บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้
มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก
ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด.
สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ
ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com
(กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)
Thaksin's
24 Hours
Midnight University
บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับการรัฐประหาร
๑๙ กันยา
Thaksin's
24 Hours After the Coup:
บทที่ ๕ การปกครองประเทศโดยซีอีโอ
กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : เรียบเรียง
ต้นฉบับแปลจากภาษาจีนทั้งเล่ม ได้รับมาจากเพื่อนสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน
บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับนายกฯ
ทักษิณ และการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นี้
แปลมาจากต้นฉบับภาษาจีน (โดยผู้แปลไม่เปิดเผยนาม) กองบรรณาธิการ ม.เที่ยงคืนได้นำมาเรียบเรียง
และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติม เพื่อสะดวกแก่การค้นคว้าในเรื่องประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย
โดยในบทที่ ๕ นี้ มีชื่อบทว่า "การปกครองประเทศโดยซีอีโอ" ดังมีลำดับหัวข้อที่น่าสนใจต่อไปนี้
- ความเบ่งบานของประชาธิปไตย
- ก้าวสู่การเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง
- อุปนิสัยและแบบอย่างทางการเมืองของทักษิณ
- การก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และนโยบายใหม่
- พรรคการเมือง และประชาธิปไตยแบบไทย
- ทัศนะของ Huntington ต่อระบอบการเมืองไทย
- การวิจัยการเมืองของทักษิณ กับการตั้งพรรคการเมืองไทยรักไทย
- ประยุกต์การบริหารธุรกิจมาบริหารประเทศ
- ชนะคดีซุกหุ้นอย่างฉิวเฉียด
- การปรับปรุงระบบราชการ การบริหาร และการแก้ปัญหาประเทศไทย
- การทำสงครามกับยาเสพติด
- ACD - Asia Cooperation Dialogue
- Chauvinism: การสำคัญผิด คิดว่าเหนือคนอื่น
- คดีขายหุ้น และปรากฎการณ์ Snow Ball โค่นทักษิณ
midnightuniv(at)gmail.com
บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้
ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ลำดับที่ ๑๓๔๐
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
๒๐.๕ หน้ากระดาษ A4)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่
๕ การปกครองประเทศโดยซีอีโอ
ตอนที่ 1
ทักษิณ:
ก้าวแรกที่ย่างสู่แวดวงการเมืองไทย
ประเทศไทยมีคำพังเพยอยู่คำหนึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปคือ พ่อค้าที่ร่ำรวย 10
คน ก็เปรียบไม่ได้กับข้าราชการของรัฐ 1 คน
มิใช่เพียงประเทศไทยเท่านั้น ทรรศนะคติที่ว่าความร่ำรวยเปรียบไม่ได้กับยศฐาบรรดาศักดิ์
ได้มีการถ่ายทอดในวัฒนธรรมขงจื้อทั่วเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว.
ในยุคปี 1970 ของศตวรรษที่แล้ว นายลิขิต ธีระเวคิน นักวิชาการได้เขียนโครงสร้างของสังคมไทยที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณค่าในการสร้างสังคมไทยอย่างไร
ดังนี้
1. กลุ่มคณะปกครอง
2. ชนชั้นข้าราชการ
3. พ่อค้าต่างด้าว
4. ชาวนา
ระดับบนสุดคือชนชั้นปกครอง รวมถึงบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทหารระดับสูง หัวหน้าพรรคการเมือง รองลงมาคือชนชั้นข้าราชการ เป็นกลุ่มอำนาจบริหารที่ประกอบด้วยหัวกระทิทางเทคนิค เช่น ข้าราชการ เป็นต้น อันดับที่ 3 คือ พ่อค้าต่างด้าว เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ่อค้าส่วนใหญ่ในสังคมไทยจะเป็นลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล พ่อค้าจึงเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกคนจีน และระดับล่างที่สุดก็คือ ชาวนา เป็นชนชั้นที่มีเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการนับถือ ถูกกดขี่ขูดรีดจากชนชั้นอภิสิทธิ์มาเป็นเวลาหลายพันปี
ความเบ่งบานของประชาธิปไตย
ประเทศไทย จีน ญี่ปุ่น ก็เป็นเช่นนี้ เข้าสู่สมัยปี พ.ศ. 2523 (ค.ศ.1980) เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ผู้มั่งมีที่มีพลังทางเศรษฐกิจกลุ่มหนึ่งก็ได้ค่อยๆ ขอความช่วยเหลือจากชนชั้นปกครอง
และในกระแสของประชาธิปไตยที่นับวันยิ่งเจริญงอกงามขึ้น เหล่าพวกยศศักดิ์และข้าราชการทหารจำเป็นที่จะคงอยู่โดยอาศัยการจัดตั้งพรรคการเมือง
การแข่งขันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นต้น เป็นเครื่องมือเพื่อมุ่งสู่ถนนแห่งอำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมาย
โดยใช้เสื้อคลุมประชาธิปไตย การใช้เงินทองในการซื้ออำนาจยิ่งเข้มแข็ง การติดต่อระหว่างทหาร
รัฐบาล และพ่อค้านับวันใกล้ชิด ซึ่งได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของนักธุรกิจเป็นจำนวนมาก
ก่อนนายทักษิณ ชินวัตร, นายบรรหาร ศิลปอาชา, นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของไทยก็คือนักธุรกิจก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จผู้หนึ่ง
เรื่องของเงินทอง สำหรับทักษิณแล้วเป็นเพียงตัวเลข เขาได้ตั้งเป้าหมายที่สูงยิ่งให้กับตัวเขาคือการเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ แนวคิดดังกล่าวสามารถหวนย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ขณะที่เขาได้ติดตามคุณพ่อซึ่งเป็นสมาชิกสภาเมืองเชียงใหม่ ไปเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ใช้สิทธิ เกิดความรู้สึกชอบการเมืองตั้งแต่นั้นมา. ต้นปี 2535 ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า การเมือง การค้า ว่าไปแล้วก็คือครอบครัวเดียวกัน ควรยอมรับความเป็นจริงในเรื่องนี้ การเมืองเปรียบเหมือนพระอาทิตย์ กิจการค้าเปรียบเหมือนโลก ใกล้เกินไปก็จะร้อน ห่างเกินไปก็หนาว
ในตอนนั้น ทักษิณเริ่มสนใจที่จะลงเล่นการเมือง พร้อมกันนี้ ก็ได้รับรู้อย่างมีสติถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและการค้า เพียงแต่การทำการค้าจะให้ความสำคัญเรื่องผลกำไรและต้นทุน จะไม่แยแสต่อวิธีการดำเนินการในส่วนรวม แต่การเมืองจะมีความซับซ้อน ซ่อนอุบายมากมาย จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างมีไหวพริบ การเมืองไม่เหมือนการค้าที่เป็นเกมส์หวังแต่ผลประโยชน์มากที่สุด การเมืองเป็นเกมส์ในทางจิตวิทยาเป็นความสามารถในการควบคุมตนเอง และปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบ แต่เป็นที่น่าเสียดายในจุดนี้ตั้งแต่ต้นจนจบทักษิณ ไม่สามารถควบคุมได้
คำบอกเล่าของทักษิณ
ภายหลังจากที่ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจการสื่อสาร ก็คิดที่จะเข้าวงการเมืองเพื่อทำงานให้กับบ้านเมือง แต่ภริยาไม่เห็นด้วยโดยเตือนสติตนว่า อย่าลืมคำพูดของคุณแม่ตนที่ได้พูดไว้ว่า ก่อนที่จะมีความมั่งมีอย่าย่างก้าวสู่การเมือง แม้ว่าเราจะมีเงินแล้ว แต่การค้ายังไม่มั่นคงอีกทั้งยังไม่มีผู้ที่เหมาะสมที่จะมาแทนตน ขอให้รออีกหน่อย ตนรอมา 2 ปี จนอายุ 45 ปี
ก้าวสู่การเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
ในปี 2537 พลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมของไทยก็ได้มาหาตนที่บ้าน
ขอเชิญตนเป็นตัวแทนของพรรค เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
เงื่อนไขคือ ทำตามที่พรรคกำหนดโดยการกรอกใบสมัครเข้าพรรค 1 ฉบับ. ทักษิณ ตกใจมาก
แม้ว่าเขาจะมีความจัดเจนในสนามการค้า แต่ประสบการณ์ทางการเมืองมีน้อยมาก ไม่สันทัดในกิจการต่างประเทศ.
