The Midnight University
นายกทักษิณกับคำชี้แจงทางวิทยุ
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป
(๒)
รายการทักษิณคุยกับประชาชน
สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย
92.5 MHz วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
เวลา ๐๘.๐๐ - ๐๘.๕๐ น.
หมายเหตุ
: บทความถอดเทปชิ้นนี้ บันทึกและถอดเทปโดยทีมงานมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
คัดเอาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นคำชี้แจงการขายหุ้นชินคอร์ป
และการชุมนุมของกลุ่มสนธิ ลิ้มทองกุลมานำเสนอเท่านั้น
midnightuniv(at)yahoo.com
(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 824
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ
13 หน้ากระดาษ A4)
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป
(๒)
รวบรวมโดยกองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
นายกทักษิณคุยกับประชาชน วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
เวลา ๐๘.๐๐ น. - ๐๘.๕๐ น. : กรณีการชี้แจงการขายหุ้นชินคอร์ป
และการชุมนุมของกลุ่มสนธิ ลิ้มทองกุล
...ผมขอกลับมาตรงที่ประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหลาย พี่น้องที่เคารพครับ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณในความห่วงใยของพี่น้องทุกภาคส่วนที่เขียนจดหมายมาบ้าง
โทรศัพท์มาที่บ้านบ้าง โทรศัพท์ไปที่ Call center ของพรรคไทยรักไทยบ้าง 1212,
มาที่ทำเนียบรัฐบาลบ้าง และก็ไปแสดงความห่วงใยตามจังหวัดต่างๆบ้าง ก็ต้องขอขอบคุณในน้ำใจ
สิ่งเหล่านี้คือกำลังใจที่ทำให้ผมพร้อมที่จะรับใช้บ้านเมืองต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่พี่น้องประชาชนยังลำบาก ยังยากจนอยู่มาก คนที่ยังลำบาก ยังยากจน คนที่เป็นคนต่อสู้ชีวิตเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งกำลังต้องการการแก้ปัญหา ผมเองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็แน่นอนครับ คนทำงานก็ต้องมิผิดมีพลาด ก็ต้องมีการถูกตำหนิเป็นธรรมดา แต่ว่าขณะนี้มันกำลังมีอะไรบิดเบือนและรุนแรงเกินกว่าที่ผมจะไม่ชี้แจง
บางทีผมเองเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถูกบอกว่าอย่าพูด คนเป็นนายกฯอย่าพูดเรื่องนี้ แต่พอไม่พูดก็ไม่เป็นข่าว ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาข้อสงสัยได้ บางครั้งจึงจำเป็นต้องพูด วันนี้ก็เลยต้องขออนุญาตพี่น้องประชาชนว่า ผมขอใช้เวลาชี้แจงประเด็นข่าว เรื่องแรกก็คือประเด็นการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวผม ก็มีข้อกล่าวหาอยู่หลายข้อ บางคนก็บอกว่า มันเยอะได้เงินมามาก บางคนก็บอกว่าไม่เสียภาษี บางคนก็บอกว่าซุกหุ้นภาคสอง บางคนก็บอกว่าขายอย่างนี้เสียความมั่นคงของชาติ อันนี้ผมก็ต้องขออนุญาตอธิบายให้ฟัง
พี่น้องครับ มันไม่มีอะไรที่อยู่ๆก็สำเร็จขึ้นมา ชีวิตที่มันผ่านมาต้องผ่านความยากลำบากมาเยอะ แล้วก็ไม่ใช่อยู่ๆก็สำเร็จเลย ผมตั้งบริษัทกลุ่มชินฯ นี้ขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2526 วันนั้นผมก็ไม่มีสตางค์ครับ ผมก็เตาะแตะๆ มาเรื่อย แล้วมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี พ.ศ.2532 ตอนนั้นผมออกจากราชการแล้ว ก็มาเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2532 หรือ 2533 อะไรนี้ผมจำไม่ค่อยได้ แต่เข้าใจว่าแถวๆนั้น
พี่น้องครับ ก่อนจะมาถึงวันนี้ ผมต้องลำบาก ต้องลงทุนผิดลงทุนถูกเกิดความผิดพลาดมาเยอะ ถ้าท่านจำได้ผมลงทุนตั้งแต่วิทยุติดรถเมล์ คือ bus sound, ลงทุนระบบสัญญานเตือนภัย SOS, ลงทุนเรื่องของ data net ก็คือระบบสื่อสัญญาน digital, ลงทุนเรื่องวิทยุติดตามตัว phone link 151, 152, ลงทุนเรื่อง phone point CP2 หรือที่เรียกว่า poor man cellular, เหล่านี้คือเทคโนโลยีที่ผมลงทุนแล้ว ผิดพลาดและล้มเหลว ทำให้ขาดทุนไปเยอะ
บางช่วงผมต้องแลกเช็ค เพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน บางช่วงผมต้องขึ้นศาลผลัดเช็ค ผมยังเคยถูกหมายจับเช็คเพราะไม่มีเงินชำระ แล้วในที่สุดผมก็ชำระ ผมถูกธนาคารฟ้อง ผมก็ชำระเขาหมดทุกอย่าง นั่นคือสิ่งที่ผมกว่าจะมาเป็นผม ผมก็ต้องต่อสู้มาเยอะ เมื่อผมทำธุรกิจมาถึงวันหนึ่งผมมีความพร้อม ผมก็นึกถึงวันที่ผมเคยรับราชการ ตัดสินใจรับใช้ชาติตั้งแต่อายุ 17 เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ผมคิดว่าวันที่ผมพร้อมผมก็อยากจะรับใช้ชาติบ้าง ก็เลยตัดสินใจเข้ามาสู่การเมือง
