โครงการก้าวสู่คริสตศตวรรษที่ ๒๑ ด้วยการทบทวนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา




Copyleft2007
บทความทุกชิ้นที่นำเสนอบนเว็บไซต์นี้ขอประกาศสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคมเพื่อเป็นสมบัติสาธารณะ
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเปิดรับบทความทุกประเภท ที่ผู้เขียนปรารถนาจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน โดยบทความทุกชิ้นต้องยินดีสละลิขสิทธิ์ให้กับสังคม สนใจส่งบทความ สามารถส่งไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com โดยกรุณาใช้วิธีการ attach file
H
บทความลำดับที่ ๑๔๒๔ เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ (December, 03, 12, 2007) ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์
R
power-sharing formulas, options for minority rights, and constitutional safeguards.

บรรณาธิการแถลง: บทความทุกชิ้นซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งนี้ มุ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายพรมแดนแห่งความรู้ให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมุ่งทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางเล็กๆ แห่งหนึ่งสำหรับเก็บสะสมความรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยิบฉวยไปใช้ได้ตามสะดวก ในฐานะที่เป็นสมบัติร่วมของชุมชน สังคม และสมบัติที่ต่างช่วยกันสร้างสรรค์และดูแลรักษามาโดยตลอด. สำหรับผู้สนใจร่วมนำเสนอบทความ หรือ แนะนำบทความที่น่าสนใจ(ในทุกๆสาขาวิชา) จากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก สามารถส่งบทความหรือแนะนำไปได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com (กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: ๒๘ มกาคม ๒๕๕๐)

03-12-2550

The Super Power
Midnight University

 

H
R
ทุกท่านที่ประสงค์จะติดต่อมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กรุณาจดหมายไปยัง email address ใหม่ midnightuniv(at)gmail.com

รายงาน: วิ่งชนประชาธิปไตย ความล้าหลังของเอเชีย
ดับเครื่องชนประชาธิปไตย: กรณี คมช.จดหมายถึง กกต.
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวม
รายงานข่าว ข้อมูล จดหมาย จากหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ต่างๆ

ข้อมูล รายงานข่าว และจดหมายต่อไปนี้ กองบรรณาธิการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
รวบรวมจากหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของเอกสารลับ คมช.
ให้มีการสะกัดพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง โดยใช้วิธีการข่าว ประชาสัมพันธ์ และ
ปล่อยข่าวลวง ฯลฯ เพื่อป้องกันการหวนกลับมามีอำนาจของกลุ่มอำนาจเก่า

โดยในที่นี้ได้มีการลำดับห้วข้อเพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาดังนี้
๑. ความเป็นมาของเอกสารลับ
๒. เนื้อหาสำคัญในเอกสารลับ
๓. หมายเหตุ มติชนออนไลน์
๔. รายงานข่าวจากประชาไทออนไลน์
๕. เผยแพร่ เอกสารลับ คมช. เข้าข่ายผิดกฎหมาย
๖. เอกสารลับ คมช.หลุดซ้ำซาก 'เกลือเป็นหนอน' บนรอยร้าว
๗. เอกสารลับ คมช.ที่หลุด พิสูจน์ชัด'คนใน'ไส้ศึก
๘. กกต.นัดประชุมกรรมการสอบเอกสารลับ เริ่ม ๑๓ พฤศจิกายน ๕๐
๙. วางกรอบสอบเอกสารลับ คมช. สุพล คาดสรุปผลก่อนเลือกตั้ง
๑๐. รัฐธรรมนูญพ่นพิษ คมช.อ้าง ม.๓๐๙ 'ทำถูกเสมอ'
๑๑. 'กลาโหม'สั่ง ทบ.สอบเอกสารลับรั่ว - ชี้ข้อมูลถูกดัดแปลง
๑๒. 'สมชาย' ชี้ คมช. ตีความ ม.๓๐๙ ล้นฟ้า ทำลายหลักการรัฐธรรมนูญ

๑๓. 'สนธิ' แฉแผนเอกสารลับ คมช. เกมเขี่ยพ้นเก้าอี้ต้านซื้อเสียง
midnightuniv(at)gmail.com

บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๔๒๔
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๐
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ ๓๐ หน้ากระดาษ A4)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รายงาน: วิ่งชนประชาธิปไตย ความล้าหลังของเอเชีย
ดับเครื่องชนประชาธิปไตย: กรณี คมช.จดหมายถึง กกต.
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน : รวบรวม
รายงานข่าว ข้อมูล จดหมาย จากหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ต่างๆ


สกู๊ป:ไฮ-ทักษิณ ปูดเอกสาร'ลับ 'คมช.วางแผนปฏิบัติการโค่น'สมัคร-ทักษิณ-พลังประชาชน'
หมายเหตุ'มติชนออนไลน์'- เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณได้นำเอกสารที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลัประชาชน(พปช.)อ้างว่า เป็นของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ซึ่งนายทหารยศ'พันเอก'เสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อสกัดพรรค พปช.ทุกวิถีทางไม่ให้ชนะการเลือกตั้ง

1. ความเป็นมาของเอกสารลับ

'มติชนออนไลน์' ขอนำเนื้อหาในเอกสารฉบับดังกล่าวมานำเสนอ เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริง และผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ได้ชี้แจงว่า ข้อกล่าวอ้างของนายสมัครและเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ มีข้อเท็จจริงอย่างไร ? เอกสารชิ้นดังกล่าวเป็นบันทึกข้อความ(ที่ คมช.0003.5/480) ลงวันที่ 14 กันยายน 2550 เรื่อง 'การปฏิบัติการข่าวสารตั้งแต่ปัจจุบัน ถึงวันปิดรับสมัครเลือก' ตั้งตีตรา 'ลับ' และ' ด่วนมาก'

จัดทำโดย พ.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก/ผู้ช่วยหัวหน้า สปค.ศปศ.คมช.ทำการแทนเจ้ากรมยุทการกองทัพบก/รองหัวหน้า สปค.ศปศ.คมช.เพื่อเสนอต่อ ผบ.ทบ.และประธาน คมช.ซึ่งก็คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงของรัฐบาล) สำหรับเนื้อหาในเอกสาร'ลับ'ดังกล่าวมีดังนี้

2. เนื้อหาสำคัญในเอกสารลับ

1. ตามที่ ผบ.ทบ./ประธาน คมช.ได้กรุณาอนุมัติกรอบแนวทางการปฏิบัติการข่าวสารในห้วงที่ 1 (ปัจจุบัน-วันปิดรับสมัครเลือกตั้ง) เพื่อการนำไปจัดทำรายละเอียดของงาน/กิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังมีรายละเอียดตามอ้างถึงนั้น

2. แผนกปฏิบัติการข่าวสาร สปค.ศปศ.คมช.ได้จัดทำรายละเอียดงาน/กิจกรรมของการปฏิบัติการข่าวสารตามข้อ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว
รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย สรุปได้ดังนี้

2.1 ภารกิจการปฏิบัติการข่าวสาร - คมช.ปฏิบัติการข่าวสารเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมต่อกระบวนการเตรียมการจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มการเมืองที่มีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมอย่างสร้างสรรค์ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง

2.2 วัตถุประสงค์การปฏิบัติการข่าวสาร

2.2.1 สร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติโดยมีงานการปฏิบัติการข่าวสาร ดังนี้

2.2.1.1 สร้างและส่งเสริมความสามัคคีให้เกิดในหมู่ประชาชนโดยใช้จุดมุ่งหมายร่วมเป็นศูนย์รวมจิตใจ
2.2.1.2 ชี้ให้ประชาชนไทยทุกคนเห็นโทษของการแตกความสามัคคี

2.2.2 ด้อยค่าการต่อต้านของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและ คมช.โดยมีงานการปฏิบัติการข่าวสาร ดังนี้