ในช่วง 2 ปี ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ใฝ่ฝันในทางการเมืองอีกทั้งมีเงิน ได้ถูกนักการเมืองพูดจาหว่านล้อมให้เล่นการเมือง
เขาเป็นที่หมายปองของพรรคต่าง ๆ อย่างมาก แต่เขาปฏิเสธ เนื่องจากภริยาไม่เห็นด้วย
และงานธุรกิจสื่อสารที่ต้องดูแลจนล้นมือ แต่ครั้งนี้เขาระงับใจไม่ไหวเกิดความสนใจขึ้นบ้างแล้ว
การเข้าสู่การเมืองก็เข้าดำรงตำแหน่ง รมว. รัฐบาล จุดเริ่มต้นนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดินกับจุดเริ่มต้นสมัยที่ทำธุรกิจแพรไหมในร้านเล็กๆ
สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ พลตรีจำลอง เป็นเพื่อนที่ดีคบค้ากันมาหลายปี ดังเช่นที่วงการภายนอกได้วิพากวิจารณ์กันว่า
พลตรีจำลอง เป็นผู้นำทางให้แก่ทักษิณ ในวงการเมือง คือเจ้าพ่อทางการเมืองของเขา
พลตรีจำลอง ศรีเมือง
พลตรีจำลอง ก็เป็นลูกหลานของชาวจีนโพ้นทะเล มีชื่อจีนชื่อหลู จิน เหอ เกิดเมื่อปี
2478 ครอบครัวยากจน บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย มารดาเป็นคนรับใช้ที่บ้านของนายทหารเรือที่เกษียณราชการ
ในช่วงที่เขามีอายุ 12 ปี มารดาได้แต่งงานใหม่กับบุรุษไปรษณีย์ พลตรีจำลอง มีความฉลาดเฉลียว
ผลการเรียนยอดเยี่ยม ภายหลังเรียนจบมัธยมได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ต่อมา ได้ไปอบรมด้านการทหารระดับสูงที่อเมริกาหลายครั้ง เขาเคยเข้ารบในสนามรบในประเทศลาวและเวียดนาม
เคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เคยสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย ปี 2528 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายพล
ภายหลังจากนั้น เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ผู้ว่ากรุงเทพฯ 6 ปี ได้ก่อตั้งพรรคพลังธรรมที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นพรรคที่ซื่อสัตย์
สุจริต มีความกล้าหาญ. ปี 2535 พลตรีจำลอง และพรรคพลังธรรมได้นำมวลชนเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหาร
ผลปรากฏว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกิดการปะทะนองเลือด
พลตรีจำลอง เป็นผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธ เป็นผู้นิยมลัทธิระงับความอยาก ทานมังสวิรัติ ใส่เสื้อม่อห้อมในที่สาธารณะเสมอ ใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการเมือง ตามที่กล่าวอ้างในช่วงแรกๆ ความคิดเห็นทางการเมืองของทักษิณ และพลตรีจำลอง ค่อนข้างจะเหมือนกัน ภายหลังจากที่ทักษิณ ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เคยเรียนเชิญพลตรีจำลอง รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารับผิดชอบด้านการศึกษาของพรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังว่าจ้างเขาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยชินวัตร แต่ว่าต่อมา พลตรีจำลอง ได้เป็นแนวหน้าที่จะล้มล้างเขา บุญคุณและความแค้นของบุคคลทั้งสอง แวดวงภายในเป็นอย่างไร ได้เป็นปริศนาตลอดมา
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
105 วัน
ในช่วงที่จำลองได้มาติดต่อกับทักษิณ เป็นช่วงฮันนีมูนของ 2 คนอย่างแท้จริง. ทักษิณได้ทำการไตร่ตรองและเห็นว่านี่คือโอกาสที่หายาก
เขาได้ตอบรับการเรียนเชิญของพลตรีจำลอง เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ในคณะรัฐมนตรีของนายชวน หลีกภัย แต่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งก็ได้นำมาสู่การถกเถียง
มีคนวิจารณ์เขาว่า ขาดประสบการณ์ทางการเมืองเป็นมือใหม่ในด้านการต่างประเทศ มีคนสงสัยว่า
ธุรกิจการลงทุนในต่างประเทศของเขาจะกระทบถึงนโยบายต่างประเทศของไทยหรือไม่
มี สส. 23 คน เข้าชื่อกล่าวหาทักษิณ ละเมิดข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รมว. ในคณะรัฐมนตรีไม่อาจถือหุ้นในบริษัทของรัฐเกินกว่าร้อยละ 50 ได้ ได้ขอร้องให้เขาลาออกในทันที ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ทักษิณประกอบการในอุตสาหกรรมสื่อสาร ล้วนเป็นรายการที่ดำเนินกิจการโดยรัฐบาล แต่ว่า หุ้นของกลุ่มบริษัทสื่อสารชินวัตรที่เขาและภริยาถือครองอยู่ รวมกันแล้วคิดเป็นร้อยละ 48.7 ไม่ได้ละเมิดกฎหมายอย่างแน่นอน. นักการเมืองผู้นี้(ทักษิณ) เดือดดาลอย่างมากต่อการลอบทำร้ายของคู่ต่อสู้ เขาแสดงว่า ยินดีประกาศทรัพย์สินเพื่อแสดงความขาวสะอาด คดีได้ฟ้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่า สุดท้ายก็ไม่ได้มีการตัดสิน คู่ต่อสู้ของเขาได้ทำลายชื่อเสียงของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างลับๆ. ทักษิณ โมโหมากได้ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยที่เขาได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพียง 105 วัน อาชีพนักการเมืองครั้งแรกของทักษิณ ก็เป็นอันจบสิ้นลง วันที่ 26 ตุลาคม 2537
อุปนิสัย และแบบอย่างทางการเมืองของทักษิณ
วันแรกที่ทักษิณ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นักข่าวก็ได้ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องรัฐประหารเมื่อ
3 เดือนก่อนในประเทศกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาเพื่อนบ้านของไทยได้ทำลายการก่อรัฐประหารแบบไม่มีการนองเลือด
ทหารที่ก่อการรัฐประหารประมาณ 300 คน ที่ประจำอยู่นอกกรุงพนมเปญ ห่างออกไป 25
กิโลเมตร ได้ถูกรถถังของรัฐบาลสกัดกั้น ถูกเตือนให้กลับเข้าฐานที่มั่นในเวลาต่อมา
หัวหน้าผู้ก่อรัฐประหารตามที่กล่าวอ้างคือ อดีตรองนายกและพระโอรสของเจ้านโรดมสีหนุ
เจ้านโรดมจักรพงษ์ ภายหลังแผนประสบความล้มเหลวเจ้านโรดมจักรพงษ์ หนีไปมาเลเซีย
ผู้ต้องสงสัยพัวพันในการก่อรัฐประหารเป็นอดีต รมว. มหาดไทยถูกจับกุมตัว สังคมนานาชาติวิพากวิจารณ์เรื่องนี้ไปทั่ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย แสดงว่า รัฐประหารในครั้งนี้อาจได้รับความสนับสนุนอย่างลับๆ จากประเทศไทยเพราะว่า เขมรแดงของกัมพูชาได้อาศัยชายแดนกัมพูชา-ไทยเป็นสถานที่ป้องกันตัวตลอดมา เป็นที่สะสมกำลังตีโต้ฝ่ายรัฐบาล ขณะเมื่อนักข่าวได้ถามทักษิณ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จะประเมินค่าอย่างไรต่อเรื่องดังกล่าว. รมว. มือใหม่ผู้นี้ได้ตอบคำถามนักข่าวอย่างไม่มีลีลาที่เกรงใจของนักการทูต เขาตัดบทกล่าวว่า เป็นเพียงข่าวลือทั้งสิ้น
หลังจากนั้นไม่กี่วันทักษิณ ก็ได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย ในที่ประชุมระดับ รมว. APEC เขากล่าวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียว่า มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าประเทศไทยสนับสนุนเขมรแดง คำถามตรงเกือบจะเป็นคำถามที่หยาบคายทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียตลึง เขากล่าวต่อไปว่า ผมรู้สึกว่าข่าวสารที่ท่านมีน่าจะล้าสมัยแล้ว ท่านควรสอบถามความเห็นของสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ต่อปัญหานี้ออสเตรเลียสามารถจัดตั้งคณะทูตานุทูตประเทศต่างๆ ไปตรวจสอบที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาลทหารกัมพูชา ณ สถานที่จริง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย มีสีหน้าอับจน เพื่อเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด เขาได้หันไปตำหนินักการทูตที่ติดตามเขาว่า ไม่ได้รายงานให้เขาทราบอย่างละเอียด ต่อมา ในที่เปิดเผยสาธารณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียยอมรับกับนักข่าวว่า การพูดคุยของทักษิณ ไม่เป็นการเหมาะสม
มีเรื่องหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนิสัยและแบบอย่างทางการเมืองของทักษิณ เป็นอย่างดีคือ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไม่นาน เขาร้อนรนที่จะไปเยือนพม่า เพื่อผ่อนคลายความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับพม่า แต่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นว่า รมว. เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไม่นานจะไปเยือนพม่า ไม่เพียงแต่ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูตแล้ว ยังทำให้เสียระบบอีกด้วย ท้ายที่สุดทักษิณ ก็ได้ไปเยือนพม่าในโอกาสที่เหมาะสม เขาได้รอพบผู้นำพม่าตามเวลาและสถานที่นัดหมาย แต่ฝ่ายตรงข้ามมิได้ปรากฏตัวตามเวลาที่นัดหมายโดยอ้างว่า ผู้นำกำลังประชุมอยู่ เมื่อเขาหวนคิดถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศที่อารมณ์ดีของไทย ต้องรอพบผู้นำพม่าเป็นเวลา 6 ชั่วโมงแล้วก็เกิดโมโห เขากล่าวว่า ภายใน 5 นาที หากไม่สามารถพบผู้นำพม่าก็จะไม่รอ. สุดท้ายไม่ถึง 5 นาที ฝ่ายตรงข้ามก็ปรากฏตัว กล่าวโดยสรุปการปรากฏตัวครั้งแรกในวงการเมืองที่ด้อยประสบการณ์ของทักษิณ การแสดงออกของเขาถือว่าสอบผ่าน
ตอนที่ 2
การก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และนโยบายใหม่
4 เดือนให้หลัง ทักษิณได้หวนคืนสู่วงการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรม ลงสมัครรับเลือกตั้ง
สส. พื้นที่เยาวราชกรุงเทพฯ ความเป็นคนมีนิสัยนุ่มนวล หน้าตาที่เคร่งขรึมน่าเกรงขามแต่ไม่เสแสร้งของทักษิณ
ได้สร้างภาพประทับแก่คนในย่านเยาวราชอย่างมาก เป็นผู้ที่ไม่วางมาด ไม่ดูถูกคนจน
พูดจาตามสบาย นิสัยตรงไปตรงมา ไม่ถือสาในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทักษิณได้นำพรรคพลังธรรมเข้าร่วมรัฐบาลผสมของนายบรรหาร
ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งรองนายกดูแลเรื่องคมนาคม เขากล่าวว่า ต่อนี้ไปจะไม่ยอมให้ลูกหลานของเราเกิดในรถ,