ตอนหลังที่มีรัฐธรรมนูญ มีกฎหมาย ปปช. ห้ามถือหุ้น ผมก็ได้มีการขายหุ้นให้กับลูกซึ่งบรรลุนิติภาวะในราคาต้นทุน ซึ่งก็ทำมาตั้งแต่ปี 2542 แล้วมาเสร็จสิ้นวันที่ 1 ธันวาคม 2543 วันนั้นก็คือวันที่ผมได้โอนหุ้นทั้งหมดออกจากตัวเอง คือหมายถึงผมไม่มีหุ้น ก่อนวันเลือกตั้งคือวันที่ 6 มกราคม 2544 เพราะฉะนั้น วันนั้นหุ้นไม่มี แล้วกลุ่มชินฯ ก็เป็นบริษัทมหาชนมาหลายปีแล้วและบริหารด้วยมืออาชีพ ซึ่งไม่ต้องมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง
พอหลังจากที่ลูกๆเขารับหุ้นไปแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปยุ่งเพราะเนื่องจากว่าเขาอายุยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่พอ การบริหารของมืออาชีพเขาก็ทำได้เก่งมาก ก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไร เขาก็บริหารกันไปแบบมืออาชีพ เป็นบริษัทมหาชน มีระบบตรวจสอบทุกอย่าง
พอหลังจากนั้นที่ผมเข้าสู่การเมืองก็ถูกโจมตีว่าผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งๆที่หุ้นเหล่านี้ได้ถูกขายให้กับลูกซึ่งบรรลุนิติภาวะ และมีการบริหารอย่างมืออาชีพ เป็นบริษัทมหาชนไปแล้ว ก็ถูกโจมตีต่างๆนาๆ ทุกครั้งที่โจมตีก็จะโจมตีอยู่ที่ธุรกิจ ลูกๆเขาก็ทนมาอยู่ 4 ปี พอดีมีคนสนใจอยากจะซื้อ ลูกๆก็บอกว่า พ่อขายไปเถอะเพราะว่ามันไม่ดีหรอก เพราะว่าถูกโจมตีอย่างนี้ เห็นพ่อทำการเมือง เห็นพ่อทุ่มเท พ่อชอบที่จะทำงานการเมืองให้บ้านเมือง พ่อทำเต็มที่ไปเลยไม่ต้องห่วงเพราะว่าลูกๆจะทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆไป
ซึ่งปรกติธุรกิจที่สร้างมากับมืออย่างนี้ ทุกคนก็หวงแหน แต่เมือเราคิดว่าขายก็ได้ราคา ลูกเขาก็บอกว่าขายก็ได้ราคาพ่อ ก็ขาย ก็ตัดสินใจขาย แต่การตัดสินใจขายนี้มีคนสนใจอยู่หลายเจ้าก็เลือกขายคนที่เป็นกองทุน เพราะว่าถ้าเป็นกองทุนก็เหมือนผู้ถือหุ้นธรรมดาที่เข้ามาถือหุ้นแล้วดูระดับบอร์ด และดูผลจากกำไรเป็นหลัก ไม่เข้ามายุ่ง การบริหารก็จะได้เป็นคนไทยบริหาร ทีมบริหารชุดเดิม การบริหารอย่างเดิม นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจกัน ลูกๆก็มาบอกว่าขอตัดสินใจอย่างนี้
เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ ก็ถือว่าดี ผมจะได้มีเวลาซึ่งจะได้ทุ่มเทให้บ้านเมือง จะได้ไม่ถูกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่พอขายก็กลับโดนหนักเข้าไปอีก สรุปแล้วว่า ขายก็โดน ไม่ขายก็โดน ที่ขายแล้วโดนก็เพราะไปคิดว่าผมได้เงินมาก และไม่เสียภาษี
พี่น้องที่เคารพครับ กลุ่มชินฯ นี่ ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมา จ่ายค่าตอบแทนให้รัฐไปแล้วไม่น้อยกว่าแสนล้าน แสนล้านนะครับ เสียภาษีให้รัฐจนถึงสิ้นปี พ.ศ.2548, เป็นเงิน 60,765,730,000 (หกหมื่นเจ็ดร้อยหกสิบห้าล้าน เจ็ดแสนสามหมื่นบาท) เสียภาษีไปแล้ว และก็จ่ายค่าตอบแทนให้รัฐ อันได้แก่ให้องค์การโทรศัพท์สมัยโน้น แล้วตอนนี้เป็นบริษัท ทศท., จ่ายให้กับกระทรวงคมนาคมสมัยโน้น ตอนนี้เป็นกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ, จ่ายให้กับปลัดสำนักนายก, จ่ายให้กับการสื่อสารอะไรทั้งหลาย รวมแล้วร่วมแสนล้าน เสียภาษีไปแล้วร่วม 60,765 ล้าน, สำหรับครอบครัวผมก็ได้เสียภาษีเงินปันผล และเสียภาษีที่เป็นดอกเบี้ยรัฐไปแล้วก็ร่วม 3,000 ล้าน อันนี้คือการเสียภาษีมาโดยตลอด
แต่การซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ มันมีกติกาว่าไม่ต้องเสียภาษี เพราะว่าเขาต้องการจูงใจให้คนเอาหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะคนที่เอาหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทุกคนต้องการโชว์กำไร เพราะว่าการโชว์กำไรก็คือหุ้นขึ้น ฉะนั้นทุกคนก็จะทำกำไรมาก และทำแล้วก็จะโชว์กำไร โชว์กำไรคืออะไร ก็คือเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 30% จากกำไร อันนี้คือภาษีที่เสียไปแล้ว
