มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอเสนอ รายการทีทรรศน์ท้องถิ่นในรูปบทความจากโทรทัศน์ ตอน "นักวิชาการเครื่องซักผ้า" โดยวิทยากร อ.ศรีศักร วัลลิโภดม, อ.ฉลาดชาย รมิตานนท์, อ.ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต, คุณไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ, ดำเนินรายการโดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ความรู้ของนักวิชาการเป็นสิ่งที่สังคมให้การยอมรับ
ในเวลาเดียวกันนั้น
นักวิชาการส่วนหนึ่ง
ก็ได้เอาประโยชน์ที่สังคมให้ความไว้วางใจดังกล่าว
ไปใช้กับผลประโยชน์ของตนเอง
โดยการประพฤติปฏิบัติที่ออกมาในรูปของ
นักวิชาการเครื่องซักผ้า. สนใจโปรดคลิกไปอ่านได้ที่แบนเนอร์ midnight's article ในหัวข้อที่ 35
|
|
กลุ่มอนุรักษ์เมืองกาญจนฯ ได้จัดวัน"สิ่งแวดล้อมโลก"ขึ้นในวันที่ 3-5 มิถุนายนนี้ ณ ศาลาอเนกประสงค์"60 พรรษามหาราช" จังหวัดกาญจนบุรี โดยได้เชิญมหาวิทยาลัยเข้าร่วมในอภิปรายเรื่อง"สู่อนาคตการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม : ข้อเสนอเพื่อไม่ต้องให้มีบทเรียนในอนาคต" โดยมีผู้ร่วมอภิปรายดังนี้ อาจารย์พิภพ ธงไชย ผู้ดำเนินรายการ สู่อนาคตการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม : ข้อเสนอเพื่อไม่ต้องให้มีบทเรียนในอนาคต อาจารย์พิภพ ธงไชย ผู้ดำเนินการอภิปราย ได้แนะนำผู้เข้าร่วมอภิปรายในหัวข้อดังกล่าว ประกอบด้วย นางรตยา จันทรเทียร, พลเอกหาญ ลีลานนท์, และ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ และหลังจากนั้นได้เชิญให้ผู้เข้าร่วมอภิปราย ดำเนินการอภิปรายตามลำดับ นางรตยา จันทรเทียร : เสนอว่า ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยทุกวันนี้ เริ่มต้นขึ้นมาจาก ทิศทางการพัฒนาประเทศของไทยเรา ซึ่งได้เน้นการส่งออกและพัฒนาการทางด้านอุตสาหกรรมมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน และทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจเช่นนี้ เป็นแบบเดียวกันกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่ซึ่งเกิดขึ้นกับสังคมไทยเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจลักษณะดังกล่าว เป็นแนวทางเศรษฐกิจแบบกระแสหลัก รัฐเป็นผู้กำหนดและได้ครอบงำแนวทางการพัฒนามาโดยตลอด นอกจากนี้ยังได้ให้ขยายเรื่องเศรษฐกิจแบบกระแสหลักว่า : ประเทศไทยกำลังค้นหาหนทางว่า ทำอย่างไร จึงจะมีการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ สื่อไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย ล้วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จากผลของทิศทางการพัฒนาในเรื่องเศรษฐกิจเงินตรา เน้นการส่งออกและอุตสาหกรรมเช่นนี้ ได้เป็นที่มาของการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล. และลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกันทั้งโลก. คุณรตยา เสนอว่า ทิศทางการพัฒนาของประเทศมีแนวทางอีกกระแสหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นแนวทางเศรษฐกิจแบบกระแสรอง เน้นการช่วยเหลือตัวเอง และเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศในฝ่ายของภาคประชาชน นางรตยา ได้พูดถึงแนวคิดของ ศ.เสน่ห์ จามริก ในเรื่องเกี่ยวกับฐานทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งการคำนึงถึงฐานทรัพยากรธรรมชาติ จะเป็นปัจจัยหรือตัวกำหนดทิศทางการพัฒนาของประเทศที่ถูกต้อง สำหรับข้อเสนอหรือทางออกต่อประเด็นปัญหาข้างต้นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างหนักเช่นดังเดิม นางรตยาได้พูดถึงทางออกนี้ด้วยกัน 3 ประเด็นคือ
