ค้นหาบทความที่ต้องการ ด้วยการคลิกที่แบนเนอร์ midnight search engine แล้วใส่คำหลักสำคัญในบทความเพื่อค้นหา
โครงการสื่อเพื่อบริบทสิทธิมนุษยชน: จากชายขอบถึงศูนย์กลาง - Media Project: From periphery to mainstream
Free Documentation License - Copyleft
2006, 2007, 2008
2009, 2010, 2011
2012, 2013, 2014
Everyone is permitted to copy and distribute verbatim copies of
this licene document, but changing
it is not allowed. - Editor

อนุญาตให้สำเนาได้ โดยไม่มีการแก้ไขต้นฉบับ
เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษาทุกระดับ
ข้อความบางส่วน คัดลอกมาจากบทความที่กำลังจะอ่านต่อไป
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๓ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา โดยบทความทุกชิ้นที่นำเสนอได้สละลิขสิทธิ์ให้กับสาธารณะประโยชน์

1

 

 

 

 

2

 

 

 

 

3

 

 

 

 

4

 

 

 

 

5

 

 

 

 

6

 

 

 

 

7

 

 

 

 

8

 

 

 

 

9

 

 

 

 

10

 

 

 

 

11

 

 

 

 

12

 

 

 

 

13

 

 

 

 

14

 

 

 

 

15

 

 

 

 

16

 

 

 

 

17

 

 

 

 

18

 

 

 

 

19

 

 

 

 

20

 

 

 

 

21

 

 

 

 

22

 

 

 

 

23

 

 

 

 

24

 

 

 

 

25

 

 

 

 

26

 

 

 

 

27

 

 

 

 

28

 

 

 

 

29

 

 

 

 

30

 

 

 

 

31

 

 

 

 

32

 

 

 

 

33

 

 

 

 

34

 

 

 

 

35

 

 

 

 

36

 

 

 

 

37

 

 

 

 

38

 

 

 

 

39

 

 

 

 

40

 

 

 

 

41

 

 

 

 

42

 

 

 

 

43

 

 

 

 

44

 

 

 

 

45

 

 

 

 

46

 

 

 

 

47

 

 

 

 

48

 

 

 

 

49

 

 

 

 

50

 

 

 

 

51

 

 

 

 

52

 

 

 

 

53

 

 

 

 

54

 

 

 

 

55

 

 

 

 

56

 

 

 

 

57

 

 

 

 

58

 

 

 

 

59

 

 

 

 

60

 

 

 

 

61

 

 

 

 

62

 

 

 

 

63

 

 

 

 

64

 

 

 

 

65

 

 

 

 

66

 

 

 

 

67

 

 

 

 

68

 

 

 

 

69

 

 

 

 

70

 

 

 

 

71

 

 

 

 

72

 

 

 

 

73

 

 

 

 

74

 

 

 

 

75

 

 

 

 

76

 

 

 

 

77

 

 

 

 

78

 

 

 

 

79

 

 

 

 

80

 

 

 

 

81

 

 

 

 

82

 

 

 

 

83

 

 

 

 

84

 

 

 

 

85

 

 

 

 

86

 

 

 

 

87

 

 

 

 

88

 

 

 

 

89

 

 

 

 

90

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Media Project: From periphery to mainstream
The Midnight University 2009
Email 1: midnightuniv(at)gmail.com
Email 2: [email protected]
Email 3: midnightuniv(at)yahoo.com
บทความวิชาการชิ้นนี้ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ : Release date 12 April 2009 : Copyleft MNU.

่นั่นไม่ใช่เรื่องของความเหนือกว่าอย่างเป็นปกติวิสัย หรือเป็นเรื่องธรรมชาติแต่อย่างใด เกี่ยวกับความคิดที่น่าอดสูเกี่ยวกับเชื้อชาติที่เรียกว่า herrenvolk (master race) หรือที่รู้จักกันในฐานะที่
ว่าเชื้อชาติหนึ่งมีความสูงส่งกว่าเชื้อชาติอื่นๆ และเหมาะสมแล้วที่
จะเป็นผู้ปกครองคนเหล่านั้น ในที่นี้หมายถึงชนชั้นสูงผิวขาว. ใน
ประ เทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเกาหลี, บรรดาจักรวรรดินิยมตะวันตก ทั้งอเมริกา อังกฤษ ฮอล์แลนด์ และฝรั่งเศส หรือชนผิวขาวเหล่านี้ ต่างมีพื้นฐานอยู่บนแนวคิดเกี่ยวกับความเหนือกว่าของชาวยุโรปที่สูงกว่าชนเอเชียน ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง. ในมาลายาและอินโดจีน ลัทธิจักวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศสได้ถูกสั่นคลอนในระดับพื้นฐาน โดยขบวนการอันทรงพลังแห่งการปฏิวัติ

H



12-04-2552 (1717)
"No Easy Walk to Freedom": Presidential Address (1953)
Nelson R. Mandela: ไม่มีหนทางสะดวกในการเดินทางสู่เสรีภาพ
รศ. สมเกียรติ ตั้งนโม: เรียบเรียง

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

บทความวิชาการนี้ สามารถ download ได้ในรูป word

บทแปลปาฐกถานี้ นำมาจากต้นฉบับชื่อ "No Easy Walk to Freedom"
แสดงโดย เนลสัน แมนเดลา เมื่อกว่าห้าสิบปีที่แล้ว ช่วงที่เขาได้เข้าร่วมงานกับ

สมัชชาแห่งชาติแอฟริกา เพื่อต่อสู้กับนโยบายอันไม่เป็นธรรมของรัฐบาลคนขาว
ของแอฟริกาใต้ และนโยบายการแบ่งแยกสีผิว ซึ่งทำให้ชนแอฟริกันต้องอยู่ในกองทุกข์
แห่งการกดขี่ ถูกปล้นชิงสิทธิต่างๆ ในความเป็นมนุษย การทำงานอยู่ในสภาพย่ำแย่
ความเป็นอยู่ที่ทรุดโทรม และปราศจากการดูแลด้านสุขภาพ

