โครงการก้าวสู่คริสตศตวรรษที่ ๒๑ ด้วยการทบทวนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา




Update 23 August 2007
Copyleft2007
บทความทุกชิ้นที่นำเสนอบนเว็บไซต์นี้เป็นสมบัติสาธารณะ และขอประกาศสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเปิดรับบทความทุกประเภท ที่ผู้เขียนปรารถนาจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน โดยบทความทุกชิ้นต้องยินดีสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคม สนใจส่งบทความ สามารถส่งไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com โดยกรุณาใช้วิธีการ attach file
H
บทความลำดับที่ ๑๓๔๒ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๐ (August, 23, 08,.2007) - ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์
R
power-sharing formulas, options for minority rights, and constitutional safeguards.

บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้ มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด. สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com (กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ทักษิณได้พบหารือกับพลเอกสนธิฯ ผู้บัญชาการทหารบก 1 ครั้งที่ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ทักษิณทราบดีว่า เบื้องหลังของการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ ยังมีชนชั้นหนึ่งที่มีบารมีและไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ซึ่งนั่นก็คือกองทัพ ที่จะสามารถแสดงบทบาทพลิกสถานการณ์ในยามคับขัน บรรดานายทหารที่ถือกระบอกปืนเหล่านี้ ดูเผินๆ เหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอิสระเหนือรัฐบาล แต่ที่แท้จริงแล้วแค่เพียงกระดิกนิ้วหัวแม่มือเพียงนิ้วเดียว ก็สามารถที่จะขับเขาให้ตกจากที่นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
23-08-2550

Thaksin's 24 Hours
Midnight University

 

H
R
ทุกท่านที่ประสงค์จะติดต่อมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กรุณาจดหมายไปยัง email address ใหม่ midnightuniv(at)gmail.com
-Free Documentation License-
Copyleft : 2007, 2008, 2009
Everyone is permitted to copy
and distribute verbatim copies
of this license
document, but
changing it is not allowed.

บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับการรัฐประหาร ๑๙ กันยา
Thaksin's 24 Hours After the Coup:
บทที่ ๗ การรัฐประหารที่โรยด้วยกลีบดอกไม้

กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : เรียบเรียง
ต้นฉบับแปลจากภาษาจีนทั้งเล่ม ได้รับมาจากเพื่อนสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน

บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับนายกฯ ทักษิณ และการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นี้
แปลมาจากต้นฉบับภาษาจีน (โดยผู้แปลไม่เปิดเผยนาม) กองบรรณาธิการ ม.เที่ยงคืนได้นำมาเรียบเรียง
และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติม เพื่อสะดวกแก่การค้นคว้าในเรื่องประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย
โดยในบทที่ ๗ นี้ มีชื่อบทว่า "ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่งของทักษิณ"
ดังมีลำดับหัวข้อที่น่าสนใจต่อไปนี้
- นาทีแห่งการต่อสู้ด้วยสงครามสื่อ
- สงครามที่ไม่เคยเกิดขึ้น
- นาทีต่อนาที เหตุการณ์คืนวันรัฐประหาร ๑๙ กันยา
- ทักษิณ กับความเดียวดายบนโลก
- ประธานาธิบดีบุช ไม่พูดถึงประเทศไทยแม้แต่คำเดียว
- ทักษิณ กับประเทศไทยที่ถูกลืม
midnightuniv(at)gmail.com

บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๓๔๒
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ ๑๓.๕ หน้ากระดาษ A4)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ ๗ การรัฐประหารที่โรยด้วยกลีบดอกไม้

ตอนที่ 1

ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่งของทักษิณ ชินวัตร ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ภายใต้การนำของ พลเอกสนธิ ผู้บัญชาการทหารบก ได้นำกองกำลังทหารและหน่วยรบพิเศษเข้าเมือง ด้านหลังของพวกเขา ตามมาด้วยขบวนรถถังที่ตามๆ กันมาจนยาวเยียด แต่ว่า ขบวนรถเหล่านี้ (กองทัพมดเหล็ก) ยังไม่ได้เดินทางเข้ามาในเมืองทันที พวกเขากำลังรอคำสั่งอยู่ ต้องรออีกเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น บรรดากองกำลังที่เทอะทะเหล่านี้ จึงจะปรากฏอยู่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ

บรรดากองกำลังทหารค่อยๆ คืบคลานเข้ามายังเมืองหลวง มุ่งตรงไปยังกองบัญชาการทหารบก กรุงเทพฯ พวกเขาจะต้องรอคำสั่งก่อน จากนั้นถึงจะเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล คืนที่มืดสลัว ทำให้เห็นสีหน้าของบรรดาเหล่าทหารได้ไม่ชัดเจน เห็นแต่เพียงผ้าสีเหลืองที่พันบนลำแขน บนไหล่ และบนปืน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของเหล่าทหารต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สีสันเห็นได้อย่างชัดเจน การที่แต่งตัวอย่างนี้ เพื่อให้เห็นเป็นข้อแตกต่างระหว่างกองกำลังทหารรัฐประหารกับกองกำลังทหารทั่วไป พวกเขา เหล่าทหารที่เตรียมพร้อมปฏิบัติการรัฐประหารในค่ำคืนนี้ เขามีความคิดเห็นอย่างไรกับการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว (การปฏิบัติตามคำสั่งถือเป็นวินัยสูงสุดของทหาร) เป็นอาชีพที่น่าเศร้าสลดอย่างมาก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องไปถามเลย ผลจากการยึดมั่นในวินัยแลกกับการทำบาปของประวัติศาสตร์

วันต่อมา มีนักข่าวต่างชาติคนหนึ่งถามนายทหารคนหนึ่งว่า "พวกคุณทำไมถึงมาที่กรุงเทพฯ" เขาทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วตอบนักข่าวว่า "ผู้บังคับบัญชาสั่งให้มาผมก็มา" หลังจากเกิดเรื่องแล้วมีข่าวออกมาว่า กลุ่มก่อการรัฐประหารได้รับเงินสนับสนุนจากงบประมาณลับจำนวน 150 ล้านบาท ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ โดยเป็นเงินรางวัลสำหรับเหล่าทหารที่เข้าร่วมการรัฐประหาร (ข่าวลือว่ามีทหารเข้าร่วมกว่า 1,000 คน) แต่ว่าข่าวนี้ได้รับการปฏิเสธจากทางทหาร พวกเขากล่าวว่า เงินส่วนใหญ่นำไปใช้ในเรื่องอาหารและอาวุธที่จำเป็น

เวลา 3 ทุ่ม 10 นาที บรรดาผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่ถูกทหารเข้ายึดพื้นที่นั้น ได้ถูกคุมตัวไปยังกองบัญชาการทหารบกกรุงเทพฯ จากนั้นบรรดาช่างเทคนิคของทหารเข้ารับช่วงต่อ เพื่อเตรียมพร้อมในการประกาศข่าวการก่อรัฐประหาร