อันที่สองเขาอยากให้เห็นมีการซื้อขายหุ้น ก็คือการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ มีต่างประเทศมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็เป็นการจูงใจ จึงให้ไม่มีการเสียภาษี อันนี้เขาถือว่าภาษีได้แล้วหลายชั้น ก็ตรงนี้ก็เป็นแรงจูงใจ เพราะต้องการเม็ดเงินต่างประเทศเข้าประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเราจะหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้เติบโตได้นั้น ต้องการเม็ดเงินมาจากต่างประเทศด้วย ไม่ใช่แค่เม็ดเงินในประเทศจะเพียงพอ ไม่พอหรอก
ก็เหมือนกันกับเราค้าขายกันในครอบครัว พอที่ไหน มันต้องมีเงินจากครอบครัวอื่น จากชุมชนอื่น ในสังคมอื่นมาช่วย มันถึงทำให้เศรษฐกิจเติบโต นั่นก็เหมือนกันครับ เราต้องการเงินจากต่างประเทศ นั่นคือสิ่งที่มันมีมาแล้วช้านาน มีมาก่อนที่กลุ่มชินฯ จะเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เสียอีก อันนี้เป็นกติกาที่มีมานานแล้วครับ
เพราะฉะนั้น เมื่อมีการซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ ก็จึงไม่ต้องเสียภาษี ไม่เกี่ยวกับว่าขายมากขายน้อย ท่านลองสังเกตได้เลยว่ามันขายกันมาทุกคน สื่อมวลชนทั้งหลายที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ขายหุ้นตัวเองมาแล้วทั้งนั้น และไม่ต้องเสียภาษีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายสนธิ, ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมติชน, กลุ่มบางกอกโพสต์, กลุ่มเนชั่น, ขายหุ้นเอาเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้ออะไรทั้งนั้น แล้วไม่เสียภาษีทั้งนั้น ไม่ว่าจะขายมากหรือขายน้อย
อันนี้มันเป็นกติกาที่มีมาช้านานว่า การขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี ธนาคารทั้งหลายเวลานี้ต่างประเทศก็ถือหุ้นกันเยอะแยะ เจ้าของเดิมก็ขายกันไปเยอะแยะ ก็เหลือกันคนละไม่กี่เปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น ก็ขายไปโดยไม่เสียภาษี แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครขายธุรกิจในยามที่มันดี ส่วนใหญ่บางทีขายธุรกิจทิ้งไปในยามที่ลำบาก แต่วันนี้กลุ่มชินฯ มีการขายธุรกิจ ขายหุ้นตัวเอง ในยามที่มันดี เพราะมันได้ราคา
สังเกตดูเวลาคนไปเล่นหุ้น ชอบซื้อหุ้นเวลาขาขึ้น ชอบขายหุ้นเวลาขาลง มันก็ไม่กำไร เพราะว่าซื้อหุ้นขาลง ขายขาขึ้นมันถึงจะกำไร อันนี้คือหลักวิธีคิด หลักวิธีตัดสินใจซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีการซื้อขายหุ้นตรงนี้จึงไม่มีการเสียภาษี มันไม่เกี่ยวกับมากหรือน้อย อันนี้มันเป็นกติกา กรมสรรพากรเราจะเอาภาษีไปจ่ายเขาเขาก็รับไม่ได้ กฎหมายมันไม่ให้เขารับ อันนี้ก็อยากจะอธิบายให้พี่น้องฟัง
อีกเรื่องที่พูดกันมากก็คือว่าซุกหุ้นภาคสอง คุณพูดได้อย่างไร? คดีเรื่องหุ้นผมถูกตรวจสอบตั้งแต่ก่อนเป็นนายก จนเป็นนายกเขาจะเอาหลุดจากเป็นนายกมาแล้ว แต่เรื่องนี้ได้ทำมาถูกต้องหมดทุกอย่าง ผมจึงไม่หลุดจากตำแหน่ง มีการตรวจสอบโดย ปปช.แล้ว มีการตรวจสอบโดยศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ว่าผมไม่มีหุ้นเหลืออยู่ในกลุ่มชินฯ และคนที่ถือหุ้นในครอบครัวผมก็คือคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นคนละคน
ลูกๆเขาก็เป็นเพียงผู้ถือหุ้น เขาก็รับเงินปันผลไปเป็นธรรมดา ส่วนผู้บริหารเขาก็บริหารกันไปแบบมืออาชีพ บริษัทเป็นมหาชนมีระบบการตรวจสอบ ตรวจสอบโดยผู้ลงทุนอื่น ตรวจสอบโดยผู้ลงทุนรายย่อย ตรวจสอบโดยตลาดหลักทรัพย์ ตรวจสอบโดย กลต. นี่คือระบบที่มันตรวจสอบกันเองอยู่แล้ว อันนี้เลยเป็นเรื่องการกล่าวหาเรื่อง Ample Rich
Ample Rich นี้เดิมทีเดียวก็จดทะเบียนไว้เพื่อที่จะเอาหุ้นไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์ค ในแนสแดค(NASDAQ) เพราะในช่วงนั้นบริษัทใหญ่ๆระดับโลกทั้งหลายจากทั่วโลก เขาไปซื้อขายกันที่นิวยอร์คถึงจะเป็นระดับโลก ดังนั้นผู้บริหารเขาก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเอาไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์ค เพราะจะได้เม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าประเทศไทย เขาก็เลยไปจดทะเบียนเพื่อจองหุ้นในส่วนที่เป็นหุ้นต่างประเทศ
หุ้นต่างประเทศหุ้นไทย เขามีได้ 49% - 51% ก็ไปจองไว้ตรงนั้น เมื่อจองแล้วก็ต้องเอาหุ้นไทยไปโอนเป็นส่วนต่างประเทศ ก็คือเอาหุ้นส่วนที่เป็นของผมในขณะนั้นเข้าใจว่าปี 42 ก็โอนไป โอนไปก็จองไว้ก็แจ้งรายงานตลาดหลักทรัพย์ทุกอย่าง หลังจากนั้นเมื่อผมตัดสินใจจะเข้าการเมืองอีกครั้ง ก็มีกฎหมายออกมาด้วย ก็ได้มีการขายให้กับลูกชายในราคาต้นทุน การขายในราคาต้นทุนไม่ต้องเสียภาษี ขายนอกตลาดไม่ต้องเสียภาษี ขายนอกตลาดเกินกว่าต้นทุนต้องเสียภาษีนะครับ ซึ่งขณะนี้มีคนขายนอกตลาดไปแล้วไม่เสียภาษีก็มี