บทความบนหน้าเว็บเพจนี้ ประกอบด้วยเนื้อหา ๒ ส่วน
๑. ปาฐกถานำ ของ เนลสัน แมนเดลา "ไม่มีหนทางสะดวกในการเดินทางสู่เสรีภาพ"
๒. ภาคผนวก: ประวัติของเนลสัน แมนเดลา
(บทความนี้จัดอยู่ในหมวด "สิทธิมนุษยชนแอฟริกันศึกษา")
สนใจส่งบทความเผยแพร่ ติดต่อมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: midnightuniv(at)gmail.com

บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความทุกชิ้นที่เผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้ ยินดีสละลิขสิทธิ์เพื่อมอบเป็นสมบัติ
ทางวิชาการแก่สังคมไทยและผู้ใช้ภาษาไทยทั่วโลก ภายใต้เงื่อนไข้ลิขซ้าย (copyleft)
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๗๑๗
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ ๑๒ หน้ากระดาษ A4)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"No Easy Walk to Freedom": Presidential Address (1953)
Nelson R. Mandela: ไม่มีหนทางสะดวกในการเดินทางสู่เสรีภาพ
รศ. สมเกียรติ ตั้งนโม: แปลและเชิงอรรถ

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
บทความวิชาการนี้ สามารถ download ได้ในรูป word

ปาฐกถา Nelson R. Mandela
"No Easy Walk to Freedom"
Presidential Address (1953)

นับจากปี ค.ศ.1912, ปีแล้วปีเล่าหลังจากนั้น ในบ้านเกิดของพวกเราและในพื้นที่ชนบท ในการปะชุมระดับจังหวัดและระดับชาติ บนขบวนรถไฟและบนรถโดยสาร ในโรงงานและในท้องนา ในเมืองและในหมู่บ้าน ตามชุมชนเมืองที่มีสภาพโกโรโกโส ตามโรงเรียนและคุกจองจำทั้งหมด ชนแอฟริกันทั้งหลายต่างมีการพูดคุยกันถึงการกระทำอันป่าเถื่อนและน่าอับอายของคนเหล่านั้นที่ปกครองประเทศของพวกเรา. ปีแล้วปีเล่า พวกเราได้ส่งเสียงตะโกนและกร่นด่าถึงความยากจนข้นแค้น ค่าแรงต่ำ ความขาดแคลนที่ทำกินอย่างรุนแรง การตักตวงผลประโยชน์อันปราศจากสำนึกความเป็นมนุษย์ และนโยบายทั้งปวงของคนขาวที่ครอบงำพวกเรา. แทนที่จะมีอิสรภาพมากขึ้น กลับกลายเป็นการกดขี่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นโดยลำดับและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่า การสังเวยของพวกเราทั้งหมด จะจบลงด้วยการเป็นเพียงฝุ่นควันเท่านั้น

ทุกวันนี้ ผู้คนในประเทศเราทั้งหมดต่างรู้ดีว่า เรี่ยวแรงของพวกเราที่ทุ่มเทไป มิได้เปล่าประโยชน์ไปเสียทีเดียว สำหรับจิตวิญญาณและความคิดใหม่ๆ มันได้ยึดจับผู้คนของเราเอาไว้ ทุกวันนี้เรากำลังพูดด้วยภาษาของการกระทำ กล่าวคือ การตื่นขึ้นมาอย่างมีพลังอันแกล้วกล้า ท่ามกลางผู้หญิงและผู้ชายในประเทศเรา และในปี 1952 พวกเราได้ลุกขึ้นยืนตัวตรงในฐานะเป็นปีแห่งการเพิ่มพูนความสำนึกแห่งความเป็นชาติ

ในเดือนมิถุนายน 1952 สมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน และสมัชชาแอฟริกันอินเดียนตอนใต้ (the African National Congress and the South African Indian Congress) ได้ตรึกตรองถึงความรับผิดชอบของพวกเขา ในฐานะตัวแทนของผู้ถูกกดขี่ของประชาชนแอฟริกาใต้ โดยได้เริ่มงานในช่องทางที่ก้าวหน้าเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อการท้าทายกฎหมายที่อยุติธรรมต่างๆ เริ่มต้นจากชั่วโมงเช้าของวันที่ 6 มิถุนายนที่ท่าเรือ Port Elizabeth (*) จากผู้ท้าทายเพียง 33 คนที่เป็นผู้ก่อการ และถัดจากนั้นในเมืองโจฮันเนสเบริก ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ด้วยคนนับร้อยและผู้แข็งขืนเพียง 6 คน ที่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ รุกลามไปทั่วประเทศดุจไฟลามทุ่ง บรรดาผู้คนในโรงงานและคนงานในสำนักงาน หมอ นักกฎหมาย ครู-อาจารย์ นักศึกษา และบาทหลวง; แอฟริกันชน คนผิวสี คนอินเดีย และชาวยุโรป ทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่ ทั้งหมดต่างระดมกันมาเพื่อเรียกร้องและการรณรงค์ระดับชาติ คนเหล่านี้ต่างแข็งขืนการผ่านกฎหมายและการประกาศเคอร์ฟิว รวมไปถึงข้อบังคับต่างๆ ของการรถไฟที่มีการแบ่งแยกสีผิว

(*) Port Elizabeth or known as Nelson Mandela Bay is a city in South Africa, situated in the Eastern Cape Province, 770km east of Cape Town. The city, often shortened to PE and nicknamed "The Friendly City" or "The Windy City", stretches for 16km along Algoa Bay, and is one of the major seaports in South Africa.

Port Elizabeth was founded as a town in 1820 to house British settlers as a way of strengthening the border region between the Cape Colony and the warlike Xhosa tribe. It now forms part of the Nelson Mandela Bay Metropolitan Municipality which has a population of over 1 million.