เวลา 3 ทุ่ม 30 นาที สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้หยุดแพร่ภาพรายการปกติ จากนั้น 10 วินาทีต่อมา รูปและเสียงเพลงของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ถ่ายทอดผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ผู้ที่กำลังดูโทรทัศน์ในขณะนั้นต้องตกใจเป็นอย่างมาก เพราะตามประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ทำให้รู้ว่าต้องมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน บรรดาเหล่านักข่าวต่างๆ ก็ใช้ช่วงเวลานี้ ปรับตัวต่อสถานการณ์ หยิบอาวุธประจำกาย มุ่งตรงไปยังทำเนียบรัฐบาลทันที

บริเวณภายในและภายนอกทำเนียบรัฐบาลนั้นมืดสนิท ซึ่งปกติแล้วจะมีแสงไฟกระทบสายตาผู้ที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวกำลังมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่หน้าประตูบ้านของตัวเอง "ปฏิบัติการของเหล่าทหารค่อนข้างเร็วมาก ครั้งแรกพวกเราได้ยินเสียงดังสนั่น ก็นึกว่าเป็นเสียงของรถบรรทุกเสียอีก พอเปิดประตูออกมาดู ก็พบว่ากองกำลังทหารกำลังปิดถนนอยู่" มีรถถังประมาณ 14 คัน ปิดล้อมตึกทำเนียบรัฐบาลที่มีการก่อสร้างตามสไตล์ยุโรป มีทหาร 50 กว่านาย ถือปืนเข้าไปในตึกทำเนียบฯ บังคับให้คนข้างในปลดอาวุธ

มีข่าวว่า พลตำรวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และพลเอกธรรมรัตน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ถูกทหารควบคุมตัวแล้ว เล่ากันว่าขนาดที่พลเอกชิดชัยถูกควบคุมตัวอยู่นั้น หน้าตาสงบและพูดว่า "ผมขอลาออก" เกี่ยวกับคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับทักษิณผู้นี้ ทำไมหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากทักษิณที่โทรมาจากนิวยอร์คแล้ว ก่อนที่ระบบสื่อสารจะถูกตัด พวกเขาได้มีการติดต่อกันตลอด แต่ทำไมไม่มีปฏิบัติการใดๆ อะไร หรือมีการดำเนินการแล้วแต่ไม่ได้ผล สิ่งนี้ยังคงเป็นความลับอยู่จนถึงปัจจุบัน

เวลา 3 ทุ่ม 40 นาที บ้านพักทางด้านตะวันตกของทักษิณได้ถูกกองทหารเข้ายึด ตอนที่กำลังทหารถือปืนเปิดประตูบ้านเข้าไปในนั้น ปรากฎว่าเป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่แล้ว หญิงที่สุขุมและกล้าหาญอย่างคุณหญิงพจมาน พอได้รับทราบข่าวการก่อรัฐประหาร ได้พาลูกชายนายพานทองแท้และลูกสาวพิณทองทา หนีออกจากบ้านหลังนี้ไปก่อนหน้า หลบไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านอดีตนักการเมืองระดับสูงผู้หนึ่งที่สนิทกัน มีข่าวว่า ในตอนนั้น ลูกชายของทักษิณนายพานทองแท้ ได้ออกจากประเทศไทยไปแล้ว บินไปที่ประเทศสิงค์โปร์ ผู้ที่เป็นตัวละครหลักในคดีขายหุ้นชินคอร์ปฯ ผู้นี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หากยังอยู่ในประเทศไทย ช่างน่าอันตรายอย่างมาก

เวลา 4 ทุ่ม สถานีวิทยุในเขตกรุงเทพฯได้ถูกระงับการออกอากาศ อีกทั้งสถานีวิทยุใหญ่ๆ ได้เริ่มกระจายเสียงเพลงของคณะรัฐประหาร (เนื้อเพลง "กองทัพวีรบุรุษ ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อปกป้องประชาชน") ประชาชนผู้หนึ่งซึ่งกำลังฟังเพลงจากสถานีวิทยุกรุงเทพฯ อยู่นั้น ทันใด ก็ได้ยินเสียงบรรเลงเพลงของคณะรัฐประหาร ตกใจอย่างมาก จึงเปลี่ยนเป็นสถานี จส 100 ช่องข่าว ช่องภาษาอังกฤษ ฯลฯ ทุกๆ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ณ ขณะนั้น เปิดแต่เพลงของคณะรัฐประหาร นอกเหนือจากสถานี FM 87.5 สถานีวิทยุของทำเนียบรัฐบาลที่ได้หยุดการกระจายเสียงแล้ว

ตอนที่ 2
นาทีแห่งการต่อสู้ด้วยสงครามสื่อ
ณ มหานครนิวยอร์ก ทักษิณกำลังถือโทรศัพท์อยู่ เวลาทุกวินาที ผ่านไปอย่างช้าๆ ความรู้สึกกลัว สับสน ตกใจ วนเวียนอยู่ในหัวใจ ณ เวลานั้น ขณะที่รู้ว่าไม่สามารถติดต่อไปยังประเทศไทยได้ รู้สึกว่าความรู้สึกนึกคิดของตัวเองล่องลอย เหมือนกับสุราที่ขวดได้ตกแตกไปแล้ว ไร้ทิศทาง ไม่รู้จะไปทางไหน นั่งอยู่ข้างโทรศัพท์ รอคอยปฏิหารย์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่ถูกกำหนดอยู่ ณ ขนาดนี้

หลังจากที่ได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าว เวลาที่กรุงเทพฯ ประมาณ 3 ทุ่ม ทักษิณประสบชะตากรรมเคราะห์ร้ายอย่างหนัก (ในระหว่างนี้ เขาได้รับการช่วยเหลือจากใครยังไม่มีใครรู้) เขาได้โทรศัพท์ไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้เป็นผลสำเร็จ. สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้ติดต่อไปยังช่อง 5 เรียกร้องให้ช่อง 5 ออกอากาศรายการของช่อง 9 ซึ่งจะเป็นคำแถลงการณ์ที่สำคัญของทักษิณ แต่ช่อง 5 ปฏิเสธการออกอากาศดังกล่าว (ตามข้อปฏิบัติทั่วไป หากนายกฯ ต้องการที่จะออกแถลงการณ์สู่สาธารณชนทั่วประเทศ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 นั้น สถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ควรให้ความร่วมมือในการออกอากาศ)

ขณะที่ทักษิณอยู่ในนิวยอร์ก ได้ตัดต่อเทปบันทึกการแถลงการณ์ที่เตรียมจะออกอากาศประกาศภาวะฉุกเฉินให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ ก็ได้รับการเตือนว่า (ทางด้านเทคนิค) ไม่อนุญาตให้ออกอากาศ เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ได้ถูกกองกำลังรัฐประหารเข้ายึดไว้หมดแล้ว จากนั้นทักษิณได้ติดต่อไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 แต่ว่าช้าไปหนึ่งก้าว กองกำลังรัฐประหารได้เข้ายึดสถานีฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน บรรดาผู้สื่อข่าวได้ถูกกักตัวอยู่บริเวณข้างห้องออกอากาศ ตอนนี้ นายกฯ ท่านนี้ทำได้เพียงแค่ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น ใช้แต่เสียงที่ไม่มีรูปภาพ ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ประกาศคำสั่งเร่งด่วนอย่างยิ่งเพียงคนเดียว