กินในรถ, โตในรถ, ตายในรถอีกต่อไป
เขาได้เสนอโครงการ 3 ช่วง ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จะใช้เวลา 6 เดือน แก้ไขสัญญาณไฟจราจร กฎระเบียบการจราจร จากนั้นใช้ระบบบังคับการจราจรที่ใช้เทคนิคขั้นสูง แก้ปัญหาสภาพรถติด และในอนาคตจะมีการสร้างสะพานลอยฟ้า ถนนวงแหวน รถไฟใต้ดินเช่นกัน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็ได้ประจักษ์เป็นจริงในปัจจุบันแล้ว ทักษิณให้คำมั่นภายใน 6 เดือนจะแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวเห็นว่า เขาพูดเหลวไหล ได้มีการวาดภาพการ์ตูนล้อเลียนสัญณาณไฟเขียวมีฝูงวัวกำลังเดินข้ามถนน สัญญาณไฟจราจรระบบคอมพิวเตอร์จะแก้ปัญหารถติดได้หรือ รองนายกผู้นี้ได้ถูกผู้สื่อข่าวหยามหน้า
คำบอกเล่าของทักษิณ
พรรคพลังธรรมของพวกเรามีความได้เปรียบที่กรุงเทพฯ แต่ว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จที่ชนบท ที่สำคัญคือ ในเวลานั้นผมไม่มีเวลาดูแลชนบท ผมดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคนี้เป็นเวลาปีกว่า ต่อมา นายบรรหารได้เชิญผมเข้าดำรงตำแหน่งรองนายก แรกเริ่มผมไม่คิดที่จะตอบรับ แต่เขาบอกว่ารายชื่อแต่งตั้งได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ผมจึงเข้ารับตำแหน่งรองนายก ในช่วงนี้บิดาของผมได้ถึงแก่กรรมลง มีเวลาปีครึ่งผมไม่สามารถหักห้ามความเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้ ในปี 2541 ผมรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ผมจะจัดตั้งพรรคการเมืองด้วยตนเอง
พรรคการเมือง และประชาธิปไตยแบบไทย
ทักษิณอยู่ในตำแหน่งรองนายก 1 ปี 1 เดือน ได้ลิ้มรสถึงประชาธิปไตยแบบไทยๆ จัดตั้ง
ครม. บ่อยครั้ง วงการเมืองที่สั่นคลอน นโยบายที่ไม่ต่อเนื่อง การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ
จากประวัติศาสตร์การเมืองยุคใกล้ของไทยเป็นที่ประจักษ์ว่า การจัดตั้งรัฐบาลประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง
แต่ละพรรคก็หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ตามที่นักวิชาการของไทยได้กล่าวว่า ระบบการเมืองของไทยไม่มี
สส. พรรคฝ่ายค้านมีแต่ สส. ที่เข้าร่วม ครม. และ สส. ที่รอเข้าร่วม ครม. ที่เข้าร่วม
ครม. ก็อยู่ในตำแหน่งไม่นาน ที่ไม่ได้เข้าร่วมก็ทะเลาะไม่เลิก
การเมืองที่ไม่สุกงอมของพรรคการเมืองไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลทางประวัติศาสตร์ จากโครงสร้างทางการเมืองในสมัยนั้น อำนาจทางการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายหนีไม่พ้นพรรคการเมือง ระยะเวลาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมมีเพียง 15 ปี รัฐบาลทหารควบคุมสิทธิการร่างกฎหมาย เพื่อควบคุมการอยู่รอดของพรรคการเมืองมาโดยตลอด ทำให้พรรคการเมืองตกเป็นเครื่องมือของอำนาจฝ่ายทหาร. รัฐธรรมนูญที่รัฐบาลประกาศ 15 ฉบับ มีเพียง 5 ฉบับ ที่มี พ.ร.บ. พรรคการเมือง พรรคที่มีประวัติการก่อตั้งยาวนานมีเพียงไม่กี่พรรค ส่วนใหญ่มีประวัติการก่อตั้งช่วงสั้น ๆ ไม่ต่อเนื่อง มีพรรคการเมืองจำนวนมากจัดตั้งขึ้นอย่างเร่งรีบและยุบไปในชั่วพริบตา
ทัศนะของ Huntington ต่อระบอบการเมืองไทย
พรรคการเมืองส่วนใหญ่มีเพียงสำนักงานใหญ่ ไม่มีแผนทางการเมืองที่ยาวไกล ขอเพียงผลประโยชน์เบื้องหน้า
กฎข้อบังคับของพรรคสามารถแก้ไขเมื่อใดก็ได้ ตามที่นาย Huntington ได้วิเคราะห์ไว้ว่า
ระบอบการเมืองระบอบหนึ่ง ซึ่งความถี่ของการถูกทหารเข้าแทรกแซงในการบริหารประเทศ
จะเป็นปฏิภาคกลับกันกับพลังอำนาจของพรรคการเมือง รัฐประหารโดยตัวมันเองแล้วไม่สามารถทำลายพรรคการเมืองได้
เป็นแค่ยืนยันว่ากลไกพรรคการเมืองเกิดการเน่าเฟะเท่านั้น นาย Huntington ยังกล่าวว่า
พรรคการเมืองของไทยไม่เคยเป็นตัวแทนที่แท้จริงของพลังสังคมเลย เป็นเพียงตัวแทนของกลุ่มชนชั้นปกครองระดับบนและของพวกเขาเท่านั้นเอง
รัฐบาลที่มีนายบรรหาร เป็นนายกรัฐมนตรี วงการเมืองได้เข้าสู่ภาวะที่เลวร้ายรอบใหม่ ครม. อยู่ในสภาวะที่อาจต้องถูกปรับตลอดเวลา ในเดือนพฤษภาคม 2539 รัฐสภาได้มีมติไม่ไว้วางใจ รมว. ใน ครม. 4 คน เพราะมีส่วนพัวพันโดยใช้อำนาจหาผลประโยชน์ใส่ตัว รับสินบน การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมีการด่าทอ สาดโคลนด้วยคำพูดที่รุนแรง หลังจากที่ รมว. ทั้ง 4 คนได้ลาออกไปแล้ว ทักษิณได้ยกเอาภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของรัฐบาล เป็นข้ออ้างขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี. 3 เดือนต่อมาได้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ พรรคพลังธรรมแพ้ยับเยินได้รับเลือกเพียงคนเดียว ทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรคกระอักกระอ่วนใจมาก ประกอบกับเป็นเพราะปัญหาเรื่องการปฏิรูปเกิดปะทะกับสมาชิกอาวุโสในพรรคจนต้องแขวนหมวกจากไป
การวิจัยการเมืองของทักษิณ
กับการตั้งพรรคการเมืองไทยรักไทย
ความตั้งใจในชีวิตการเมืองที่กว้างไกลของทักษิณได้ยุติลงชั่วคราว อยู่ในช่วงความคิดวกวนกลับไปกลับมา
เช่นเดียวกับที่ก่อนเขาจะประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ จะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ที่น่ากลัว
ดูเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะประทานการทดสอบที่หนักอึ้ง และการโจมตีเขาติดต่อกัน
ช่วยเหลือเขาในการค้นหาทิศทางที่ถูกต้องของชีวิตมนุษย์ เขาเริ่มวางแผนอาชีพการเมืองของเขาใหม่
ในช่วงเวลานี้เขาได้ตระเวนไปในที่ต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
นักวิชาการ พ่อค้า ชาวนา ฯลฯ เพื่อรับฟังเกี่ยวกับแนวคิดทางการเมืองที่แท้จริงของพวกเขา
รับทราบถึงปมเงื่อนของปัญหาสังคมที่มีอยู่ ภาพความหวังทางการเมืองใหม่ได้ค่อยๆ
ก่อรูปขึ้นในสมองของเขา
ผู้เข้มแข็งที่ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของใครตลอดการผู้นี้พบว่า การสร้างสีสรรในพิมพ์เขียวของผู้อื่น คงไม่ดีเท่าการเขียนแบบใหม่ในกระดาษขาวทั้งแผ่น เขาต้องการจะก่อตั้งพรรคของตนเอง เป็นพรรคการเมืองในอุดมคติของตัวเอง. ขอเพียงสอดคล้องกับข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญในประเทศไทย ไม่ว่าใครก็ตามสามารถจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้. เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 ทักษิณได้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคไทยรักไทยอย่างเป็นทางการ ต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง
สมาชิกพรรคที่จัดตั้งในตอนแรกมีจำนวน 23 คน ในจำนวนนี้เป็นดอกเตอร์ 13 คน ซึ่งดูแล้วมีแนวโน้มจะเป็นพรรคการเมืองที่จัดเจนมาก พรรคนี้ต่อมากลายเป็นพรรคที่พูดปกป้องผลประโยชน์ให้กับชาวนา วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งพรรครวมถึง ผู้มีปัญญา ยึดการทำงานเป็นทีม ร่วมมือกัน ประสานจิตใจมาควบคุมดูแลกิจการของบ้านเมือง กล้าคิดกล้าทำ ยึดพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก รัฐบาลและทุกวงการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดอาศัยรูปแบบการควบคุมจัดการที่ก้าวหน้ามาแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างของชาติ
ประยุกต์การบริหารธุรกิจมาบริหารประเทศ
ที่กล่าวว่า รูปแบบการควบคุมจัดการที่ก้าวหน้าใช้คำพูดของทักษิณ ก็คือการใช้รูปแบบในการบริหารธุรกิจควบคุมจัดการบริหารประเทศ
เพราะว่า แท้ที่จริงแล้วทั้งสองอย่างมีส่วนคล้ายคลึงกัน แม้ว่าการบริหารจัดการรัฐบาลจะยากมากกว่าก็ตาม
เขาเปรียบประเทศไทยเป็นบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง บริษัทใหญ่นี้จำเป็นต้องสร้างผลิตภัณฑ์จำนวนมาก
เพื่อเอาผลกำไรมาเลี้ยงพนักงานทั่วประเทศ ซึ่งก็คือประชาชนนั่นเอง. จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้กำไรมากยิ่งขึ้น
วิธีการที่ปฏิบัติได้จริงและง่ายของเขาก็คือ ยกประสิทธิภาพการทำงานให้สูง ผลประโยชน์มาก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด
บุคคลในวงการภายนอกเรียกขานแนวคิดดังกล่าวของเขาว่า การปกครองประเทศโดย CEO แก่นของแนวคิดที่แท้จริงก็คือประโยคเดียว
คัดค้านลัทธิราชการที่วางอำนาจ
ทักษิณ ได้นำการควบคุมจัดการแบบ CEO มาใช้ในการสร้างพรรคและการเลือกตั้งทั่วประเทศในตอนแรก เขาใช้เทคนิคการประกอบธุรกิจตามอย่างบริษัทข้ามชาติ จัดตั้งสำนักงานใหญ่ พรรคไทยรักไทยที่กรุงเทพฯ และสาขา 4 ภาค ที่ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเขตเลือกตั้ง 400 แห่งทั่วประเทศ จัดตั้งสาขาจำหน่ายแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคและนโยบายของพรรค เขาใช้เงื่อนไขที่อุดมดึงดูด สส. 100 คน เข้าพรรคไทยรักไทย สองปีให้หลัง พรรคไทยรักไทยได้กลายเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดของไทย ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 สส. ไทยรักไทยได้รับเลือก 248 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง ได้สิทธิจัดตั้ง ครม. ทักษิณ หัวหน้าพรรคขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นโยบายใหม่ๆ หลายอย่างของทักษิณ
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 วันแรกที่ทักษิณ เข้าดำรงตำแหน่ง การประชุม ครม. นัดแรกบนโต๊ะประชุมจะไม่มีแฟ้มเอกสารดังเช่นในอดีต
ทุกคนมีคอมพิวเตอร์มือถือ 1 เครื่อง หัวข้อการประชุมจะถูกเก็บไว้ในแผ่นซีดี.