และในปลายปีนั้น ผู้คนมากกว่า 8 พันคน ทุกเชื้อชาติได้ออกมาท้าทายและขัดขืน. การรณรงค์ในห้วงเวลาดังกล่าวได้เรียกร้องให้มีการเสียสละและอุทิศตนอย่างถึงที่สุดและโดยทันที. บรรดาคนงานต้องสูญเสียงานของพวกเขาไป หัวหน้าคนงานและครูอาจารย์ได้ถูกไล่ออกจากงาน บรรดาหมอ นักกฎหมาย และนักธุรกิจทั้งหลายต่างผละจากงานของพวกเขาเดินเข้าสู่ประตูคุก. การแข็งขืนท้าทายถือเป็นก้าวย่างหนึ่งของนัยสำคัญทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ มันได้ปลดปล่อยพลังที่เข้มแข็งทางสังคมออกมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อต่อผู้คนนับพันนับหมื่นในประเทศเรา มันเป็นวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพที่นำพามวลชนไปสู่บทบาทหน้าที่ในทางการเมือง

วิธีการอันทรงพลังของการส่งเสียงด้วยความเกรี้ยวกราดของพวกเรา ต่อนโยบายปฏิกริยาขวาจัดของรัฐบาล ถือเป็นหนึ่งในหนทางที่ดีที่สุดซึ่งได้สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อรัฐบาล และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของชนชั้นปกครอง มันได้สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นประชากรของเราจากการเป็นผู้พ่ายแพ้และความเป็นชุมชนทาสในแบบ"ครับนาย" ไปสู่การเป็นผู้แกว่นกล้า แข็งขืน และไม่ประนีประนอม ดุจเพื่อนผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน

ทั่วทั้งประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปสู่สนามรบ ที่ซึ่งเสรีภาพได้พันธนาการกับความขัดแย้งที่ไม่มีวันตาย กับผู้คนเหล่านั้นที่เป็นพวกปฏิกิริยาขวาจัดและชั่วร้าย ธงของเราได้โบกสะบัดไปทุกสนามรบและประชาชนของประเทศนับพันๆ คน ได้ตีโต้สวนกลับไปทั่วประเทศ พวกเราคือผู้เริ่มต้น และอำนาจของอิสรภาพกำลังแผ่ซ่านไปทั่วตามแนวหน้าที่มีการเผชิญหน้าทั้งหมด ด้วยเบื้องหลังอันนี้และการต่อสู้เพื่อเป้าหมายอันสูงส่ง เราได้จัดให้มีการประชุมในระดับจังหวัดประจำปีครั้งสุดท้ายที่ปรีโตเรีย จากวันที่ 10-12 ตุลาคมในปีท้ายสุดนั้น. ในด้านหนึ่ง การประชุมคราวนั้น ถือเป็นการต้อนรับขับสู้ผู้คนที่หวนกลับมาจากสนามรบอย่างอบอุ่น และเป็นการบอกลาต่อผู้คนซึ่งยังจะคงก่อการต่อไป จิตวิญญาณของความเข้มแข็ง ท้าทาย และการกบฎ ได้ครอบครองบรรยากาศตลอดการชุมนุม

ทุกวันนี้พวกเราพบปะกันภายใต้เงื่อนไขและบรรยากาศที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยปลายเดือนกรกฎาคมเมื่อปีที่แล้ว การรณรงค์ต่อสู้ได้มาถึงขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งเราได้ถูกกำราบปราบปรามโดยรัฐบาลที่ต้องการกำหนดนโยบายของตนเองขึ้นมาแต่เพียงผู้เดียวสำหรับประเทศนี้. รัฐบาลเริ่มรุกรานตอบโต้และจู่โจมฝ่ายเรา ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วและจนถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ สมาชิกแกนนำ 47 คน ทั้งจากที่ชุมนุมในโจฮันเนสเบริก, ท่าเรืออลิสซาเบช, และคิมเบอเล่ พวกเราต่างถูกจับกุม มีการไต่สวนและพิสูจน์ว่าเป็นผู้ทำความผิดในฐานณรงค์ท้าทาย ขัดขืน และได้ถูกลงโทษตามความผิดที่ก่อไว้ เรียงลำดับจากโทษจองจำ 3 เดือนไปจนกระทั่งถึง 2 ปี บนเงื่อนไขที่พวกเราไม่อาจร่วมมือกันได้อีกในการแข็งขืนต่อกฎหมายอันอยุติธรรม

ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ประกาศทางการฉบับหนึ่งได้ถูกผ่านออกมา ซึ่งสั่งห้ามแอฟริกันชนพบปะกันเกินกว่า 10 คนขึ้นไป หากฝ่าฝืนถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประกาศนี้ ซึ่งทำให้ชนแอฟริกันลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจรัฐ. การฝ่าฝืนต่อคำสั่งนี้ แน่นอนจะต้องถูกลงโทษจำคุกอย่างน้อย 3 ปี และต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 3 ร้อยปอนด์. ในเดือนมีนาคมปีนี้ รัฐบาลได้ผ่านกฎหมายที่เรียกว่า พรบ.ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งได้ให้อำนาจกับรัฐในการประกาศภาวะฉุกเฉิน และสร้างเงื่อนไขต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีเข้าปราบปรามการเคลื่อนไหวของพวกเรา. เกือบจะโดยพร้อมกัน การแก้ไขกฎหมายอาชญากรรมได้ถูกผ่านออกมาเช่นกัน ซึ่งได้ตระเตรียมการลงโทษอย่างรุนแรงกับบรรดาผู้ที่กระทำความผิดในฐานะเป็นผู้ท้าทาย, พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการเฆี่ยนตีผู้ขัดขืนรวมกระทั่งผู้หญิงด้วย

