wbfish.gif (2301 bytes)

SacadeR.jpg (29139 bytes)

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอเสนอ รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นในรูปบทความจากโทรทัศน์ ตอน "นักวิชาการเครื่องซักผ้า" โดยวิทยากร อ.ศรีศักร วัลลิโภดม, อ.ฉลาดชาย รมิตานนท์, อ.ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต, คุณไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ, ดำเนินรายการโดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์

ความรู้ของนักวิชาการเป็นสิ่งที่สังคมให้การยอมรับ ในเวลาเดียวกันนั้น นักวิชาการส่วนหนึ่ง ก็ได้เอาประโยชน์ที่สังคมให้ความไว้วางใจดังกล่าว ไปใช้กับผลประโยชน์ของตนเอง โดยการประพฤติปฏิบัติที่ออกมาในรูปของ ”นักวิชาการเครื่องซักผ้า”.
นักวิชาการเครื่องซักผ้า คือคนกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่คราบของนักวิชาการที่คอยทำหน้าที่ฟอกโครงการขนาดใหญ่ หรือนโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม อันไม่น่าไว้วางใจให้สะอาด บริสุทธิ์ โดยเป็นที่น่าสงสัยต่อจริยธรรมทางวิชาการ.
ความจริงแล้ว ศาสตร์ทุกศาสตร์ วิชาการทุกสาขา ควรเป็นไปเพื่อชีวิตที่งดงามและชีวิตที่มีสุขของมนุษย์และธรรมชาติ มิใช่หรือ ?

สนใจโปรดคลิกไปอ่านได้ที่แบนเนอร์ midnight's article ในหัวข้อที่ 35

 

introduction

1.TV.Program

2.Questionnaire

3. Information

4. Article and Knowledge  

5. Discussion

6. Schedule

7. Member

8. History

9. Alternative School

10. answer & Letter

11. art & movie

12. Webboard

13. midnight's report

14. midnight's special

15. psychology

16.link

17. criticism

18. creativity

19.art link

HOME

WEBBOARD

reporter

 

Bcriticism.jpg (20111 bytes)

หลังจากได้มีโอกาสชมผลงานศิลปะหรือภาพยนตร์กันมาแล้ว น.ศ., สมาชิก, และ ผู้สนใจท่านใด อยากจะวิจารณ์ผลงานทางด้านศิลปะ ภาพยนตร์ กรุณาส่งบทวิจารณ์พร้อมภาพประกอบมายัง หน้าวิจารณ์ศิลปะและภาพยนตร์นี้ เพื่อเผยแพร่ต่อสังคมวงกว้าง

Ptwobits.jpg (40200 bytes)

ภาพยนตร์แนวปรัชญาของ James Foley สร้างโดยบริษัท Miramax

TWO BITS เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ. เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงวันเดียวในวันที่ 26 สิงหาคม 1933 ตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงเที่ยงคืนวันนั้นในเมืองฟิลาเดลเฟีย

เป็นเรื่องราวของการรำพึงถึงของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง รำลึกถึงตนเองในช่วงวัยเด็ก ซึ่งมีเขาในฐานะหลานชายอายุ 12 กับ คุณตาชายชราในช่วงปัจฉิมวัย ที่มีเรื่องคุยกันตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเที่ยงคืน จากนั้นตาก็ต้องลาจากโลกนี้ไป และได้ทิ้งคำพูดที่เด็กอายุ 12 ขวบในเวลานั้น ไม่อาจเข้าใจความหมายได้ คือ “ให้รักษาความอยากเอาไว้ไปจนตลอดชีวิต”

ในเช้าวันนั้น ขณะที่จานาโร เด็กน้อยอายุ 12 ปียังคงนอนเล่นอยู่บนเตียง เขาได้ยินเสียงรถแห่โฆษณากำลังป่าวประกาศไปทั่วบนท้องถนนว่า โรงภาพยนตร์ลาปาโลม่ายุคปรับปรุงใหม่ กำลังจะเปิดให้บริการด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แอร์เย็นสบาย พรมก็ปูใหม่ และพนักงานเดินตั๋วก็ใหม่ด้วย ราคาค่าเข้าชมเพียง 25 เซนต์เท่านั้น ก่อน 6 โมงเย็นวันนั้น

