บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้
มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก
ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด.
สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ
ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com
(กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)
Saffron
Revolution
Midnight University
เหตุการณ์พระสงฆ์ ประชาชนพม่า
เดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ
อำนาจโลกที่เดินถอยหลัง:
กรณีเหตุการณ์ประท้วงในพม่า
(ความเป็นมา ตอนที่ ๒)
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : เรียบเรียงและปรับปรุง
ขอขอบคุณข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
บทความวิชาการต่อไปนี้
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้รวบรวม เรียบเรียง
และทำการปรับปรุงจากแหล่งข่าวหลายสำนัก เพื่อร่วมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
และเป็นพยานการใช้ความรุนแรงกับพระสงฆ์และประชาชนชาวพม่า
โดยในภาคแรกนี้ ได้แบ่งออกเป็น ๒ ตอน นับจาก ๑๓๖๐ และ ๑๓๖๑
เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการรายงานเหตุการณ์รายวัน ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมื่อกลางเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๐
โดยสาเหตุเนื่องมาจาก การประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงหลายเท่าตัว
อันเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงขึ้นทั่วประเทศ. กาลนี้ พระสงฆ์จำนวนมาก
และประชาชนนับแสนได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยสันติวิธีทั่วประเทศ
เพื่อแสดงความไม่พอใจในปัญหาที่สั่งสมและถูกกดทับมานับทศวรรษ
ภายใต้การบริหารของเผด็จการทหารพม่า โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
- พระสงฆ์จับตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพม่าไว้ในวัด
- จับพระสงฆ์มัดกับเสาไฟฟ้า ตีด้วยด้ามปืน
- พระสงฆ์บุกทำลายร้านค้าที่สนับสนุนรัฐบาลพม่า
- นักศึกษาพม่าและนักศึกษาไทยร่วมกันประท้วงหน้าสถานทูตพม่า
- ยิงแก๊สน้ำตาใส่พระสงฆ์, รัฐบาลพม่าตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่
- เสียงสะท้อนจากนานาชาติ กรณีเหตุการณ์ประท้วงในพม่า
- รัฐบาลทหารพม่ายังได้สั่งซื้อจีวรพระสงฆ์จำนวน ๓,๐๐๐ ผืน
midnightuniv(at)gmail.com
บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้
ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ ๑๓๖๑
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่
๒๖ กันยายน ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
๑๙ หน้ากระดาษ A4)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เหตุการณ์พระสงฆ์ ประชาชนพม่า
เดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ
อำนาจโลกที่เดินถอยหลัง:
กรณีเหตุการณ์ประท้วงในพม่า
(ความเป็นมา ตอนที่ ๒)
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : เรียบเรียงและปรับปรุง
ขอขอบคุณข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
สรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเรียกร้องในประเทศพม่า
ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม 2550 - 25 กันยายน
2550
โดย Thai Research Project Peaceway Foundation (Burma
Issues)
6 กันยายน 2550 : พระสงฆ์จับตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพม่าไว้ในวัด
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่ามากกว่า 10 คน(บางข่าวระบุว่า 13 คน) ถูกพระสงฆ์ในเขตภาคเหนือจับตัวไว้ในวัดแห่งหนึ่งนานกว่า
6 ชั่วโมง เพื่อเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวพระจำนวน 10 รูป ที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายและจับตัวไปหลังทำการประท้วงอย่างสันติเมื่อวันพุธที่
5 ที่ผ่านมา. พระสงฆ์ในวัดมหาวิสุทธาราม (Maha Visutarama) ได้จับตัวเจ้าหน้าที่และเผาทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่จำนวน
4 คัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ถูกจับนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น เจ้าหน้าที่สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐในอำเภอปโค้ะกู่
อยู่ห่างกรุงย่างกุ้งไป 500 กิโลเมตร โดยตัวประกันทั้งหมดถูกปล่อยตัวเมื่อเวลา
16.00 น.แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายตกลงเจรจากันอย่างไร
การจับตัวประกันครั้งนี้เกิดขึ้นในวัดมหาวิสุธาราม (Visutarama Monastery)หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ah Le Tiak ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า วัดดังกล่าวเป็นหนึ่งในสิบสองวัดที่ถูกจัดตั้งเป็นสถาบันศึกษาให้ความรู้แก่พระสงฆ์และสามเณรในอำเภอปโค้ะกู่ วัดแห่งนี้มีพระสงฆ์และสามเณรจำนวน 700 รูป โดยพระจำนวน 100 รูปได้เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อแสดงการคัดค้านที่รัฐบาลพม่าขึ้นราคาน้ำมันและเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับในระหว่างที่การประท้วงยังคงดำเนินอยู่
จับพระสงฆ์มัดกับเสาไฟฟ้า
ตีด้วยด้ามปืน
พระสงฆ์ที่ทำการประท้วงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากทางการทำร้ายร่างกาย
โดยผู้ดูแลเจดีย์ Phaungdawoo ซึ่งเห็นเหตุการณ์เล่าว่า พระจำนวนสามรูปถูกทางเจ้าหน้าที่มัดตัวติดไว้กับเสาไฟฟ้าและตีด้วยด้ามปืน
โดยพระรูปหนึ่งชื่อพระอู ส่านดิมะ (U Sandima) ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างหนัก
ขณะที่มีข่าวลือว่า พระรูปหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต โดยพบว่าเกิดจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารส่วนใหญ่
ซึ่งได้รวมตัวกันเป็นสมาคมเอกภาพและกลุ่ม paramilitary group Swan Arr Shin เพื่อเข้าขัดขวางกลุ่มผู้ประท้วง
นอกจากนี้มีการรายงานว่า สมภารเท ซอ บาทา(Tay Zaw Batha) เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลพม่าให้ดำรงตำแหน่งควบคุมดูแลตัวแทนทางศาสนา Pakokku Sangha Maha Nayak ได้ถือโอกาสที่มีการประท้วงทำการหลบหนีไป ขณะที่พระผู้ใหญ่ในอำเภอปโค้ะกู่ กล่าวว่า ความตึงเครียดจะรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามพบว่าในประวัติศาสตร์ของพม่าที่ผ่านมา พระสงฆ์มีบทบาทสำคัญในการร่วมประท้วงทางการเมือง เหมือนเช่นในปี พ.ศ. 2531 ที่มีการประท้วงใหญ่ต่อต้านรัฐบาลพม่า ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 3,000 คนจากเหตุการณ์ประท้วงดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีพระสงฆ์และสามเณรรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตครั้งนั้นด้วย ทำให้พระสงฆ์ในตอนนั้นไม่ยอมรับการบิณฑบาตจากผู้นำรัฐบาลพม่า รัฐบาลพม่าเองจึงได้ทำการปราบปรามตามวัดต่างๆ อย่างหนัก ต่อมาพระสงฆ์จำนวน 100 รูปที่เข้าร่วมการประท้วง ได้ถูกจำคุกเป็นเวลาหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม การประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันและสิ่งของอุปโภคบริโภคของรัฐบาลพม่าครั้งนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำโดยแกนนำจากกลุ่มนักศึกษาปี 1988 และสมาชิกจากพรรค NLD ของนางอองซาน ซูจี จากการรายงานพบมีผู้ถูกจับกุมแล้วทั้งหมด 120 คน
