มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอเสนอ รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นในรูปบทความจากโทรทัศน์ ตอน "นักวิชาการเครื่องซักผ้า" โดยวิทยากร อ.ศรีศักร วัลลิโภดม, อ.ฉลาดชาย รมิตานนท์, อ.ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต, คุณไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ, ดำเนินรายการโดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ความรู้ของนักวิชาการเป็นสิ่งที่สังคมให้การยอมรับ
ในเวลาเดียวกันนั้น
นักวิชาการส่วนหนึ่ง
ก็ได้เอาประโยชน์ที่สังคมให้ความไว้วางใจดังกล่าว
ไปใช้กับผลประโยชน์ของตนเอง
โดยการประพฤติปฏิบัติที่ออกมาในรูปของ
นักวิชาการเครื่องซักผ้า. สนใจโปรดคลิกไปอ่านได้ที่แบนเนอร์ midnight's article ในหัวข้อที่ 35
|
|
เพื่อเผชิญกับการท้าทายของศตวรรษที่ 21 เราจะต้องสร้างการศึกษาขึ้นมาบนรากฐานของการอ่านภาษานิเวศวิทยาให้ออก ขณะที่ศตวรรษใหม่กำลังใกล้เข้ามามาก, สิ่งท้าทายเราอันยิ่งใหญ่ก็คือ การสร้างสรรค์ชุมชนที่ยั่งยืนขึ้นมา รวมทั้งสังคม, วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ซึ่งเราสามารถมีความพึงพอใจตามความต้องการและความปรารถนาของเราได้ โดยไม่ต้องลดทอนความสมบูรณ์มั่นคงเกี่ยวกับโลกธรรมชาติและโอกาสต่างๆเกี่ยวกับอนาคตของลูกหลานรุ่นต่อไปของเราลงไป. ในความพยายามมุ่งมั่นของพวกเรา เพื่อที่จะสร้างและทะนุถนอมชุมชนที่ยั่งยืนต่างๆนั้น เราสามารถที่จะเรียนรู้บทเรียนต่างๆอันทรงคุณค่าจากระบบนิเวศวิทยาได้, ซึ่งมันเป็นชุมชนที่มีความมั่นคงยั่งยืนของพืช, สัตว์ และอินทรียต่างๆขนาดเล็ก. เพื่อที่จะทำความเข้าใจระบบต่างๆทางนิเวศวิทยา, เราต้องการเรียนรู้ถึงหลัการพื้นฐานทั้งหลายเกี่ยวกับนิเวศวิทยา ภาษาของธรรมชาติ. เราต้องเป็นคนที่สามารถอ่านภาษาในเชิงนิเวศวิทยาได้, หรือ รู้ภาษานิเวศวิทยา(eco-literacy). ปัจจุบัน, เพื่อที่จะเข้าใจหลักการต่างๆเกี่ยวกับนิเวศวิทยา, เราต้องการวิธีการใหม่อันหนึ่งของการมองดูโลกใบนี้. เราต้องการที่จะคิดถึงเทอมต่างๆของความสัมพันธ์นานาประการ, ความเชื่อมโยงกัน, และบริบทของมัน. ในทางด้านวิทยาศาสตร์, หนทางใหม่ของการใช้ความคิด ถูกรู้จักในฐานะที่เป็นความคิดในเชิงระบบ. มันปรากฏตัวขึ้นมาในช่วงระหว่างครึ่งแรกของศตวรรษนี้ในหลายๆสาขาวิชาด้วยกัน, ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้ทำการสำรวจตรวจสอบการดำรงอยู่ของระบบสิ่งมีชีวิตต่างๆ, ระบบนิเวศวิทยา(ecosystems การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสิ่งที่มีชีวิตหนึ่งที่มีต่อกัน และสภาพแวดล้อม) และระบบต่างๆทางสังคม, และตระหนักว่าระบบต่างๆเหล่านี้ทั้งหมดมันรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนทั้งหมด ซึ่งคุณสมบัติต่างๆของมันไม่สามารถที่จะถูกลดทอนแยกย่อยลงไปสู่ส่วนต่างๆที่เล็กกว่าเหล่านั้นได้. การคิดที่เป็นระบบ(sysytems thinking)ได้รับการชูขึ้นมาสู่ระดับใหม่อันหนึ่งในช่วงระหว่าง 20 ปีที่ผ่านมานี้ โดยการพัฒนาของวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับความสลับซับซ้อน. มันเกี่ยวข้องกับภาษาคณิตศาสตร์ใหม่ทั้งหมดอันหนึ่ง และชุดของแนวความคิดต่างๆชุดหนึ่ง