักโหราศาสตร์สามารถทำนายหลักใหญ่ๆ ได้แน่นอน เช่นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก จะมีเหตุการณ์รุนแรงในช่วงระยะเวลานั้น เวลานี้ แต่คงไม่สามารถลงไปในรายละเอียดได้มากมายนัก ยิ่งดวงเมืองนั้นหมายรวมถึงประชาชนหมู่มาก ก็ยิ่งยากที่จะทำนายให้ถูกต้องแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตัวแปรมีมาก
ดังเรื่องดวงของนายกคนต่อไป ดูจากดวงเมืองแล้วความหมายของดาวจันทร์(๒) ซึ่งมีคุณสมบัติดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จะสามรถจำกัดตัวละครได้แค่ไม่กี่คน. คนที่ต้องจับตามอง ตามคุณสมบัติของดาวจันทร์(๒)คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ถ้ามีการเลือกตั้งไม่เกินเดือน มีนาคม ปี ๒๕๕๑. แต่ถ้าการเลือกตั้งมีขึ้นหลังจากวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว ดวงเมืองตอนนั้นจะเปลี่ยนไปจากลัคนาจรราศีกรกฎของดวงเมือง ไปสถิตที่ราศีสิงห์ในปีหน้า สำหรับราศีสิงห์นั้นถ้าความหมายถึงบุคคล จะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติของราศีสิงห์ อันมีดาวอาทิตย์(๑)เป็นเจ้าเรือน คือ มีเกียรติ มีอำนาจ ท่าทางเข้มแข็งจริงจัง ลักษณะสง่า องอาจ น่าจะมีผิวคลำ มาจากฝ่ายที่ไม่ใช่นัการเมือง จะเป็นพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หรือ จะเป็นข้าราชการระดับสูงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นไปได้
แต่ที่สำคัญที่สุด ช่วงเดือน มิถุนายนนี้ ดวงเมืองอ่อนแอเหลือเกิน การเลือกตั้งจะมีขึ้นช้าหรือเร็วนั้น จะตรงกับวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๐ (ปัจจุบันได้กำหนดไว้แล้ว คือวันที่ ๒๓ ธันวาคม) ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่การจัดการกับวิกฤตการที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ให้บานปลายออกไป และสามารถที่จะทำให้ทุกฝ่ายหันกลับเข้ามาสู่ระบอบประชาธิปไตยได้เร็วเพียงใด ดึงให้ฝ่ายที่ถูกประหัตประหารทางการเมืองกลับมาร่วมสังฆกรรมได้หรือไม่ ย่อมเป็นสิ่งที่ คมช. และรัฐบาลต้องขบคิด เร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...!
2. อภิสิทธิ์ นายกฯต้องมาก่อน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 2507, เพศชาย, บุคลิกชายไทย รูปร่างสันทัด
ผิวขาว อายุปัจจุบัน 43 ปี ตำแหน่งทางการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์. ผมพิมพ์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์เพื่อ
ผูกดวงชะตา ตามแบบฉบับนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่. คอมพิวเตอร์ขึ้นหน้าจอถามหาเวลาเกิด...??
ผมคีย์ลงไป...ไม่ทราบ...? จอคอมพิวเตอร์ขึ้นรูปดวงชะตา บรรจุดวงดาวต่างๆ แต่ไม่มีลัคนามาให้
"แย่จัง... ไม่รู้เวลาเกิด
แล้วจะวางลัคนาและทายจรได้อย่างไร?" ผมสบถเบาๆ
ครับ... นี่คือเหตุการณ์จริงที่นักโหราศาสตร์มักจะพบเสมอ เมื่อทายดวงนักการเมืองไทย
หลายๆ ท่านปกปิด เวลาเกิดเพื่อไม่สามารถวางลัคนาได้ อาจจะกลัวเรื่องการทำคุณไสย
ฝังรูปฝังรอย นักโหราศาสตร์ไทยจึงเป็น นักเดาราศาสตร์ ไปเสียโดยมาก. โหราจารย์แต่โบราณ
สามารถทำนายได้แม้จะไม่รู้เวลาเกิดก็ตาม โดยดูดาวจันทร์เป็นลัคนา แต่ทำนายได้เพียงชะตาชีวิตทั่วๆ
ไปเท่านั้น ไม่สามารถจะดูดวงชะตาจรได้แม่นยำ ดังนั้นจึงจะดูจากการกระทบกันของดวงดาว
จึงให้ผลแม่นยำกว่า
ดูจากดวงชะตาของคุณอภิสิทธิ์
มีดาวเด่นๆ อยู่หลายดวง ดังนี้
ดาวอาทิตย์(๑) เป็นมหาจักรในราศีกรกฎ เรือนจันทร์(๒) และดาวจันทร์(๒) เป็นอุจจ์ในราศีพฤกษกเรือนศุกร์(๖)กุมดาวพฤหัส(๕)คู่ธาตุดิน
มีดาวพุธ(๔)เป็นราชาโชคและมหาจักรในราศีสิงห์ เรือนอาทิตย์(๑). จากข้อมูลดังกล่าวนี้
เราจะได้คำทำนายพอที่จะบอกเรื่องราวชีวิตของเจ้าชะตาได้พอควร แต่จะก้าวถึงดวงดาวได้หรือไม่
เรามาดูกันต่อไป
โศลกโหร ว่าไว้ดังนี้ "ยศศักดิ์ทายอาทิตย์, รูปร่างจริตทายจันทร์, แข็งกล้าขยันทายอังคาร, เจรจาอ่อนหวานทายพุธ, ปัญญาพิสุทธิ์ทายพฤหัส, กิเลสสมบัติทายศุกร์, โทษทุกข์ทายเสาร์, มัวเมาทายราหู, อายุยืนอยู่ทายเกตุ, ภัยอาเพศทายมฤตยู"