ที่ประชุมสมัชชาตระหนักว่า มาตรการข้างต้นได้สร้างสถานการณ์ใหม่อันหนึ่งขึ้นมา ซึ่งจะไม่อาจเอาชนะได้ด้วยการรณรงค์ที่เคยเกิดขึ้นเช่นเดือนกรกฎาคม 1952. กระแสของการท้าทายจะลดน้อยถอยลง และพวกเราถูกบีบบังคับให้ช้าลงเพื่อไตร่ตรองเกี่ยวกับสถานการณ์ใหม่อันนี้. เราต้องวิเคราะห์ถึงอันตรายต่างๆ ที่เผชิญหน้ากับเรา และวางแผนเพื่อจะเอาชนะพวกเขา พร้อมทั้งพัฒนาวิธีการใหม่ๆ เกี่ยวกับการต่อสู้ทางการเมือง. การเคลื่อนไหวทางการเมืองจักต้องสัมพันธ์กับความเป็นจริง และอยู่บนเงื่อนไขที่ได้เปรียบหรือเหนือกว่า

สุนทรพจน์อันยืดยาว การชูกำปั้น การทุบโต๊ะ และถ้อยคำปฏิวัติที่รุนแรง ดูเหมือนว่าจะไม่สัมพันธ์กับเงื่อนไขความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนี้ และจะไม่นำไปสู่การก่อการของมวลชน. ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อองค์กรและการต่อสู้ของพวกเราที่เรารับใช้ได้. มวลชนทั้งหลายจะต้องเตรียมตัวและพร้อมพรักกับรูปแบบใหม่ๆ ในการต่อสู้ทางการเมือง เราต้องฟื้นความเข้มแข็งและรวบรวมพลังสำหรับการสร้างความขุ่นแค้นอย่างมีประสิทธิภาพกับศัตรูของเราให้มากขึ้น การมุ่งหน้าไปอย่างมืดบอดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น จะเป็นการฆ่าตัวตายและเป็นความโง่เขลาเอามากๆ สำหรับการต่อสู้ของพวกเรา

เงื่อนไขที่พวกเราเผชิญหน้าทุกวันนี้มันต่างออกไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ กับการรณรงค์ท้าทายที่สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียว ซึ่งมันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว วิธีการเก่าๆ อันนำมาซึ่งการก่อการของมวลชนผ่านการพบปะกับประชาชน แถลงการณ์และการแจกใบปลิวเพื่อปลุกให้มวลชนลุกขึ้นสู้ กลายเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งและยากที่จะบรรลุผลได้. เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะไม่ยินยอมอย่างง่ายๆ ให้มีการชุมนุมกันภายใต้ฤกษ์งามยามดีของสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน (African National Congress - ANC) (*) มีหนังสือพิมพ์เพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้นที่ยอมตีพิมพ์แถลงการณ์ที่เปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และแทบจะเหลือสำนักพิมพ์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งยินดีตีพิมพ์ใบปลิวต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้คนงานทั้งหลายออกแรงกันมากขึ้นอย่างแข็งขัน ทั้งนี้เพราะพวกเขาต่างหวาดกลัวต่อการถูกดำเนินคดีภายใต้ พรบ.การปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ และมาตรการต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันนี้

(*) The African National Congress (ANC) has been South Africa's governing party, supported by its tripartite alliance with the Congress of South African Trade Unions (COSATU) and the South African Communist Party (SACP), since the establishment of non-racial democracy in May 1994. It defines itself as a "disciplined force of the left".[2] Members founded the organization as the South African Native National Congress (SANNC) on 8 January 1912 in Bloemfontein to increase the rights of the black South African population. John Dube, its first president, and poet and author Sol Plaatje are among its founding members. The organization became the ANC in 1923 and formed a military wing, the Umkhonto we Sizwe (Spear of the Nation) in 1961.

It has been the ruling party of post-apartheid South Africa on the national level since 1994. It gained support in the 1999 elections, and further increased its majority in 2004.

พัฒนาการใหม่ๆ หลายอย่างต้องวิวัฒน์ขึ้นในรูปแบบใหม่ของการต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งจะทำให้มันมีความสมเหตุสมผลสำหรับเราที่จะดิ้นรนต่อสู้อย่างเป็นรูปธรรม ในระดับที่สูงกว่าการรณรงค์ท้าทายอย่างที่ผ่านมา รัฐบาลจะต้องตกตื่นกับการเพิ่มขึ้นของสำนึกระดับชาติที่ไม่อาจเอาชนะได้ ซึ่งบัดนี้ พวกเขากำลังกระทำทุกสิ่งด้วยพลังอำนาจที่มีอยู่ เพื่อบดขยี้ขบวนการเคลื่อนไหวของพวกเรา โดยการปลดผู้แทนที่ชาญฉลาดของประชาชนจากองค์กรต่างๆ

ขณะเดียวกัน เงื่อนไขความเป็นอยู่ของผู้คนได้เดินเข้าสู่สถานการณ์ที่ยุ่งยากอย่างไม่อาจหวนคืน และมีแนวโน้มว่ากำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจทนทานต่อไปได้ อำนาจการซื้อของมวลชนกำลังเสื่อมถอย และต้นทุนของความเป็นอยู่กำลังสูงขึ้นมากอย่างฉับพลัน ตอนนี้ขนมปังเป็นที่รักมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเมื่อสองเดือนที่แล้ว ราคาเนื้อสัตว์ นม และผัก ต่างมีราคามากกว่าเงินในกระเป๋าของครอบครัวผู้คนโดยเฉลี่ย และคนจำนวนมากในหมู่พวกเราไม่สามารถหามันมาได้ ประชาชนยากจนเกินกว่าจะมีอาหารเพียงพอสำหรับการบริโภคและป้อนให้กับคนในครอบครัวและพวกเด็กๆ, พวกเขาไม่อาจหาเครื่องนุ่งห่มมาได้อย่างเพียงพอ และขาดแคลนที่อยู่อาศัยรวมทั้งยารักษาโรค