เพราะฉะนั้นเมื่อขายในราคาต้นทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี
ขายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2543 อย่างที่ผมเรียนไป
เพราะฉะนั้น ผมเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 ผมได้เคลียร์ไปหมดแล้ว ผมไปซุกหุ้นเรื่องอะไรคุณเอาอะไรมาพูด
ไม่มีข้อมูลแล้วพูด เพราะต้องการจะหาเรื่องกันจริงๆ บิดเบือนข้อเท็จจริง บิดเบือนข่าว
แล้วก็สร้างเป็นกระแสเพื่อที่จะทำลายผม
พี่น้องครับ วันนี้ที่ผมพูดเสียยืดยาวผมไม่ต้องการให้พี่น้องที่เลือกผมมาเกือบ 19 ล้านคนผิดหวังว่า ท่านเลือกคนผิด ท่านเลือกคนที่เป็นนายกแล้วมาทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม มาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผิดหวัง ผมวันนี้ไม่หวังให้คนซึ่งไม่ชอบผม ไม่เชื่อผม เกลียดผมอยู่แล้วเข้าใจ ผมไม่หวังหรอก แต่ผมต้องการให้คนซึ่งเคยศรัทธาผมไม่ผิดหวังในตัวผม เพราะผมเป็นคนซึ่งจะเสียใจมากถ้าไปทำให้คนที่รักเราผิดหวัง เพราะผมเป็นคนที่จริงใจและไม่ต้องการหักหลังใคร ไม่ต้องการทำร้ายใคร ต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อคนส่วนรวม วันนี้ผมเลยต้องเสียเวลาอธิบายให้พี่น้องครับ
แล้วก็การโอนหุ้นทุกอย่าง ลูกๆเขาโตแล้ว เขาก็จ้างที่ปรึกษาเพื่อให้ทุกอย่างมันถูกต้อง เขาไม่รู้หรอกว่าขั้นตอนอย่างไร เขาทำไม่ถูกต้องก็ให้ที่ปรึกษาจัดการให้หมด แล้วทุกอย่างก็ทำถูกต้องหมด จะมีปัญหาก็มีปัญหาอยู่นิดเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า เขาได้ทำกันเรื่องนี้ก่อนที่ กลต.จะมีกติกาออกมา หลังจาก กลต.มีกติกาออกมา ก็บังเอิญมีเศษหุ้นเหลืออยู่ 22 หุ้น มีมูลค่าประมาณหมื่นบาทเท่านั้น ก็โอนเข้ามาเป็นชื่อ ซึ่งทางกลต.บอกว่า ตอนนั้นกฎหมายออกใหม่ซึ่งไม่มีใครรู้ ก็ถ้าออกมาเพิ่มอีก 1 หุ้นก็ต้องทำ tender หรืออะไรทำนองนี้ ผมก็ไม่รู้ แต่ในที่สุดแล้วตรงนี้ถ้าจะถูกปรับก็ปรับเสีย เป็นเรื่องของการปรับ จะถูกปรับก็ปรับตรงนี้ ปรับก็ปรับไปกฎหมายก็เป็นกฎหมาย
นายกก็ตาม ครอบครัวนายกก็ตาม ไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้เลยครับ เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของตัวเองไปเลย ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูกไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องเล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้ได้ทำกันอย่างถูกต้อง ถ้าจะผิดระเบียบก็เป็นผิดระเบียบเล็กน้อยก็เป็นโทษปรับ ปรับก็ปรับไปไม่ว่ากันไม่มีการหนีภาษีอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าผมเองไปทำตัวหนีภาษี แล้วผมจะเป็นผู้นำอยู่ได้อย่างไร ผมไม่หน้าด้าน ผมไม่โง่ ผมไม่เขลาที่จะทำอะไรอย่างนั้น อันนี้ขอเรียนให้ทราบ
อีกส่วนหนึ่งก็มา แหมออกข่าวกันใหญ่เป็นการขายความมั่นคงบ้าง ขายชาติบ้าง พี่น้องครับ ผมนี่รู้ดีที่สุด ผมยังบอกว่าบริษัทกลุ่มกองทุนเทมาเส็กใจกล้ามากที่มาซื้อ ถ้าเป็นผมผมไม่ซื้อหรอก เพราะอะไร? เพราะว่าได้แค่หุ้นบริษัทไป แต่บริษัทนี้เป็นผู้ที่รับสัญญาจากรัฐบาลนะ วงโคจรดาวเทียม ตัวดาวเทียมเป็นของรัฐนะครับ วันนี้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทั้งหมดเป็นของรัฐนะครับ บริษัทมีเพียงแค่สิทธิในการลงทุนในการบริหารแล้วก็เก็บกำไรไป แต่คนที่เขาเป็นกองทุนเขาเข้าใจไง เพราะว่าคนที่เป็นกองทุนเขามีทุน เขาต้องการหวังว่าถ้าธุรกิจขยายตัวข้างหน้า หุ้นขึ้นแล้วถ้ามีกำไรมาก ก็ได้ผลกำไรไปแทนดอกเบี้ยที่เสียไป
ส่วนของคนขายคือครอบครัวผม ที่ขายๆเพราะอะไร แทนที่จะรับกำไรรายปีก็ขอรับเงินก้อนเสียเลย แล้วเอาเงินมาฝากกินดอก แต่ดอกเบี้ยที่ฝากแบงค์ก็ต้องเสียภาษีครับ ต่อไปนี้ครอบครัวผมก็ต้องเสียภาษีปีละประมาณ 300-400 ล้าน จาก 15% ของดอกเบี้ยรับ ส่วนถ้าเป็นเงินปันผลก็เสียภาษี 10% ของเงินปันผล ภาษีเหล่านี้ยังมีอยู่แล้วทุกคนเสียครับ เพราะฉะนั้นครอบครัวผมต่อไปนี้ก็ต้องเสียภาษี ดอกเบี้ยรับปีหนึ่งประมาณ 300 กว่าล้าน อันนี้หมายความว่าได้เงินมาแล้วไม่ไปลงทุนอย่างอื่น