อันดับแรก ดูดาวจันทร์(๒)เป็นอุจจ์ (อุจจ์หมายถึงสูงสุดยิ่งใหญ่, มากมาย). ความหมายของดาวจันทร์(๒)ตามโศลกโหร รูปร่างจริต ก็คือความมีเสน่ห์ ความหล่อเหลาดูดี อันนี้คงเป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้ว ซึ่งมีส่วนทำให้คุณอภิสิทธิ์เป็นที่ชื่นชอบแก่ประชาชนโดยทั่วไป. ดาวอาทิตย์(๑) ยศศักดิ์ เป็นมหาจักร หมายถึงการก้าวสู่การเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยรวดเร็วและไม่ธรรมดาในวัยที่ยังหนุ่มแน่น. ดาวพุธ(๔)เป็นราชาโชคและมหาจักร คำพูด การเจรจาเฉียบคม ลุ่มลึก จะสร้างชื่อเสียงให้เจ้าชะตาเป็นอย่างดี นี่คือพื้นดวงชะตา
เป็นที่น่าสังเกต ตั้งแต่ดาวเสาร์(๗)ย้ายจากราศีกรกฎเข้าทับดาวพุธ(๔)ในราศีสิงห์ ชะตาชีวิตโดยรวมจะเริ่มดีขึ้น ดังคำทำนายโบราณ "เสาร์ทับพระเคราะห์พุธ ดุลนั้นโฉลกเห็น โชคลาภจะพูนเพ็ญ ศัตรูจะอัปรา" คู่แข่งทางการเมืองจะแพ้พ่าย และหมดกำลังไปเอง นับเป็นโอกาสอันดีที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ถ้าคุณอภิสิทธิ์ยังรักษาฟอร์มและสงวนตัวไม่เที่ยวไล่ชนกับพรรคตรงข้ามอย่างโฉงฉ่างนัก อีกทั้งดาวราหู(๘)จรเข้าทับดาวเสาร์(๗)ในราศีกุมภ์รอท่าอยู่แล้ว ซึ่งดาวราหูและดาวเสาร์เป็นคู่มิตรใหญ่ย่อมให้ผลอันยิ่งใหญ่ต่อเจ้าชะตา
"อสุรินทร์โทโคจรลี ถึงราศีที่เสารา จะเปรื่องปราดทั้งยศฐา อีกลาภาจะเรืองรอง ราหูสู่สาคร อยู่ครอบครองสมุฏทัย มิตรสหายอันกล้าหาญ สู่สถานให้ลาภใหญ่" ทำให้หลายๆ พรรคที่เป็นมิตรทางการเมืองจะให้ความสนับสนุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้ มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีค่อนข้างแน่นอน มีข้อแม้ว่าต้องมีการจัดการเลือกตั้งเร็วที่สุดไม่เกินปลายปีนี้ โดยไม่มีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ที่สำคัญต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ไม่เกินปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๑ หากช้ากว่านี้...หมดสิทธิ์ครับ เพราะดวงเมืองจะเปลี่ยนไป และพรรคประชาธิปัตย์จะต้องทุ่มเทสรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งทางตรงและทางลับ
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสำหรับพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น.
แต่...ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทยในช่วงภาวะนี้เป็นทุกขลาภ จะทำให้ คุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เหนื่อยและเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เอาเถอะ..แต่มันจะเป็นเวลาไม่นานนักหรอก
เชื่อผมสิ
!
3. พล.อ.สนธิ นายกรัฐมนตรี?
รับโจทย์ข้อใหญ่จาก บ.ก.โลกวันนี้ ให้ทำนายดวงชะตาของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
พร้อมทั้งชีวิตหลังเกษียณอายุจากราชการกองทัพบกภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ยอมรับว่าค่อนข้างหนักใจ
เนื่องจากที่เคยบอกไปแล้ว ในระบบโหราศาสตร์ไทยนั้น การรู้เฉพาะ วัน เดือน ปี
ที่เกิด แต่ไม่ทราบเวลาเกิดนั้น ทำนายยากมาก และนักโหราศาสตร์บางท่านไม่ยอมให้คำทำนายเลย
เพราะการทายลักษณะนี้ คำทำนายมักไม่ค่อยแม่นยำ แต่เอาเถิดครับ เมื่อรับโจทย์มาแล้ว
ลองดูกันสักหน่อยจะเป็นไรไป จะทำนายได้ถูกต้องหรือไม่ อนาคตคงเป็นผู้ตัดสินเอง
ผู้เขียนขอใช้คำว่า "วิเคราะห์ดวง" แทนคำทำนายนะครับ
พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ผู้ที่กำลังจะลงจากเก้าอี้ผู้นำกองทัพบกภายในสิ้นเดือนนี้ เกิดวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (ไม่ทราบเวลาเกิด) ดูจากดวงชะตาของท่านแล้ว ถ้าเป็นนักโหราศาสตร์มือใหม่ อาจจะงง ...เพราะดวงชะตาของท่านมีดาวใหญ่ๆ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ให้คุณแต่เจ้าชะตาเลย เช่น มีดาวเสาร์(๗)ดาวอังคาร(๓)และดาวศุกร์(๖)เป็นประ ดาวพฤหัส(๕)ก็มีตำแหน่งไม่ให้คุณแก่เจ้าชะตา แถมยังมีดาวราหู(๘)เป็นนิจเสียอีก ทำให้เกิดความสงสัยว่า แล้วดวงชะตาแบบนี้จะขึ้นเป็นถึง ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ได้อย่างไร? เพราะดาวใหญ่ๆ มีตำแหนงที่ไม่ดี ไม่มั่นคงเลย
เนื่องจากไม่ทราบเวลาเกิด
จึงไม่สามารถจะวางลัคนาได้ แต่เราสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ดังนี้...
ดวงชะตาของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินมีดวงดาวเรียงเป็นครึ่งวงกลมโดยเริ่มจากราศี
พฤกษก มีดาวราหู(๘)เป็นนิจ ราศีเมถุนมีดาวมฤตยู(๐) ราศีกรกฎมีดาวเสาร์(๗) ราศีสิงห์
ว่าง ราศีกันย์ มีดาวอาทิตย์(๑) ราศีตุลย์มีดาวพุธ(๔) ดาวพฤหัส(๕) ดาวอังคาร(๓)เป็นประ
ราศีพิจิกมีดาวศุกร์(๖)เป็นประ มีดาวเกตุ(๙) และราศีธนูมีดาว(๒) นอกจากนั้นราศีที่เหลือไม่มีดาวสถิตอยู่เลย
วิเคราะห์จากดวงชะตา จะเห็นได้ว่ามีลักษณะครึ่งวงกลม คล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ขาดเพียงราศีสิงห์เท่านั้นที่ไม่มีดาวสถิตอยู่เลย ถ้าเราเติมลัคนาลงไปที่ราศีสิงห์ล่ะ
ทีนี้ได้เรื่องเลยครับ เพราะดวงนี้เท่ากับเป็นดวงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว มีลัคนาอยู่กลางของดวงดาวที่ล้อมรอบอยู่
เรียกว่า "ดวงคุมพล" โบราณยึดถือว่าให้คุณมากทางด้านการศึกสงคราม แม่ทัพระดับเจ้าพระยาแต่โบราณมักจะมีดวงแบบนี้
โหราจารย์ให้ความสำคัญมาก ถือว่าเป็นดวงของเหล่าบรรดาขุนศึกที่เด่นๆ ในอดีตหลายท่าน
ครับ... ถ้าเราวางลัคนาไว้ที่ราศีสิงห์ ดวงนี้จะสมบูรณ์แบบตามหลักโหรโบราณเลยทีเดียว ดาวเสาร์(๗)ที่เป็นประ ก็จะหมายถึงเจ้าเรือนอริของท่านหรือศัตรูของท่านมักจะแพ้ภัยตนเอง ไม่สามารถทำอันตรายได้ ดาวราหู(๘)เจ้าเรือนปัตนิเป็นนิจ คู่ครองอาจจะมีศักดิ์ฐานะด้อยกว่า หรืออาจมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องชีวิตคู่ ฯลฯ วิเคราะห์แล้วลัคนาน่าจะอยู่ราศีสิงห์
ถ้าลัคนาอยู่ราศีสิงห์จริง ตามที่ได้วิเคราะห์. ๒ ปีต่อจากนี้ไป พล.อ.สนธิ จะพบกับความยุ่งยากในชีวิต แบบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบมาก่อนเลยในชั่วชีวิต ต้องระวังความพลิกผันบางอย่างที่ก่อให้เกิดอุปสรรคอย่างมากในการทำงานด้านการเมือง และการเมืองจะเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของท่านชนิดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องระวังในเรื่องคำมั่นสัญญา คู่สัญญา และศัตรูลับๆ จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบหลังจากท่านลงจากตำแหน่งแล้ว
เชื่อว่า พล.อ.สนธิ จะเข้าสู่แวดวงการเมืองในไม่ช้านี้ (จะชัดเจนหลังจากวันที่ ๑๖ พฤศจิกายนแล้ว) หากการเลือกตั้ง เลื่อนไปต้นปีหน้า ยิ่งช้าเท่าไหร่ จะยิ่งเป็นคุณแก่ท่าน เพราะ พิจารณาจากดวงชะตาเมืองแล้ว ถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๕๑ ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นทหารอย่างแน่นอน.
ที่สำคัญ.. ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ๒ ปีต่อจากนี้ไป จะเป็นตำแหน่งที่ ท้าทายความสามารถเป็นอย่างยิ่ง และเป็นตำแหน่งทุกขลาภที่ใครได้รับแล้ว ชีวิตจะไม่มีความสงบเลยแม้นแต่วันเดียว ...!