พวกเขาถูกปฏิเสธสิทธิความมั่นคงของชีวิต ด้วยสาเหตุอันเนื่องมาจากการถูกเลิกจ้าง ความป่วยไข้ การไร้ความสามารถ ความชราภาพ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังดำรงอยู่ พวกเขาเป็นพวกที่ด้อยโอกาสอย่างรุนแรง และเป็นสิ่งธรรมชาติที่ไร้ประโยชน์ เนื่องมาจากการขาดเสียซึ่งความเอาใจใส่ดูแลด้านสุขภาพอย่างเหมาะสม ผู้คนของเราจึงถูกทำลายล้างโดยโรคต่างๆ ที่น่ากลัว เช่น วัณโรค กามโรค โรคเรื้อน โรคขาดวิตามินบี และการตายตั้งแต่วัยแรกเกิดซึ่งเพิ่มสูงขึ้น

งบประมาณชาติเมื่อเร็วๆ นี้ได้เพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้กับชนยุโรปในแอฟริกา สำหรับต้นทุนความเป็นอยู่ที่สูงขึ้น แต่คำพูดนี้ไม่ได้กล่าวถึงคนยากจนที่สุด และภาคส่วนของประชากรซึ่งเลวร้ายอย่างสุดๆ นั่นคือคนแอฟริกันผิวดำ. นโยบายที่ลำเอียงและออกจะวิกลจริตของรัฐบาลนี้ ได้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่อาจปะทุขึ้นเมื่อใดก็ได้ และหากมันระเบิดขึ้น ก็จะทำให้เงินทุนต่างชาติถอนตัวไปจากแอฟริกาใต้ พร้อมก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินตามมา ซึ่งปัจจุบันมันกำลังจะผ่านพ้นไปจากประเทศนี้ แต่ต้องทำให้เกิดแรงบีบคั้นให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องกังวลใจกับการปิดตัวเอง ด้วยเหตุนี้ บรรดาโรงงานต่างๆ จึงหันมาปลดคนงานและเลิกจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้มันกำลังเติบโตขึ้นทุกวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานในไร่น่า พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายและน่ากลัวมาก บางทีเราอาจหวนคิดถึงความจริงและการเปิดเผยเกี่ยวกับสภาพเงื่อนไขกึ่งทาสในไร่ Bethal (*) ที่สร้างขึ้นในปี 1948. คุณอาจหวนรำลึกถึงผู้คนว่าจะมีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร เมื่อพวกเขาต้องสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ ซึ่งนำมาเจาะรูสวมลงไปที่คอและแขน คนเหล่านี้ไม่เคยได้รับอาหารเพียงพอ หลับนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์ในคืนที่หนาวเย็น ซึ่งมีแต่เพียงเสื้อผ้ากระสอบไว้คลุมร่างกายอันสั่นเทาของพวกเขาเท่านั้น

(*) Bethal is a small farming town in Mpumalanga, South Africa. The farms in the region produce maize, sunflower seeds, sorghum, rye and potatoes.

คุณคงจำได้ว่า พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่ และเริ่มทำงานในท้องนาพร้อมกับผู้คุมที่คอยทำหน้าที่เฆี่ยนตี แรงงานหล่านั้นพยายามยืดหลังพวกเขาให้ตรง ทั้งที่ร่างกายอ่อนแอและต้องล้มลงอันเนื่องมาจากความหิวโหย พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย คุณอาจนึกถึงเรื่องราวของผู้คนที่ต้องตรากตรำทำงานอย่างน่าสงสาร นับจากชั่วโมงที่เช้ามากยามรุ่งอรุณไปจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาได้รับอาหารเพียงขนมปังที่ทำจากข้าวโพด ที่จัดให้บนผ้ากระสอบเก่าๆ สกปรก ซึ่งปูลาดลงบนพื้นและต้องกินอาหารด้วยมือเปล่า และเมื่อยามเจ็บป่วยก็ไม่เคยได้รับการดูแลรักษาแต่อย่างใด คุณอาจจะรำลึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิวัติของชาวนาคนหนึ่ง ซึ่งถูกพิสูจน์ว่ามีความผิด ขาของชาวนาคนนั้นถูกล่ามติดกับต้นไม้พร้อมทั้งถูกเฆี่ยนตีจนตาย ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ร้องขอน้ำดื่มด้วยความกระหาย แต่ได้รับน้ำเดือดกรอกปาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้สูญสลายหายไปนานแล้วจากหลายภาคส่วนของโลก แต่มันยังคงอยู่ในแอฟริกาใต้ในทุกวันนี้. ไม่มีใครปฏิเสธว่าพวกเขาได้สร้างความท้าทายที่จริงจังขึ้นมาในสมัชชา และพวกเรามีพันธกิจที่จะค้นหาวิธีการเยียวยาสำหรับการกระทำอันน่ารังเกียจและน่าสะอิดสะเอียนนี้

รัฐบาลได้นำเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับสภาแรงงานท้องถิ่น และร่างกฎหมายการศึกษาชนเผ่าบันตู. รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน Ben Schoeman ได้เอ่ยถึงร่าง พรบ.แรงงานอย่างเปิดเผยว่า จุดประสงค์ของมาตรการอันเยี่ยมยอดนี้ ก็คือ เพื่อบีบคั้นสหภาพแรงงานจนถึงที่สุด. โดยห้ามให้มีการสไตร์คและสามารถปิดโรงงานต่างๆ ได้ มันเป็นการปลดอาวุธชาวแอฟริกัน ซึ่งแรงงานเหล่านั้นต้องการที่จะปรับปรุงสถานภาพของตนเองให้ดีขึ้น. จุดมุ่งหมายของมาตรการนี้ก็คือ ต้องการทำลายสหภาพแรงงานแอฟริกันที่มีอยู่ลง (ซึ่งสหภาพแรงงาน ถูกควบคุมโดยบรรดาคนงานด้วยกันเอง บรรดาแรงงานต้องการต่อสู้เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ ในการทำงานของพวกเขา) โดยการหวนกลับไปสู่คณะกรรมการแรงงานท้องถิ่นแห่งชาติที่ควบคุมโดยรัฐบาล และเพื่อจะใช้มาตรการนี้ทำลายความมุ่งมาดปรารถนาอันชอบธรรมของแรงงานแอฟริกัน