เสียงประกาศจากรถโฆษณานี้ กระตุ้นให้จานาโรพยายามพยายามที่จะแสวงหาเงิน 25 เซนต์เพื่อเข้าชมภาพยนตร์ในวันนั้นให้ได้ พอดีกับที่ตา(แสดงโดย อัล ปาชิโน)ก็บอกกับเขาว่า จะให้เงิน 25 เซนต์นั้นเป็นมรดก ถ้าหากว่าเขาต้องตายในวันนั้น.

เรื่องราวดำเนินไปทั้งวัน เกี่ยวกับการที่จานาโรพยายามที่จะหาเงิน 25 เซนต์นี้มาดับความอยาก เพื่อที่จะได้เข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ลาปาโลม่า โดยเริ่มตั้งแต่การพยายามเข้าไปหางานทำในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง แต่ได้มาเพียง 5 เซนต์, จากนั้นก็ไปยืนร้องเพลงเพื่อแลกกับเศษสตางค์ แต่ก็ได้มาเพียง 3 เซนต์เท่านั้น, หลังจากนั้นก็ได้รับการว่าจ้างให้ไปทำความสะอาดเตาผิง และต้องเผชิญหน้ากับหญิงที่สติไม่สมประกอบ ซึ่งต้องการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก

ในท้ายที่สุด จนแล้วจนรอด จากความพยายามดังกล่าว ทำให้จานาโรได้เงินมา 25 เซนต์พอดีกับค่ำตั๋วที่จะเข้าชมภาพยนตร์ แต่เกิน 6 โมงเย็นแล้ว ราคาค่าตั๋วเปลี่ยนไปเป็น 50 เซนต์ เขาจึงกลับมาบ้านแบบผิดหวัง และพบว่าตาของเขาใกล้จะถึงวาระสุดท้าย

ตาได้พูดกับหลานชายหลายคำเกี่ยวกับเรื่องของความตายและพระเจ้าบนสวรรค์ ตาบอกว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างบ้านด้วยอิฐให้กับคนทุกคนบนสวรรค์ เมื่อไรก็ตามที่คนๆนั้นทำความดีครั้งหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าก็จะนำอิฐมาวางเป็นกำแพงผนังให้ก้อนหนึ่ง แต่หากว่าคนๆนั้นทำความชั่ว พระผู้เป็นเจ้าก็จะนำอิฐออกไปก้อนหนึ่งเสมอ

ตายังบอกต่อไปว่า ตอนที่ตาอายุ 19 ตาปรารถนาที่จะจากอิตาลีมายังประเทศอเมริกา คนในหมู่บ้านนั้นต่างบอกว่า ความปรารถนาดังกล่าวมัน”เป็นไปไม่ได้” แต่ตาก็ทำจนกระทั่งประสบความสำเร็จ. ตาบอกว่า”คนในมสมัยนี้ต่างกัน เมื่อไรก็ตามที่มีคนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นก็จะยอมแพ้ ซึ่งผิดกับที่สมัยตายังเป็นหนุ่ม”.

“จานาโร หลานรู้ไหม ว่าระหว่างความอยากและความต้องการนั้นต่างกันอย่างไร?” จานาโรตอบว่า “ไม่รู้”. ตาจึงอธิบายว่า “ความต้องการเป็นเรื่องของท้อง ในขณะที่ความอยากความปรารถนาเป็นเรื่องของหัวใจ” และขอให้รับปากตาก่อนตายด้วยว่า”เธอจะต้องมีความอยากตลอดไปให้ได้” แล้วตาก็สิ้นใจ