ทักษิณ ประกาศว่า ต่อนี้ไปการประชุม ครม. จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด สมาชิก
ครม. ทุกคนจะต้องเรียนรู้การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นโดยเร็ว ไม่ต้องอาศัยเลขาฯ
อีกต่อไป จะเห็นว่าการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการประชุมเสียค่าใช้จ่ายลดลงเหลือเพียง
40,000 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ต้องจ่ายเป็นเงิน 180,000 บาท เวลาที่จัดเตรียมเอกสารจาก
20 ชั่วโมงเหลือเพียง 6 ชั่วโมง การประชุมโดยทั่วไปใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็ยุติไม่เหมือนก่อนที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน.
ไม่กี่วันต่อมานายกคนใหม่ก็ได้ประกาศมาตรการอีกว่า หลังวันที่ 31 มีนามคม ให้ยุบคณะกรรมการที่ไม่จำเป็นที่ประจำในทุกกระทรวงฯ
จำนวน 516 คณะกรรมการ ปฏิรูปจำนวนนายตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดเตรียมไว้สำหรับอารักขานายก
3 กลุ่ม รวม 43 นาย ให้ลดน้อยลง
ถัดมานายกรัฐมนตรีก็ได้นำเสนอนโยบายประหยัดพลังงาน เขากำหนดว่า ต่อนี้ไปเมื่อมีการประชุม ครม. สมาชิก ครม. ไม่จำเป็นต้องใส่สูทเพื่อประหยัดไฟ หน่วยงานของรัฐบาลต้องจำกัดการใช้รถนำทางอย่างเข้มงวด รถตำรวจและขบวนรถรักษาความปลอดภัย อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในที่ทำงานของหน่วยงานต่างๆ อาคารธุรกิจใหญ่ๆ Supermarket ไม่ควรปรับอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ห้างสรรพสินค้าควรลดเวลาประกอบกิจการ เวลาเที่ยงคืนให้ดับไฟถนนและไฟโฆษณา ปิดไฟส่องสว่างอาคาร ปิดไฟถนนที่มีรถและคนเดินน้อย
ทักษิณ ได้ตามอย่างพระเจ้าอยู่หัว ใช้น้ำมันตาลโตนดกับรถตู้ของเขา เขาหวังให้ประชาชนหันมาใช้เชื้อเพลิงจากพืชแทนน้ำมันเบ็นซิลอย่างวางใจตามอย่างพระเจ้าอยู่หัว. การบริหารประเทศที่ไม่เหมือนใครของนายกคนใหม่ ได้นำมาซึ่งความแปลกใหม่ในวงการเมืองของไทย และดูเหมือนว่าตำรวจที่อยู่เวรในท้องถนนกรุงเทพฯก็มีมากขึ้น แต่ว่า ทักษิณ นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก้นยังไม่ทันร้อน เป็นเพราะปัญหาทรัพย์สินนำไปสู่การล้างแค้น
ตอนที่ 3
ชนะคดีซุกหุ้นอย่างฉิวเฉียด
วันที่ 18 มิถุนายน 2544 เป็นวันที่ทักษิณถูกพิจารณาคดีในข้อหาเจตนาปกปิดทรัพย์สินที่ศาลรัฐธรรมนูญ
หากเขาเป็นฝ่ายแพ้จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่สามารถลงเล่นการเมืองเป็นเวลา
5 ปี นี่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่มีการวางแผนอย่างตั้งใจ หลังจากทักษิณ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทวงต่างประเทศ
เนื่องจากปัญหาทรัพย์สินก็มีความฉลาดมากขึ้นได้ค่อย ๆ โอนทรัพย์สินไปเป็นชื่อภริยา
และบุตรธิดาที่บรรลุนิติภาวะ เขาได้ถอยห่างจากธุรกิจครอบครัว ใฝ่ใจแต่เรื่องการเมือง
ในเดือนกันยายน 2543 ขณะที่ทักษิณ ได้นำพรรคไทยรักไทยลงสมัครเลือกตั้ง สส. มีคนแจ้งคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่า ในช่วงที่ทักษิณ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 2540 ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินหุ้นที่โอนให้แก่บุตรและผู้ใกล้ชิดตามที่กฏหมายกำหนด มีความผิดตาม พ.ร.บ. แจ้งทรัพย์สินตามกฎหมายของไทย ที่ว่า สมาชิก ครม. รัฐบาลจำต้องแจ้งสภาพทรัพย์สินและหนี้สินก่อนเข้ารับตำแหน่ง ก่อนออกจากตำแหน่ง และภายหลังออกจากตำแหน่งครบ 1 ปี รวม 3 ครั้ง หากมีการละเมิดจะถูกสั่งให้ออกจากวงการเมือง 5 ปี คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตได้นำคดีนี้ รายงานต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ประชาชนไม่ต้องการเห็นนายกคนใหม่ที่มีความสามารถ และยังไม่มีโอกาสได้แสดงความตั้งใจของตนผู้นี้ถูกขับไล่ออกจากวงการเมือง ประชาชนได้จัดตั้งความเคลื่อนไหวสนับสนุนชนิดต่างๆ ด้วยตนเอง จดหมายขอความเห็นใจจำนวนมากได้ถูกส่งไปที่ศาล ขอให้เลื่อนการพิจารณาตัดสินออกไป ให้เวลาแก่นายกผู้นี้บ้าง ขอให้เขาได้บรรลุความตั้งใจของตัวเอง
ผู้พิพากษากล่าวว่า เราได้ให้ความสนใจต่อความเห็นของประชาชน แต่ก็ต้องเคารพในกฎหมาย การพิจารณาคดีได้ดำเนินไปตามที่กำหนด บ่ายโมง 30 นาที ของวันที่ 18 มิถุนายน รถยนต์ที่ทักษิณนั่งมาก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาฝูงชนอย่างช้าๆ ประชาชนหลายพันคนโห่ร้องเอาใจเชียร์และโยนช่อดอกไม้ให้เขา เขาพนมมือไหว้ พยักหน้าขอบคุณประชาชน แล้วเดินเข้าสู่ประตูศาลไป
คำแก้ต่างในคดีซุกหุ้น
คดีที่เกี่ยวข้องกับอนาคตทางการเมืองคดีนี้ เขาจะต้องแก้ต่างให้กับตัวเอง บุคคลผู้นี้ในอดีตเคยเป็นหนี้ธนาคารเป็นเงินจำนวนมาก
เข้าออกศาลบ่อยครั้งเพื่อขอความเห็นใจต่อผู้พิพากษาให้ยืดวันเวลาชำระหนี้ออกไป
ในครั้งนี้เขาก็ได้ใช้ฝีปากแก้ต่างและความสามารถในการพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
คำให้การโดยสรุปของเขาต่อศาลสะเทือนใจคนยิ่งกว่าคำให้การของทนาย
มารดาอบรมชี้นำผมตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่า ต้องก่อร่างสร้างครอบครัวก่อน ภายหลังจากที่มีกำลังทางเศรษฐกิจพอสมควรแล้วจึงจะเข้าสู่วงการเมือง ผมได้รับทุนการศึกษาของชาติจึงสามารถไปเรียนที่ต่างประเทศได้ ผมจะใช้ความรู้ที่ได้ศึกษามาสนองคุณชาติ ในชีวิตของผมเกลียดการทุจริตอย่างมาก ทรัพย์สินที่ตกหล่นไม่ได้แจ้งเป็นทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบากจากการประกอบธุรกิจ ไม่มีแม้แต่น้อยที่ได้มาจากการทุจริต แม้เงินจำนวนนี้จะเป็นเงินจำนวนมากแต่คิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินทั้งหมด การตกหล่นในการแจ้งทรัพย์สินเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่นั่นคือ " ความผิดพลาดที่ขาวสะอาด(บริสุทธิ์) " มิใช่เจตนาอย่างเด็ดขาด (ใครๆ ก็สามารถที่จะผิดพลาดได้โดยไม่เจตนา ด้านหนึ่งกรอกแบบฟอร์มแจ้งทรัพย์สินที่มีความจุกจิก อีกด้านหนึ่งก็คิดคำนวณตัวเลข) และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อประเทศและต่อผู้อื่น ผมจะไม่ขอร้องนอกศาล หรือใช้บุญคุณส่วนตัว ผมหวังแต่การตัดสินที่เที่ยงธรรมและมีเหตุผล หวังที่จะรับใช้พระเจ้าอยู่หัวและประเทศชาติต่อไป