รัฐมนตรีกระทรวงกิจการท้องถิ่น Verwoerd, ก็ได้ให้คำอธิบายเพื่อความกระจ่างชัดอย่างหยาบคายเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของร่างกฎหมายการศึกษาของชาวบันตู เขากล่าวว่า จุดมุ่งหมายของกฎหมายฉบับนี้ก็คือ เพื่อสั่งสอนเด็กๆ ของพวกเราซึ่งเป็นคนขาว โดยการทำให้ชาวแอฟริกันด้อยกว่าชาวยุโรป การศึกษาของชาวแอฟริกันจะต้องถูกดึงออกจากมือของครูที่สอนหนังสืออย่างเท่าเทียม หรือให้ความเสมอภาคระหว่างชนผิวขาวและผิวดำ. เมื่อร่าง พรบ.ฉบับนี้ผ่านออกมาเป็นกฎหมาย ก็จะไม่ใช่สิทธิของพ่อแม่หรือผู้ปกครองอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของกรมกิจการท้องถิ่นซึ่งจะตัดสินใจว่า เด็กแอฟริกันคนใดควรได้รับการศึกษาในด้านใดในชั้นที่สูงขึ้น หรืออาจไม่จำเป็นต้องได้รับการศึกษาอีกต่อไป. เกือบเป็นที่แน่นอนว่า จะเป็นการดีที่ลูกๆ ของพวกที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และพวกที่ชอบต่อสู้กับนโยบายต่างๆ ของรัฐ ควรถูกสอนให้รู้จักการเจาะหินในเหมืองใต้ดิน และทำไร่มะเขือเทศในพื้นที่เกษตรของ Bethal. สำหรับการศึกษาขั้นสูง จะจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับบรรดาลูกหลานของครอบครัวที่มีขนบจารีตที่ยินยอมให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับชนชั้นปกครองทั้งหลาย

ท่าทีและทัศนคติของสมัชชาฯ ต่อร่าง พรบ.เหล่านี้ เป็นไปอย่างชัดเจนและไม่คลุมเครือ สมัชชาฯ ปฏิเสธร่าง พรบ.ทั้งสองฉบับนี้อย่างไม่มีเยื่อใย การประชุมในระดับจังหวัดล่าสุดได้มีการประณามร่าง พรบ.แรงงานที่เสนอขึ้นมานี้ ในฐานะที่เป็นมาตรการหนึ่งซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อปล้นชิงสิทธิสากล เกี่ยวกับหลักการสหภาพแรงงานเสรีของแรงงานแอฟริกัน และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการขุดเซาะทำลายการดำรงอยู่ของสหภาพแรงงานด้วย. การประชุมยังได้เรียกร้องให้บรรดาแรงงานแอฟริกันต่อมาเพื่อให้พวกเขาคว่ำบาตรและท้าทายอำนาจอันชั่วร้าย สิ่งอัปมงคลที่ได้รับการคาดว่าจะเป็นการตักตวงผลประโยชน์จากแรงงานแอฟริกัน. สำหรับใครก็ตามที่ให้การยอมรับมาตรการอันโหดร้ายป่าเถื่อนนี้ แม้แต่ในพฤติกรรมที่เหมาะสม จะถือว่าเป็นการทรยศต่อมวลชนทั้งหลายที่ต้องทำงานตรากตรำอย่างหนัก

ในช่วงเวลานั้น บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมที่จริงใจทั้งหมดต่างต่อสู้อย่างไม่ลดละและเปิดเผย ที่จะให้การยอมรับในสหภาพแรงงาน และมีความตระหนักเกี่ยวกับหลักการที่ว่า ทุกๆ คนมีสิทธิที่จะก่อตั้งและเข้าร่วมกับสหภาพแรงงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา เราได้ประกาศถึงความเชื่อมั่นในหลักการซึ่งปรากฏชัดแจ้งอยู่ในคำประกาศสิทธิมนุษยชนสากลที่ว่า "ทุกคนมีสิทธิในการศึกษา" กล่าวคือ การศึกษาจะต้องพัฒนาบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างเต็มที่ และสร้างความเข้มแข็งในการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและพื้นฐานอิสรภาพต่างๆ. มันจะให้การส่งเสริมความเข้าใจ ความอดทนอดกลั้น และมีมิตรภาพในท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ศาสนาต่างกันอย่างไรก็ตาม และจะให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ขององค์การสหประชาชาติในการธำรงรักษาสันติภาพ. บรรดาพ่อแม่มีสิทธิที่จะเลือกประเภทของการศึกษา ที่จะมอบให้กับลูกๆ ของพวกเขาอย่างเต็มที่

ผลลัพธ์ที่สั่งสมจากมาตรการบังคับเหล่านี้ทั้งหมด จะคอยค้ำยันและทำให้นโยบายจอมปลอมและเน่าเปื่อยของพวกคนขาวและชนชั้นสูงมีความมั่นคงต่อไป ทัศนคติของรัฐบาลที่มีต่อพวกเราคือ สยบพวกนี้ด้วยกระบองและกระบอกปืน พร้อมกระทืบซ้ำให้พวกมันอยู่ใต้ฝ่าเท้า (Let's beat them down with guns and batons and trample them under our feet) และเราจะต้องพร้อมพรักที่จะจ่อมจมประเทศนี้อยู่ใต้กองเลือด หากว่ามันเป็นช่องทางเดียวหรือโอกาสอันน้อยนิดของการธำรงรักษาคนขาวชั้นสูงเอาไว้