พลเอกหาญ ลีลานนท์ : เสนอว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่าที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นมาจากผู้มีอำนาจทางการเมืองและผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย. ส่วนสำหรับทางออกเกี่ยวกับการแก้ปัญหานี้ พลเอกหาญ เสนอเอาไว้ 4 หนทางคือ
ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ : กล่าวนำถึงจังหวัดกาญจนบุรีว่า กาญจนบุรีถือเป็นเมืองหลวงของการเคลื่อนไหวในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะชาวจังหวัดกาญจนบุรีมีการคลื่อนไหวในเรื่องของเขื่อนน้ำโจน หรือเรื่องท่อก๊าส ปตท. แต่เป็นเพราะจังหวัดกาญจนบุรีมีการร่วมมือกันของชนชั้นกลางในเมืองกับชนในชนบทรอบนอก การรวมตัวกันเช่นนี้ เป็นมิติที่ดีของสังคม และจะส่งผลให้ความเคลื่อนไหวประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพราะ ชนชั้นกลางเป็นพวกที่มีอำนาจทางการเมือง เป็นพวกที่มีกำลังซื้อ และเป็นพวกที่เข้าถึงอำนาจได้ อ.นิธิ ได้พูดถึงสาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมว่า เกิดจากการพัฒนาของระทุนนิยม. ทุกวันนี้การชำรุดของสิ่งแวดล้อมมีที่มาหรือต้นตอจากระบบทุนนิยม โดยยกภาพให้เห็นว่า นับตั้งแต่ ค.ศ.1850-1900 มานี้ โลกเราได้ผลิตคาร์บอนในบรรยากาศมากกว่าตั้งแต่ได้กำเนิดมีมนุษย์ขึ้นมาบนโลกรวมกันเนแสนๆปี. อ.นิธิ ได้กล่าวต่อในลักษณะเป็นการตั้งคำถามว่าทำไมทุนนิยมจึงร้ายการ ทำไมทุนนิยมจึงร้ายการ
ทางออกของปัญหาสิ่งแวดล้อม และการแก้ไข
นอกจากนี้ ในกรณีที่ต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรนั้น อ.นิธิ เสนอว่า กระบวนการตัดสินใจในเรื่องเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรและผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม จะต้องให้คนหลากหลายกลุ่มที่สุดได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเสมอภาคในการเข้าร่วมการตัดสินใจ และได้เสนอหนทาง 5 ข้อสำหรับเรื่องนี้คือ
หลังจากได้มีการอภิปรายกันจนครบทุกคนแล้ว ที่ประชุมได้เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นและการตั้งคำถาม ปรากฎว่ามีคำถามหนึ่งที่หลุดเข้ามาเกี่ยวกับกรณีที่ญาติวีรชนเดือนพฤษภา ขอให้กองทัพฯ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์เดือนพฤษภาทมิฬ ทั้งนี้เพราะ จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีการลบข้อมูลด้วยแถบสีดำถึง 80 % ของข้อมูลทั้งหมด โดยอ้างความมั่นคงนั้น เป็นการถูกต้องแล้วหรือ ต่อประเด็นนี้ อ.นิธิ ตอบว่า พวกเราทุกกลุ่ม จะต้องช่วยกันกำหนดนิยามคำต่างๆขึ้นมาด้วย โดยไม่ยินยอมให้ใครเป็นผู้ให้นิยามความหมายของสิ่งใดแต่เพียงผู้เดียวหรือกลุ่มเดียว ทั้งนี้เพราะการนิยมคืออำนาจ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นการแย่งชิงการสร้างวาทกรรมขึ้นมานั่นเอง สำหรับคำว่าความมั่นคงนั้น ทหารหรือกองทัพฯเป็นผู้ผูกขาดการนิยามคำนี้มาโดยตลอด การนิยามคำนี้ มีมาตั้งแต่การปราบปรามคอมมิวนิสต์. อ.นิธิ กล่าวเสริมว่า ครั้งหนึ่ง บรรดาแม่บ้านทหารบก เคยเชิญ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ให้ไปพูดเรื่องทำนองแม่บ้านกับความมั่นคงของประเทศ ต่อกรณีนี้จะเห็นได้ว่า ทหารได้นิยามความมั่นคงขึ้นมานับตั้งแต่ขอบเขตที่กว้างที่สุดลงมาถึงครกและสากกระเบือในบ้านของเรา. ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนทุกกลุ่มอย่ายอมให้ใครหรือคนบางกลุ่มสร้างนิยามความหมายของอะไรขึ้นมาแต่เพียงผู้เดียว ประชาชนทุกกลุ่มจะต้องเข้ามาแย่งชิงการนิยาม.
|