แต่แน่นอนครับมันอาจจะเสียน้อยลงไป เนื่องจากเรานำเงินไปทำบุญทำการกุศล ขณะนี้ก็มีมูลนิธิอยู่แล้วคือมูลนิธิไทยคม และจะโอนเงินเบื้องต้นเข้าไปก่อนพันล้านเพื่อบริจาคให้มูลนิธิ เพื่อไปทำเรื่องปัญหาความยากจน ทำเรื่องปัญหาการศึกษา ไปทำเรื่องวิจัยการแก้ปัญหาของชาติ เพื่อมาช่วยเสริมการทำงานของผมให้ผมทำงานได้เต็มที่ เพราะบางอย่างเราไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน เราก็มาใช้เงินของมูลนิธิ หมดก็เติมเข้าไปอีกไม่เป็นไร อันนี้คือความตั้งใจที่มีอยู่ทั้งหมด
เพราะฉะนั้น วงโคจรก็เป็นของรัฐ ดาวเทียมก็เป็นของรัฐ สื่อสาร ทีวีทั้งหมดเป็นของรัฐหมด บริษัทเป็นเพียงเช่าใช้ เพราะไม่มีกฎหมายที่ไหนมอบให้เอกชนหรือประชาชนเป็นเจ้าของ กฎหมายไม่เคยให้ครับเป็นของรัฐหมด เป็นเจ้าของเองไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นเอกชนเป็นเพียงคู่สัญญาเพื่อไปลงทุนและบริหารจัดการเท่านั้นเองครับ และการบริหารจัดการวันนี้บริษัทยังถือว่าเป็นของคนไทย เพราะว่าเรายังมีหลัก 51% - 49% อยู่ คนที่มาซื้อหุ้นแม้ว่ากองทุนเทมาเส็กจะเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ก็มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ร่วมซื้อด้วย แล้วยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกเยอะแยะเต็มไปหมด
เพราะฉะนั้นวันนี้กลุ่มครอบครัวผมขายทรัพย์สินของตัวเอง แล้วก็ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายภาษีของประเทศหมด แต่ว่าขายไปได้มูลค่าเกินกว่า 100% คือแพงกว่าในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถูกเล่นงาน แต่ว่ารัฐบาลโน่นเอาทรัพย์สินของชาวบ้านขายวันที่มีวิกฤตเศรษฐกิจ ได้ราคา 18-20% เท่านั้น เสร็จแล้วของครอบครัวผม ต่างประเทศโอนเงินตราต่างประเทศเข้ามา เราก็ได้ดอลลาร์เข้ามาแลกเป็นเงินบาทมาจ่ายให้กับครอบครัวผม เงินบาทนั้นก็ฝากไว้ในธนาคาร ธนาคารก็ไปปล่อยกู้ให้ประชาชนทั้งหลาย และนักธุรกิจรายเล็กรายน้อยทั้งหลายมีเงินและสภาพคล่องเสริมเข้าไป เศรษฐกิจก็ขยายตัว
เงินเหล่านี้ไม่ได้ไปไหน ดอกเบี้ยที่ครอบครัวผมรับก็ต้องเสียภาษี 15% ไม่ไปไหนเลยครับ แต่ที่แน่ๆคือว่า ที่ขายกันไปได้ 18% ได้ 20% เอาทรัพย์สินคนอื่นไปขายด้วย เอาเงินผ่อนรถ ผ่อนบ้านไปขาย เอาหนี้ธนาคารที่ล้มสมัยวิกฤติเศรษฐกิจไปขายได้ 18%, 20% และกองทุนที่ว่าวันนั้นก็เอาเงินเข้ามานิดเดียว ให้เงินบาทซื้อ แล้วยังไม่พอตั้งกองทุนย้อนหลังและไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยซ้ำ เป็นเงินประมาณ 20,000 ล้าน อันนี้ไม่ถูกด่าแหะ
สรุปแล้วนายกทำอะไรผิดหมดเลยนะเนี่ย ผมปราบยาเสพติดก็ผิด ผมทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคก็ผิดฮะ ถูกด่ามาตลอดครับ ผมไปแก้ปัญหาความยากจน ไปนั่งดูนั่งศึกษากรณีศึกษาที่ อ.อาจสามารถ ก็ถูกด่า สรุปแล้วมันด่ากันทุกเรื่อง
พี่น้องครับ วันนี้ผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่ยังอยากให้ผมทำงาน เพราะฉะนั้นผมลาออกไม่ได้ ผมทรยศจากคนที่ต้องการให้ผมทำงานไม่ได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่เอาผมนั้นอีกเรื่องหนึ่ง คนที่จะให้ผมออกจากตำแหน่งนายกได้ไม่ต้องหลายคนเลยครับ คนเดียวให้ออกได้เลย นั่นคือพระเจ้าอยู่หัวครับ ถ้าหากพระเจ้าอยู่หัวกระซิบผม รับสั่งคำเดียวได้ "ทักษิณออกเถอะ" รับรองกราบพระบาทออกแน่นอนครับ ผมไม่ติดยึดหรอกครับ
แต่ผมต้องการรับใช้ชาติ แต่ผมต้องทนต่อเสียงเหล่านี้ ผมไม่มีปัญหา ผมเป็นคนที่ในชีวิตต่อสู้มามาก ชีวิตผมสู้มามาก เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า ผมไม่อยากแบ่งฝ่าย ผมไม่อยากต่อสู้ ผมอยากให้ทุกคนถ้อยทีถ้อยอาศัย ผมพร้อมที่จะคุยกับทุกคนที่ไม่ถูกกับผม อยากจะหันหน้าเข้ามาหากัน แต่ไม่ใช่มายืนด่าเย้วๆๆๆ แล้วก็ไอ้คนที่ไม่ชอบผมจะมาทำการถอดถอน ถอดถอนผมเรื่องอะไร ผมทำอะไรผิด ผมซุกหุ้นเหรอ ปปช.ก็ตรวจสอบไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินแล้ว
เพราะฉะนั้น อันนี้มันเป็นเรื่องของครอบครัวผม เป็นเรื่องของลูกผมซึ่งเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว และเขาทำธุรกรรมซึ่งถูกต้องตามกติกา และผมเป็นนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลคนละคน แต่ว่าจะมาบอกว่าผมขาดจริยธรรม ขาดคุณธรรม คนที่ไม่ถูกกับผมก็ถือโอกาสวันนี้ ก็ไม่เป็นไร