เวลา 4 ทุ่ม 20 นาที สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อยู่ๆ ก็ได้หยุดแพร่ภาพรายการปกติกลางคัน เปลี่ยนเป็นแพร่ภาพคำแถลงการณ์ของทักษิณ ภาพบนจอทีวีเป็นภาพของทักษิณ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงบันทึกเทปจากทักษิณที่โทรมาจากสหรัฐฯ เสียงของเขาแหบแห้ง เนื่องจากได้โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ทักษิณพูดว่า "ผมได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ ห้ามกองกำลังทหารออกมาเคลื่อนไหว ปลดตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของพลเอกสนธิ ให้ผู้นำทุกเหล่าทัพเข้าไปรายงานตัวกับรองนายกฯ ชิดชัย สั่งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกเรืองโรจน์เข้าควบคุมสถานการณ์ "

หลังจากนั้น 2 นาที การแถลงการณ์ยังไม่ทันเสร็จ ภาพผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ก็ได้ดับลงกระทันหัน มีเพียงหน้าจอสีดำ หลังจากนั้น 10 วินาที เริ่มแพร่ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เหมือนกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ความหวังในสื่อสุดท้ายของทักษิณได้จบลงแล้ว อีกทั้งกองกำลังทหารได้เข้ายึดไว้หมดสิ้น เพียงแค่กองกำลังทหารไปถึงช้าเพียงเก้าเดียว ทักษิณถึงมีโอกาสได้ออกอากาศคำแถลงการณ์. ส่วนคนอื่นๆ ที่รับผิดชอบได้ถูกควบคุมตัวทันที ทักษิณที่น่าสงสาร เสียงที่แหบแห้ง เหมือนกับการเล่นเกมอย่างไรอย่างนั้น คล้ายกับหลุดหายเข้าไปยังขอบฟ้าที่ไร้จุดหมาย หรือดั่งก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ำ มันเป็นห้วงของความรู้สึกที่ยากจะรับรู้ได้ เป็นการดำรงอยู่อย่างไร้ทิศทาง

ณ เวลานั้น ทักษิณยังไม่รู้ว่า รองนายกฯชิดชัยที่เขาได้มอบหมายหน้าที่ให้ดูแลนั้น ถูกจับกุมตัวแล้ว เขาได้ฝากความหวังและความไว้ใจไว้กับเพื่อนทหารที่สนิทกันมากอีกคนหนึ่ง พลเอกเรืองโรจน์ มหาศรานนท์ จากคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ไว้ใจได้น้อยที่สุด ถ้าหากคำแถลงการณ์ของทักษิณตอนนั้นได้แพร่ภาพจนจบ สถานการณ์อาจจะดีกว่านี้ก็ได้

สงครามที่ไม่เคยเกิดขึ้น
หลังจากที่การรัฐประหารได้ผ่านไปเป็นเวลา 1 เดือน หนังสือพิมพ์ประชาชาติ ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "สงครามที่ไม่เคยเกิด" ย้ำเตือนว่าอดีตนายกฯ ท่านนี้ ในช่วงคับขันนั้น ถูกเพื่อนสนิททอดทิ้งอย่างไร้เยื้อใย

วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลากลางคืน แม้แต่คนขายของในตลาดยังได้ยินข่าวการก่อรัฐประหาร บรรดาทหารที่ให้การสนับสนุนทักษิณจะออกมาต่อสู้เพื่อเจ้านายของเขาหรือไม่ แต่แล้วเรื่องจริงก็ได้รับการยืนยัน เพราะว่าเหตุผลบางประการ บรรดานายทหารคนสำคัญที่ทักษิณได้ให้ความไว้วางใจนั้น รวมถึงพล. อ. พรชัย กรานเลิศ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.อ. พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 1 และ พลเอกเรืองศักดิ์ ทองดี ผู้บังคับการกองทหารปืนใหญ่ ทุกคนไม่สามารถที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องทักษิณได้

ในช่วงเช้าของวันรัฐประหาร บรรดาบุคคลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ก็ได้มีการพบหน้ากันก่อนแล้ว เพราะว่าไม่ปรากฎภาพของผู้บัญชาการทหารบก พลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน บนหน้าจอระหว่างการเรียกประชุมระดับรัฐมนตรีของนายกฯ. ช่วงเวลาดื่มกาแฟหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เพิ่งจะมีคนเริ่มคิดได้ว่า "ทำไมพลเอกสนธิจึงได้มีการเคลื่อนย้าย 3 กองกำลังทหารพิเศษเข้ากรุงเทพ" จากนั้นในช่วงเวลาบ่าย บรรดานายพลได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังกองบังคับการทหาร เพื่อยืนยันว่า กองทัพไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ผิดปกติ พบว่าไม่มีคนรับโทรศัพท์ พวกเขาทั้งหมดตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ข่าวลือเริ่มได้รับการยืนยันว่า ตอนนี้ได้มีกองกำลังทหารจำนวนมากได้เคลื่อนพลเข้าสู่กรุงเทพฯ สถานการณ์ยิ่งคับขัน เมื่อได้ยินเสียงตระโกนของนายพลท่านหนึ่งในห้องทำงานว่า "ผมรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว บอกกับผมว่าพวกคุณคิดที่จะทำอย่างไรต่อไป" "ผมจะอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกคุณ เพราะว่าผมก็เป็นทหารคนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน" เป็นคำตอบของนายพลท่านหนึ่ง สุดท้ายการสนทนาก็ได้สิ้นสุดลง

การรัฐประหารดำเนินไปอย่างราบรื่นดุจแพรไหม ไม่มีระดับนายพลคนใดยืนยู่ข้างทักษิณ
จนเวลากลางคืนมาถึง ไม่ปรากฎว่ามีเหตุการณ์ใดๆ ที่ต่อต้านการก่อรัฐประหาร บรรดาพรรคพวกของทักษิณที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล เพราะว่าการดำเนินการล่าช้าเกินไป สุดท้ายก็ต้องยอมรับโชคชะตา เวลาประมาณ 6 โมงเย็น พลเอกชิดชัย รักษาการนายกฯ, นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุรเดช เลขาธิการนายกฯ และ พลเอกเรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ไปยังถนนแจ้งวัฒนะ พวกเขาสามารถติดต่อกับทักษิณได้ ทักษิณเตรียมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 11 ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงสถานีวิทยุได้รับคำสั่งจากพลเอกเรืองโรจน์ให้เตรียมออกอากาศคำแถลงการณ์ของทักษิณที่จะส่งมาจากนิวยอร์ก แต่สุดท้าย มีแต่ผู้ชมสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เท่านั้นที่ได้ยินทักษิณประกาศภาวะฉุกเฉิน และสั่งปลดพลเอกสนธิออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แต่คำแถลงการณ์ของเขายังไม่ทันจบ กองกำลังทหารก็ได้เข้าควบคุมสถานีโทรทัศน์ไว้ได้ และได้ตัดสัญญาณออกอากาศโดยทันที