4. บรรหาร... มังกรการเมืองที่ไม่ตกยุค
นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี, เกิดวันที่ 19 สิงหาคม 2475 อายุ 75 ปีเต็ม
ลัคนาตามนักโหราศาสตร์ทั่วไปวางไว้ที่ ราศีเมษ ผู้เขียนจึงขอใช้ลัคนาราศีเมษตามไปด้วย
ดังนั้นจะได้ ชัณษาจรตกที่ราศี กุมภ์ อันเป็นภพลาภะแห่งลัคนา
สำหรับวิถีชีวิตของนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้น ประกอบด้วยดาวใหญ่ๆ ทั้ง ๓ ดวงที่มีอิทธิพลของดวงชะตาเป็นอย่างยิ่ง คือ ดาวพฤหัส(๕)เป็นอุจจาภิมุข ดาวเสาร์(๗)เป็นเกษตร และดาวราหู(๘)เป็นเกษตร จะสังเกตได้ว่า ถ้าปีใดดาวทั้ง ๓ ดวงโคจรมา ทับ เล็ง ตรีโกณ หรือโยกกับลัคนาแล้ว และมีระยะเชิงมุมที่ดี และดาวใหญ่ๆ ให้คุณให้โชค ปีนั้นๆ ย่อมมีชะตาชีวิตที่ดี และเจริญรุ่งเรือง ตามคุณภาพหน้าที่ของดาวนั้นๆ ในที่นี้เราจะวิเคราะห์ดวงชะตาของนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่มีผลกระทบทางการเมืองเท่านั้น
อายุ 75 ปี ดวงของคุณบรรหารนั้น ชัณษาจรตกราศีกุมภ์ ดาวพฤหัส(๕) ทำหน้าที่เจ้าเรือนกดุมพะ และลาภะ ภพเดิมที่สถิตคือปุตตะ ดาวเสาร์(๗)ทำหน้าที่ วินาสน์ จรเดิมอยู่เรือนกัมมะเป็นเกษตร ดาวราหู(๘)ทำหน้าที่ ตนุจร เดิมอยู่เรือนลาภะเป็นเกษตรเช่นกัน
ดาวพฤหัส(๕)เป็นดาวดวงแรกที่เราจะมาวิเคราะห์กัน ดาวพฤหัส(๕)จะโคจร เข้าเรือนศุภภะในดวงชะตาของคุณบรรหาร หลังวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ปีนี้ ส่งผลให้เกิดความหวังในการที่จะเป็นผู้จัดการประสานตำแหน่ง ให้กลุ่มต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อแน่ว่านายบรรหารจะเป็นผู้ประสานผลประโยชน์ของกลุ่มต่างๆ ทั้งอำนาจเก่า ใหม่ และกลุ่มที่จะมีการจัดตั้งขึ้นใหม่เร็วๆ นี้ โดยหวังให้พรรคชาติไทยเป็นตัวประสานและสอดแรกเข้าร่วมรัฐบาล ดาวพฤหัส(๕)โคจรเข้าเรือนตนเอง เป็นเกษตรจะเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่มให้คุณแก่ตัวนายบรรหารเองและพรรคชาติไทย
ดาวราหู(๘)ตนุจร สถิตในเรือนลาภะทับดาวราหูเดิม ก่อให้เกิดผลดีแก่ตัวตนของนายบรรหารเอง ที่จะได้รับการทาบทามจากพรรคต่างๆ นอกเหนือจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เชื่อว่ามีการต่อสายแตะมือกันแบบลับๆ กับพรรคอำนาจเก่า(ดาวเสาร์ทำหน้าที่วินาสน์ ซึ่งหมายถึงลับๆ หรืออยู่เบื้องหลังไม่เปิดเผย)และยังหมายถึงโชคลาภทางด้านการเมืองที่นายบรรหารจะได้รับ
ดาวเสาร์(๗) เข้าเรือนปุตตะ ทับดาวพฤหัส(๕) และกับดาวอาทิตย์(๑)นั้น ดาวเสาร์(๗)เป็นคู่ธาตุแก่กัน นอกจากแตะมือกับพรรคอำนาจเก่าแล้ว ยังมีการขยิบตากับพรรคเกิดใหม่หลายพรรค ตามแบบฉบับมังกรทางการเมืองของนายบรรหารเอง
จากดวงดาวใหญ่ๆที่ส่งผลแก่นายบรรหาร ในช่วงอายุ 75 ปีนี้เอง ทำให้นายบรรหารจะมีบทบาททางการเมืองขึ้นมาอีกอย่างมากมาย และการต่อรองสร้างคุณค่าความสำคัญของพรรคชาติไทยจะได้รับความสำเร็จ จากดวงชะตาดังกล่าวของนายบรรหาร เราจะพอสรุปได้ว่า พรรคชาติไทยภายใต้การนำของนายบรรหารจะได้เป็นพรรคที่ร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน และนายบรรหารเองจะได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงทางการเมืองควบหลายตำแหน่ง จะเป็นผู้สร้างสูตรผสมทางการเมืองแบบใหม่ ๆที่พลิกล็อกสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย
พรรคชาติไทยจะเป็นพรรคขนาดกลางที่พร้อมจะเป็นเจ้าสาวให้พรรคลำดับที่ ๑ และ๒ มาเกี้ยว ไปร่วมหอลงโรง และมีตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงหลักๆ เป็นสินสอด. ที่ว่าไปนั้นเป็นส่วนดี สำหรับส่วนที่เสียนั้นก็มีบ้าง ตามโศลกโหรโบราณท่านว่าไว้ "ราหูถึงราหู ปะทะกันและการดล นั้นห้ามหนบรเทศจะอันตราย สินทรัพย์จะร่อยริน ธิบดินทร์จะหมองหมาย โทษตนระมัดกาย และจะเกิดพระเพลิงกาฬ ศัตรูจะแกล้งกล่าว ธุระล่อแลลวงผลาญ พยาธิจะประหารบมิญาติจะม้วยมรณ์"
ครับ...การทำงานทางการเมืองในยุคปัจจุบัน สำหรับพรรคชาติไทยแล้ว ถนนสู่การร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น หากมองด้วยสายธรรมดาจะดูราบเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ทางเดินอันราบเรียบดังกล่าว ฝังไว้ด้วยขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคน่าหวั่นเพียงใด แต่เชื่อว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ผ่านความร้อนหนาวทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ย่อมมองออกเช่นกัน และได้ใช้ความช่ำชองทางการเมืองผลักดันให้พรรคชาติไทยต้องได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลในอนาคต ไม่ว่าจะร่วมกับพรรคใดก็ตาม
5. เสนาะ เทียนทอง นักปั้นหลงยุค
พลันที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ออกมาประกาศลาออกจากพรรคประชาราช สายตาของทุกคู่
หันไปมองที่นายเสนาะ เทียนทองทันที. นายเสนาะ เทียนทองถือเป็นนักการเมืองระดับเซียน
เพราะในอดีตประสบความสำเร็จากการเป็นนักปั้นนายกรัฐมนตรีเมืองไทยมากับมือแล้วถึง
3 คน แต่จะทำอย่างไรต่อไป กับสถานการณ์ เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน. เรื่องนี้ต้องติดตาม
แม้ว่านายเสนาะ หัวหน้าพรรคประชาราชที่กำลังแพแตก ลูกพรรคหนีหายไปไม่น้อย แต่เรายังคงต้องจับตามอง
และถือว่าพรรคประชาราชยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองไทย ที่มีศักยภาพในการต่อสู้ในแวดวงการเมืองพอควร
เราจะมาวิเคราะห์ดวงชะตาของนายเสนาะกันดูว่าจะลิขิตดวงชะตาไว้อย่างไร?