เพื่ออธิบายถึงความสลับซับซ้อนเกี่ยวกับระบบต่างๆของการดำรงชีวิต. การปรากฏตัวขึ้นมาของทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับระบบสิ่งมีชีวิตคือรากฐานในทางทฤษฎีเกี่ยวกับการอ่านภาษานิเวศวิทยา(ecological literacy). แทนที่จะมองดูจักรวาลในฐานะที่เป็นเครื่องจักรเครื่องหนึ่งที่ประกอบตัวขึ้นมาด้วยบล็อคของสิ่งก่อสร้างพื้นฐานต่างๆ, บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ค้นพบว่า โลกในทางวัตถุ, ในระดับพื้นฐานที่สุด, มันคือเครือข่ายการทำงานอันหนึ่งของแบบแผนความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้; ดาวเคราะห์ดวงนี้มันคือทั้งหมดที่เป็นสิ่งมีชีวิตๆหนึ่ง, มันมีระบบควบคุมและปรับตัวของมันเอง(self-regulating system). ทัศนะที่มองว่าร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง และจิตใจของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่แยกออกไปโดยเด็ดขาด กำลังได้รับการแทนที่ด้วยแนวคิดหนึ่งซึ่งจะไม่มองเพียงเรื่องของสมองเท่านั้น, แต่ยังมองถึงระบบภูมิคุ้มกันด้วย, มองเนื้อเยื่อทางกายภาพ, และกระทั่งเซลล์แต่ละเซลล์, ในฐานะสิ่งที่มีชีวิตอันหนึ่ง, ซึ่งเป็นระบบกระบวนการรับรู้. วิวัฒนาการไม่ได้ถูกมองในฐานะที่เป็นเรื่องของการต่อสู้ดิ้นรนในลักษณะของการแข่งขันเพื่อการอยู่รอด, แต่ได้รับการมองว่าเป็นการร่ายรำในลักษณะที่ร่วมกันสรรค์สร้าง ซึ่งการสร้างสรรค์และการปรากฏตัวขึ้นมาที่มั่นคงของความแปลกใหม่คือพลังของการขับเคลื่อนต่างๆ. วิสัยทัศน์ใหม่นี้เกี่ยวกับความเป็นจริง, ได้ถูกให้ข้อมูลโดยการอ่านภาษานิเวศวิทยา, ซึ่งจะสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยี่ในอนาคตขึ้นมา, ก่อรูประบบเศรษฐกิจ และสถาบันทางสังคมต่างๆ. มันเป็นที่ชัดแจ้งว่า อันนี้มีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งทางด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 20. มันต้องการศิลปะหรือวิธีการสอนอันหนึ่งที่นำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิต ณ ที่แก่นใจกลางที่แท้จริงของมัน. อันนี้จะเป็นประสบการณ์อันหนึ่งของการเรียนรู้ซึ่งเอาชนะความแปลกแยกหรือความห่างเหินของเราจากโลกธรรมชาติ และจุดประกายความเร่าร้อนทางความรู้สึกอันหนึ่งเกี่ยวกับสถานที่. เราต้องการหลักสูตรๆหนึ่ง ที่จะสอนเด็กๆหรือลูกหลานของพวกเราถึงข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับชีวิตว่า ความสูญเสียหรือปฏิกูลของพืชหรือสัตว์สายพันธุ์หนึ่ง จะเป็นอาหารของพืชหรือสัตว์อีกสายพันธุ์หนึ่ง; วงจรหรือวัฏจักร์ของวัตถุสสารยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านเครือข่ายของชีวิต; ซึ่งพลังงานที่ขับเคลื่อนวงจรหรือวัฏจักร์ทางนิเวศวิทยามันไหลเลื่อนมาจากดวงอาทิตย์; ความหลากหลายอันนั้นทำให้มีความสามารถในการฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้; ชีวิตนั้น, นับจากการเริ่มต้นขึ้นมาของมันมากว่าสามพันล้านปีแล้ว, มิได้ยึดครองหรือเป็นเจ้าของโลกหรือดาวเคราะห์นี้ด้วยกำลังหรือการต่อสู้ แต่โดยการทำงานในรูปเครือข่าย. การสอนความรู้ใหม่อันนี้, ซึ่งมันเป็นปัญญาญานของยุคโบราณ, จะเป็นสิ่งซึ่งสำคัญที่สุดของการศึกษาในศตวรรษต่อไป. เนื่องจากการฝึกฝนในขั้นพื้นฐานทางด้านสติปัญญาเกี่ยวกับความคิดเชิงระบบ, การอ่านภาษานิเวศวิทยา(eco-literacy) ได้ให้โครงร่างอันมีพลังสำหรับวิธีการที่เป็นระบบต่อการปฏิรูปโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันได้รับการนำมาสนทนากันอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางบรรดานักการศึกษาในหลายๆประเทศด้วยกัน. โดยสาระแล้ว