"ทำไมไม่อยู่ฝ่ายผมละ กองทหารในมือคุณตอนนี้ก็ไม่มาก" เป็นคำเจรจาในสายโทรศัพท์ของคณะรัฐประหาร ที่ต้องการชักจูงพลเอกเรืองโรจน์ผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้ยอมรับกับข้อเสนอ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ประชาชนทั้งประเทศก็ได้เห็นภาพของเขายืนอยู่ข้างๆ พลเอกสนธิและคณะรัฐประหารอีก 3 คน จากการถ่ายทอดคำแถลงการณ์ของคณะรัฐประหาร

ยังมีอีกข่าวลือว่า ทหารอีกฝ่ายที่ภักดีต่อทักษิณ (รวมถึงกองพลทหารม้าที่ 4) ซึ่งในขณะนั้นกำลังวางกำลังคุมเชิงอยู่กับคณะรัฐประหารบริเวณนอกเขตกรุงเทพฯ หากใครกล้าที่จะเคลื่อนไหวเพียงก้าวเดียวในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ หรือกล้าที่จะขยับนิ้วหัวแม่โป้งเพียงแค่นิดเดียวในเกมที่อันตรายอย่างนี้ ใครคนนั้นก็อาจถูกกฎหมายเอาโทษว่าเป็นพวกก่อการรัฐประหาร การเผชิญหน้าดำเนินต่อไปจนดึก พลเอกสนธิและพรรคพวกได้เข้าไปเจรจาด้วยตัวเอง จนฟ้าใกล้สว่าง กองกำลังทหารจึงยอมจำนน

คำบอกเล่าของทักษิณ
ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะโดนโค่นล้มอำนาจ ผมวางแผนไว้ว่าจะเป็นนายกให้ครบ 2 สมัยแล้วก็จะเกษียนตัวเอง การที่ผมสามารถได้เป็นนายกติดต่อกัน 2 สมัยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย ตัวผมเองก็รู้สึกภูมิใจมาก ไม่มีใครคิดว่าผมจะเป็นนายกฯ ได้ตลอดไป ไม่ใช่หรือ และเป็นไปไม่ได้ด้วย กฎหมายมีข้อจำกัดหลายๆ ด้าน ไม่ใช่หรือ แต่ว่า การที่มีใจที่รับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชนยังอยู่ในใจผมตลอดมา แม้ว่าผมจะไม่เป็นนายกฯ ก็ตาม ผมไม่เคยคิดเลยว่า ก่อนที่ผมจะดำรงตำแหน่งจนครบวาระที่ 2 นี้ จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ผมเป็นผู้ที่สนับสนุนการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตยต้องใช้ความเสมอภาคและความสันติเข้าแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะสังคมในยุคศตวรรษที่ 21 อำนาจไม่ใช่ความต้องการแท้จริงของผม ผมเพียงแค่ต้องการทำอะไรเพื่อประชาชนเท่านั้น ถ้าหากพวกเขารับไม่ได้กับวิธีการบริหารงานของผม ถ้าให้ดีคือผมก็แค่วางมือ ไปใช้ชีวิตที่สงบเงียบของตัวเอง แต่ถ้าตั้งใจอย่างแท้จริงที่ต้องการทำอะไรเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สามารถที่จะทำโดยผ่านวิธีการอื่นๆ ได้ มีหรือไม่มีอำนาจไม่มีความจำเป็นเลย

ตอนที่ 3
นาทีต่อนาที เหตุการณ์คืนวันรัฐประหาร 19 กันยา
อยู่ๆ ก็มีฝนฟ้ากระหน่ำลงในกรุงเทพฯ ฝนเม็ดใหญ่ขนาดเมล็ดถั่วตกลงกระทบกับเงาของแสงไฟบนท้องถนน รถยนต์แล่นเบียดเสียดกันบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำฝน น้ำฝนที่อยู่บนที่ปัดน้ำฝน เหมือนดั่งสายน้ำตาที่กำลังหลั่งริน รถถังจำนวน 2 คัน เข้าปิดเส้นทางที่จะไปพระราชวัง ทหารติดอาวุธแต่งชุดองค์รักษ์เต็มยศเข้าปิดล้อมพระบรมมหาราชวังอย่างแน่นหนา บรรดารถถังและรถหุ้มเกราะติดอาวุธทุกคันประดับไปด้วยผ้าสีเหลือง ตำรวจหลายนายสร้างสิ่งกีดขวางขึ้นบริเวณถนนใกล้ๆ กับทำเนียบรัฐบาล คอยกำกับจราจรผู้ใช้รถในบริเวณนั้น ขอร้องให้พวกเขาใช้เส้นทางอื่น

มีนักข่าวต่างประเทศผู้หนึ่งอยู่ที่บริเวณต้องห้ามเดินไปเดินมา คิดหาโอกาสถ่ายภาพสักเล็กน้อย แต่ก็ถูกทหารสั่งห้ามโดยทันที มีทหารที่หวังดีบอกกับเขาว่า "ถ้าจะให้ดีนั้นอย่าเข้าใกล้ ข้างหน้ากำลังมีคนกำลังขว้างก้อนหินอยู่" ไม่รู้มีใครหน้าไหนที่ใจกล้าขนาดนี้ ขว้างก้อนหินใส่รถถังและกองกำลังทหาร แต่ว่าการต่อต้านเล็กๆ แบบนี้ก็ได้ถูกควบคุมไว้ได้. ทำเนียบรัฐบาล กลับสู่ภาวะเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง

ถนนและทางรถไฟที่ห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตร จากทำเนียบรัฐบาลนั้น ตำรวจจำนวนมากกำลังแจ้งให้ประชาชนและรถที่เข้ามานั้นสลายตัวออกไป ทางรถไฟถูกสกัดเอาไว้ ฝ่ายรัฐประหารวางแผนได้อย่างรัดกุม ในค่ำคืนนั้น พวกเขาได้ตัดขาดเส้นทางคมนาคมต่างๆ ที่จะเข้าสู่กรุงเทพฯ คอยสกัดไม่ให้บรรดาพวกชาวนาที่ให้การสนับสนุนทักษิณนั้นเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ได้. บนท้องถนน ตำรวจเรียกให้รถทุกคันหยุด ขอร้องให้บรรดารถทั้งหลายรีบออกจากบริเวณดังกล่าวโดยด่วน บรรดาปั้มน้ำมันต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ได้รับการติดต่อให้หยุดการให้บริการตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มเป็นต้นไป กองกำลังทหารเข้ายึดสถานที่ราชการและถนนสายหลักในกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็ว รถถัง 4 คัน วิ่งวนอยู่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ มีเสียงจากเครื่องกระจายเสียงบอกให้ประชาชนบนท้องถนนรักษาความสงบ แล้วรีบกลับเข้าบ้านของตัวเอง