เหรียญที่กำอยู่ในมือ 25 เซนต์ตกลงมาจากมือของตาในช่วงที่ตาหมดลมหายใจนั้น บนเหรียญมีรูปของนกอินทรีย์ที่กางปีกบิน อันเป็นสัญลักษณ์ที่มาย้ำถึงคำพูดประโยคสุดท้าย. จานาโรนำเอาเหรียญที่ตนหาได้ในวันนั้นทั้งหมด บวกกับเหรียญที่คุณตาให้รวมแล้ว 50 เซนต์ ซื้อตั๋วหนังและเข้าไปชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ลาปาโลม่า. พร้อมกับเสียงของคุณตาดังขึ้นมาว่า “บนสวรรค์นั้นมีสภาพไม่ต่างไปจากลาปาโลม่าเลย”

โดยภาพรวมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปอย่างค่อนข้างจะราบเรียบ และใช้คำพูดดำเนินเรื่องมากกว่าการใช้ฉากเป็นการเล่าเรื่องราว มีการใช้คำพูดที่มีนัยสำคัญบ่งถึงปรัชญาชีวิตอยู่หลายตอน และเป็นคำสอนแบบอเมริกันที่เผยแสดงออกมาผ่านบทภาพยนตร์ เช่น การรักษาความอยากความปรารถนาเอาไว้ เพื่อเป็นหลักชัยที่จะมุ่งไป

คำสอนประเภทนี้ มักจะได้ยินอยู่เสมอในสังคมอเมริกัน ยกตัวอย่างเช่น คราวหนึ่งที่ประธานาธิบดีเคนเนดี้ ได้รับเชิญให้ไปแสดงปาฐกถาที่องค์การอวกาศนาซ่า เขาได้เล่าถึงเรื่องของเด็กผู้ชายสองคนที่เดินเล่นกันอยู่ในท้องทุ่ง เป็นการอุปมาอุปมัยว่า เด็กคนหนึ่งได้ปาก้อนหินข้ามกำแพงสูงไปยังอีกด้านหนึ่ง แล้วพยายามที่จะช่วยกันข้ามกำแพงสูงท่วมหัวนั้นให้ได้ เพื่อไปนำเอาหินก้อนนั้นกลับมา

สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉากส่วนใหญ่จะเป็นภาพของการย้อนยุคกลับไปในช่วง 60 ปีที่แล้ว และมีการจัดแสงที่ค่อนข้างเล่นกับเงามืดโดยตลอด ทำให้บรรยากาศของภาพยนตร์ดูกลับไปสู่วันเวลาในช่วงนั้น ช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ช่วงที่คนที่แข็งแรงต่างตกงาน และคนที่ไม่เข้มแข็งต้องเสียสติ เพราะไม่มีรายได้ใดๆมาจุนเจือ

แสงเงาที่เน้นมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ในเกือบทุกฉาก ทำให้เราได้หวนรำลึกถึงคนในฐานะที่มีปริมาตรในเชิงประติมากรรม มากกว่าจะเป็นงานจิตรกรรม อันมีนัยะบ่งถึงความมีมิติของมนุษย์มากกว่าที่จะเป็นเพียงภาพร่างแบนๆ ทำให้ชีวิตมีความสมจริงยิ่งกว่าการเป็นเพียงตัวละครในบทบาทที่ขาดมิติแห่งชีวิต

นอกจากคุณความดีที่กล่าวนี้แล้ว สีของภาพยนตร์ก็ย้อนยุคกลับไปในช่วงวันเวลานั้นด้วย กล่าวคือ สีค่อนข้างขมุกขมัวแม้ว่าจะมีสีครบทุกสี แต่คล้ายกับสีหลากสีนั้นนำไปผสมกับสีดำตลอดเวลา ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาและรูปแบบที่เข้ากันหรือสอดคล้องกันอย่างดี เห็นถึงความพิถีพิถันของผู้สร้างที่คิดถึงรูปแบบและเนื้อหาที่เนียนแนบไปด้วยกัน

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวและแนวคิดวัฒนธรรมแบบอเมริกัน ที่กระตุ้นให้มีความทะยานอยาก และกระทำสิ่งที่ปรารถนานั้นให้สมหวังสมความตั้งใจ เป็นการสะท้อนถึงมิติทางใจที่แตกต่าง หากดูในเชิงเปรียบเทียบกับโลกตะวันออกหรือสังคมไทย

สมเกียรติ ตั้งนโม

next to art & movie

HOST@THAIIS