คำอธิบายที่กินใจนี้คุณพจมาน ภริยาของเขาเป็นผู้เขียน นายกแก้ต่างให้กับตัวเองด้วยขอบตาที่แดงกล่ำ คำอธิบายที่สะเทือนใจของเขา สอดรับกับเสียงขอร้องของประชาชนนอกศาลขอให้ผู้พิพากษาให้ความเมตตา อาจเป็นเพราะเสียงเรียกร้องสนับสนุนของประชาชนเกิดสัมฤทธิ์ผลประกอบกับคำอธิบายที่สะเทือนใจคนของทักษิณ ในที่สุดผู้พิพากษาทั้ง 15 นาย ได้ลงคะแนน 8 ต่อ 7 ตัดสินให้ทักษิณ ชนะคดี
ทักษิณ กล่าวต่อผู้สนับสนุนที่มาแสดงความยินดีกับเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า จริงๆ แล้วจิตใจของผมก็ทำมาจากเลือดเนื้อ ไม่มีความแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นเลย มีความรู้สึกเจ็บปวดต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะผู้นำของประเทศผมจะหวาดกลัวไม่ได้ แม้จะมีสิทธิให้เสียใจ แต่ไม่มีสิทธิที่จะอ่อนแอ ต้องอดทนขยันทำงาน เพราะว่าประชาชนไทยยังไม่อาจปลดเปลื้องจากวิกฤติเศรษฐกิจ. เขาขอบคุณศาลที่คืนความยุติธรรมให้เขา โดยกล่าวยืนยันได้ว่า ประเทศไทย ผู้บริสุทธิ์จะไม่ถูกปรักปรำ นักการเมืองที่ขาวสะอาดจะไม่ถูกใส่ร้ายให้ต้องลาออกจากวงการเมือง เขาขอบคุณผู้ที่สนับสนุนเขาว่า ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาชอบทักษิณ แต่เป็นเพราะพวกเขารักประเทศไทย
แม้ว่าชนะคดีแล้ว แต่ชะตาชีวิตของทักษิณได้ถูกทำนายไว้แล้ว มหาเศรษฐีผู้นี้เริ่มต้นด้วยการโต้เถียงในเรื่องทรัพย์สิน ตอนเริ่มอาชีพนายกรัฐมนตรี และอีก 5 ปีให้หลัง ก็เจอปัญหาเดียวกันนี้ ซึ่งนำพาเขาให้เดินไปสู่จุดจบ
ตอนที่ 4
การปรับปรุงระบบราชการ การบริหาร และการแก้ปัญหาประเทศไทย
นายก CEO ได้เริ่มแผนงานปฏิรูป " ยกระดับประสิทธิภาพ " เป็นชุด ระบบข้าราชการถูกปฏิรูปเป็นอันดับแรก
เขากล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดในระบบราชการของไทยก็คือ ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ
ขาดจิตใจผู้รับผิดชอบ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาคนก็ถามกันว่า ใช่เลยทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ข้อต่อในการทำงานมีมาก เมื่อเกิดปัญหา หาตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้ สภาวะการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
การปฏิรูประบบราชการ
ระบบข้าราชการของไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ใช้มาตั้งแต่ปี 2475 ซึ่งเป็นปีที่มีการบังคับใช้ระบบตรารัฐธรรมนูญโดยพระมหากษัตริย์
โครงสร้างที่บวมโต ประสิทธิภาพต่ำ ข้อบกพร่องมากมาย รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้พยายามที่จะปฏิรูป
แต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายชั้นจำต้องยุติการปฏิรูป นิสัยที่มีความพยายามอย่างเด็ดเดี่ยวของทักษิณ
ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปฏิรูปให้ถึงที่สุด รัฐบาลได้ทะยอยออกกฎหมายปฏิรูปการปกครอง
และกฎหมายจัดหมวดหมู่โครงสร้างระดับกระทรวงฯ ข้าราชการ 240,000 คน ที่ต้องการเกษียณก่อนอายุราชการ
จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินไม่น้อยก้อนหนึ่ง งบประมาณที่ใช้ต่อการนี้คิดเป็นเงิน
36,100 ล้านบาท ยกเลิกระบบซี 11 ของข้าราชการพลเรือน ให้ยึดลักษณะการทำงานเป็นหลักโดยแบ่งเป็น
4 ประเภท ขั้นตอนในการทำงานจากเดิม 6 สายงานลดเหลือ 3 สายงาน
การจัดสรรกระทรวงใหม่
รายได้ของข้าราชการของรัฐเปลี่ยนเป็นระบบเงินเดือน (ระบบศักดินาในอดีตที่แต่งตั้งตำแหน่งให้ไร่นาแก่ข้าราชการได้ถูกยกเลิก
ข้าราชการผู้ใดก็ตามมีที่ดินในชื่อของตนเองถือเป็นกรรมสิทธิของผู้นั้น ไม่ถือเป็นเงินเดือน
แต่ต้องเสียภาษีให้รัฐทุกปี) ไม่ให้ความสำคัญลัทธิแยกกระจายในท้องถิ่นและสิทธิพิเศษในการควบคุมดูแลของท้องถิ่น
ข้าราชการระดับจังหวัดขึ้นไปแต่งตั้งโดยส่วนกลาง ควบคุมดูแลจังหวัดต่างๆ โดยตรง
กรรมาธิการกลางเพิ่มกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์,
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร,
กระทรวงพลังงาน ตลอดจนวัฒนธรรมเป็นต้นรวม 6 กระทรวง ด้านรองนายกเพิ่มเป็น 7 คน
ทั่วประเทศแบ่งเป็น 6 เขต แบ่งงานรับผิดชอบให้รองนายกแต่ละท่าน ในส่วนของนายกไม่จำเป็นต้องประชุม
เซ็นเอกสาร ทุกวัน ควรหาเวลาพิจารณาไตร่ตรองปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ งานหลักมอบให้รองนายกทำ
นายกทักษิณฯ กล่าวว่า คนฉลาดควรวางอำนาจในมือลง มีคนถามหากงานจำนวนมากมอบให้รองนายกทำ เช่นนี้แล้วท่านยังมีอำนาจอยู่หรือ นายกตอบว่า เป็นเพราะผมมีจิตใจกว้างขวางรองนายกและ รมว. ต่างก็เคารพผมเพียงแต่มีคนบ่นว่างานมากเหนื่อยเกินไปแล้ว เป็นที่ทราบกันว่าทักษิณ โทรสั่งการเรื่องงาน 7-8 งานทุกวัน วันรุ่งขึ้นก็ถามถึงความคืบหน้าของงานทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหนังศรีษะชาไปตามๆ กัน
คำบอกเล่าของทักษิณ
ระบอบลัทธิทุนนิยมเป็นระบอบสังคมที่โหดร้ายอย่างยิ่งชนิดหนึ่ง โลกาภิวัตรนำมาซึ่ง การแข่งขันทั่วโลก ความโหดร้ายของระบอบทุนนิยมอยู่ที่เปรียบเสมือนการลากผู้ป่วยไปเข้าร่วมแข่งขันการวิ่งมาราธอนทางไกล เราไม่สามารถใช้ร่างกายของเราเป็นข้ออ้างยืดเวลาหรือปฏิเสธการเข้าร่วมแข่งขัน แน่นอนผู้วิ่งนำหน้าต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ประเทศไทยจำต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน
ระบบผู้ว่า และระบบทูต
CEO
ทักษิณ เป็นคนแรกที่คิดค้นระบบผู้ว่า CEO และระบบทูต CEO ได้นำรูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจมาใช้กับรัฐบาลท้องถิ่น
และหน่วยงานการต่างประเทศ ก่อนนี้รัฐบาลท้องถิ่นนอกจากผู้ว่าและนายอำเภอที่ถูกแต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยแล้ว
หน่วยงานพาณิชย์, เกษตร, คมนาคม, การศึกษา เป็นต้น โดยกรรมการของแต่ละกระทรวงฯ
จะดำเนินการเปิดสำนักงานที่จังหวัด ผู้ว่าเป็นหัวหน้าของจังหวัดแต่กลับไม่มีอำนาจ.