พี่น้องครับ ผมขอเรียนว่าผมทำทุกสิ่งทุกอย่างผมสำนึกต่อชาติ ผมสำนึกต่อศรัทธาที่ประชาชนมีให้ ผมสำนึกต่อความจงรักภักดีที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า และพระราชวงศ์ เพราะผมถือว่าผมเกิดบนแผ่นดินนี้ ผมทำอะไรไม่ดี ผมทำไม่ได้
พี่น้องครับ ที่กล่าวหาว่าการที่ผมบริหารประเทศ กลุ่มชินฯ ได้ประโยชน์ พี่น้องครับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ผมเข้ามามกราคม ตอนนั้นอยู่ที่ 200 กว่า แล้วมกราคมปีนี้ขึ้นไปที่ 700 กว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นไป 200 กว่าเปอร์เซ็นต์ นั่นคือสิ่งที่ความเชื่อมั่นเกิดเศรษฐกิจดี แก้ปัญหา IMF เรียบร้อย วันที่ผมแก้ปัญหา IMF ผมจ่ายหนี้ IMF ก่อนล่วงหน้า 2 ปี ก็โดนด่านะฮะ โดยคนกลุ่มเดียวกันนี้
พี่น้องครับ เพราะความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์และเศรษฐกิจดีขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์โต 280% กลุ่มชินฯ เติบโต 289% ครับ ใกล้เคียงกันครับใกล้เคียงกันเลย และมีคนอื่นที่โตกว่าเยอะแยะนะครับ เช่น ธนาคารกรุงเทพ โต 447%, TPI สปอนเซอร์เดินขบวนโต 475%, ปตท. สผ.ของรัฐโต 572%, ปตท.โต 773%, Land and House โต 749%, เหมืองบ้านปูโต 806%, ปูนซีเมนต์ไทยโตสูงสุดครับ 872% โตกว่ากลุ่มชิน ฯ เยอะครับ เพราะฉะนั้นการบริหารประเทศเป็นการบริหารรวมทางเศรษฐกิจ
เหมือนกับที่ผมบอก ถ้าพายเรือเรือถึงฝั่ง คนที่อยู่บนเรือถึงฝั่งเหมือนกัน ไม่ใช่กัปตันเรือถึงฝั่งคนเดียว คนอื่นจมน้ำตายหมด เพราะฉะนั้นเราต้องไปด้วยกันด้วยความสามัคคี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในความสามัคคีของคนในชาติ ดังนั้นพี่น้องที่เคารพครับเราอย่ามาแตกแยกกันเลย ใครที่โกรธผม มาลองมาบอกซิขอคุยกับผม มาจับเข่าคุยกัน มาขอพบผมแล้วผมไม่ให้เขาพบให้มันรู้ไป ผมคุยด้วยทุกคน อย่าส่งเสือมาคุยก็แล้วกันเพราะคุยภาษาเสือไม่เป็น ถ้าส่งมนุษย์มาคุย ผมยินดีคุยทุกคน
พี่น้องครับ คุณสนธิก็เหมือนกันรู้จักกันดีครับ ผมยิ่งคิดไม่แน่ใจนะครับว่าคุณสนธิลงคะแนนให้ผมหรือเปล่า เพราะเลือกตั้งคราวที่แล้วก็ยังดีกันอยู่ คุณสนธิมาพบผมที่บ้านพิษณุโลกก็หลายครั้ง มีอยู่วันหนึ่งวันเกิดคุณสนธิหรือวันเกิดผู้จัดการผมจำไม่ได้ เขากินข้าวกลางวันผมก็แอบแป๊บหนึ่งไปกินข้าวด้วย วันนั้นก็พูดกันดีเพราะคุณสนธิวันนั้นต้องการให้ผมสนับสนุนสปอนเซอร์ คุณสนธิวันนั้นต้องการให้ผมสนับสนุนผู้จัดการธนาคาร ซึ่งช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้คุณสนธิจาก 3,000 ล้าน เหลือ 500 กว่าล้าน เพื่อให้เป็นผู้จัดการต่อ
คุณสนธิวันนั้นต้องการทำทีวี ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะทำทีวีช่องตรงไหน นึกว่าทำ Global TV ก็คือช่อง 5 ตอนหลังผมยังตกใจว่ามี 11/1 เกิดขึ้น แล้วมากล่าวหาว่ามีนามสกุลชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมไม่รู้เรื่องเลย เสร็จแล้วมาตอนหลังก็ทราบว่าเป็นของคุณสนธิ ทาง อสมท.บอกว่าไม่ได้ ผิด คุณสนธิก็มาบอกผมว่าช่วยดูหน่อยผมก็เลยบอกว่าคุณวิษณุช่วยดูหน่อย อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายสนับสนุนเขาได้ก็สนับสนุน นี่คือสิ่งที่ผมบอกไป แต่คุณสนธิก็พยายามไปหาทางออก แต่มันผิดกฎหมาย มันทำไม่ได้ก็เลยไม่ได้
อย่างกรณีผู้จัดการแบงค์ผมก็ให้ต่ออายุ แต่เสร็จแล้วเขามีปัญหาคือว่า เขาผิดกติกาของธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่าผิดคุณสมบัติก็ให้พ้นไป ผมก็เลยถูกกล่าวหาว่าไม่ปกป้อง ซึ่งผมเป็นคนที่ถ้าทำอะไรถูกต้องผมยอมรับได้ แต่ถ้าหากว่ามันไม่ถูกแล้วผมไปทำ ผมตะแบงไม่ได้หรอก เพราะผมต้องบริหารคนหมู่มาก ผมต้องบริหารเรื่องราวของประเทศมากมาย ผมต้องสร้างความสมดุลในประเทศ ผมไม่สามารถที่จะทำเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นพิเศษอีกเรื่องหนึ่งไม่ทำ มันต้องสร้างความสมดุล
แน่นอนครับวันนี้ผมอาจจะสนใจความยากจน วันพรุ่งนี้ก็ต้องมีเรื่องอื่นเข้ามา เรื่องเศรษฐกิจระดับประเทศก็ต้องทำ ผมต้องทำทุกเรื่อง ผมจำเป็นที่จะต้องสร้างความสมดุลต่างๆในประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนครับ ถ้าทำร้อยเรื่องมันก็ต้องมีผิด ถามว่าผิด 5 เรื่องโทษประหารชีวิตไหม?