บรรดาสิงห์นักดื่มชาวต่างชาติที่กำลังสนุกสนานเฮฮาอยู่ในสถานเริงรมย์ขณะนั้น ได้รู้ว่าเมืองหลวงที่อบอุ่น "ยิ้มสยาม" นั้น เพียงแค่ค่ำคืนเดียวก็เปลี่ยนสีสันไปหมดแล้ว บนใบหน้าไม่สามารถที่จะเก็บความรู้สึกตกใจเอาไว้ได้ พวกเขารีบเรียกเช็คบิลและกลับไปยังที่พักของตัวเอง มีเพียงชาวต่างชาติบางคน ที่ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ในวันถัดไป จึงได้รู้ว่าเพียงค่ำคืนเดียวในกรุงเทพฯ บรรดารถถังได้ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไว้หมดแล้ว

บริเวณใกล้เคียงมีกองถ่ายของอเมริกากำลังถ่ายหนังอยู่ พวกเขาได้ยินเสียงร้องของประชาชน จึงวิ่งออกไปดู พบว่าประเทศที่อยู่ในศตวรรษที่ 21 เกิดเหตุการณ์รัฐประหารที่ใครก็คาดไม่ถึง เสียงประกาศจากตำรวจ ทำให้บรรดากองถ่ายทั้งหมดรีบหนีกลับโรงแรม โชคดีที่พวกเขามีเครื่องบินส่วนตัว เพียงแค่รอให้เกิดสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ สามารถบินกลับได้อย่างทันท่วงที แต่บรรดาคนงานธรรมดาในกองถ่ายทุกคนกลับไม่ได้รับอภิสิทธิ์เช่นดาราดัง พวกเขายังคงถูกเรียกร้องให้อยู่บริเวณกองถ่าย แล้วให้ดำเนินการถ่ายทำต่อไป ผู้คนเอะอเโหวกเหวก ทันใดก็พบว่าผู้ดูแลอุปกรณ์ประกอบการถ่ายทำหายตัวไป ที่แท้ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นหนังแอ็กชั่น คนที่ดูแลเรื่องปืนกลัวว่าปืนที่ใช้ในการแสดงจะกลายเป็นการแสดงจริง ปืนปลอมจะกลายเป็นปืนจริง กลัวว่าบรรดาผู้ก่อการรัฐประหารที่ถือปืนของจริงอยู่จะเข้าใจผิด สุดท้ายก็ต้องหยุดเพียงแค่นั้น เวลาผ่านไป หลังจากที่ได้ติดต่อไปยังผู้บริหารเพื่อขอให้ยุติการถ่ายเพียงแค่นี้ บรรดาคนงานกองถ่ายจึงได้ถูกปล่อยตัวไป

นักข่าวของหนังสือพิมพ์ประชาชนของจีน ประจำกรุงเทพฯ ก็เหมือนกับประชาชนทั่วไป ซึ่งกำลังเทขยะอยู่บริเวณหน้าบ้าน ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่มาจากบนท้องถนน เขายืนอยู่บนเก้าอี้ในสวนแล้วมองออกไป ได้เห็นรถถังกำลังแล่นผ่าน คันต่อคันเรียงรายข้ามจากสะพานเล็กๆ ไปยังถนนใหญ่ ค่อนข้างรวดเร็วมาก ความเร็วประมาณ 60 ก.ม./ช.ม. บนรถถังมีทหารถือปืนไว้แน่น รถถัง 10 กว่าคันได้แล่นผ่านไปแล้ว ยังมีรถที่ติดอาวุธตามมาอีกประมาณ 4-5 คัน ข้างหลังยังมีรถมอเตอร์ไซด์ทหารขี่ตามมาอีก ท้ายขบวนยังมีรถที่ติดสปอร์ตไลน์อีกคัน ตอนนั้นเขารู้สึกแปลกใจมาก ทำไมรถถังและรถติดอาวุธจึงได้ขับเคลื่อนเข้าไปในเมือง สุดท้ายจึงได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์รัฐประหารขึ้น

การตอบสนองจากประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ค่อนข้างจะสงบ หลายๆ คนได้ยินประกาศจากทางตำรวจ วิ่งออกมาดูบนท้องถนน ได้เห็นกองกำลังทหารและรถถัง ประชาชนทั้งตบมือและผิวปากแสดงความยินดี (สุดท้ายวันนั้นก็มาถึง วันที่ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์การเมืองที่เลวร้าย พวกเราทั้งครอบครัวรอจนถึงวันนี้ จะต้องมีคนเข้ามาจัดการกับความวุ่นวายให้หมดไป) ประชาชนชาวกรุงเทพฯ คนหนึ่งออกมาแสดงความยินดี

ส่วนอีกคนที่ออกมามุงดูเหตุการณ์สีหน้าวิตกกังวล เขาได้พูดกับผู้สื่อข่าวว่า "ในมุมมองของผม ไม่มีข้อคิดเห็น แต่ว่าทักษิณครั้งนี้คงจะกลับมาอีกไม่ได้แล้ว" เขาพูดพลางชี้ไปยังทำเนียบรัฐบาล ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับทำเนียบรัฐบาล มีข้อคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้ว่า "รู้สึกตกใจ แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ขอเพียงแค่ให้การเมืองไทยที่วุ่นวายในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาสงบลงก็พอ" เขายังหยิบยกประโยคหนึ่งในเพลงชาติไทยที่ว่า "ไทยนี้รักสงบ" แต่ว่า มีวัยรุ่นผิวสีคล้ำคนหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวต่างชาติว่า "นี่ไม่ใช่การรัฐประหาร แต่เป็นสงคราม" มีประชาชนบางกลุ่มพยายามที่จะเปิดโทรทัศน์เพื่อติดตามสถานการณ์ แต่พบว่าสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เปิดเพลงชาติไทย เพลงกองทัพทหาร หรือภาพในราชสำนัก. CNN และ BBC ต่างก็ถ่ายทอดภาพของรถถังวิ่งอยู่บนถนนในกรุงเทพฯ แต่ว่าผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว สถานีโทรทัศน์ต่างประเทศทั้งหมดที่กำลังถ่ายทอดการรัฐประหารในประเทศไทย อาทิ เช่น BBC, CNN, CNBC, Bloomberg Television, หลังจากที่ถ่ายทอดไปได้เพียงแค่ไม่กี่นาที สัญญาณได้ถูกตัดทั้งหมด

เวลา 5 ทุ่ม ภาพการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้เปลี่ยนเป็นออกภาพผู้ประกาศข่าวหน้าตาดีคนหนึ่ง ตาสวย ผมยาวประบ่า ใส่เสื้อสีเหลือง (หลังจากรัฐประหาร บรรดาตัวแทนทางทหารของแต่ละสถานีโทรทัศน์ จะสวมเสื้อเหลือง หรือเน็คไทสีเหลือง ระหว่างออกอากาศ) เวลาพูด น้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้คนไม่รู้สึกว่าการรัฐประหารกับการใช้กำลังรวมเป็นเรื่องเดียวกัน หลังจากที่เกิดเรื่องแล้วจึงได้ทราบว่า ผู้หญิงสวยคนนี้คืออดีตมิสเอเชีย เมื่อปี 2530 ชื่อ ทวินันท์ คงคราญ (Thawinan Khongkran) หล่อนจบการศึกษาระดับปริญญาโท ตอนนี้อายุ 42 ปี ฝ่ายทหารขอเชิญเป็นพิเศษ เพื่อมาดูแลเรื่องของการแถลงข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ให้เธอเป็นผู้ประกาศแถลงการณ์ของคณะรัฐประหาร เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เธอได้อ่านคำแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาดังนี้

"เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ผู้บัญชาการทหารและตำรวจได้เข้ายึดพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการต่อต้านจากฝ่ายใด พวกเราขอความร่วมมือจากทางประชาชน ในระหว่างเวลานี้อาจสร้างความไม่สะดวกให้กับประชาชนทุกท่าน จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ ขอบคุณ และหลับฝันดีคะ". จากนั้น ผู้ประกาศข่าวท่านนี้ ได้ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลคอยรายงานสถานการณ์ล่าสุดของ คณะรัฐประหารให้ประชาชนได้รับทราบทุกๆ ขณะ

เวลา 5 ทุ่ม 15 นาที ทหารที่สวมหมวกเหล็ก มือถือปืน สวมเสื้อกันฝน ก็ได้เข้ายึดถนนสายสำคัญในกรุงเทพฯ ได้เป็นผลสำเร็จ เช่น ถนนศรีอยุธยา และถนนราชดำเนิน ควบคุมถนนสายสำคัญทั้งสองสายของกรุงเทพฯ ทหารได้ช่วยตำรวจรักษาความเรียบร้อยบนท้องถนน รวมทั้งการวางสิ่งกีดขวางบนถนน (บริเวณที่ด้านหน้า กำลังมีภาระกิจสำคัญอยู่ ซึ่งต้องมีการควบคุมพื้นที่บนท้องถนน) มีรถประจำทางผ่านไปมา มีคนโผล่หน้าออกมาทางหน้าต่าง ยื่นหน้ามายิ้มและโบกมือทักทายกับเหล่าทหาร

หน่วยงานที่เรียกว่า คณะกรรมการปฏิรูปและบริหารประเทศ (The Administrative Reform Council) ชื่อย่อว่า ARC ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.Council for Democratic Reform) ประกาศการจัดตั้งคณะดังกล่าว เข้าสืบทอดอำนาจการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ. ประธาน คปค.และผู้บัญชาการทหารสูงสุดพลเอกสนธิได้มีคำสั่งให้ทหารทุกนาย และทุกหน่วยทั่วประเทศ หากไม่ได้รับคำสั่งใดๆ ให้ตั้งมั่นอยู่ประจำหน่วย และหยุดการเคลื่อนไหวทางการทหารใดๆ

เวลา 5 ทุ่ม 50 นาที ผู้แทน คปค.ท่านหนึ่งสวมชุดสูท ผูกเน็คไทสีเหลือง เป็นโฆษกของฝ่ายทหาร บริเวณหน้าอกติดเครื่องราชอิสิริยาภรณ์ ปรากฎตัวบนโทรทัศน์ช่อง 5 ประกาศแถลงการณ์ของฝ่ายทหารฉบับที่ 2 ชี้แจงถึงสาเหตุในการรัฐประหาร (การทำรัฐประหารคือสิ่งที่ต้องกระทำ เพราะว่ารัฐบาลทักษิณได้สร้างความแตกแยกให้กับประเทศ และมีการคอร์รัปชั่นอย่างโจ๋งครึ่ม จึงจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูการเมืองและสังคมไทยให้เป็นระเบียบและกลับสู่สภาวะปกติ คณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่รวมกลุ่มโดยกองกำลังทหารติดอาวุธและตำรวจ ได้ตัดสินใจล้มล้างอำนาจทางการเมืองของนายกฯ คนปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตร เพื่อปฏิรูปทางการเมือง) เขาเน้นย้ำว่า กองกำลังทหารไม่ได้มีเจตนาที่จะปกครองประเทศ จะมอบอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็ว

คำบอกเล่าของทักษิณ
การก่อรัฐประหาร 17 ครั้งที่ผ่านมา คอร์รัปชั่นเป็นข้ออ้างที่พวกเขาใช้กันเสมอ จากนั้น พอคณะรัฐประหารที่เข้ามามีอำนาจก็ยิ่งคอร์รัปชั่นมากกว่า อย่างไรก็ดี การคอร์รัปชั่นนั้น เพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่สามารถที่จะหายไปจากเวทีการเมืองไทยได้ คอร์รัปชั่นถือเป็นส่วนหนึ่งของลักษณะการเมืองการปกครองไทย

เวลา 0.39 น. ประกาศแถลงการณ์ของฝ่ายทหารฉบับที่ 3 ออกอากาศที่โทรทัศน์ช่อง 5 ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างไว้เมื่อปี 2540 ล้มเลิกศาลรัฐธรรมนูญไทย ล้มเลิกรัฐสภาไทยและคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของทักษิณ. กองกำลังทหารประกาศภาวะฉุกเฉิน ห้ามทหารออกนอกที่ตั้ง สุดท้ายผู้แทนฝ่ายทหารเน้นย้ำว่า การก่อรัฐประหารในครั้งนี้นำโดยผู้บัญชาการทหารบกพลเอกสนธิ, จุดประสงค์ ทั้งนี้เพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการเมืองและสังคมไทยให้กลับคืนสภวะปกติ และหวังว่าจะได้รับการเข้าใจและสนับสนุนจากทางราชสำนักและประชาชน กองกำลังทหารเข้ามามีอำนาจเพียงชั่วคราวเท่านั้น จะคืนอำนาจสู่ประชาชนให้เร็วที่สุด. 3 นาทีสำหรับการพูดได้จบลง หน้าจอทีวีก็กลับเป็นสีฟ้าอีกครั้ง และแพร่ภาพแถลงการณ์ของฝ่ายทหาร (เข้ายึดอำนาจการปกครอง) ภาพและดนตรีเป็นเพลงทหาร จากนั้น ฝ่ายทหารก็ได้เผยแพร่ข่าวอีกครั้งว่า ทักษิณที่อยู่ที่นิวยอร์คยอมรับการลาออกจากตำแหน่ง (หลังจากเหตุการณ์แล้ว ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือ)

ผู้สื่อข่าวต่างชาติได้ประเมินสถานการณ์การก่อรัฐประหารของไทยในครั้งนี้ว่า (รวดเร็วดุจสายฟ้า) ผู้สื่อข่าวของไทยเห็นว่าเป็น การรัฐประหารที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ราบรื่นเหมือนดั่งแพรไหม

ตอนที่ 4
ทักษิณ กับความเดียวดายบนโลก
ทักษิณนั่งอยู่ในห้องพักสำหรับนายกฯ ที่โรงแรมไฮแอท ในนครนิวยอร์ก จ้องดูหน้าจอ CNN จ้าวพ่อแห่งวงการสื่อสารผู้ที่ 10กว่าปีที่แล้วได้ซื้อขาดสิทธิในการแพร่ภาพของ CNN ในไทย ซึ่งปัจจุบันนี้กลับนั่งอยู่อย่างเดียวดายในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในต่างแดน ดูภาพเหตุกราณ์การก่อรัฐประหารล้มล้างอำนาจของตัวเองผ่านทางกล้องโทรทัศน์ของ CNN