ระบบผู้ว่า CEO ให้อำนาจผู้ว่ารับผิดชอบเต็มที่ ทำให้พวกเขาสามารถกำหนดยุทศาสตร์การพัฒนา
ที่ต้องการสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของท้องถิ่น
สถานเอกอัครราชทูต สถานกงศุลไทยในต่างประเทศและหน่วยงานที่ประจำ UN เผชิญกับปัญหาเดียวกัน นอกจากสถานเอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่การทูตที่สำคัญกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้พิจารณาส่งไปประจำการแล้ว เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม, พาณิชย์, วัฒนธรรม เป็นต้น กระทรวงต้นสังกัดจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งไป
สถานเอกอัครราชทูต อยู่ในสภาพที่ไม่มีผู้ร่วมรบอยู่เสมอๆ ทักษิณ ได้มอบอำนาจการควบคุมจัดการและบุคลากรแก่สถานเอกอัครราชทูตมากยิ่งขึ้น เพื่อดำเนินระบบรับผิดชอบของสถานเอกอัครราชทูต นำสู่สังคมนานาชาติผลักดันการขายและโฆษณาประเทศไทย นอกจากระบบการบริหารแล้วเป้าหมายปฏิรูปต่อไปของทักษิณ คือ ธุรกิจของรัฐ ประเทศไทยดำเนินระบอบเศรษฐกิจลัทธิประชาธิปไตย ธุรกิจส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจโดยเอกชน ยกเว้น ประปา ไฟฟ้า อุตสาหกรรมทางทหาร เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนยังคงเป็นของรัฐบาล
การแปรรูป (Privatization)
และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทักษิณตกลงจะดำเนินการปฏิรูปธุรกิจประเภทนี้ โดยการขายทรัพย์สินของรัฐส่วนหนึ่งให้แก่ผู้ประกอบการเอกชน
และธุรกิจเงินทุนต่างประเทศ นำเข้าบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ยกประสิทธิภาพทำให้ธุรกิจของรัฐกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
อาศัยตลาดหลักทรัพย์เป็นต้น เป็นช่องทางในการระดมทุน ลดการลงทุนของรัฐบาล (การปฏิรูปนี้ต่อมาได้นำไปสู่การถกเถียงในปี
2549 ได้มีการเดินขบวนประท้วงรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ซึ่งในขบวนการนี้ มีพนักงานในรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งรวมอยู่ด้วย)
ผู้สื่อข่าวในขณะนั้นได้ตั้งฉายาให้กับ ครม. ของทักษิณ ว่า เป็นบริษัทจำกัดเพราะมี รมว. จำนวนไม่น้อยในรัฐบาลล้วนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คนทั้งหลายมีความรู้สึกว่าทักษิณ บริหารประเทศเหมือนบริษัทจำกัดบริษัทหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลในการบริหารประเทศของนักธุรกิจค่อนข้างโดดเด่น ในปี 2546 ประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้สินที่เป็นหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทางการเงิน(2540) เป็นเงิน 17,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนกำหนด 2 ปี กลายเป็นประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศแรก ที่ลุกขึ้นมาหลังจากวิกฤติทางการเงินของเอเชีย. ในปี 2545 ถึงปี 2548 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยรักษาระดับ 5 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ติดต่อมา 3 ปี. ในปี 2547 ประเทศไทยบรรลุงบประมาณสมดุลย์เป็นครั้งแรกหลังวิกฤติทางการเงิน ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 151 เปอร์เซ็นต์ รัฐจัดเก็บภาษีเพิ่ม 30 เปอร์เซ็นต์
การทำสงครามกับยาเสพติด
นอกจากการปฏิรูปการบริหารและปฏิรูประบบเศรษฐกิจแล้ว งานอีกงานหนึ่งของนายก CEO
จุดหนักคือยึด "นโยบายชามเหล็ก"(ทำสงครามกับยาเสพติด) ในการโจมตีผู้กระทำผิดในเรื่องยาเสพติด.
ทักษิณ กล่าวว่า การผลิตและค้ายาเสพติดและกลุ่มอำนาจมืด เปรียบเหมือนมะเร็งของสังคม
ทำการกัดกินทรัพย์สินของสังคมทุกขณะ กระทบความมั่นคงของสังคม ระเบียบส่วนรวมยุ่งเหยิง
ประเทศไทยอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่มีชื่อของโลก หลายปีมานี้ เป็นทั้งศูนย์กลางของสถานที่ถ่ายโอนยาเสพติด
ประเทศผู้บริโภค และผู้ถูกทำร้าย
สถิติปี 2544 แสดงให้เห็นว่า ประชาชนที่ติดยาเสพติดของไทยมีจำนวน 2,650,000 คน คิดเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด. ยาเสพติดที่เข้าสู่ประเทศไทยที่สำคัญคือ พวก Methamphetamine (ยาบ้า - ยาม้า) ระดับผู้ใช้แรงงานของไทย โดยเฉพาะคนขับรถทางไกลจำนวนหนึ่งเห็นว่า Methamphetamine (ยาบ้า)เป็นยากระตุ้นประสาท สามารถช่วยพวกเขาขจัดความอ่อนเพลีย มาตรการห้ามยาเสพติดของไทยในช่วงแรกเช่น การตรวจตราตามชายแดน การเพิ่มการศึกษาให้แก่มวลชน เป็นต้น ได้รับการยืนยันว่าได้รับผลไม่มากนัก เป็นเพราะยาเสพติดดังกล่าวมีดาษดื่นทุกที่ จนลุกลามไปในเขตสังคม กระทั่งภายในโรงเรียนชั้นประถม
ภายหลังทักษิณ เข้ารับตำแหน่งได้ประกาศสงครามต่อต้านยาเสพติด ใช้มาตรการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มงวด ตามที่นักข่าวรายงานมีพ่อค้ายาเสพติดรวม 2,700 คน เสียชีวิตจากมาตรการห้ามยาเสพติดของรัฐบาล (องค์การสิทธิมนุษย์ชนได้เคยวิจารณ์ทักษิณ ทำการปราบปรามที่เข้มงวดเกินไป มองข้ามสิทธิมนุษย์ชน ) ศาลจัดการในคดียาเสพติดเฉลี่ย 1,500 รายต่อเดือน แต่ปี 2546 ได้มีผู้ค้ายาเสพติดมอบตัวต่อรัฐบาล 43,000 คน ผู้ติดยาจำนวน 330,000 คน เข้ารับการบำบัด รัฐบาลได้ยึดเงินจากการซื้อขายยาเสพติดเป็นเงินกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ว่ารัฐบาลก็สูญเสียไม่น้อย ข้าราชการที่เสียชีวิตในหน้าที่มี 40 คน 60 กว่าคนบาดเจ็บ
ในเดือนกันยายน 2547 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือกำจัดยาเสพติดนานาชาติ และได้ลบชื่อประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศทางผ่านยาเสพติด แสดงให้เห็นว่าสังคมนานาชาติ ยอมรับในผลสำเร็จในการกำจัดยาเสพติดของไทย
เบื้องหลังธุรกิจมืด คือนักตำรวจและนักการเมืองที่เน่าเฟะ
นอกจากนี้ การโจมตีอำนาจมืดของนายก CEO ก็ได้ดำเนินไปอย่างแข็งขัน แท้ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทักษิณ
มีความถนัด. ดอกเตอร์สาขาวิชาอาชญาวิทยาผู้นี้ เคยทำงานในวงการตำรวจหลายปี เขารู้ดีว่ากลุ่มผู้สนับสนุนสังคมมืดคือใคร
เป็นตำรวจและนักการเมืองที่เน่าเฟะคอยให้การปกป้องกลุ่มอิทธิพล. อย่างไรก็ตาม
การถอนรากถอนโคนวงการตำรวจที่เน่าเฟะไม่ใช่เป็นเรื่องชั่วเวลาข้ามคืน เขาตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาอิทธิพลมืดในเวลา
5-6 ปี เขาแต่งตั้งรองนายกดูแลศูนย์ปฏิบัติการเอาชนะอิทธิพลมืดแห่งชาติ จัดการกับอิทธิพลมืดไปกว่า
1,000 คน
คำบอกเล่าของทักษิณ
หลังเกิดรัฐประหาร ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมกังวลใจ ยาเสพติดหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย เช่นพวกเฮโรอีนมีขนาดเล็กเก็บซ่อนได้ง่าย ปัจจุบันนี้ กลุ่มผู้ค้ายาได้ผลิตยามากกว่าในอดีตมาก กระทั่งขายในที่เปิดเผย สภาพการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อีกปัญหาที่ผมกังวลคือ กลุ่มอิทธิพลมืดได้ขอค่าคุ้มครองจากคนจน เช่นคนขับรถเช่า ในช่วงที่ผมบริหารประเทศพฤติกรรมของพวกเขาลดน้อยลง แต่ว่า ปัจจุบันพลังของพวกเขาเติบใหญ่ขึ้นแล้ว เพราะมีคนคุ้มครองพวกเขาอย่างลับ ๆ คนพวกนี้มีความสัมพันธ์กับทหารและตำรวจที่เลวๆ พวกเขาคอยเป็นคนกลางนั่งรับทรัพย์
หวยใต้ดินที่ผิดกฎหมายก็กลับฟื้นคืนมาอีก ในช่วงที่ผมบริหารประเทศเคยพยายามทำให้การค้าหวยที่ผิดกฏหมายให้ถูกกฏหมาย เอาเงินที่พวกเขาเสียภาษีมาจัดตั้งทุนเป็นกองทุนการศึกษามอบให้ลูกคนจน แต่ปัจจุบันพวกเขาได้ปิดการค้าหวยที่ถูกกฎหมาย หันมาสนับสนุนเศรษฐกิจใต้ดินที่ผิดกฎหมายรวมถึง CD ที่ก๊อปปี้ ยาเสพติด การพนันที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น วิธีการกระทำดังกล่าวทำลายประเทศไทยอย่างรุนแรง และมือพิฆาตที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้ เป็นพลังอำนาจหนึ่งที่ต้องการจะขับไล่ผมออกนอกประเทศ
เรื่องของโรค SARS และไข้หวัดนก
ในด้านการจัดการวิกฤติสาธารณะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของรัฐบาลทักษิณ ก็ได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดี.