พี่น้องครับ คนทำงานก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องครับ คนที่ให้กำลังใจผมทั่วประเทศ ผมขอขอบคุณครับ ผมไม่ยอมเคลื่อนกำลังของคนที่สนับสนุนผมเด็ดขาด เพราะนั่นคือวิธีที่ไม่ถูกต้อง จะเกิดการปะทะกัน เกิดการนองเลือด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนาเลย ประเทศนี้ต้องการความสามัคคี ผมเห็นประเทศอื่นเขาสามัคคีกันแล้วรู้สึกว่า ผมอยากเห็นประเทศไทยของเราเข้มแข็งอย่างนั้นน่ะ
โอกาสเรามีเยอะเลยเราพร้อมที่จะปรับตัวเราแล้ว เราจะนำเทคโนโลยีมา เราจะนำสิ่งใหม่ๆมา เราอยากจะแก้ปัญหาความยากจน เราอยากจะให้ประเทศมีความสุข อยากให้พระเจ้าอยู่หัวมีความสุข เพราะพสกนิกรของพระองค์มีความสุข ผมอยากเห็นอย่างนี้ แต่วันนี้จะมาเอาชนะคะคานกันอย่างนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นพี่น้องที่เคารพที่รักผมกรุณาอย่าไปที่ลานพระบรมรูปเด็ดขาด ถ้าไปแล้วท่านไปฟังเขาโกหกบิดเบือน แล้วจะเกิดอารมณ์ และเกิดการปะทะกันซึ่งไม่มีประโยชน์เลยครับ
เอาล่ะคนที่ไม่ชอบ ไม่พอใจผมจะแสดงออกเชิญครับ ภายใต้กติกาประชาธิปไตยเชิญเลยครับ แต่ว่าการใช้สิทธิเสรีภาพของท่านต้องไม่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นนะครับ ท่านไปละเมิดสิทธิ์คนอื่นท่านก็ต้องถูกดำเนินคดี ท่านไปทำลายทรัพย์สินท่านก็ต้องถูกดำเนินคดี ท่านทำร้ายชีวิตคนอื่น ท่านทำร้ายร่างกายคนอื่นท่านก็ต้องถูกดำเนินคดี ท่านไปละเมิดไปหมิ่นประมาทคนอื่นท่านก็ถูกดำเนินคดีโดยบุคคลๆนั้น อันนี้ต้องขอว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้กติกาประชาธิปไตย ที่สิทธิเสรีภาพต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่น ก็แค่นี้เอง อันนี้ต้องขอร้องว่าให้มีการชุมนุมอย่างสงบ ไม่มีปัญหา
ขอให้เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนให้สูงสุด ส่วนผมก็จะไปทำงานของผมตามปรกติ วันนี้ผมก็ไปจังหวัดตาก ผมไม่ยอมพ่ายแพ้ครับ ถ้าพ่ายแพ้ก็เท่ากับว่า เรากำลังเปิดการเมืองให้กับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียมาบริหารประเทศอย่างนั้นหรือ วันนี้บริหารยากนะไม่ง่ายหรอกครับ ไม่ใช่มาถึงนั่งรอรับรายงาน นั่งเป็นหัวโต๊ะแล้วให้เจ้าหน้าที่เสนอขึ้นมาไม่พอหรอกครับ เราต้องสู้กับต่างประเทศ เราต้องเป็นทั้งคู่แข่งขันและเป็นทั้งพันธมิตรกับต่างประเทศ เราต้องหาเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเพราะเงินประเทศไทยไม่พอหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ เราต้องสร้างความเชื่อถือ เราต้องแก้ปัญหาความยากจน ไปเห็นชีวิตคนจนแล้วท่านจะรู้ ถ้าท่านแน่จริงไปดูชีวิตคนจน ลองไปดูไปสัมผัส ลองไปนอนที่คลองเตยสักวันหนึ่งซิ นั่นคือกลุ่มคนจนเมือง ท่านลองไปต่างจังหวัดไปดูที่ซึ่งคนจนลำบาก
มันมีเรื่องที่จะต้องแก้ไขและต้องทำอีกเยอะ ยาเสพติดถึงแม้จะเอาอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีวิธีการหาช่องทางที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลา จะต้องดูตลอดเวลา เพราะฉะนั้นบรรดาสิ่งที่ผมทำทั้งหลาย ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่อย่าเอาจุดเดียวมาเป็นประเด็นโชว์ว่าผมทำเพื่อตัวเอง เห็นไหมครับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ได้เห็นแล้วว่ามันโตกันทุกคน บางคนโตยิ่งกว่ากลุ่มชินฯ เสียอีก กลุ่มชินฯ ก็โตเท่าๆกับดัชนีโดยเฉลี่ยของธุรกิจ คือ 280 กว่าเปอร์เซ็นต์ตามดัชนีของตลาดหลักทรัพย์
พี่น้องที่เคารพครับ วันนี้ผมใช้เวลาเสียยืดยาวเพื่ออธิบาย เพราะผมไม่อยากให้สิ่งไม่ดีสิ่งที่ถูกบิดเบือนไปในทางที่ไม่ดี เพราะว่าสิ่งที่ผมต้องการทำทั้งหมดนั้น ผมต้องการเป็นอิสระเพื่อที่ผมจะได้ทุ่มเทให้กับบ้านเมืองอย่างเต็มที่ การที่ลูกๆเขาตัดสินใจขายหุ้นก็เป็นอะไรที่ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่สร้างกันมานั้น ในสังคมไทยไม่ค่อยมีใครขายหรอกครับธุรกิจ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะยึดเอาไว้เป็นเรือนตาย เป็นสิ่งที่เสมือนหน้าตา แต่วันนี้เรายอมเสียหน้าตากันก็เพราะว่า อยากเห็นพ่อได้ทุ่มเททำงานให้บ้านเมืองอย่างเต็มที่
ครอบครัวผมไม่เล่นการเมืองครับนักการเมืองทั้งหลาย ผมเล่นการเมืองคนเดียวครับ เพราะฉะนั้นมีอะไรก็เล่นงานผมได้เลย ผมขอบอกกับพี่น้องประชาชนว่าผมจะไม่ยอมพ่ายแพ้ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และที่สำคัญผมไม่ยอมให้พี่น้องประชาชนที่ศรัทธาผม เลือกผม ผิดหวังจากตัวผมอย่างแน่นอน ผมจะมุ่งทำแต่สิ่งที่ดีๆ จะแก้ปัญหาของชาติ จะทำให้ดีที่สุด จะเจาะตลาดใหม่ จะนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศไทยให้มากที่สุด และผมจะดูลูกหลานตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพื่อจะได้มั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นมามีคุณภาพ
สำหรับการเมือง ถ้าไม่สบายใจกันมีอะไรอยากจะแก้ เรามาหันหน้าเข้าหากันมาแก้ด้วยกันไม่ดีหรือ เราคนไทยด้วยกันนะ เรามีพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกันนะ เราหันหน้าเข้าหากันซิ บรรดาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็รู้วิชาของท่าน แต่เรื่องของประเทศมันมีหลายวิชา ท่านอยากจะทำวิจัย ท่านอยากจะมาคุยกันกับผม ท่านรวมตัวมาคุยซิ ท่านก็คือข้าราชการนะ ท่านก็รวมตัวมาคุยซิ อย่าอยู่ๆเขียนจดหมายมาประท้วงบอกให้นายกลาออก ท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชน แต่ถ้าท่านอยากจะพบผมท่านอยากจะมาคุยกับผม ผมไม่ใช่เสือที่ไหนเลยนะ ผมคือมนุษย์ธรรมดา เพราะฉะนั้นเรามาคุยกันได้ทุกฝ่าย