รัฐบาลพม่าประกาศภาวะฉุกเฉิน
ด้านรัฐบาลในกรุงเนปีดอว์ได้ประกาศให้ประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่
6 กันยายนเป็นต้นมา และเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เฝ้าจับตากลุ่มผู้ประท้วงอย่างใกล้ชิด
และรายงานความเคลื่อนไหวเมื่อมีการประท้วงทันที
7 กันยายน 2550
สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการพม่า กล่าวหาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าในต่างประเทศว่า
อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุประท้วงในพม่าเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงม็อบประท้วงของพระสงฆ์ในช่วง
2 วันก่อน โดยรัฐบาลทหารพม่ามีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ชาวพม่าที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า
ซึ่งพำนักอยู่ในต่างประเทศได้ให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลภายในประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
เพื่อทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลทหารพม่าและยังย้ำด้วยว่า ไม่มีทางที่รัฐบาลจะปล่อยให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพภายในประเทศ
แม้ว่าจะถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรปก็ตาม
รัฐบาลทหารพม่ายอมปล่อยตัวผู้ประท้วงชื่อนายเย เธียนเนียง ซึ่งขาหักจากการที่ทหารใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมในกรุงย่างกุ้งเมื่อ
28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยก่อนปล่อยตัว นายเยถูกพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมาแล้ว
ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ประท้วงที่ถูกกักตัวพร้อมนายเย ได้อดอาหารประท้วงเจ้าหน้าที่เพื่อเรียกร้องให้พานายเยไปรักษาขา
ทั้งนี้ถือเป็นท่าทีโอนอ่อนที่สุดของรัฐบาลทหารพม่าที่มีต่อสถานการณ์ประท้วงต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมัน
หลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุพระสงฆ์จับตัวเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไว้เป็นตัวประกันนานหลายชั่วโมง
8 กันยายน 2550
รัฐบาลทหารพม่ากล่าวหาผู้เดินขบวนประท้วงรัฐบาล 13 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเวลานี้ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
ซึ่งจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลานานในความผิดข้อหาอยู่เบื้องหลังการประท้วงรัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันในช่วง
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 13 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้นำของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า
"กลุ่มนักศึกษายุค 88" ซึ่งเคยเป็นหัวหอกการลุกฮือทั่วประเทศต่อต้านการปกครองของทหารในปี
ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) แต่ถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้เชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตถึง
3,000 คน ในบรรดาผู้ที่ถูกควบคุมตัวในครั้งนี้ มีนายมิน โก เนียง แกนนำคนสำคัญรวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันมีรายงานที่ยังไม่ยืนยันว่านายโก จิมมี แกนนำอีกคนหนึ่งเสียชีวิตในขณะถูกตำรวจควบคุมตัว
แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวของรัฐบาลทหารพม่า เพื่อให้ภรรยาของนายโก
จิมมี ออกจากที่ซ่อนตัว
คำแถลงของรัฐบาลทหารพม่าที่ตั้งข้อหารุนแรงต่อแกนนำผู้ประท้วงในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง
เพราะก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวรัฐบาลทหารพม่าสั่งจำคุกแกนนำ 6 คน ที่จัดงานสัมมนาสิทธิของผู้ใช้แรงงานที่ศูนย์อเมริกันศึกษาในกรุงย่างกุ้ง
อย่างน้อย 20 ปี ด้วยความผิดฐานปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาล นับเป็นระวางโทษสูงสุด
พระสงฆ์บุกทำลายร้านค้าที่สนับสนุนรัฐบาลพม่า
ส่วนพระสงฆ์ที่ยังโกรธแค้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทำร้ายร่างกาย
ระหว่างเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาลกรณีการขึ้นราคาน้ำมันสูงถึง 500 เปอร์เซ็นต์
ได้บุกเข้าไปทำลายร้านค้าของชาวบ้านที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าที่เมืองพะโค
ทางตะวันออกเฉียงเหนือของย่างกุ้ง เมืองเศรษฐกิจของพม่า ทั้งนี้ร้านที่ถูกทำร้ายเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของสมาชิกสหภาพความเป็นเอกภาพและสมาคมเพื่อการพัฒนา
(USDA) ซึ่งเป็นองค์การที่ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบในการขัดขวางการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
ข่าวระบุด้วยว่าพระสงฆ์ยังได้ทำลายที่พักอาศัยของกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล
และให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปทำร้ายร่างกายพระสงฆ์
สถานีโทรทัศน์และวิทยุของทางการพม่าได้ออกแถลงการณ์กล่าวหาพระสงฆ์ว่า ก่อความรุนแรงภายในประเทศ อนึ่งพระสงฆ์ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงในสังคมพม่า ดังนั้นการออกมาประท้วงของพระสงฆ์จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ และในอดีตพระสงฆ์เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการปกครองของอังกฤษ และต่อต้านเผด็จการของทหารพม่าอยู่เป็นระยะ โดยเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่พระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวคือ การสนับสนุนกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อปี 2531
9 กันยายน 2550 รัฐบาลทหารพม่าประกาศจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด กับผู้ประท้วงไม่พอใจการขึ้นราคาน้ำมันของรัฐ โดยสถานีโทรทัศน์แห่งชาติพม่าขั้นเวลาของรายการปกติด้วยการออกแถลงการณ์รัฐบาลพม่า กล่าวโทษผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือพรรค NLD ที่พยายามยุยงประชาชน ให้ก่อเหตุความไม่สงบในประเทศด้วยการเดินขบวนประท้วงราคาน้ำมันแพง ทั้งในนครย่างกุ้งและอีกหลายเมือง แถลงการณ์ระบุว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดจัดการกลุ่มผู้ประท้วง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม และก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารพม่า กล่าวโทษบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่อยู่นอกประเทศทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ให้การหนุนหลังกลุ่มผู้ประท้วงราคาน้ำมันแพงเป็นเวลา 3 สัปดาห์มาแล้ว หวังโค่นล้มรัฐบาลทหารพม่า โดยสหรัฐฯ พยายามใช้ช่องทางทางการทูตทำลายการรวมชาติและจะสร้างรัฐบาลหุ่นขึ้นมาแทน
นอกจากนี้ทางการทหารพม่าเชื่อว่า นายเตย์ เขว่ แกนนำการประท้วงได้รับการช่วยเหลือให้ซ่อนตัวในสถานเอกอัครราชทูตประเทศมหาอำนาจ และมีแผนที่จะก่อการร้ายหลังจากได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งทางการทหารพม่าขู่ว่า จะปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงด้วยวิธีที่เรียกว่า "มาตรการที่มีประสิทธิภาพ" หากมีคนกลุ่มใดก่อการจลาจลหรือความไม่สงบขึ้น
นักศึกษาพม่าและนักศึกษาไทยร่วมกันประท้วงหน้าสถานทูตพม่า
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. นักศึกษาชาวพม่า และนักศึกษาไทยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ,
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
และประชาชนชาวพม่าที่ทำงานในประเทศไทย รวม 60 คน เดินทางมาชุมนุมประท้วงที่บริเวณสถานทูตพม่า
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยประชาชนและนักศึกษาที่ถูกจับในประเทศพม่า
กรณีลุกฮือประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันเชื้องเพลิง โดยถือรูปนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกกักบริเวณมานับสิบกว่าปีแล้ว
เพื่อเชิดชูเกียรติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา และตำรวจสันติบาล มาคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้รถยนต์วิ่งสัญจรไปมา
และดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ ทั้งหมด 12 นาย
ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงยืนชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือหน้าสถานฑูต บรรดาผู้ร่วมชุมนุมได้ส่งเสียงตะโกน เนื้อหาปลุกใจเป็นภาษาพม่าเป็นระยะ ๆ และได้กล่าวยกย่องนางอองซาน ซูจี ให้เป็นสตรีหมายเลข 1 ของพม่าเป็นบุคคลที่ต่อสู้ให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศพม่า โดยใช้เวลาในการชุมนุมประมาณ 30 นาที จากนั้นได้เดินทางทยอยกลับ
10 กันยายน 2550 : พระสงฆ์พม่าขู่ไม่รับบาตรจากฝ่ายทหาร
พระสงฆ์ในพม่าขู่ที่จะไม่รับบาตรจากทหาร จนกว่ารัฐบาลทหารจะยอมขอโทษที่ ทำร้ายร่างกายพระสงฆ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยการคว่ำบาตรไม่รับบาตรจากทหารจะเป็นการประท้วงที่รุนแรงมากต่อกองทัพ นับตั้งแต่การให้ทานแด่พระสงฆ์เป็นหน้าที่ทางจิตวิญญาณที่สำคัญสำหรับพุทธศาสนชิกที่เลื่อมใสศรัทธา
ทั้งนี้นิตยสารอิรวดี ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศไทย รายงานว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า
"พันธมิตรพระภิกษุสงฆ์พม่าทั้งหมด" แจกใบปลิวเรียกร้องให้ร่วมกันคว่ำบาตร
จนกว่ารัฐบาลทหารจะขอโทษภายในวันที่ 17 ก.ย.นี้
กลุ่มฝ่ายค้านพม่าที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ กล่าวว่ายังมีพระสงฆ์กลุ่มใหม่ๆ อีกหลายกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นเพื่อยื่นข้อเรียกร้องในลักษณะเดียวกันนี้ต่อรัฐบาลทหาร แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันว่ากลุ่มต่างๆ เหล่านี้อยู่ในประเทศหรือไม่ มีพระสงฆ์บางกลุ่มที่ต้องการพูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการเมือง และกองทัพได้ตัดสายโทรศัพท์ของแกนนำผู้สนับสนุนในการเรียกร้องประชาธิปไตยคนสำคัญจำนวนมาก
พระสงฆ์ที่ทรงอิทธิพลของพม่ารู้สึกเดือดดาลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เมื่อทหารและกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลทำร้ายร่างกายพระสงฆ์บางรูปในจำนวนที่เข้าร่วมประท้วงประมาณ 300 รูป ซึ่งจัดการประท้วงในใจกลางเมืองปะโคะกู ศูนย์กลางสำคัญของการเรียนรู้ของศาสนาพุทธ ด้านรัฐบาลทหารเรียกร้องให้ประชาชนว่ายุติการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยืดเยื้อหลายสัปดาห์แล้ว และให้แสดงความคิดเห็นผ่านการแสดงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทน
11 กันยายน 2550 : ยิงแก๊สน้ำตาใส่พระสงฆ์
รัฐบาลทหารได้ใช้แก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อยุติการประท้วงของพระสงฆ์ประมาณ
1,000 รูป ที่เดินขบวนประท้วงในเมืองที่มีการขุดเจาะน้ำมันอย่างเมือง 'ซิททเว'
(Sittwe). สื่อพม่ารายงานการเดินทางไปนมัสการพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่วัดในกรุงย่างกุ้งของพลโทยิ่น
ฉ่วย เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงกลาโหม
ชาวบ้านในอำเภอปโค้ะกู่ จากสี่หมู่บ้านถูกทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัว โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาให้ข้อมูลกับนักข่าวต่างประเทศเรื่องพระสงฆ์ทำการประท้วง ชาวบ้านอำเภอปโค้ะกู่จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย นายอูต่านชิน นายอูเนลา นายอูเส่นลิน และนายอูทาอ่อง ถูกทางการควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังถูกส่งตัวเข้าคุกในสถานีตำรวจ โดยการจับกุมตัวชาวบ้านครั้งนี้ คาดว่าชาวบ้านทั้งหมดได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงผ่านทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวต่างประเทศ
พระรูปหนึ่งกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในตอนแรกผู้ถูกจับกุมทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมและนำอาหารไปให้ผู้ถูกจับ แต่ต่อมาผู้ถูกจับทั้งหมดถูกย้ายไปขังในคุกของสถานีตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมของผู้ถูกจับทั้งหมด. โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า สหรัฐฯ มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่ถูกจับกุม หลังจากที่มีรายงานว่าผู้ประท้วงส่วนใหญ่ถูกทุบตีและสอบปากคำอย่างโหดร้ายทารุณ ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการให้รัฐบาลพม่าอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ขององค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เช่น กาชาดสากล เข้าพบนักโทษเหล่านี้ นอกจากนี้ โฆษกสหรัฐฯ ยังได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องที่ให้พม่าปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดโดยเร็วด้วย
12 กันยายน 2550 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทหารพม่าได้ถวายน้ำมันพืชและปัจจัยให้กับวัดจำนวน
102 แห่งในเมืองมัณฑะเลย์ โดยมีภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลคุกเข่าถวายปัจจัยให้กับพระผู้ใหญ่ปรากฏอยู่บนหน้า
1 ของหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการลงข่าวนี้ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว. ก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารพม่าถูกประณามอย่างหนักในเรื่องการปราบปรามม็อบพระสงฆ์
ที่มาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยใช้วิธีการรุนแรง และยังมีการคุมเข้มบริเวณพื้นที่วัด
เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาพระหนุ่มเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล
ซึ่งไม่พอใจต่อการขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่าง 100-500 เปอร์เซ็นต์
ทางการพม่ายังจำกัดให้พระสงฆ์บิณฑบาตได้เพียงแค่วันละหนึ่งชั่วโมง พร้อมประกาศเคอร์ฟิววัดบางแห่ง
หลังเกิดการปะทะกันระหว่างพระสงฆ์กับเจ้าหน้าที่เมื่อหลายวันก่อน. ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า
ทางการพม่าได้เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยตามวัดต่างๆ หลายแห่ง รวมถึงบางพื้นที่ในเขตพะโค
ซึ่งห่างจากกรุงย่างกุ้งไป 80 กิโลเมตร โดยพระสงฆ์จากวัดก่านดาโยน และวัดอะโลดอพี
ในเมืองซิดต่วย ทางทิศตะวันตกของรัฐอาระกัน ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการสงฆ์ในกรุงย่างกุ้งเมื่ออาทิตย์ก่อน
แจ้งคำสั่งห้ามพระสงฆ์ออกจากวัดตั้งแต่เวลา 21.00น.- 04.00น. หลังจากเกิดเหตุการณ์พระสงฆ์กว่า
200 รูป ทำการประท้วงรัฐบาลเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรพระสงฆ์พม่า(the alliance of all Burmese Buddhist monks) เรียกร้องให้พระสงฆ์ไม่รับบิณฑบาตจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่า จนกว่ารัฐบาลจะออกมาขอขมากรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์เมื่อหลายวันก่อน และหากรัฐบาลยังไม่ออกมาขอขมาภายในวันที่ 17 กันยายนนี้ พระสงฆ์จะประท้วงด้วยการไม่รับบริจาคใดๆ
พระสงฆ์รูปหนึ่งจากวัด Bawdi Mandine ในอำเภอปโคะกู่ เขตมะกวย กล่าวว่า พลจัตวาทุระมิ้นหม่อง รัฐมนตรีกระทรวงศาสนาของพม่า ได้เข้าเยี่ยมพระสงฆ์ในอำเภอปโคะกู่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้พูดถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่เกิดขึ้น และถวายผ้าจีวรโดยไม่ได้ขอขมาที่เจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ แต่อย่างใด. นอกจากนี้ พลจัตวาทุระมิ้นหม่องยังได้เข้าพบปะพูดคุยกับพระผู้ใหญ่จำนวน 20 รูป ทั้งจากวัด Bawdi Mandine, วัดสิสุธาราม, วัดมหาวิจาญาราม, และวัดมัณฑะเลย์. ชาวบ้านคนอื่นๆ ยังกล่าวอีกว่า หลายวันก่อน วัดหลายแห่งได้รับจดหมายที่ไม่ได้ระบุชื่อผู้ส่งซึ่งมีใจความว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับพระสงฆ์ และกล่าวหาว่าพระสงฆ์เริ่มใช้ความรุนแรงกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ประท้วงของพระสงฆ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา โดยพระสงฆ์จำนวน 500 รูปในอำเภอปโคะกู่ ได้ทำการประท้วงอย่างสันติเนื่องจากราคาน้ำมันและเครื่องอุปโภคบริโภคขึ้นราคาอย่างพรวดพราด หลังจากนั้นทางการพม่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการประท้วง จึงเกิดการปะทะกันขึ้น ทำให้พระจำนวน 3 รูปถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวน 13 คนได้เข้าเยี่ยมพระสงฆ์ในวัดวิสุธารามแต่ถูกพระสงฆ์ในวัดดังกล่าวกักตัวไว้เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ นอกจากนี้พระสงฆ์ยังได้เผาทำลายรถยนต์จำนวน 4 คันของเจ้าหน้าที่ที่เข้าเยี่ยมวัดในวันดังกล่าวอีกด้วย
13 กันยายน 2550 : รัฐบาลพม่าตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่
รัฐบาลพม่าได้ทำการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้สนับสนุนเรียกร้องประชาธิปไตย
และผู้สื่อข่าวของสื่อต่างประเทศบางคน โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลพม่าออกแถลงการณ์เตือนว่าจะดำเนินการอย่างจริงจัง
กับผู้สนับสนุนประชาธิปไตยที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่
19 สิงหาคม ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงโทรคมนาคม ระบุว่าการตัดสัญญาณโทรศัพท์เป็นคำสั่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูง
รัฐบาลทหารพม่าได้ตัดสายโทรศัพท์ของพวกนักเคลื่อนไหวและกลุ่มองค์กรต่างๆ ราว 50 ราย รวมทั้งของพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขัดขวางการประท้วงที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ โฆษกพรรค NLD เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทางการได้ตัดโทรศัพท์ที่บ้านของตนและของที่ทำการพรรค ส่วนแหล่งข่าวฝ่ายต่อต้านคนอื่นๆ บอกว่า รวมกันแล้วโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐานถูกตัดราว 50 สาย เข้าใจว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ติดต่อกับนักข่าวต่างชาติ หรือองค์กรข่าวนอกประเทศ ซึ่งผลิตรายงานข่าวส่งไปถึงผู้ฟังวิทยุคลื่นสั้นในพม่า
14 กันยายน 2550
มีพระสงฆ์ประมาณ 200 รูปสวดมนต์อยู่ทางทิศเหนือของกรุงย่างกุ้ง ทั้งนี้ พระสงฆ์ได้จัดการประท้วงรัฐบาลพม่าตลอดสัปดาห์นี้
ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นประท้วงรัฐบาลทหารครั้งใหม่ที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว
โดยเริ่มจากการที่ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลที่ขึ้นราคาเชื้อเพลิง ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่มีเงินพอใช้จ่ายสำหรับค่ารถบัสเพื่อเดินทางไปทำงาน.
"พระสงฆ์ออกมาเดินตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟังและทำความเข้าใจกับประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน"
ออง นาย อู (Aung Naing Oo) นักวิเคราห์ชาวพม่า ซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยกล่าว
พระสงฆ์ส่วนหนึ่งปฏิเสธที่จะรับการบริจาคจากฝ่ายทหาร ซึ่งสำหรับชาวพุทธถือว่า
การทำทานทุกวันเป็นหน้าที่ กิริยาที่พระสงฆ์ปฏิเสธทหารเช่นนี้ถือเป็นวิธีการประณามระดับเดียวกับการคว่ำบาตร
เลิกคบค้าสมาคมเลยทีเดียว. ส่วนของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ
NLD ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในพม่าออกแถลงการณ์เสนอที่จะเจรจากับรัฐบาล หลังจากเกิดการชุมนุมประท้วงการปรับขึ้นราคาน้ำมัน
ส่งผลให้รัฐบาลใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงและจับกุมสมาชิกของพรรคไปเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งรัฐบาลขู่จะดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและกล่าวหาพรรค
NLD ว่าได้ปลุกปั่นให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศ. ในแถลงการณ์ของ NLD ระบุว่า
"ความคาดหวังของประชาชนที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจะบังเกิดขึ้นได้ หากเราร่วมมือกันสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติอย่างรวดเร็ว
ด้วยการเปิดเจรจา" นอกจากนี้ทางพรรคยังปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วง
แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าหน้าที่หาทางแก้ไขปัญหาไม่ได้
ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลประเมินว่า รัฐบาลพม่าได้ควบคุมตัวผู้ประท้วงมากถึง 150 คน ตั้งแต่มีการรวมตัวประท้วง ซึ่งเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในพม่าในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา และนานาชาติได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์การปราบปรามของรัฐบาลพม่า รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวผู้ที่ชุมนุมประท้วงอย่างสันติทั้งหมดด้วย
15 กันยายน 2550 สื่อมวลชนของทางการพม่า
กล่าวประณามผู้นำกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ว่าเป็นอันธพาล และยังกล่าวหาต่อไปว่า
คนเหล่านี้กำลังพยายามทำให้พระสงฆ์เสื่อมเสีย โดยพระบางรูปได้เข้าร่วมในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
พระระดับสูงผู้หนึ่งที่ใช้นามปากกาว่า ยาดานาสี ซายาดอว์ กล่าวในหนังสือพิมพ์เดอะนิวส์ไลท์ออฟเมียร์ม่าของทางการพม่าว่า
พระไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมหลังจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น
โดยถือว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจที่กลุ่มผู้ประท้วงพยายามจะนำพระสงฆ์เข้าร่วมการประท้วงครั้งนี้
ทางการพม่าในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นได้สั่งห้ามพระสงฆ์ออกจากวัด
เนื่องจากหลายวันก่อนพระสงฆ์ในเมืองมิตจีนา ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงให้รัฐบาลออกมาขอขมาที่ใช้ความรุนแรงสลายการประท้วงของพระสงฆ์
ในอำเภอปะโคะกู่ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
17 กันยายน 2550
พระสงฆ์มากกว่า 600 รูปทางภาคกลางและทางตอนบนเขตพม่าได้ทำการประท้วงอย่างสันติ
พร้อมทั้งเตรียมไม่รับการบิณฑบาตจากคณะรัฐบาลพม่าและครอบครัว ตั้งแต่วันที่ 18
กันยายนเป็นต้นไป หลังไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพระสงฆ์. พระผู้ใหญ่จากวัดลเลดิ
จากเมืองเช่าก์ ในภาคมะกวย กล่าวว่า พระสงฆ์กว่า 300 รูป ได้ทำการประท้วงอย่างสันติตั้งแต่เวลา
05.30น.- 07.00 น. โดยได้เดินขบวนสวดมนต์ไปรอบเมือง ทั้งในย่านตลาดและหอประชุมประจำเมือง
อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์ในเมืองเช่าก์ยังคงรับบิณฑบาตจากคณะรัฐบาลพม่า เนื่องจากวัดในเมืองเช่าก์ยังไม่ได้รับจดหมายจากกลุ่มพันธมิตรพระสงฆ์ที่เรียกร้องให้พระสงฆ์ทั่วประเทศ
ไม่รับบิณฑบาตการถวายของจากรัฐบาลพม่า
ขณะที่ชาวบ้านในเมืองต่าหย่าวดี ในมณฑลพะโค กล่าวว่า พระจากวัดไจ้ก์โต ในเมืองต่าหย่าวดี
ได้งดรับบิณฑบาตจากคณะรัฐบาลนับตั้งแต่ได้รับจดหมายจากกลุ่มพันธมิตร ส่วนประชาชนในกรุงย่างกุ้งกล่าวว่า
สถานการณ์ในกรุงย่างกกุ้งดูเหมือนจะเงียบผิดปกติ ขณะที่ชาวบ้านในมณฑลพะโค ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือและห่างกรุงย่างกุ้งไป
80 กิโลเมตรยืนยันว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในเมืองพะโคนั้นเข้มงวดทุกขณะ เหตุเนื่องจากมีการคาดการว่าจะมีการประท้วงขึ้นในวันที่
18 กันยายน เช่นเดียวกับในมณฑลสกาย ที่มีการส่งกำลังทหารจำนวนกว่า 300 นาย ประจำในพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุประท้วง
ขณะที่คนขับรถโดยสารในพื้นที่กล่าวว่า ตนรู้สึกกังวลหากเกิดการประท้วงขึ้น เนื่องจากเกรงว่าทั้งทหารและพระจะทำการยึดรถของตนในช่วงที่เกิดการปะทะระหว่างทั้งสองกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม กลุ่มพระสงฆ์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำการขอขมาต่อพระสงฆ์ จากเหตุประท้วงเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของทางการได้ทำร้ายร่างกายพระสงฆ์จำนวนสามรูป จากวัดปะโคะกู่ ที่ทำการประท้วงอย่างสันติ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยกลุ่มพันธมิตรพระสงฆ์ได้ส่งจดหมายถึงวัดต่างๆ ฉบับแรกเรียกร้องพระสงฆ์ทั่วประเทศ ไม่รับบิณฑบาตและการถวายจากคณะรัฐบาลและครอบครัว หากทางการไม่ยอมขอขมาพระสงฆ์ในอำเภอปะโคะกู่ก่อนวันที่ 17 กันยายน และส่วนฉบับที่สอง ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้พระสงฆ์ทั่วประเทศงดรับบิณฑบาตและของถวายจากคณะรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนเป็นต้นไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้พระสงฆ์ทำการประท้วงในวันอังคารที่ 18 กันยายนนี้
ด้านพระผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งจากวัด Bawdi Mandineให้สัมภาษณ์ว่า จนถึงขณะนี้ รัฐบาลยังไม่ออกมาขอโทษพระสงฆ์ในอำเภอปะโคะกู่ ตามคำเรียกร้อง ขณะที่สามเณรจากวัดมหาวิสุธารามบางส่วนได้กลับไปยังบ้านของตน เนื่องจากพ่อแม่วิตกกังวลว่าลูกของตนอาจจะถูกจับ ซึ่งวัดดังกล่าวมีพระสงฆ์และสามเณรจำวัดกว่า 700 รูป อย่างไรก็ตามมีการรายงานเพิ่มเติมว่าวัด Kay Mar Thi Wun ในเมือง Kyaukpadaung ในจังหวัดมัณฑะเลย์ ได้มีพระจำนวนกว่า 300 รูปทำการเดินประท้วงเมื่อเวลา 06.00 น. ของเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาเช่นกัน
18 กันยายน 2550
พระสงฆ์ในพม่าแสดงเจตนารมณ์ไม่สนใจว่าทางการอาจใช้มาตรการรุนแรงสลายการชุมนุมประท้วง
ได้รวมตัวพระสงฆ์นับพันเดินขบวนโดยสงบใน 2 พื้นที่ของพม่า. พระสงฆ์จำนวนมากกว่า
1,000 รูป จากวัดหลายแห่งของเมือง รวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังเจดีย์มหามยัตมุนี
ที่มีชื่อเสียงของมัณฑะเลย์ ขณะที่ในเขตอาห์โลน ทางตะวันตกของกรุงย่างกุ้ง มีรายงานพระสงฆ์ประมาณ
100 รูป รวมตัวเดินขบวนโดยสงบในเวลาใกล้เคียงกัน โดยการเดินขบวนของพระสงฆ์ทั้ง
2 แห่ง ยังไม่มีรายงานทางการพม่าเข้าแทรกแซง. การชุมนุมประท้วงของพระสงฆ์ต่อรัฐบาลทหารพม่าครั้งนี้
มีขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทางการพม่ายิงแก๊สน้ำตาและยิงปืนขู่
เพื่อสลายการชุมนุมของพระสงฆ์ในเมืองชิตตเวย์
ประชาชนประมาณ 100 คนเดินขบวนในกรุงย่างกุ้ง (Yangon) และที่เมืองซิททเว (Sittwe)
ตำรวจเตือนผู้ประท้วงให้สลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา และยิงปืนขึ้นฟ้า นอกจากนี้มีประชาชนหลายพันคนเดินขบวนในเมืองพะโค
(Pegu), อองลัน (Aunglan), ปากอกกู (Pakokku), และมัณฑะเลย์ (Mandalay). สื่อทางการพม่าอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐได้รับบาดเจ็บหลายนายโดยไม่มีผู้ถูกจับกุม
ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลจากผู้เห็นเหตุการณ์ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทุบตีพระสงฆ์หลายรูปก่อนจะควบคุมตัวไปขณะสลายการชุมนุม
19 กันยายน 2550 พระสงฆ์กว่า 2,000 รูปเดินขบวนในหลายเมืองทั่วพม่า ทั้งที่ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ แปร และซิททเว
20 กันยายน 2550 พระสงฆ์กว่า
1,000 รูปเดินขบวนประท้วงในกรุงย่างกุ้งเป็นวันที่ 4 มุ่งหน้าสู่เจดีย์ชเวดากอง
และผ่านหน้าสถานทูตต่างๆ ในพม่า โดยได้เรียกร้องให้ UN เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ในพม่า
พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในประเทศ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าระหว่างที่พระสงฆ์เดินขบวนอยู่
นักเรียนและนักศึกษากว่าร้อยคนได้เดินจับมือกันห้อมล้อมขบวนพระสงฆ์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้าย