ต้นปี 2003 ประเทศไทยปรากฏโรค SARS รายแรก รัฐบาลดำเนินการในทันทีด้วยหลายๆ มาตรการ
ทำให้สามารถควบคุมโรค SARS ได้อย่างรวดเร็ว. ในจำนวนคนไข้ 8 ราย ที่ติดโรค SARS
นอกจาก 2 คนที่เสียชีวิต ที่เหลือได้รับการรักษาจนหายขาด. ทักษิณ ยังกระตือรือร้นแสวงหาความร่วมมือกับนานาชาติ
ภายใต้การริเริ่มของเขาการประชุม รมว. สาธารณสุข APEC ซึ่งได้จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ
ร่วมกันพิจารณาสร้างกลไกรับมือฉุกเฉินระยะยาว เพื่อรับมือกับการคุกคามของโรค
SARS เป็นต้น รวมถึงโรคระบาดประเภทเดียวกันนี้
คำบอกเล่าของทักษิณ
ในช่วงเกิดโรค SARS ทุกคนต้องสวมแถบผ้าปิดปาก ประชาชนทั่วประเทศต่างมีใจหวาดหวั่น ผมได้ถามหมอคนหนึ่งว่า แถบผ้าปิดปากมีประโยชน์หรือไม่ เขาตอบว่า มีประโยชน์ไม่มากนัก ผมพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า งั้นดีแล้วพวกเราไปสนามบินกันเดี๋ยวนี้โดยไม่ต้องสวมแถบผ้าปิดปาก เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องหวาดวิตกต่อโรค SARS ผมไม่ได้สวมแถบผ้าปิดปากต่อหน้ามวลชน ต่อมา แถบผ้าปิดปากก็ไม่มีปรากฏให้เห็นในท้องถนนที่กรุงเทพฯ อีกเลย
โรคไข้หวัดนก กับการทำลายสัตว์ปี
32 ล้านตัว
ต้นปี 2547 ประเทศไทยเกิดโรคไข้หวัดนก ผู้คนไม่กล้ารับประทานเนื้อไก่และไข่ไก่
อุตสาหกรรมฟักเลี้ยง อุตสาหกรรมส่งออกถูกกระทบอย่างหนัก ทักษิณสั่งการให้แต่ละจังหวัดดำเนินการรวบรวมจำนวนของไก่ที่เลี้ยงไว้ในแต่ละครัวเรือน
หากพบโรคไข้หวัดนกระบาดในที่ใดให้ทำลายไก่ทันที เขาเตือนว่าหากการรณรงค์กำจัดโรคไข้หวัดนกล้มเหลว
รมว. ที่เกี่ยวข้องจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนประเทศไทยได้ทำลายสัตว์ปีกที่เลี้ยงในบ้านจำนวน
32 ล้านตัว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้จัดสรรเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าชดเชยให้แก่เกษตรกรที่ทำลายไก่
เพื่อขจัดความหวาดกลัวของประชาชนที่มีต่อโรคไข้หวัดนก ทักษิณ ได้สั่งให้จัดเตรียมอาหารที่เป็นเนื้อไก่ทั้งหมดเป็นอาหารเมื้อเที่ยงในวันประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 มกราคม หลายสัปดาห์ต่อมา ทักษิณก็ได้นำสมาชิกที่สำคัญของพรรคไทยรักไทย ไปรับประทานไก่ทอดที่ร้านเคนตั๊กกี้และให้คำมั่นว่า หากประชาชนรับประทานเนื้อไก่และไข่ไก่ที่สุกแล้ว เกิดติดเชื้อไข้หวัดนกถึงแก่ความตายผมจะชดใช้เงิน 3 ล้านบาท วันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายกได้จัดกิจกรรมรับประทานไก่ไทยปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ด้วยตนเอง ที่ท้องสนามหลวงกรุงเทพฯ ถึงกับลงมือปรุงอาหารด้วยเนื้อไก่ด้วยตัวเองให้ประชาชนได้ชิมรส
ปลายปี 2547 กับมหัตภัยสึนามิ
ปลายปี 2547 เกิดภัยพิบัติสึนามิที่ทั่วโลกตกใจ ประเทศไทยประสบภัยหนักที่สุดประเทศหนึ่ง
แต่ได้รับการยอมรับจากสังคมนานาชาติว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่แสดงออกได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศที่ประสบภัยดังกล่าว
ภายหลังเกิดภัยพิบัติทักษิณ ดำเนินการรับมือในทันที จัดการอย่างเร่งด่วนภายหลังเกิดภัยพิบัติ
ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของส่วนรวม ส่วนบุคคล เท่าที่จะทำได้ บรรลุงานฟื้นฟูหลังภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นโอกาสอีกครั้ง
ความมีประสิทธิภาพสูงของรัฐบาลทักษิณ และความสามารถในการเป็นผู้นำอย่างโดดเด่น
ทำให้ทั่วโลกจับจ้องด้วยความสนใจ
ACD - Asia Cooperation
Dialogue
ในด้านการต่างประเทศ นายก CEO ผู้นี้ก็มีการแสดงออกที่ดียิ่ง ในช่วงดำรงตำแหน่งของทักษิณ
ได้ริเริ่มผลักดันการเจรจาความร่วมมือเอเชีย (ACD - Asia Cooperation Dialogue)
ที่มีชื่อ เรียกร้องให้มีการสร้างตลาด ASIA BOND ริเริ่มการประชุมความร่วมมือกันกับผู้นำรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้าน
เป็นผู้นำในการก่อตั้งบริษัทสหยางพารา 3 ประเทศคือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย.
เปิดการประชุมระดับ รมว. ประเทศผู้ผลิตข้าวคือ อินเดีย จีน เวียดนาม ปากีสถาน
เป็นต้น
ปี 2547 เขาประสบความสำเร็จในการเยือนรัสเซีย ได้ลงนามในความตกลงแลกเปลี่ยนเนื้อไก่ 250,000 ตัน กับเครื่องบินรบของรัสเซียจำนวน 22 ลำ กลายเป็นผลงานในประวัติการทูตของไทย นอกจากนี้ ทักษิณยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล ประธานาธิบดีบุชตลอดมา ประเทศไทยถูกอเมริกาจัดเป็นพันธมิตร (มิใช่นาโต้) ที่สำคัญของอเมริกา มีความร่วมมือใกล้ชิดในปัญหาต่อต้านการก่อการร้าย นอกจากนี้ แม้ว่าต่อมาทักษิณถูกโค่นล้มแล้วในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ว่า ตามตัวเลขอ้างอิงที่รวบรวมไว้ในปี 2549 ของธนาคารโลก จากปี 2545-2548 ความสามารถในการควบคุมการทุจริตคอร์รัปชั่นและการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2539-2545 1 เท่า Transparency International ได้จัดอันดับดรรชนีความรับรู้ของการคอร์รัปชั่นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก สภาพของประเทศไทยก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
คำบอกเล่าของทักษิณ
ทักษิณ กล่าวว่า วิธีการควบคุมจัดการของผมเป็นแบบตะวันตกอย่างมาก สิ่งที่ผมต้องการคือประสิทธิภาพ ผมคำนึงถึงแต่เรื่องจะทำอย่างไรที่จะทำให้การควบคุมจัดการงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากให้ผมเป็นคนให้คะแนนประสิทธิภาพในการควบคุมจัดการรัฐบาล ผมจะให้คะแนน B บวก แต่ว่า ในช่วงการปฏิรูปให้ความสำคัญประสิทธิภาพมากไป ทำให้มองข้ามจิตใจของคน นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมคนส่วนมากคัดค้านผมในเวลาต่อมา ข้อสรุปคือ รูปแบบการทำงานของผมไม่เหมาะสมกับสภาพที่เป็นจริงของไทยก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับรูปแบบทางความคิดของบุคคลผู้มีความสามารถส่วนหนึ่ง ที่มีความคิดอ่านที่ไม่เหมือนกับผม
ตอนที่ 5
Chauvinism: การสำคัญผิด คิดว่าเหนือคนอื่น
จีนมีคำโบราณประโยคหนึ่ง " เย่อหยิ่งไม่ได้ มุ่งหวังเกินไปไม่ได้ ดีใจเกินไปไม่ได้"
ดีใจจะเกิดทุกข์ อยู่ที่สูงมักจะตกลงมาเจ็บ กล่าวสำหรับผู้มีอำนาจทางการเมืองแล้วที่มีโทษอย่างยิ่งก็คือมีแต่ความสำเร็จตามที่ปรารถนา
ความสำเร็จของเขายิ่งมากเท่าไหร่เป้าหมายก็ยิ่งสูง ชัยชนะยิ่งมาก กำลังใจก็ยิ่งเข้มแข็ง
แต่ว่าเขาไม่รู้ซึ้งถึงศิลปที่ยอดเยี่ยมทางการเมือง นั่นคือ รู้จักวางมือ. ด้วยเหตุนี้
ความมีประสิทธิภาพสูงของนายก CEO ความสามารถของนายก CEO ความเด็ดขาดของนายก CEO
หนีไม่พ้นที่จะต้องเดินเข้าสู่ธุรกิจใหญ่ CEO, ลัทธิ Chauvinism. (Chauvinism
หมายถึง การเชื่อมั่นใน เช่น ตัวบุคคล, เพศสภาวะ, ประเภท, พรรค, กลุ่มชนชาติ
ฯลฯ] จนสำคัญผิดคิดว่าดีเหนือคนอื่นๆ)
ภายหลังทักษิณ บริหารราชการมาได้ 4 ปี อัตราความพอใจในการปฏิบัติงานของประชาชนมี 75 เปอร์เซ็นต์ เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีกสมัย พรรคไทยรักไทย ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรร้อยละ 76 กลายเป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้ง ครม. เพียงพรรคเดียวในประวัติศาสตร์ไทย. ทักษิณ ได้ประกาศจุดหนักของงานที่เขาจะทำในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ของเขาอย่างมั่นใจรวมถึงงาน