แม้กระทั่งคุณสนธิ มาคุยกันได้หมดทุกคน พรรคประชาธิปัตย์อยากจะปฏิรูปการเมืองมาคุยกันได้ ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกๆคน ผมอยากจะเห็นความปรองดองเกิดขึ้น พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนม์มายุ 79 ในปีนี้ ปีหน้าจะทรงมีพระชนม์มายุ 80 ท่านทรงมีพระชนม์มายุมากแล้ว ท่านทรงตรากตรำเหน็ดเหนือเพื่อคนไทยมามากแล้ว ท่านทรงมีความห่วงใยเรื่องความรัก ความสามัคคี พวกเราลดทิฏฐิหันหน้าเข้าหากัน เพื่อถวายพระเจ้าอยู่หัวไม่ดีหรือ ไหนที่เราบอกกันว่าจงรักภักดี ถ้าจงรักภักดีก็อย่าทำให้ท่านทรงกลุ้มพระทัยเลย หันหน้าเข้าหากันมาคุยกันดีกว่าผมพร้อมจะคุยกับทุกฝ่าย มาคุยกันแบบพี่น้องคนไทยด้วยกัน กรีดเลือดความเป็นไทยมาคุยกันดีกว่า เราจะได้รู้ว่าเราเป็นคนไทยรักแผ่นดิน รักพระเจ้าอยู่หัวอย่างแท้จริง ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกฝ่าย
ครับวันนี้ก็หวังว่าการประชุมวันนี้ จะเป็นไปด้วยความสันติตามระบอบประชาธิปไตย เต็มไปด้วยความหวังดีต่อบ้านเมือง ไม่ใช้อารมณ์และประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ไม่หวังผลทางการเมืองใดๆ แต่หวังอย่างเดียวว่าอยากให้ประเทศชาติดีขึ้น ถ้าอย่างนี้เราคือคนไทยที่รักชาติและรักพระเจ้าอยู่หัวนะครับ
ก็ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับพี่น้องที่ให้การสนับสนุนผม ที่เชียร์ผม บางคนโทรมาร้องไห้ก็มี ซึ่งผมซึ้งมาก อันนี้ล่ะครับที่ทำให้ผมต้องทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เพราะกำลังใจที่ผมได้รับจากพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องคนยากคนจน คนหาเช้ากินค่ำ เขามีความหวัง และผมก็จะต้องทำให้ความหวังของเขาเป็นจริงให้ได้
ก็ขอขอบคุณทุกๆท่านอีกครั้ง และขอขอบคุณท่านที่ไปชุมนุมกันในวันนี้ด้วย ที่จะไปชุมนุมกันด้วยจิตที่ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ลุแก่อารมณ์ของแต่ละคนเท่านั้น หวังว่าประเทศไทยเราคงจะมีความรักความสามัคคี เจริญรุ่งเรืองเพื่อให้พระเจ้าอยู่หัวของเรา ปีนี้เป็นปีครองราชย์ครบ 60 ปี ก็หวังว่าพวกเราจะร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยความปรองดอง ด้วยความจงรักภักดี ความสามัคคี ความทุ่มเท ความศรัทธา ความสุขต่อบ้านเมืองนะครับ เพื่อให้ท่านทรงมีพระชนม์มายุยืนนานตลอดไป
ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนเคารพรักทุกท่าน ที่ได้ติดตามรายการนี้ตลอดมาครับ
ข้อมูลเกี่ยวเนื่องที่มีอยู่บนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
823.
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๑)
(กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวมและเรียบเรียง)
824.
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๒)
(รายการวิทยุ - ทักษิณคุยกับประชาชน - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙)
825. ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๓)
(บทวิเคราะห์ 20 ประเด็นหลัก ในดีลเทคโอเวอร์กลุ่มชินคอร์ป)
826. ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๓)
(ต่อ) (บทวิเคราะห์
20 ประเด็นหลัก)
828.
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๔)
(แก้วสรร อติโพธิ,
คำสารภาพกลางเมืองของนายกฯทักษิณ)
831.
ถังความรู้เกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป(๕)
(มายาภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป)
บทความที่นำเสนอก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
หากนักศึกษาและสมาชิกท่านใตสนใจ
สามารถคลิกไปอ่านได้จากที่นี่...คลิกที่ภาพ
ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3 I สารบัญเนื้อหา
4
ประวัติ
ม.เที่ยงคืน
สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง
e-mail :
midnightuniv(at)yahoo.com
หากประสบปัญหาการส่ง
e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
midnightuniv(at)yahoo.com
ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด
กว่า 800 เรื่อง หนากว่า 11500 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com
สมเกียรติ
ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ
ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com
สำหรับการเมือง ถ้าไม่สบายใจกันมีอะไรอยากจะแก้ เรามาหันหน้าเข้าหากันมาแก้ด้วยกันไม่ดีหรือ เราคนไทยด้วยกันนะ เรามีพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกันนะ เราหันหน้าเข้าหากันซิ บรรดาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็รู้วิชาของท่าน แต่เรื่องของประเทศมันมีหลายวิชา ท่านอยากจะทำวิจัย ท่านอยากจะมาคุยกันกับผม ท่านรวมตัวมาคุยซิ ท่านก็คือข้าราชการนะ ท่านก็รวมตัวมาคุยซิ อย่าอยู่ๆเขียนจดหมายมาประท้วงบอกให้นายกลาออก ท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชน แต่ถ้าท่านอยากจะพบผมท่านอยากจะมาคุยกับผม ผมไม่ใช่เสือที่ไหนเลยนะ ผมคือมนุษย์ธรรมดา เพราะฉะนั้นเรามาคุยกันได้ทุกฝ่าย