การปฏิรูปโรงเรียนอย่างเป็นระบบได้รับการวางรากฐานอยู่บนความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง 2 ประการคือ: ประการแรก เป็นความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับขบวนการของการเรียนรู้ และประการที่สองคือ ความเข้าใจใหม่อันหนึ่งของความเป็นผู้นำ. การศึกษาวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ในด้านวิทยาศาสตร์ทางสมองและพัฒนาการเกี่ยวกับการรับรู้มีผลต่อความเข้าใจใหม่อันหนึ่งเกี่ยวกับกระบวนการของการเรียนรู้, ซึ่งมีรากฐานอยู่บนทัศนะเกี่ยวกับสมองที่ว่า มันเป็นระบบซึ่งมีความสลับซับซ้อน, มีการปรับตัวได้สูง, และระบบจัดการตัวเอง. ความเข้าใจใหม่ยอมรับในการสร้างความรู้ในเชิงก้าวหน้า, ซึ่งความรู้ดังกล่าวตั้งอยู่บนความคิดที่ว่า ข้อมูลใหม่ทั้งหมดได้ถูกเชื่อมสัมพันธ์กันกับประสบการณ์ในอดีตในการค้นคว้าและแสวงหาอย่างต่อเนื่องสำหรับแบบแผนและความหมาย; ความสำคัญของการเรียนรู้จากประสบการณ์; เกี่ยวกับสไตล์การเรียนรู้อันหลากหลายซึ่งพัวพันกับสติปัญญาความเฉลียวฉลาดนานาชนิด; และเกี่ยวกับบริบททางด้านอารมณ์ความรู้สึกและสังคมซึ่งการเรียนรู้นั้นๆก่อกำเนิดขึ้นมา. ความเข้าใจอันนี้เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ได้นำเสนอยุทธศาสตร์หรือแผนการณ์สอนที่สอดคล้องลงรอยกันต่างๆ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, มันได้เสนอการออกแบบหลักสูตรที่มีลักษณะบูรณาการณ์หรือรวมกลุ่มประสานกัน, มีการเน้นความรู้ที่เป็นบริบท, ซึ่งในขอบเขตความรู้วิชาต่างๆอันหลากหลายได้ถูกรับรู้ในฐานะที่เป็นทรัพยากรในการให้ความช่วยเหลือต่อแกนกลางที่มีการโฟกัส. วิธีการที่เป็นอุดมคติซึ่งจะทำให้บรรลุถึงการรวมกลุ่มกันอันนั้น เป็นวิธีการซึ่งเรียกว่าproject-base learning(การเรียนรู้โครงสร้างพื้นฐาน), ซึ่งประกอบอยู่ในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ซึ่งผูกมัดนักศึกษากับโครงการที่ความสลับซับซ้อน, และเป็นโลกจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น school garden หรือโรงเรียนสวน, หรือการปฏิสังขรณ์ลำธาร โดยการให้บรรดานักศึกษาพัฒนาและใช้ทักษะและความรู้. หลักสูตรการรวมกลุ่มประสานกันอันนั้น ผ่านโครงการที่มีการปรับตัวในเชิงนิเวศวิทยา ซึ่งจะเป็นไปได้ก็เพียง ถ้าหากว่าโรงเรียนนั้นกลายเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง, ซึ่งบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลาย, นักศึกษา, ผู้บริหาร และพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างเชื่อมโยงกันและกันในรูปของเครือข่ายของความสัมพันธ์, ทำงานร่วมกันเพื่อการเรียนรู้อันเรียบง่ายเป็นธรรมชาติและให้ความสะดวก. ในชุมชนการเรียนรู้นั้น, การสอนจะไม่ไหลหลั่งจากบนลงล่าง(top down), แต่จะเป็นการแลกเปลี่ยนกันเป็นวงเกี่ยวกับข้อมูล(cyclical exchange of information). การโฟกัสจะอยู่บนการเรียนรู้ และทุกๆคนในระบบจะเป็นทั้งครูผู้สอนและผู้เรียนไปพร้อมกัน. วงจรย้อนกลับ คือธรรมชาติภายในของมันในกระ- บวนการเรียนรู้, และการย้อนกลับกลายเป็นวัตถุประสงค์หลักหรือกุญแจสำคัญของการประเมินประสิทธิภาพ. ความคิดในเชิงระบบ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของชุมชนการเรียนรู้ต่างๆ. อันที่จริง, หลักการทั้งหลายของของนิเวศวิทยา สามารถที่จะถูกนำมาตีความหรือแปลความหมายเป็นหลักการต่างๆของชุมชนได้. ในท้ายที่สุด, ทัศนะที่เป็นระบบของการเรียนรู้, การสอน, หลักสูตรที่ออกแบบขึ้นมา, และการประเมินโครงการ สามารถที่จะบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติการร่วมกันอย่างสอดคล้องของความเป็นผู้นำ. ความเป็นผู้นำในที่นี้หมายถึงความเป็นผู้นำในลักษณะใหม่ ซึ่งได้รับแรงดลใจจากการค้นพบเกี่ยวกับคุณสมบัติที่สำคัญมากๆอันหนึ่งของระบบสิ่งมีชีวิตต่างๆ, ซึ่งได้รับการจำแนกพิสูจน์เมื่อเร็วๆนี้. บางโอกาส ระบบสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิดต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นคง, ซึ่ง ณ จุดนั้นโครงสร้างต่างๆของมันบางอย่างจะพังทลายลง และโครงสร้างใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมา. การเกิดขึ้นมาโดยตัวของมันเองเกี่ยวกับระเบียบกฎเกณฑ์ เกี่ยวกับโครงสร้างใหม่และรูปแบบใหม่ต่างๆของพฤติกรรม- เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นหรือคุณภาพต่างๆของสิ่งมีชีวิต. ในอีกด้านหนึ่ง, การสร้างสรรค์ การกำเนิดของรูปลักษณ์ต่างๆที่เป็นรูปใหม่ที่มั่นคง เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอันหนึ่งของระบบสิ่งมีชีวิตทั้งหมด. ด้วยเหตุนี้, ความเป็นผู้นำจึงประกอบไปด้วยขอบเขตที่ใหญ่โตอันหนึ่งในการให้ความสะดวกอย่างต่อเนื่องของการปรากฏตัวขึ้นมาของโครงสร้างใหม่และการรวมตัวกันของสิ่งที่ดีที่สุดของมันสู่การออกแบบขององค์ระบบ. แบบฉบับอันนี้ของความเป็นผู้นำที่เป็นระบบ มิได้มีข้อจำกัดสู่ลักษณะที่เป็นปัจเจกโดดเดี่ยว แต่สามารถที่จะได้รับการแพร่ขยายออกไปได้, และมีความรับผิชอบซึ่งได้กลายมาเป็นความสามารถหรือสมรรถภาพอันหนึ่งของทั้งหมด. ในเชิงสรุป, การอ่านออกภาษานิเวศวิทยา(eco-literacy)รวมถึงองค์ประกอบ 3 ประการ: นั่นคือ (1) ความเข้าใจในหลักการต่างๆของนิเวศวิทยา, (2) การคิดเชิงระบบ, และ(3) การใช้หลักการต่างๆทางนิเวศวิทยาและความคิดเชิงระบบในฐานะที่เป็นบริบทและภาษาสำหรับการปฏิรูปโรงเรียนหรือความคิด. ขณะที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ศักราชพันปีใหม่, การอยู่รอดของมนุษยชาติจะขึ้นอยู่กับความสามารถของเราที่จะทำความเข้าใจหลักการต่างๆของนิเวศวิทยาและการดำรงอยู่ในลักษณะที่เป็นไปอย่างสอดคล้อง. อันนี้คือโครงการอันหนึ่งที่จะอยู่เหนือความแตกต่างของพวกเราทั้งหมดทางด้านเผ่าพันธุ์, วัฒนธรรม หรือชนชั้น. โลกคือบ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน, และช่วยกันสร้างโลกที่ยั่งยืนเพื่อลูกหลานของเราในอนาคตและเพื่อคนรุ่นต่อไป อันนี้คือภารกิจร่วมกันของพวกเรา. ความรับผิดชอบอันนี้สามารถที่จะบรรลุผลได้ถ้าเพียงเราและลูกหลานของเราสามารถที่จะเรียนรู้เพื่อจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ไปทำลายระบบนิเวศวิทยาที่เปราะบาง. Fritjof Capra เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ซึ่งในจำนวนนี้รวมทั้งเรื่อง The Tao of Physic และ The Web of Life
|