อีกทั้งยังมีประชาชนนับหมื่นร่วมเดินขบวนดังกล่าวด้วย
21 กันยายน 2550 พระสงฆ์ในพม่าเดินนำมวลชนกว่า
3,000 คน ไปตามถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำฝนในกรุงย่างกุ้ง เพื่อสร้างแรงกดดันที่ท้าทายที่สุดต่อรัฐบาลทหารพม่าในรอบ
20 ปี หลังเหตุการณ์ 8888 โดยขณะพระสงฆ์ประมาณ 1,500 รูป เดินเท้าเปล่าเข้าไปในเมืองนั้น
ได้เชื้อเชิญให้ประชาชนสองข้างทางจำนวนพอๆ กัน เข้าร่วมขบวนด้วย พวกเขาได้เดินฝ่าฝนและลุยน้ำ
ซึ่งบางช่วงสูงถึงระดับเข่า เพื่อสวดมนต์เรียกร้องสันติภาพ ประชาชนหลายร้อยคนทั้งจากสองข้างทางและริมหน้าต่างของบ้านเรือน
ได้ปรบมือให้ระหว่างที่ขบวนของพระสงฆ์และประชาชนเหล่านี้เคลื่อนผ่าน
ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ในการประท้วงครั้งล่าสุดที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยพระสงฆ์ประมาณ
500 รูป เดินเข้าสู่มหาเจดีย์ชเวดากอง (the Shwedagon Pagoda) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของพม่า
แล้วพอพวกเขาเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางเมือง จำนวนพระสงฆ์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 รูป
และประชาชนอีกประมาณ 1,500 คน ก็เข้าร่วมกับพวกเขา โดยมีกลุ่มสตรีประมาณ 100
คน ได้รวมกันเป็นโล่มนุษย์ ปกป้องพระสงฆ์ที่ถือธงฉัพพรรณรังสี ซึ่งเป็นธง 6 สี
ประจำพุทธศาสนา
พวกเขาหยุดที่ภายนอกศาลาว่าการกรุงย่างกุ้ง สถานที่ซึ่งพวกเขาเปล่งเสียงภาวนาว่า "ขอให้สันติและความมั่นคงปลอดภัยอยู่ยืนนาน ขออย่าให้ประชาชนต้องเป็นทุกข์เลย" ขบวนที่นำโดยพระสงฆ์ยังคงเดินต่อไป แม้จะเป็นเวลาค่ำ โดยพวกเขาได้ยืนสวดมนต์อยู่ที่ตลาดที่จอแจที่สุดของเมือง ก่อนที่จะกลับมาที่มหาเจดีย์ชเวดากอง สถานที่ซึ่งพวกเขาเริ่มต้นเดินขบวน เมื่อ 6 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ทางการพม่าจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด เข้มงวดกับการนำส่งสินค้าเข้าไปยังเมืองย่างกุ้ง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ และฝ่ายต่อต้านจะฉวยโอกาสเข้าไปก่อความไม่สงบ โดยมีการตั้งจุดตรวจนับ 20 จุด ตามรายทางเส้นทางเมืองเมียวดี - เมืองกอกาเลก ไปจนถึงเมืองผาอ่าง และเมืองย่างกุ้ง ส่งผลให้พ่อค้าพม่าได้รับผลกระทบจากการส่งสินค้าล่าช้า และเสียเวลามาก
พันเอกเจ้ายอดศึกผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่หรือ SSA ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว S.H.A.N ว่า ตนสนับสนุนการประท้วงของพระสงฆ์ในพม่า พร้อมกล่าวเรียกร้อง UN และนานาชาติหันมาสนใจสถานการณ์พม่าอย่างจริงจัง และไม่ควรร่วมลงทุนการค้ากับรัฐบาลพม่า เพราะเหมือนเป็นการร่วมมือกับรัฐบาลพม่าที่กระทำความผิด
23 กันยายน 2550 : พระสงฆ์และแม่ชี
ร่วมกันเดินขบวน
พระสงฆ์และแม่ชี ร่วมด้วยผู้สนับสนุนจำนวนเกือบ 2 หมื่นคนในพม่ายังคงร่วมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลพม่า
ซึ่งเป็นการเดินขบวนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ท่ามกลางสายฝน. ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า
เมื่อวานนี้มีพระสงฆ์ประมาณ 10,000 รูปซึ่งมีอยู่หลายรูปที่เดินด้วยเท้าเปล่า
และเป็นครั้งแรกที่แม่ชีได้เข้าร่วมการเดินขบวนด้วย โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวน
200 คนที่ชูป้ายข้อความว่า "ความรักและความเมตตามีชัยตลอดกาล" ("loving
kindness will win every time") เดินเท้าไปที่บ้านของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย
หรือ NLD สัญลักษณ์ของการเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าเหมือนกับเมื่อวันเสาร์ที่
22 กันยายน
นางออง ซาน ซู จี ปรากฎตัวในสภาพน้ำตาคลอ
พระสงฆ์ตะโกนว่า พวกเรากำลังเดินขบวน เพื่อประชาชน เราต้องการให้ประชาชนเข้าร่วม
และการลุกฮือขึ้นประท้วงของเราต้องประสบความสำเร็จ. ผู้ประท้วงต่างมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นหลังจากเดินขบวนผ่านหน้าบ้านนางอองซาน
ซูจี ผู้นำการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า. นางซูจี ปรากฎตัวในสภาพน้ำตาคลอ
และโบกมือให้พระสงฆ์ขณะที่สวดมนตร์ให้พร ขณะที่ผู้สนับสนุนร้องตะโกนให้เธออายุยืนและมีสุขภาพดี
และหวังว่าเธอจะได้รับอิสรภาพในเร็ววัน. นางซูจี วัย 62 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ในฐานะผู้พยายามเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยปราศจากการนองเลือด
นับตั้งแต่พรรคของเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เมื่อปี พ.ศ.2533 แต่รัฐบาลทหารไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ปรบมือให้กำลังใจ และมอบดอกไม้ให้กับกลุ่มผู้ประท้วง บางคนได้ถวายยาให้กับพระสงฆ์ที่เดินด้วยเท้าเปล่าด้วย ผู้ประท้วงรายหนึ่งได้กล่าวผ่านเครื่องกระจายเสียงว่า ต้องการที่จะเจรจากับทหาร เพื่อแจ้งข้อเรียกร้องให้ปล่อยนางซูจีเป็นอิสระ เช่นเดียวกับนักโทษการเมืองรายอื่นๆ ขณะเดียวกันยังมีพระสงฆ์อีก 300 รูปที่ร่วมกันสวดมนต์ที่เมืองทางตอนเหนือของกรุงย่างกุ้ง ส่วนพระสงฆ์อีก 500 รูป ร่วมเดินขบวนที่เมืองมัณฑะเลย์ที่อยู่ทางตอนกลาง การเดินขบวนของพระสงฆ์จำนวนมากในครั้งนี้เกิดจากปัญหาความยากจน และมีพระสงฆ์จำนวนนับพันรูปที่ย่างกุ้ง รวมถึงอีกหลายเมืองถูกจับกุมเมื่อวันอังคารที่ 18 กันยายน
การประท้วงในครั้งนี้นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในกรุงย่างกุ้ง และในช่วงเช้าของวันเดียวกัน รัฐบาลพม่าได้ส่งกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลราว 20 คน และตำรวจปราบปรามการจลาจลอีกจำนวนหนึ่งไปประจำการยังถนนที่นำสู่บ้านพักของนางซูจี โดยกองกำลังดังกล่าวได้เข้าขัดขวางการเดินขบวนของพระสงฆ์และผู้ร่วมประท้วงราว 200 คนด้วย แต่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
กลุ่มชาวพุทธที่ใช้ชื่อว่าพันธมิตรแห่งพระสงฆ์ทั้งหมดในพม่า เรียกร้องให้ประชาชนชาวพม่าทุกคนร่วมกันสวดมนต์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วันเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายนนี้ เพื่อแสดงการต่อต้านรัฐบาลพม่า โดยให้ออกมายืนสวดมนต์หน้าบ้านเป็นเวลา 15 นาที ตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกาเป็นต้นไป สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวน่าจะจัดตั้งขึ้นโดยพระสงฆ์ ทั้งนี้การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลพม่าเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังการปรับขึ้นราคาน้ำมันหลายเท่าตัว โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหล่าพระสงฆ์ออกมาร่วมชุมนุมด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลพม่าที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจะจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงอย่างไร เพราะหากใช้วิธีการรุนแรงเข้าคลี่คลายผู้ชุมนุมที่เป็นพระสงฆ์ ย่อมทำให้ประชาชนรวมถึงทหารบางคนเกิดความรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงเช่นกัน แต่หากไม่เข้าคลี่คลายการชุมนุมก็จะทำให้รัฐบาลไม่มีความเด็ดขาด