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของความเหนือกว่าอย่างเป็นปกติวิสัยหรือเป็นธรรมชาติแต่อย่างใด เกี่ยวกับความคิดที่เรียกว่า herrenvolk (master race) (*) หรือที่รู้จักกันในฐานะซึ่งเชื่อกันว่า เชื้อชาติหนึ่งมีความสูงส่งกว่าเชื้อชาติอื่นๆ และเหมาะสมแล้วที่จะเป็นผู้ปกครองคนเหล่านั้น ในที่นี้หมายถึงชนชั้นสูงผิวขาว. ในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเกาหลี, บรรดาจักรวรรดินิยมตะวันตก ทั้งอเมริกา อังกฤษ ฮอล์แลนด์ และฝรั่งเศส หรือชนผิวขาวเหล่านี้ ต่างมีพื้นฐานอยู่บนแนวคิดเกี่ยวกับความเหนือกว่าของชาวยุโรปที่สูงกว่าชนเอเชียน ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด. ในมาลายาและอินโดจีน ลัทธิจักวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศสได้ถูกสั่นคลอนในระดับพื้นฐาน โดยขบวนการอันทรงพลังแห่งการปฏิวัติและขบวนการเสรีนิยมแห่งชาติทั้งหลาย. ในแอฟริกา ผู้คนแอฟริกันราว 190,000,000 ล้านคน ได้ทำการต่อสู้กับชาวยุโรป 4,000,000 คน

(*) The master race (German: die Herrenrasse, das Herrenvolk) was a concept in Nazi ideology, which holds that the Germanic (including the Nordic peoples) represent an ideal and "pure race". It derives from 19th century racial theory, which posited a hierarchy of races placing Jews at the bottom of the hierarchy while Northern Europeans (namely the Germanic peoples in particular) at the top.

ทั่วแผ่นผืนทวีปกำลังโกรธแค้นและไม่พอใจ มีการปฏิวัติอันทรงพลังปะทุขึ้นมาแล้วในแถบ Gold Coast, ไนจีเรีย, เคนย่า, โรห์ดิเซีย และแอฟริกาใต้ ผู้คนที่ถูกกดขี่และบรรดาผู้กดขี่ทั้งหลายต่างอยู่ในภาวะขัดแย้งทะเลาะกันรุนแรง วันเวลาของการคิดบัญชีระหว่างพลังของอิสรภาพ กับคนเหล่านั้นซึ่งเป็นพวกปฏิกริยาฝ่ายขวามิได้ไกลเกินไปนัก ข้าพเจ้ามิได้แคลงใจเลยสักนิดว่า เมื่อห้วงเวลานั้นมาถึง ความจริงและความยุติธรรมจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ

การปราบปรามอย่างรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้น และการใช้วิธีการสั่งห้ามอย่างกว้างขวางต่างๆ เป็นมาตรการที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อตรึงบรรดาคนงานที่กระตือรือร้นทุกคน และเพื่อหยุดยั้งตรวจสอบขบวนการเสรีภาพแห่งชาติ ตั้งแต่นี้ไปโดยตลอดจะเป็นวันเวลาที่บรรดาผู้กดขี่นำเอากฎหมายชั่วร้ายและแข็งกร้าวมาใช้เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและความสงบเอาไว้ นโยบายต่างๆ เกี่ยวกับเชื้อชาติของรัฐบาลจะคอยยุแหย่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผู้คนทั้งมวลที่มีเจตจำนงที่ดี และมันจะกระตุ้นความโกรธแค้นซึ่งอยู่ลึกที่สุดของพวกเราให้ตื่นขึ้นมา ความรู้สึกทั้งหลายของผู้คนที่ถูกกดขี่ไม่เคยขมขื่นไปมากกว่านี้ ถ้าพวกชนชั้นปกครองแสวงหาหนทางที่จะรักษาไว้ซึ่งสถานะ และตำแหน่งที่สูงส่งของพวกเขาไว้ด้วยวิธีการอันโหดร้ายป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม เมื่อนั้นความขัดแย้งระหว่าง "อำนาจแห่งอิสรภาพ" กับ "บรรดาพวกปฏิกริยา" ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน สภาพการณ์อันเลวร้ายและรุนแรงของผู้คนได้บังคับให้พวกเขาต้องลุกขึ้นสู้ และต่อต้านกับนโยบายที่เหม็นเน่าดั่งซากศพของกลุ่มแก๊งต่างๆ ที่ปกครองประเทศของพวกเรา


ปาฐกถาของ"เนลสัน แมนเดลา" ปี ค.ศ.1953 นี้ นำมาจาก…

http://www.thirdworldtraveler.com/Human%20Rights%20Documents/Mandela_NoEasyWalk.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภาคผนวก
ประวัติของเนลสัน แมนเดลา

เนลสัน แมนเดลา ถือกำเนิดที่ Transkei (*), แอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 1918 พ่อของเขา Henry Mandela คือหัวหน้าเผ่าเทมบู สำหรับตัวแมนเดลาเองได้รับการศึกษาที่ University College of Fort Hare และ the University of Witwatersrand และได้รับปริญญาทางด้านกฎหมายในปี ค.ศ.1942. เขาได้เข้าร่วมงานกับสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน(the African National Congress - ANC) ในปี 1944 และเข้าร่วมการต่อสู้ เพื่อต่อต้านนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับการแบ่งแยกสีผิวของพรรคชาตินิยมของรัฐบาล (National Party) (**) หลังจากปี 1948. เขาได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในข้อหากบฎในปี 1956-1961 และได้รับการพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์ในปี 1961

(*) The Transkei-which means "the area beyond the Kei River"-is a region situated in the Eastern Cape of South Africa. The Transkei has many rivers flowing from the mountains to the oceans, so unlike much of South Africa, it is relatively unscathed by drought.

(**) The National Party (Afrikaans: Nasionale Party) (with its members sometimes known as Nationalists or Nats) was the governing party of South Africa from June 4, 1948 until May 9, 1994, and was disbanded in 2005. Its policies included apartheid, the establishment of a republic, and the promotion of Afrikaner culture. Since 1994 the party has been involved in conservative politics but was dissolved and reunited into the New National Party, which then merged with the African National Congress in 2005. A party with the same name and sharing the principles of F.W. De Klerk's National Party of the early 1990s was established in September 2008.