ถ่ายทอดข่าว Breaking News ของ CNN วันที่ 19 กันยายน เวลาในประเทศไทยประมาณ 4 ทุ่ม 10 นาที ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ว่าสถานการณ์ตอนนี้ รถถังได้เคลื่อนเข้าบริเวณเขตเมืองของกรุงเทพฯ แล้ว ตอนแรกนั้น การรายงานข่าวของ CNN ค่อนข้างจะระมัดระวัง หัวข้อข่าวรายงานเพียงแค่ว่าเกิด เหตุการณ์ไม่สงบในระบอบการเมืองไทย หน้าจอแพร่ภาพรถถังสงคราม M41 และรถติดอาวุธ M113 ตามมาด้วยรถจิ๊บของทหารบกไทย ขับออกมาจากกองบัญชาการทหารบกที่ศูนย์กลางของกรุงเทพฯ เคลื่อนกำลังพลไปยังทำเนียบรัฐบาล กลางดึก ถนนสายหลักในเขตกรุงเทพฯ ได้มีการควบคุมการจราจร รถยนต์ขนาดเล็กบนท้องถนนติดกันเป็นขบวนยาว หน้าตาเคร่งขรึมของทหารและตำรวจที่กำลังควบคุมการจราจรอยู่นั้น คนที่เดินบนถนนไม่มีทีท่ากังวลหรือตกใจแต่อย่างใด มีบางคนทำเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋า ถ่ายรูปทหารและรถถัง

พิธีกร: ตอนนี้พวกเราสามารถที่จะประเมินสถานการณ์ว่าเป็น (การก่อรัฐประหาร) ได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าว: ผมคิดว่า ทหารอยู่บนท้องถนน และนายกฯ ไม่อยู่ในประเทศ ข่าวลือเรื่องการก่อรัฐประหารก็ได้มีข่าวมาแล้วหลายอาทิตย์ สามารถยืนยันได้ว่า นี่คือสถานการณ์การก่อการรัฐประหาร

พิธีกร: มีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่
ผู้สื่อข่าว: ทุกอย่างสงบนิ่งอย่างมาก จนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร รถถังจอดอยู่บนท้องถนน บนถนนเต็มไปด้วยเหล่าทหาร แต่สถานการณ์สงบมากๆ

จากนั้นไม่นาน รองนายกฯ สุรเกียรติ์ ที่เยือนต่างประเทศพร้อมทักษิณ ก็ได้พูดกับนักข่าวของ CNN ว่า "กองกำลังทหารเล็กๆ ที่คิดจะกระโดดออกมาล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่พวกเขาไม่มีทางทำได้สำเร็จแน่นอน ท่านทักษิณตอนนี้ยังคงเป็นนายกฯ ของไทย" แต่ว่าจากนั้น 10 นาที CNN ได้รายงานว่า ฝ่ายทหารกรุงเทพฯ ได้เข้ายึดอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คณะผู้แทนจากประเทศไทยบางคน (คนอื่นๆ ไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาติ) เวลานั้นนั่งอยู่ในห้องของนายกฯ ดูข่าว CNN พร้อมกับทักษิณ ในห้องเงียบสงบ นอกจากเสียงรายงานข่าวจากโทรทัศน์ ไม่มีใครออกเสียงใดๆ ทุกๆ คนต่างก็นั่งเงียบไม่มีเสียงพูดจา สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ มีคนหันไปมองยังทักษิณบ้าง พบว่าตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มต้นจนจบ การแสดงออกทางสีหน้าค่อนข้างสงบนิ่งอยู่ตลอด สีหน้านั้นดูไม่ออกว่าโกรธแค้น เคร่งเครียด เจ็บปวด ผิดหวัง หรือตกใจ แม้แต่เส้นประสาทเพียงหนึ่งเส้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะสั่นกลัวแต่อย่างใด เขาเพียงแค่นั่งเอนอยู่บนเก้าอี้เป็นระยะเวลานาน ขยับก็ไม่ขยับ ดูเหมือนกำลังมีเรื่องอะไรที่ต้องครุ่นคิด และดูเหมือนกับกำลังเหนื่อยล้าอย่างที่พูด คล้ายกับการขยับเพียงนิดหรือพูดสักคำ ก็ขมขื่นกล้ำกลืนจนพูดไม่ออก เขาเหมือนกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ การต่อสู้ทั้งหมดเพียงเพื่อจะให้ยืนยันกับตัวเองว่า ในเวลานี้ตนเองไม่อาจล้มครืนลงได้ จะต้องยืนหยัดจนถึงนาทีสุดท้าย

จากนั้น ฉากจบก็ได้มาถึงจริงๆ เขากลับรู้สึกโล่งอก หลุดพ้น และผ่อนคลาย ใจดวงนี้ที่เคยระส่ำระส่าย เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ณ นาทีนี้กลับสงบนิ่ง เหมือนกลับสู่ภาวะปกติ ใจเต้นอย่างช้าๆ และสงบนิ่ง ความน่าสะพรึงกลัว ความกังวลและความหวาดหวั่นอย่างไม่มีที่สุด ตอนนี้ค่อยๆ จางหายไป คล้ายกับควันไฟในสายลม นักการเมืองผู้ไม่สันทัดในการกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจผู้นี้ แสดงความรู้สึกที่สงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรมากระทบ เขารู้ว่าตนเองกำลังตกต่ำจนถึงที่สุด และก็ไม่สามารถที่จะลงไปได้ต่ำกว่านี้แล้ว

คำบอกเล่าของทักษิณ
บางครั้งผมก็คิดว่า นี่หรือคือสิ่งที่ผมได้รับตอนจบของการทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนของผม นี่หรือคือสิ่งที่ผมได้รับตอบแทนจากการอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของผมเพื่อพระมหากษัตริย์ ประเทศชาติ และประชาชน นี่คือสิ่งที่ผมได้รับตอบแทนจากการเป็นนายกฯ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ตอนที่ผมถามกับตัวเองแบบนี้นั้น รู้สึกถึงความเสียใจ

แถลงการณ์ของประธานาธิบดีบุช ไม่พูดถึงประเทศไทยแม้แต่คำเดียว
คำแถลงการณ์ของประธานาธิบดีบุชแห่ง สหรัฐฯ ในการประชุมสหประชาชาติได้เริ่มขึ้นแล้ว CNN ทำการถ่ายทอดสด เป็นไปตามที่คาดไว้ สุนทรพจน์ของบุช มุ่งประเด็นไปยังหัวข้อเรื่องที่ไม่กี่ปีนี้เขาพูดไม่หยุด "ต่อต้านการก่อการร้าย" อิหร่านก็คงเป็นประเด็นสำคัญที่พูดแล้วพูดอีก