ณ วันที่ 1 เมษายน 2477 ท้องฟ้าได้บันทึกภาพดวงดาว วัน เวลาเกิดของนายเสนาะ เป็นสมการดาวไว้
ดังนี้
ดาวอาทิตย์(๑) และดาวอังคาร(๓) กุมกันเป็นคู่ศัตรูที่ราศีมีน มีดาวพฤหัส(๕) เล็งและเป็นประ
ดาวเสาร์เกษตร(๗) กับดาวราหูมหาจักร์(๘) กุมกันเป็นคู่มิตรที่ราศีมังกร ดาวพุธ(๔)และดาวศุกร์(๖)คู่ธาตุน้ำจับคู่กันที่ราศีกุมภ์
ดาวจันทร์(๒)อยู่ราศีตุลย์ ดาวเกตุ(๙)อยู่ ราศีสิงห์ และท้ายสุดดาวมฤตยู(๐)อยู่ราศีเมษ
นายเสนาะ เทียนทอง อายุเต็ม 73 ปี ผู้เขียนขออนุญาตวางลัคนาไว้ที่ราศีมีน ตามโหรหลายๆ ท่านวางเอาไว้(เนื่องจากไม่ทราบเวลาเกิดจริง) ดังนั้นชัณษาจรจึงตกที่ลัคนาเดิมพอดี คือราศีมีน ดาวใหญ่ทั้งสามดวงมีหน้าที่ดังนี้
- ดาวพฤหัส(๕)ปีนี้ ทำหน้าที่ตนุและกัมมะพ่วงความหมายของปัตนิเข้ามาด้วย
- ดาวเสาร์(๗)ปีนี้ทำหน้าที่ เจ้าเรือนลาภะโดดๆ
- ดาวราหู(๘)ปีนี้ทำหน้าที่เจ้าเรือนวินาสน์ และพ่วงความหมายของเรือนลาภะมาด้วย
ปรากฏการณ์ดวงดาว ณ ช่วงเวลานี้ อ่านที่ดาวเสาร์(๗)เป็นอันดับแรก
- ดาวเสาร์ เดินตกอริในราศีสิงห์ ความหวังด้านโชคลาภ กระสุนดินดำ และตำแหน่งทางการเมืองนับจากนี้ไปจะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับนายเสนาะ เทียนทอง สิ่งที่คาดหวังไว้จะไม่ประสบผลตามความตั้งใจ แม้จะใช้ความเก๋าจากประสบการที่โชกโชนเพียงใดก็ตาม ปีนี้โชคไม่เข้าข้างครับ
- ดาวราหู(๘) เจ้าเรือนวินาสน์ สถิตที่เรือนวินาสน์ สิ่งที่ตั้งความหวังไว้ลึกๆ จะไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่ว่าท่านจะดำเนินการต่างๆ ทางการเมืองด้วยแผนลึกล้ำอย่างไรก็ตาม และไอ้ที่เคยแตะมือกับใครไว้ จะไม่ได้รับการตอบสนอง ขอบอกว่าช่วงต่อไปนี้
- ดาวพฤหัส(๕)ปีนี้ ทำหน้าที่ตนุและกัมมะ พ่วงความหมายของปัตนิเข้ามาด้วย. ตนุคือตัวตนของนายเสนาะ กัมมะคือการปฏิบัติการทางการเมือง ปัตนิ คือผู้ร่วมหุ้นส่วนทางการเมือง. ดาวพฤหัส(๕) ขณะนี้สถิตที่เรือนศุภภะ(ความหวัง, เกียรติยศ, การเมือง)กำลังจะคล้อยจาก เข้าสู่เรือนกัมมะ(การงาน, การดำเนินการทางการเมือง) ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งของนายเสนาะ เทียนทอง ที่จะต้องเผชิญกับวิบากกรรมต่างๆ หลายเรื่องที่เดือดร้อนจะทยอยกันกระหน่ำเข้ามา ทั้งโดนตัดกำลังจากพันธมิตรที่คิดว่าไว้วางใจได้ กลับสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด กระสุนดินดำที่สะสมไว้ก็ร่อยหรอ จนเกือบหมดสิ้น
โดยเหตุนี้ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จะเป็นอีกปีหนึ่งที่ที่ นายเสนาะ จะต้องบันทึกไว้ในไดอารี่ว่า "เพื่อนทรยศ ลูกน้องตีจาก พรรคที่ตั้งมากับมือเริ่มทรุดลง ความหวังทางการเมืองริบหรี่ ผิดหวังแบบไม่คาดคิด โชคดีที่ยังมีมิตรเก่ายังให้โอกาส". สำหรับดวงชะตานายเสนาะ เทียนทองแล้ว ต้องเลยเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ไปแล้วนั่นแหละ จึงจะได้รับตำแหน่งสำคัญทางการเมืองที่เหมาะสมกับตนเอง. อย่างไรก็ตาม นายเสนาะ เทียนทอง ก็คือนายเสนาะ เทียนทองที่มีสมญานาม "เจ้าพ่อวังน้ำเย็น" คงไม่กลับกลายไปเป็น "หัวหน้าพรรคกระยาจก"ไปได้หรอกนะครับ
6. ประชัย เลี่ยวไพรัตน์...