หลังจากรัฐบาลได้สั่งห้ามพรรค ANC ทำกิจกรรมทางการเมือง, เนลสัน แมนเดลา ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับการก่อตั้งปีกเยี่ยวสายทหารเข้ามาในพรรค ANC. ในเดือนมิถุนายน 1961 พรรค ANC ได้พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอของเขา โดยการใช้ประโยชน์กลยุทธ์ความรุนแรงและเห็นพ้องว่า บรรดาสมาชิกเหล่านั้นซึ่งประสงค์ที่จะผูกพันตัวของพวกเขาเข้ากับการรณรงค์ต่อสู้ของแมนเดลา ไม่ควรจะถูกยับยั้งการกระทำดังกล่าวโดยพรรค ANC. อันนี้ได้น้อมนำไปสู่การก่อตั้งขบวนการ Umkhonto we Sizwe (*) หรือในภาษาอังกฤษ Spear of the Nation (หัวหอกแห่งชาติ-แนวหน้าแห่งชาติ) ซึ่งเป็นพวกสายเหยี่ยว

(*) Umkhonto we Sizwe (or MK), translated "Spear of the Nation," was the active military wing of the African National Congress in cooperation with the South African Communist Party in their fight against the South African apartheid government. MK launched its first guerrilla attacks against government installations on 16 December 1961. It was subsequently classified as a terrorist organisation by the South African government and media, and banned.

แมนเดลาถูกจับกุมในปี 1962 และได้รับโทษคุมขังเป็นเวลา 5 ปีด้วยการตรากตรำทำงานหนัก. ต่อมาในปี 1963 สหายนำจำนวนมากของพรรค ANC และผู้นำหัวหอกแห่งชาติได้รับการจับกุมเช่นกัน แมนเดลาได้ถูกนำไปสู่คอกจำเลยในการไต่สวนพร้อมกับบรรดาแกนนำทั้งหลายเพื่อเล่าถึงแผนการณ์การเอาชนะรัฐบาลโดยวิธีการใช้ความรุนแรง. แถลงการณ์ของเขาจากคอกจำเลยครั้งนั้นได้รับการพิจารณานำไปเผยแพร่ในประเทศต่างๆ. 12 กรกฎาคม 1964 แปดคนที่ถูกกล่าวหาซึ่งรวมถึงแมนเดลาด้วย ได้ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต. จากปี 1964-1982 เขาได้ถูกจองจำที่ Robben Island Prison, แยกออกจาก Cape Town; หลังจากนั้นเขาได้ถูกนำตัวไปคุมขังต่อที่ Pollsmoor Prison, ซึ่งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่

ช่วงปีแห่งการถูกคุมขังในคุก ชื่อเสียงของเนลสัน เมนเดลา ได้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้นำชนผิวดำที่มีความสำคัญที่สุดในแอฟริกาใต้ และได้กลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังเกี่ยวกับการต่อสู้ของขบวนการต่อต้านการแบ่งสีผิวซึ่งมารวมตัวกันอย่างแข็งขัน เขาปฏิเสธอย่างเหนียวแน่นที่จะประนีประนอมหรือยอมรับตำแหน่งทางการเมืองเพื่อแลกกับอิสรภาพส่วนตัวของเขา

เนลสัน เมนเดลาได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1990 (รวมเวลาที่ถูกคุมขัง 26 ปี). หลังจากได้รับอิสรภาพ เขาได้มุ่งหน้าสู่ภารกิจแห่งชีวิตของเขาอย่างหมดหัวใจ นั่นคือ การต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมาย ซึ่งเขาและคนอื่นๆ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบ 4 ทศวรรษที่แล้ว. ในปี 1991 ช่วงที่มีการประชุมแห่งชาติขึ้นครั้งแรกของพรรค ANC ซึ่งจัดขึ้นในแอฟริกาใต้ หลังจากที่พรรคการเมืองนี้ได้ถูกยุบมาตั้งแต่ปี 1960, แมนเดลาได้รับการเลือกเป็นประธานพรรค ANC (สมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน) ขณะที่เพื่อนและผู้ร่วมงานมาตลอดชีวิต, Oliver Tambo (*) ได้ดำรงตำแหน่งประธานแห่งชาติขององค์กร

(*) Oliver Reginald Tambo (27 October 1917 - 24 April 1993) was a South African anti-apartheid politician and a central figure in the African National Congress (ANC). He was born in Bizana in eastern Pondoland in what is now Eastern Cape. In 1940 he, along with several others including Nelson Mandela, was expelled from Fort Hare University for participating in a student strike. In 1942 Tambo returned to his former high school in Johannesburg to teach science and mathematics.

Tambo, along with Mandela and Walter Sisulu, was a founding member of the ANC Youth League in 1943, becoming its first National Secretary and later a member of the National Executive in 1948. The youth league proposed a change in tactics in the anti-apartheid movement. Previously the ANC had sought to further its cause by actions such as petitions and demonstrations; however, the Youth League felt these actions were insufficient to achieve the group's goals and proposed their own 'Programme of Action'. This programme advocated tactics such as boycotts, civil disobedience, strikes and non-collaboration.

ข้อมูลในส่วนประวัติ"เนลสัน แมนเดลา"นี้ นำมาจาก…
Les Prix Nobel. The Nobel Prizes 1993, Editor Tore Frangsmyr, [Nobel Foundation], Stockholm, 1994

This autobiography / biography was written at the time of the award and later published in the book series Les Prix Nobel
/ Nobel Lectures. http://nobelprize.org/nobel_prizes/peace/laureates/1993/mandela-bio.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทความวิชาการนี้ สามารถ download ได้ในรูป word

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4 I สารบัญเนื้อหา 5 I สารบัญเนื้อหา 6
สารบัญเนื้อหา 7 I สารบัญเนื้อหา 8
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)gmail.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
[email protected]

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด กว่า 1700 เรื่อง หนากว่า 35000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com