"10 ปีที่ผ่านมา ความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ตะวันออกกลางอยู่โดยถูกกดขี่และไร้ความหวัง ทำให้คนตะวันออกกลางในรุ่นนี้อยู่โดยหมดความหวังไปแล้ว และทำให้พื้นที่ตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลงเพาะผู้ก่อการร้าย สถานการณ์อย่างนี้จะต้องได้รับการแก้ไข"

"พวกคุณ (ชาวอิหร่าน) มีสิทธิที่จะได้เห็นสังคมที่เปิดโอกาสให้คุณได้แสดงออกถึงความสามารถของพวกคุณอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการไปถึงเป้าหมายที่ห่างไกลอันนี้ก็คือ ผู้ปกครองของพวกคุณเลือกทางที่ไม่ยอมรับต่ออิสรภาพของพวกคุณ พวกเขานำทรัพยากรของพวกคุณไปใช้ในการสนับสนุนผู้ก่อการร้าย และพวกลัทธิหัวรุนแรงสุดโต่ง รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์"

"สหรัฐฯ เรียกร้องสันติภาพ หนึ่งในพวกคุณที่เป็นผู้ที่มีหัวคิดสุดขั้วกำลังสร้างข่าวลือที่ว่า ฝ่ายตะวันตกกำลังก่อสงครามกับศาสนาอิสลาม ความข้อนี้ไม่เป็นความจริงเลย โดยพวกเขามีเป้าหมายที่จะสร้างความสับสนให้กับพวกคุณ เพื่อให้เห็นว่าการกระทำของผู้ก่อการร้ายเป็นการกระทำเพื่อความถูกต้อง พวกเราเคารพศาสนาอิสลาม เคารพในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอิหร่านที่มีมาช้านาน พวกเราหวังว่าประชาชนของทั้งสองประเทศ จะมีวันหนึ่งที่สามารถเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันและมีสันติภาพร่วมกัน แต่พวกเราจะต้องไม่อนุญาตให้คนที่ใช้ชื่อเสียงของศาสนาอิสลาม ก่อให้เกิดการเสียชีวิตและการทำลายล้าง"

บุชกล่าวว่า ประเทศอัฟกานิสถาน อิรัก ฯลฯ กำลังก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยแล้ว (5 ปีที่ผ่านมา อัฟกานิสถาน ยังคงเป็นประเทศที่ปกครองโดยพวกตาลีบัน แต่ตอนนี้ อัฟกานิสถานได้จัดตั้งรัฐบาล และลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีของตัวเองโดยผ่านการเลือกตั้งอย่างอิสระ. เมื่อ 5 ปีก่อน ซัดดัมยังปกครองอิรักอยู่ แต่ตอนนี้ อิรักภายใต้รัฐบาลและผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นผู้เลือกประธานาธิบดีและผู้แทนของเขาเอง)

บุชได้พูดถึงผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน และการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ใน Darfur ประเทศซูดาน เขากล่าวว่า "อิสรภาพ โดยเนื้อแท้ของมัน ไม่เคยได้มาด้วยการบังคับ หากแต่จะต้องเลือกมาเท่านั้น" แต่ว่า การพูดที่ยาวถึง 20 กว่านาทีในร่างคำกล่าวครั้งนี้ ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียวที่พูดถึงประชาธิปไตยที่กำลังถอยหลังในประเทศไทย และการเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย

ทักษิณ กับประเทศไทยที่ถูกลืม
จนถึงวันถัดไป หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้ตีพิมพ์เรื่องการประเมินคำพูดของบุชว่า การที่รัฐบาลบุชให้การสนับสนุนเรื่อง "ประชาธิปไตย" เพียงแค่จำกัดไปยังพื้นที่ตะวันออกกลางที่พวกเขาให้ความสนใจเท่านั้น. แต่ประเทศอื่นๆ ในโลกที่กำลังก่อร่างสร้างประชาธิปไตยขึ้นมา กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงและประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามนั้น กลับถูกประธานาธิปดีที่กำลังทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายอย่างจดจ่อ และเอาเป็นเอาตายผู้นี้ ไม่ได้ให้ความสนใจและลืมนึกไป

ทักษิณตอนนี้ยังมีโอกาสอีกไหม วันนี้ช่วงบ่ายเขาสามารถที่จะใช้ความกล้าในการเดินขึ้นสู่เวทีการประชุมใหญ่สหประชาชาติ แล้วประกาศก้องไปทั่วโลกว่า เขาไม่ยอมรับการก่อรัฐประหารของทหารในขณะที่เขากำลังอยู่ในช่วงการเยือนต่างประเทศอยู่ เขายังคงเป็นนายกฯ ของไทยที่มาจากการเลือกตั้ง พฤติกรรมของกลุ่มพลเอกสนธิ เป็นการโค่นล้มอำนาจรัฐบาลปัจจุบัน (การก่อการร้าย)

แต่ว่า เขาไม่ทำ เขาไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ขณะนี้เขาตอนนี้ก็ยังคงรอคอย รอคอยผู้ที่มีบทบาทสำคัญปรากฏตัวออกมา

สนใจคลิกไปอ่านต่อบทที่ ๘


คลิกไปที่ กระดานข่าวธนาคารนโยบายประชาชน

นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์



สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4 I สารบัญเนื้อหา 5 I สารบัญเนื้อหา 6
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)gmail.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด กว่า 1200 เรื่อง หนากว่า 20000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com

 




1

 

 

 

 

2

 

 

 

 

3

 

 

 

 

4

 

 

 

 

5

 

 

 

 

6

 

 

 

 

7

 

 

 

 

8

 

 

 

 

9

 

 

 

 

10

 

 

 

 

11

 

 

 

 

12

 

 

 

 

13

 

 

 

 

14

 

 

 

 

15

 

 

 

 

16

 

 

 

 

17

 

 

 

 

18

 

 

 

 

19

 

 

 

 

20

 

 

 

 

21

 

 

 

 

22

 

 

 

 

23

 

 

 

 

24

 

 

 

 

25

 

 

 

 

26

 

 

 

 

27

 

 

 

 

28

 

 

 

 

29

 

 

 

 

30

 

 

 

 

31

 

 

 

 

32

 

 

 

 

33

 

 

 

 

34

 

 

 

 

35

 

 

 

 

36

 

 

 

 

37

 

 

 

 

38

 

 

 

 

39

 

 

 

 

40

 

 

 

 

41

 

 

 

 

42

 

 

 

 

43

 

 

 

 

44

 

 

 

 

45

 

 

 

 

46

 

 

 

 

47

 

 

 

 

48

 

 

 

 

49

 

 

 

 

50

 

 

 

 

51

 

 

 

 

52

 

 

 

 

53

 

 

 

 

54

 

 

 

 

55

 

 

 

 

56

 

 

 

 

57

 

 

 

 

58

 

 

 

 

59

 

 

 

 

60

 

 

 

 

61

 

 

 

 

62

 

 

 

 

63

 

 

 

 

64

 

 

 

 

65

 

 

 

 

66

 

 

 

 

67

 

 

 

 

68

 

 

 

 

69

 

 

 

 

70

 

 

 

 

71

 

 

 

 

72

 

 

 

 

73