เสียงสะท้อนจากนานาชาติ กรณีเหตุการณ์ประท้วงในพม่า
- นางสาวคอนโดลีซซ่า ไรซ์ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ทางการสหรัฐฯ ยังคงเฝ้าจับตาดูการประท้วง ซึ่งจะเน้นการพูดคุยประเด็นพม่าในการประชุมร่วมกับตัวแทนชาติสมาชิกอาเซียน โดยจะกดดันให้อาเซียนใช้อิทธิพลบีบพม่า ให้ปล่อยนางอองซาน ซูจี เป็นอิสระ ยุติการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม และเร่งปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศ และในการพบปะกับ รมว.ต่างประเทศจีน ในวันที่ 24 กันยายนนี้ นางสาวไรซ์ก็จะหารือเรื่องพม่ากับตัวแทนจีนเช่นกัน ทั้งนี้จีนเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับพม่า เคยแสดงท่าทีไม่บีบคั้นพม่าเพราะไม่ต้องการแทรกแซงกิจการภายในของพม่า อย่างไรก็ตาม ภายหลังท่าทีของจีนเปลี่ยนไป โดยหันมาชี้แนะให้พม่าทำการปฏิรูปประชาธิปไตยเพื่อสร้างเสถียรภาพในประเทศ
- เดวิด สไตน์เบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านพม่าประจำมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่าการประท้วงครั้งนี้มีนัยสำคัญ ที่รัฐบาลยอมให้มีการเดินขบวนผ่านบ้านพักของซูจี และการไม่แทรกแซงการประท้วงไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอของรัฐบาล เพราะรัฐบาลยังคงเป็นสถาบันที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศ- นายอ่อง เค็ง ยัง เลขาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เรียกร้องให้ทางการพม่าหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการรุนแรงใดๆ ต่อกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเขาหวังว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่ใช้มาตรการรุนแรงใดๆ และทำให้การประท้วงกลายเป็นการเผชิญหน้าครั้งใหญ่
- ในขณะเดียวกัน เป็นที่คาดการณ์ว่าที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จะกดดันรัฐบาลพม่าให้ปฏิรูปประชาธิปไตย ขณะที่กระแสประท้วงภายในพม่าทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ และประเทศในยุโรปจะเป็นแกนนำใช้มาตรการทางการทูตกดดันรัฐบาลพม่า เท่ากับเป็นการสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีในพม่า
- นายเดวิด มิลลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่าจะยกประเด็นพม่าขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก หลังจากมีการสรุปสถานการณ์ต่อคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของยุโรปที่เคยยกเลิกการเจรจาการค้าเสรีกับภาคีสมาชิกอาเซียน อันเนื่องจากปัญหาสิทธิมนุษยชนในพม่าต่างเห็นด้วยที่จะยกประเด็นนี้ขึ้นมาในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติเช่นกัน
24 กันยายน 2550 พระสงฆ์พม่า
ที่เป็นแกนนำในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ ในรอบเกือบ
2 ทศวรรษ ได้ถูกสั่งไม่ให้ข้องเกี่ยวกับการเมือง ขณะที่รัฐบาลทหารได้ยอมรับผ่านสื่อที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลว่า
การประท้วงได้ลุกลามไปทั่วประเทศแล้ว และหลังจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมขบวนประท้วงภายใต้การนำของพระสงฆ์นับแสนคน
คนของรัฐบาลได้ใช้รถยนต์ขับตามขบวนผู้ประท้วงตามถนนสายต่างๆ ในย่างกุ้ง ประกาศห้ามพระสงฆ์ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับกิจของฆราวาส
โดยระบุว่าเป็นการยั่วยุให้เกิดความไม่สงบขึ้นในประเทศ
องค์กรศาสนาพุทธอย่างเป็นทางการของประเทศ ได้ออกคำสั่งให้พระสงฆ์กลับไปอยู่ในวินัยสงฆ์
และระบุว่า พระหนุ่มทั้งหลายได้รับแรงขับจากกลุ่มที่บ่อนทำลายภายในและภายนอก
หวังจะให้พระเหล่านี้ละเมิดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ที่รวมถึงสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย
หรือ NLD ของนางอองซาน ซูจี,พรรคคอมมิวนิสต์พม่า, และสถานีวิทยุของต่างชาติบางแห่ง
ซึ่งพลจัตวาสูรา อ้างว่าทางการกำลังรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความห่วงใย
และเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น
นายพลจัตวา สูรา หมิ่น หม่อง เปิดเผยผ่านสถานีวิทยุที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารว่า จะใช้กฎหมายจัดการกับประท้วงภายใต้การนำของขบวนพระสงฆ์ และยังประณามการประท้วงครั้งนี้ด้วยว่า เป็นพวกบ่อนทำลายที่ไม่ต้องการเห็นสันติภาพ เสถียรภาพและความก้าวหน้าของประเทศ
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง "รัฐบาลไทยต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อรัฐบาลทหารของพม่า" มีเนื้อหาสนับสนุนการเดินขบวนการพระภิกษุสงฆ์ที่เรียกร้องประชาธิปไตย และแสดงความเป็นห่วงว่ารัฐบาลพม่าจะใช้ความรุนแรง ดังนั้นจึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียน มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อรัฐบาลทหารพม่า คัดค้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี และนักโทษการเมืองคนอื่นโดยด่วน และแถลงการณ์ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทหารของพม่าฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยด้วย (1)
(1) แถลงการณ์ เรื่อง"รัฐบาลไทยต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อรัฐบาลทหารของพม่า"
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ขอประกาศจุดยืนสนับสนุนการเดินขบวนและการชุมนุมอย่างสันติ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรมทางสังคมของประชาชนชาวพม่าจำนวนนับแสน ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศพม่า และนำโดยขบวนการพระภิกษุสงฆ์ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะประสบกับความสำเร็จและปราศจากการเสียเลือดเนื้อ แต่น่าเป็นห่วงยิ่งว่ารัฐบาลทหารของพม่ามีประวัติการใช้ความรุนแรงกับผู้เรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติมาตลอด
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยในฐานะรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซี่ยนร่วมกัน จะต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อรัฐบาลทหารของพม่า คัดค้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี และนักโทษการเมืองคนอื่นโดยด่วน พร้อมขอให้รัฐบาลทหารของพม่าประกาศมาตรการเร่งด่วนที่จะสถาปนาระบอบประชิปไตยในประเทศพม่า ทั้งนี้เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ความตึงเครียด และนำสันติสุขมาสู่ประเทศพม่าและภูมิภาคนี้ในที่สุด
หากรัฐบาลไทยนิ่งเฉยปล่อยให้สถานการณ์เกิดความรุนแรง ผลเสียจะไม่ได้เกิดต่อประชาชนชาวพม่าเพียงอย่างเดียว แต่จะเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นทั่วภูมิภาค และประเทศไทยคงจะต้องเตรียมพร้อมต้อนรับผู้ลี้ภัยอีกนับแสนนับล้าน
แถลง ณ วันที่ ๒๔ กันยายน
พ.ศ.๒๕๕๐
จอน อึ๊งภากรณ์
ประธาน (กป.อพช.)