เจ้าสัวผู้อหังการ
"120 ถึง 200 เสียง คือจำนวน ส.ส. ที่เราคาดว่าจะได้รับเลือกเข้ามา และเราจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล"
หลังคำพูดนี้ ออกจากปากนายประชัยในวันที่เปิดตัวพรรคมัชฌิมาธิปไตยแล้ว สปอตไลท์ทางการเมืองหันมาส่องทางด้านพรรคมัชฌิมาธิปไตยทันที
คุยโว โอ้อวด สร้างกระแส หรือมีพันธะสัญญาลับๆ ใดที่ชาวบ้านไม่รู้ เป็นความคิดแวบแรกที่รู้สึกโดยทั่วไป แต่ต้องยอมรับว่าเป็นคำพูดที่อหังการไม่เบา พรรคมัชฌิมาธิปไตยจะถึงฝั่งฝันหรือไม่ เราจะมาวิเคราะห์ดวงชะตานายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคตามหลักโหราศาสตร์กันดู นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เกิดวันที่ 28 สิงหาคม 2487 ไม่ทราบเวลาเกิด แต่พอจะอนุมานได้จากการศึกษาดวงชะตาที่ผ่านมาของนายประชัย น่าจะมีลัคนาอยู่ที่ราศีเมถุน ปีนี้อายุ 63 ปีเต็ม ชัณษาจรจะตกที่ ราศีมีนน์ ดาวใหญ่ๆ ทั้ง 3 ดวงที่มีอิทธิพลต่อนายประชัย คือ ดาวพฤหัส(๕) ดาวเสาร์(๗) และดาวราหู(๘)
วิเคราะห์ทางโหราศาสตร์พบว่า ดาวทั้ง 3 ดวงดังกล่าวกำลังโคจรมาให้คุณแก่ดวงชะตานี้อย่างมาก โดยเฉพาะดาวพฤหัส(๕)ธาตุดิน ปีนี้ทำหน้าที่ตนุ (ตัวตนของนายประชัย) กัมมะ(การงานทางการเมือง) แฝงความหมายของเรือนสุหัสชะ(สังคม-การเมือง, ความมีชื่อเสียง) เจือบางๆ ด้วยความหมายของกัมมะและปัตนิ (หุ้นส่วนทางการเมือง)
ส่วนดาวเสาร์(๗)ธาตุไฟ ทำหน้าที่เป็นเจ้าเรือนลาภะแฝงความหมายของตนุเดิมเติมลงไป และดาวราหู(๘)ธาตุลม ทำหน้าที่เจ้าเรือนวินาสน์ (ไม่คาดคิด, ลับๆ) แฝงความหมายของเรือนกดุมพะ(การเงิน) โดยมีดาวอื่นๆ ในดวงชะตาเป็นตัวประกอบ ซึ่งไม่ค่อยจะส่งผลต่อดวงชะตามากนัก. จากหน้าที่ของดวงดาวต่างๆ ที่ส่งกระแสให้กับดวงชะตานี้ ก่อให้เกิดแรงผลักดันที่จะทำให้นายประชัย พบกับเหตุการณ์ที่ทั้งดีและร้ายในคราวเดียวกัน
นับจากนี้ไป ดาวเสาร์(๗)ที่กำลังสถิตอยู่เรือนสุหัสชะของดวงชะตาจะส่งผลให้นายประชัย เป็นที่รู้จักของสังคมการเมืองในวงกว้างและเป็นผลดี ขอบอกว่าการใช้คำพูดที่เกินเลยหรือโอ้อวดจะไม่ส่งผลดีแก่งานการเมือง ควรจะดำเนินงานทางการเมืองแบบเรียบง่ายแต่หนักแน่น(ตามความหมายของดาวเสาร์) เน้นให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ อย่าใช้กำลังในการหักโค่นเยี่ยงนักการเมืองทั่วไป เพราะประชาชนกำลังเสียขวัญ อยากได้ใครสักคนที่ดูแล้วเข้มแข็ง มีพลัง มีความอบอุ่นน่าเชื่อถือมาเป็นผู้นำ
ดาวพฤหัส(๕)ขณะนี้กำลังโคจรที่ราศีพิจิก ซึ่งเป็นภพอริของนายประชัย และยังไม่ส่งผลดีนักต่อดวงชะตา ดังนั้นในขณะนี้ การดำเนินของพรรคยังไม่ลงตัว รอจนกว่าเลยวันที่ 16 พฤศจิกายน ของปีนี้ไปแล้ว ดาวพฤหัส(๕)จะย้ายเข้าเรือนปัตนิ ทุกอย่างจะลงตัวจะมีการจับคู่เป็นหุ้นส่วนทางการเมืองที่ชัดเจน ถึงวันนั้นนายประชัยจะมองเห็นทางสว่างเอง ขอเน้นย้ำว่าต้องรอครับ อย่าด่วนสรุปทุกสิ่งทุกอย่างเร็วเกินไป เผื่อทางเดินหน้าและถอยหลังเอาไว้บ้าง
สำหรับดาวราหู(๘)ตัวแสบ มาปีนี้ทำหน้าที่เป็นเจ้าเรือนวินาส และแฝงความหมายของเรือนกดุมพะการเงิน สถิตนิ่งอยู่ที่เรือนศุภภะของดวงชะตามานานแล้ว กำลังรอจังหวะที่จะส่งผลทั้งดีและร้ายผสมกันไปแก่ดวงชะตา เชื่อว่าจะมีการผลักดันจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและวงการเมืองแบบลับๆ มีการแตะมือกันด้านหลังกับกลุ่มอำนาจสีขี้ม้า และนายทุนบางกลุ่ม เพื่อผลักดันให้นายประชัยก้าวสู่อำนาจที่สูงสุด