- ปรับปรุงสภาพการคมนาคมของกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ต่าง ๆ
- ปรับปรุงระบบการบริการน้ำทั่วประเทศ รวมถึงน้ำดื่มและน้ำชลประทาน
- ยกระดับการปฏิรูปการศึกษา ดำเนินโครงการกองทุนสินเชื่อเพื่อการศึกษา
- ยกระดับธุรกิจการบริการทั่วประเทศ
แต่ว่า ดำรงตำแหน่งไม่ถึงครึ่งปี เขาก็พบว่า เรื่องรำคาญได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พรรคต่างๆ ได้โจมตีทักษิณว่า ฝ่าฝืนการกระทำที่ได้สืบทอดมาแต่ในอดีต ใช้อำนาจสิทธิขาดโดยพลการ นำประเทศไปสู่เผด็จการรัฐสภาที่น่ากลัว นายกไร้เดียงสาผู้นี้โต้ว่า ในโลกนี้มีหรือที่รัฐบาลพรรคเดียวถูกเรียกว่าเป็นระบอบเผด็จการ ในเมื่อประชาชนเชื่อใจผมรัฐบาลพรรคเดียวมีอะไรไม่ดี ยิ่งกว่านั้น รัฐธรรมนูญของไทยไม่ได้กำหนดว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองพรรคเดียวไม่ได้ นี่เป็นการเลือกของประชาชน ปัญหาจึงเกิดขึ้นที่นี่
รัฐธรรมนูญปี 40 ส่งเสริมอำนาจฝ่ายบริหารให้เข้มแข็ง
รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นฉบับที่ 16 เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมพรรคการเมืองพรรคใหญ่
พรรคการเมืองขนาดกลางและเล็กจะถูกควบคุมอย่างเด่นชัด เช่น รัฐธรรมนูญกำหนดว่า
ในการเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง พรรคการเมืองพรรคเล็กหากได้รับบัตรเลือกตั้งไม่ถึง
5 เปอร์เซ็นต์ จะไม่มีสิทธิเข้าร่วมการแบ่งสรรที่นั่งในสภาและต้องถอนตัวออกจากวงการเมืองโดยอัตโนมัติ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะกระทำได้ต่อเมื่อมีสมาชิกสภาร่วมรายชื่ออย่างน้อย
40 เปอร์เซ็นต์ ( 200 คน ) แนวคิดเริ่มแรกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสภาพพรรคการเมืองขนาดกลาง
และขนาดเล็กจำนวนมาก ร่วมกันจัดตั้ง ครม. ที่มีหลายพรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา
แต่ว่า ในกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 นี้ พรรคไทยรักไทยใหญ่เป็นเอกเทศพรรคเดียว สัดส่วน 76 เปอร์เซ็นต์ของที่นั่งในสภา หมายความถึงพรรคเล็กทั้งหลายถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูสภา และแม้พรรคการเมืองจะได้เข้าสภา ก็ไม่มีความสามารถที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจทักษิณได้ นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมพรรคฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลทักษิณ ใหญ่เป็นเอกเทศพรรคเดียวบริหารประเทศแบบเผด็จการ สูญเสียการควบคุม
คดีขายหุ้น และปรากฎการณ์
Snow Ball โค่นทักษิณ
ภายหลังเกิดคดีขายหุ้นชินวัตร(ให้เทมาเส็ก) ทักษิณได้ยุบพรรค และจัดให้มีการเลือกตั้ง
ทำให้หลายพรรครวมตัวกันไม่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เหตุผลที่พรรคฝ่ายค้านร่วมกันคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ
พรรคฝ่ายค้านขอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงให้มีการเลือกตั้ง แต่ทักษิณ ยืนหยัดหลังเลือกตั้งแล้วค่อยแก้รัฐธรรมนูญ.
ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ทักษิณ เคยแสดงอย่างเปิดเผยว่า มีแต่เพิ่มอำนาจทางการเมือง
ยกประสิทธิภาพการควบคุมจัดการของรัฐบาล จึงจะสามารถส่งเสริมให้เศรษฐกิจพัฒนาไปได้
เขามักใช้ตัวอย่างการประสบการณ์ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์เป็นตัวแบบอยู่เสมอ โดยเห็นว่าขาดพรรคฝ่ายค้านทางการเมือง คือประสบการณ์แห่งความสำเร็จของเขา และเป็นช่องทางที่ควรปฏิบัติตามหนทางใหม่ แต่ว่า ทรรศนะนี้พรรคฝ่ายค้านคงไม่เห็นด้วย เหตุผลที่พรรคฝ่ายค้านโจมตีทักษิณ ก็คือเนื่องจากอำนาจรัฐบาลจัดสรรอย่างไม่สม่ำเสมอ ผู้ปฏิรูปแต่ไหนแต่ไรมาไม่พบจุดจบที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับองค์กรและระบบการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะกระทบถึงทั้งหมดแม้ว่าจะไม่มีใครสามารถแข่งรัศมีกับเขาได้ แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่หว่านไว้ ไม่ช้าได้ได้แตกหน่ออย่างรวดเร็ว ปกคลุมนโยบายต่างๆ ของทักษิณ
ทำให้ข้าราชการไม่น้อย
พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำรวจ แพทย์ นักวิชาการ (ผู้ค้ายาเสพติด ผู้มีอิทธิพลยิ่งไม่ต้องพูดถึง)
... ล้วนมายืนอยู่อยู่ฝั่งตรงข้ามของทักษิณ มีคนเคยวิจารณ์เขาว่า
เป็นคนที่มีนิสัยรีบร้อน "ทำก่อน คิดทีหลัง" ยังมีคนบอกว่า "ทักษิณใช้วิธีการบริหารธุรกิจมาบริหารประเทศ
สิ่งนั้นความจริงแล้วไม่เป็นปัญหา แต่ว่าการที่เขานำเอาประเทศมาบริหารดั่งธุรกิจส่วนตัว
นั่นเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง"
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีผู้คนไม่พอใจที่ทักษิณเลือกเพื่อนสมัยเรียน และเพื่อนสนิทมารับตำแหน่งรัฐมนตรีที่สำคัญในรัฐบาล เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฯลฯ ฝ่ายตรงข้ามตำหนิเขาว่า "ใช้แต่คนใกล้ชิด" กับข้อวิจารณ์ต่างๆ ทักษิณเคยตอบกลับว่า "พวกคุณไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ว่าเมื่อกลุ่มที่ต่อต้านเขารวมตัวกันเป็น snow ball ที่ยิ่งกลิ้งยิ่งโตขึ้น ปัญหาก็ไม่ได้อยู่ที่กลัวหรือไม่กลัว เพราะกลุ่มที่พลังของกลุ่มที่ต่อต้านจะกลืนคน จนไม่เหลือซาก
คำบอกเล่าของทักษิณ
บทเรียนที่ผมได้จากชีวิตทางการเมืองคือ ไม่ว่าทำอะไรห้ามทำอย่างสุดโต่ง แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการทำความดีก็ตาม อย่างเช่น หากคุณต้องการที่จะเป็นนักเรียนดีเด่น แค่สอบให้ได้ร้อยละ 80 ก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสอบให้ได้ 100 คะแนนเต็ม เพราะว่า การกระทำเช่นนั้นจะทำให้คุณรู้สึกยากลำบาก คุณจะต้องพยายามอย่างมาก และการที่คุณยิ่งพยายามก็ยิ่งจะมีคนอิจฉาริษยา คุณหวังว่าจะได้รับการเทิดทูนจากประชาชน แต่ว่าไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องไปแสวงหาสิ่งนั้น เพราะเมื่อคุณยิ่งทำงานอย่างขยันขันแข็ง ผลลัพธ์ที่คุณได้ คือ คำติฉินนินทา
การที่มีคนเทิดทูนคุณมาก คนอื่นก็จะอิจฉาริษยาคุณ ถ้าคุณรวยมาก คนอื่นก็จะอิจฉาคุณ พรรคการเมืองของคุณใหญ่และเข้มแข็งเกินไปก็จะทำให้พรรคอื่นๆ นั้นระวังตัวมากขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะทำให้เรื่องมันสุดโต่ง แต่ว่า ในที่สุดแล้ว ชีวิตผมมันก็เป็นเช่นนี้ เพราะผมทำงานอย่างจริงจังและผมพยายามมากเกินไป ผมทำงานอย่างไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะทำอะไรผมก็จะทุ่มทั้งกายทั้งใจกับสิ่งนั้น
นักศึกษา
สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
I สารบัญเนื้อหา
5 I สารบัญเนื้อหา
6
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)gmail.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 1200 เรื่อง หนากว่า 20000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73