25 กันยายน 2550 พระสงฆ์ราว 2,000 รูปและประชาชนได้เดินออกจากเจดีย์ชะเวดากองในกรุงย่างกุ้ง
และเดินขบวนต่อไปยังใจกลางกรุงย่างกุ้ง แม้รัฐบาลประกาศเตือนว่า อาจใช้กำลังทหารเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงก็ตาม
พระสงฆ์ได้ทำการโบกธงซึ่งรวมถึงธงที่มีรูปนกยูง ซึ่งกลุ่มนักศึกษาเคยใช้ในเหตุการณ์ลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยในปี
พ.ศ. 2531 และถูกรัฐบาลทหารกวาดล้างจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 3,000 คน
รัฐบาลทหารพม่ายังได้สั่งซื้อจีวรพระสงฆ์จำนวน 3,000 ผืน
กลุ่ม Burma Campaign UK รายงานว่า มีการสั่งการให้ทหารโกนศีรษะเพื่อเตรียมตัวเข้าแทรกซึมในกลุ่มพระสงค์ที่เดินขบวนประท้วง
รัฐบาลทหารพม่ายังได้สั่งซื้อจีวรพระสงฆ์จำนวน 3,000 ผืน โดยอาจมีจุดประสงค์เพื่อให้ทหารปลอมตัวเป็นพระ
เพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง อันเป็นเหตุให้รัฐบาลสามารถเข้าดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงด้วยวิธีการรุนแรงได้
เครือข่ายองค์กรสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และองค์กรประชาชนผู้รักความเป็นธรรม 16 องค์กรในประเทศไทย ออกแถลงการณ์สนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า (2)
(2) องค์กรสิทธิมนุษยชน
- ประชาธิปไตย ในประเทศไทย
สนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า
สถานการณ์ความตึงเตรียดที่กำลังขยายตัวอย่างกว้างขวางในประเทศพม่า มิอาจปิดกั้นความรู้สึกห่วงใยที่บรรดาผู้รักความเป็นธรรม
และนักสิทธิมนุษยชนจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ด้วยเหตุที่ความขัดแย้งมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ
ทั้งที่รากเหง้าของปัญหาที่ได้ฝังตัวมายาวนาน นับแต่ระยะแรกเริ่มของการก่อเกิดสหภาพพม่า
ราวปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1948) ที่ได้รับอิสรภาพจากลัทธิอาณานิคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ปี พ.ศ.2505 - 2507 (ค.ศ.1962 - 1964) เมื่อนายพล เนวิน ยึดอำนาจการปกครองอย่างเบ็ดเสร็จจากนายกรัฐมนตรีอูนุ
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเป็นระยะๆ
เมื่อขบวนการนิสิตนักศึกษา ได้ลุกขึ้นเรียกร้องประชาธิปไตย ชุมนุมใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคม - กันยายน 2531 (1988) ปรากฏว่าได้มีการปราบปรามอย่างรุนแรง จนทำให้นักศึกษา ประชาชน ล้มตาย บาดเจ็บ ถูกจับกุมคุมขังนับพันคน มีผู้ลี้ภัยระเหเร่ร่อนหนีตายไปยังประเทศเพื่อนบ้านนับล้านคนในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะผ่านชายแดนไทย อินเดีย บังกลาเทศ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของระบอบเผด็จการทหารที่ไร้คุณธรรม
การจับกุมคุมขังผู้มีความเห็นต่างจากรัฐบาล ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำนักศึกษา นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย รวมทั้งนางอองซานซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ ถูกจองจำอย่างต่อเนื่องยาวนาน กว่า 18 ปี ผู้นำเผด็จการทหารพยายามข่มขู่ คุกคามทุกวิถีทางมิให้เธอได้มีโอกาสพบปะกับประชาชนผู้ให้การสนับสนุน หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง ปัจจุบันยังมีนักโทษทางการเมืองถูกคุมขังนับพันคน ในพม่านับแต่ปี พ.ศ.2531 เป็นต้นมา. การปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนชาวพม่า และชนกลุ่มน้อยผู้บริสุทธิ์ ได้ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองทับถมทบทวี ความอดอยากยากจนปรากฏขึ้นทั่วไป ในขณะที่ชนชั้นนำกลับร่ำรวย แตกต่างราวฟ้ากับดิน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่พระภิกษุสงฆ์หลายหมื่นรูปได้เดินขบวนไปตามท้องถนนในกรุงย่างกุ้ง
และในอีกหลายเมืองใหญ่ในประเทศพม่าเพื่อแสวงหาสันติภาพ และความเป็นธรรมร่วมกับประชาชน
นิสิตนักศึกษา และผู้รักประชาธิปไตย นับแสนคน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าลดราคาน้ำมัน
ปล่อยนักโทษการเมือง ให้ฝ่ายทหารผู้ปกครองประเทศตั้งคณะสมานฉันท์เพื่อความปรองดองแห่งชาติ
และออกมากล่าวคำขอโทษ พระสงฆ์ที่ถูกทหารทำร้ายร่างกายนั้น เป็นสิ่งที่บรรดานักกิจกรรมทางสังคม
องค์กรสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชน และประชาคมโลกต่างร่วมกันจับตามองด้วยความสนใจ
และห่วงใยในท่าทีของรัฐบาลทหารที่นำโดยพลเอก ตัน ฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ
หรือ SPDC (State Peace and Development Council)
ว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องหรือใช้มาตรการจัดการกับปัญหาบนหลักการแห่งสิทธิมนุษยชน
ล่าสุดมีพระสงฆ์ถูกจับกุม 10 รูปแล้ว
องค์กรสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และองค์กรประชาชน ซึ่งมีรายนามข้างท้ายนี้ ขอส่งกำลังใจ และให้การสนับสนุนการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย และความเป็นธรรมของนิสิต นักศึกษา พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนหลากหลายชาติพันธุ์ในประเทศพม่า ที่ดำเนินการอย่างสันติวิธี และมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลทหารของพม่า ดังนี้
1. ขอส่งกำลังใจ และให้การสนับสนุนการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย และความเป็นธรรมของนิสิต นักศึกษา พระภิกษุสงฆ์ ประชาชนชาวพม่า และชนกลุ่มน้อย ชาติพันธุ์ที่หลากหลายในประเทศพม่า ที่ดำเนินการต่อสู้อย่างสันติวิธี
2. เรียกร้องให้รัฐบาลทหารของพม่า หลีกเลี่ยงและยุติการใช้ความรุนแรงในการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเร่งคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน ยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนสากลอันเป็นสารัตถะสำคัญของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติที่พม่าเป็นภาคีสมาชิก3. เรียกร้องให้รัฐบาลทหารของพม่า ปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง นักโทษทางความคิดที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล โดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางออง ซาน ซู จี, ผู้นำนักศึกษา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, และประชาชนผู้รักประชาธิปไตย และความเป็นธรรมในประเทศพม่า
4. เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทุกชาติพันธุ์ มีส่วนร่วมในการกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง ตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล และประชาธิปไตยอย่างมีนัยสำคัญ นำพาประเทศสู่ยุคประชาธิปไตยใหม่ที่ประชาชนชาวพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศพม่ามุ่งหวัง
5. เรียกร้องให้ องค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคม และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม ส่งผู้สังเกตการณ์ไปติดตามสถานการณ์ในประเทศพม่าอย่างใกล้ชิด แล ดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็น ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม ให้ความช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์คับขันตามความเหมาะสม โดยไม่ให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น
6. กระตุ้นสำนึกรับผิดชอบของรัฐบาลไทย และประเทศภาคีสมาชิกในภูมิภาคอาเซียนว่าพึง ให้คำแนะนำและสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปประชาธิปไตยในประเทศพม่าอย่างแท้จริงโดยเร็ว ไม่ควรนิ่งนอนใจ หรือหวังแต่เพียงผลประโยชน์ทางธุรกิจ การค้าดังเช่นที่ผ่านมาตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษ ทั้งนี้สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และความเป็นธรรม เป็นวาระสำคัญที่ต้องยึดถือ
ร่วมลงนามโดย:
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.), คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า
(กรพ.), คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.), คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน,
เครือข่ายเอเซียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (อันเฟรล), ชมรมนักกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง,
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
(สสส.), สถาบันเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย, สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
(สนนท.), ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติธรรม (สสธ.), ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย
(YPD.), แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย,
โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย, สำนักงานสิทธิมนุษยศึกษาและการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล,
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข้อมูลสรุปจาก
- Newsline มูลนิธิส่งเสริมสันติวิถี
- สำนักข่าว Irrawaddy
- สำนักข่าวเชื่อม
- สำนักข่าวประชาไท
- สำนักข่าว Christian Solidarity Worldwide
- Kachin News Group
- Narinjara News
- Kachinpost
- Independent Mon News Agency
- Democratic Voice of Burma
- S.H.A.N
ภาพเหตุการณ์ขบวนพระภิกษุสงฆ์พม่าที่ออกมาประท้วงการประกาศขึ้นราคาน้ำมันและมีการทำร้ายพระสงฆ์
ทำให้พระสงฆ์ในหลายเมืองใหญ่ของประเทศตื่นตัว ออกมาร่วมเดินขบวนกับประชาชน และประกาศไม่รับบิณฑบาตรจากฝ่ายทหาร
ซึ่งเท่ากับเป็นการคว่ำบาตรรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าอย่างรุนแรง
คลิกไปทบทวนบทความวิชาการเกี่ยวเนื่อง
ตอนที่ ๑
คลิกไปอ่านบทความวิชาการเกี่ยวเนื่อง
ตอนที่ ๓
นักศึกษา
สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
I สารบัญเนื้อหา
5 I สารบัญเนื้อหา
6
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)gmail.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
[email protected]
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 1300 เรื่อง หนากว่า 25000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73