จากการวิเคราะห์ดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อดวงชะตานี้ ผู้เขียนพอจะสรุปได้ว่า นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จะก้าวสู่วงการเมืองสมปรารถนา อาจไม่ถึงตำแหน่งสุดยอด แต่เชื่อว่าพรรคมัชฌิมาธิปไตยจะเป็นพรรคที่ร่วมรัฐบาลแน่นอน และมีตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอเป็นรางวัลปลอบใจ จะได้ ส.ส.ถึง 200 คนหรือไม่นั้นขอตอบอย่างเกรงใจว่า ยากครับ เพราะดวงการเมืองของนายประชัยจะถึงจุดสูงสุด ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมอีกสองปีต่อจากนี้ไป
สิ่งที่อยากจะเตือนเจ้าสัวผู้อหังการ การทุ่มเทสรรพสิ่งสำหรับในวงการเมืองไทยที่เต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด นั้น ระวังจะเป็นการทุ่มเทที่สูญเปล่า ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่หวัง... เราเตือนคุณแล้ว...!
7. สมัคร สุนทรเวช กับ
สองทางเลือก !?
วันนี้จะนำดวงของคุณสมัคร สุนทรเวช มาวิเคราะห์กัน เส้นทางชีวิตนับจากวันนี้ไปจะเป็นเช่นไร
เราจะมาตามดูกันครับ
นายสมัคร สุนทรเวช เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.
๒๔๗๘, เวลา ๒๑.๔๕ - ๒๒.๐๐ น. ผูกดวงชะตาแล้วพบว่า
ที่ราศีเมษ มีดาวมฤตยู(๐)
ราศีพฤกษก มีดาวอาทิตย์(๑)และพุธ(๔) ราศีมิถุนไม่มีดาว ส่วนราศีกรกฏ มีดาวศุกร์(๖)
ราศีสิงห์ไม่มีดาว ราศีกันย์ มีดาวอังคาร(๓) ราศีตุลย์ มีดาวพฤหัส(๕)และจันทร์(๒)
ราศีพิจิกไม่มีดาว ราศีธนู มีดาวเกตุ(๙) ลัคนาราศีมังกร มีดาวราหู(๘)กุม ราศีกุมภ์
มีดาวเสาร์(๗) ส่วนราศีมีนไม่มีดาวสถิตอยู่
สมัคร สุนทรเวช เกิดวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ปีนี้อายุ ๗๒ ปี ลัคนาจรตก ราศีพฤษภ ดูจากพื้นดวงชะตา ดาวราหู(๘) เป็นมหาจักร กุมลัคนาเรือนเสาร์ ดาวอังคาร(๓)เป็นตนุเศษ พื้นฐานชีวิตเป็นคนแกล้วกล้า มุทะลุ ไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่ายๆ อารมณ์รุนแรง ไม่ว่ารักใครหรือเกลียดจะแสดงออกโดยไม่ปิดบัง เป็นคนเปิดเผย ไม่ค่อยมีความยับยั้งชั่งใจ กล้าได้กล้าเสีย นี่คือคุณสมบัติของดาวที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของ สมัคร สุนทรเวช เป็นจริงดังที่เรารู้ๆ กันอยู่
ครับ... ชะตาชีวิตของสมัคร
สุนทรเวช ที่ผ่านมานั้นเราทราบกันดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องมาวิเคราะห์ อะไรกันอีก
ที่จะนำมาพูดคุยวันนี้เป็นดวงชะตาของนายสมัคร สุนทรเวช หลังจากได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแล้ว
ทุกขลาภ เหน็ดเหนื่อย อันตราย และความสูญเสีย... เป็นคำจำกัดวามสำหรับนายสมัคร สุนทรเวช นับจากนี้ต่อไปอีก ๒ ปี ดาวเสาร์(๗)เจ้าเรือนตนุลักษณ์(ตนุลักษณ์ หมายถึงตัวตนของเจ้าชะตา) ตกเรือนมรณะ(สูญเสีย, เจ็บป่วย, เหนื่อย) ดาวเสาร์(๗)ของคุณสมัคร มาจากเรือนกดุมพะในดวงเดิม และปีนี้ดาวเสาร์(๗)ยังทำหน้าที่เป็นเจ้าเรือนศุภะ(หมายถึงเกียรติยศ ความหวัง การปกป้องคุ้มครอง) สัมพันธ์กับดาวอาทิตย์(๑)เจ้าเรือนมรณะเดิมไปที่ภพปุตะ กุมดาวพุธ(๔)จากเจ้าเรือนอริเดิม ครูโหรโบราณบอกว่าเป็นคู่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคำพูดที่มักท้าทายและก่อศัตรู
ดูจากดวงดาวที่โคจรเข้าสัมผัสภพต่างๆ ของดวงชะตานี้ ส่งผลต่อเนื่องแก่เจ้าชะตา ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ว่า กิจกรรมทางการเมืองต่อจากนี้ไปของคุณสมัคร กับความหวังที่จะปกป้องและผลักดันกระบวนการต่างๆ ของพรรคพลังประชาชน ให้สู่จุดมุ่งหมายที่จะเป็นพรรคเสียงข้างมากนั้น จะเป็นความสูญเปล่าที่ไม่คุ้มค่า และจะไม่สามารถจะดำเนินการต่างๆ ของพรรคได้สมกับความมุ่งหวัง อีกทั้งดาวพฤหัส(๕)ที่กำลังโคจรอยู่ในเรือนลาภะก็ไม่ส่งผลให้ดีมากนัก ยิ่งหลังจากวันที่ ๑๖ พฤศจิกายนไปแล้ว ดาวพฤหัส(๕) ซึ่งปีนี้ทำหน้าที่เจ้าเรือนมรณะจร และเรือนกัมมะจร จะย้ายเข้าสู่เรือนวินาสน์ กับลัคนา ทำให้คุณสมัคร สุนทรเวช ต้องถอยออกมาจากอยู่เบื้องหลัง หรือมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของพรรคแบบไม่เปิดเผยจึงจะประสบผลดี และต้องลดดีกรีความก้าวร้าวในด้านคำพูดลง
เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนที่นำโดย คุณสมัคร สุนทรเวช จะเป็นพรรคที่สร้างสีสันให้กับวงการเมืองของเราต่อไปอีกนาน และต้องผ่านการต่อสู้และกดดันจากฝ่ายตรงข้าม แบบชนิดที่เลือดตากระเด็น ต้องถามคุณสมัคร สุนทรเวช ว่า สามารถทนต่อการกดดันและเสียดสีจากฝ่ายต่างๆ ได้มากขนาดไหน ถ้าทนได้โดยตบะไม่แตกเสียก่อน พลังประชาชนจะได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด
และ.. มีสองทางเลือก สำหรับดวงชะตานี้ นั่นคือ
- ต้องลดความโฉงฉ่าง เก็บตัว สงวนถ้อยคำ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างแหลมคมทนต่อการยั่วยุ. ต้นๆ ปีหน้าเป็นต้นไป เราจะได้พบเห็นอะไร ที่เป็นทีเด็ดของพรรคพลังประชาชน ที่วงการเมืองไทยจะต้องจดจำไปอีกนาน
- อีกทางเลือกหนึ่ง ปฏิบัติตัวตามปกติของนายสมัคร สุนทรเวช ที่เรารู้จักกัน คำจำกัดความสองท่อนสุดท้าย จะเป็นจริงและเกิดขึ้นกับนายสมัคร สุนทรเวช และพรรคพลังประชาชน อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นักศึกษา
สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
I สารบัญเนื้อหา
5 I สารบัญเนื้อหา
6
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)gmail.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
[email protected]
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 1300 เรื่อง หนากว่า 25000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เกิดวันที่ ๓ สิงหาคม
๒๕๐๗, เพศชาย, บุคลิกชายไทย
รูปร่างสันทัด ผิวขาว อายุปัจจุบัน ๔๓ ปี
ตำแหน่งทางการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๓ ธันวาคมนี้จริง ตามที่รัฐบาลกำหนด เอาไว้ และมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นในต้นปีหน้า พ.ศ. ๒๕๕๑ ก่อนเดือน กุมภาพันธ์แล้ว เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจเสียที แต่จะเป็นได้ไม่นานนัก ประการนี้ดูจากดวงชะตาเมืองในปีนี้ ที่ลัคนาจรตกอยู่ราศีกรกฎ ตนุลักษณ์ เป็นดาวจันทร์ (๒) น่าจะเป็นบุคลิคของนายอภิสิทธ์ แต่ถ้าการเลือกตั้งล่าช้าออกไปอีกในช่วงต้นปี ๒๕๕๑ และการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในช่วง เดือนมีนาคม-เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เชื่อว่าจะมีบุคลที่อยู่ในเครื่องแบบ หรือข้าราชการระดับสูงเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะตนุจรของดวงชะตาเมือง คือดาว(๑) อันหมายถึงบุคคลในเครื่องแบบ(ทหาร) หรือข้าราชการระดับสูงที่เกษียณแล้ว และเคยมีตำแหน่งเป็นหัวแถวขององค์กรนั้นๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++