2.2.2.1 ป้องกันมิให้ชนชั้นกลางมีแนวความคิดเอนเอียงไปสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน
2.2.2.2 ชี้จุดด้อยของนโยบายประชานิยมให้ประชาชนรากแก้วได้รับทราบ/เข้าใจ
2.2.2.3 สกัดกั้น/ลดแรงจูงใจมิให้ประชาชนรากแก้วเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมใน ก.ท.(กรุงเทพ)
2.2.2.4 จำกัดการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มต่อต้าน
2.2.2.5 จำกัดมิให้ จนท.ของรัฐสนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่า

2.2.3 สนับสนุนการรวมตัวที่สร้างสรรค์ของกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยมีงานการปฏิบัติการข่าวสาร ดังนี้

2.2.3.1 ชี้ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางเห็นข้อเท็จจริงในการรวมตัวของกลุ่มการเมืองต่างๆ
2.2.3.2 ชี้ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลาง เห็นความคล้ายคลึงกันของพรรค ทรท. และ พปช.
2.2.3.3 ชี้นำ/ชักจูงให้ประชาชนรากแก้วต่อต้านการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่าผ่านทาง พปช.โดยแสดงให้เห็นว่านโยบายต่างๆ ของ ทรท.ซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศและประชาชนก็จะกลับมาด้วย
2.2.3.4 ชี้ให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความคดโกงทุจริต ไม่ชอบธรรมของกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งกำลังจะกลับมาพร้อมพรรค พปช.
2.2.3.5 สร้างกระแสให้ทุกฝ่ายต่อต้านการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่าโดยผ่านทางพรรค พปช.

2.2.4 ลดความหวาดระแวงในการสืบทอดอำนาจ/ป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขใหม่ๆ โดยมีงานการปฏิบัติการข่าวสาร ดังนี้

2.2.4.1 ประชาสัมพันธ์การปฏิบัติภารกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภารกิจทางการเมือง เพื่อให้ประชาชน
โดยเฉพาะประชาชนรากแก้วไว้วางใจทหาร
2.2.4.2 ป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขที่ประชาชนรากแก้วจะเกลียดซัง/หวาดกลัวทหาร

3. สปค.ศปศ.คมช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ห้วงเวลาตั้งแต่ปัจจุบันถึงวันปิดรับสมัครเลือกตั้งเป็นห้วงเวลาที่มีความสำคัญในการที่ฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองจะวิเคราะห์สถานการณ์ที่ยังมีความไม่ชัดเจน และเตรียมการดำเนินการในห้วงการหาเสียงเลือกตั้งต่อไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับ คมช.ที่จะปฏิบัติการข่าวสารเพื่อปรับสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับห้วงเวลาดังกล่าว ในการที่จะสนับสนุนกระบวนการคืนอำนาจสู่ประชาชน และสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป และพร้อมกันนั้นป้องกัน/ป้องปรามมิให้กลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ จึงเห็นสมควรให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการปฏิบัติการข่าวสารตามแนวทางในตารางประสานสอดคล้องการปฏิบัติการข่าวสาร คมช.ตั้งแต่ปัจจุบันถึงวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

4.ข้อเสนอ เห็นควรให้ดำเนินการตามการพิจารณาในข้อ 3 จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณาอนุมัติตามเสนอในข้อ 4

นอกจากบันทึกข้อความข้างต้นแล้วยังมีตารางประกอบสอดคล้องการปฏิบัติการข่าวสาร คมช.ตั้งแต่ปัจจุบันถึงวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง เช่น

- จัดทำสกู๊ปข่าวชี้ให้เห็นและวิเคราะห์ถึงความไม่ชอบธรรมของ หน.พปช.ที่ต้องคดีทุจริตอยู่ และถึงแม้จะชนะเลือกตั้งก็จะต้องโทษและไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี,

- เชิญบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นผู้นำทางความคิด/นักวิชาการออกรายการวิทยุโทรทัศน์ วิเคราะห์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากพรรค พปช.ชนะเลือกตั้งแล้วดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้แล้วคือ นิรโทษกรรมอดีตกรรมการพรรค ทรท.และยุบคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)ว่า หลายฝ่ายคงยอมไม่ได้โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตร ซึ่งจะออกมาเคลื่อนไหวและทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง และอาจนำไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ เป็นวงจรไม่สิ้นสุด

-สร้างข่าวโจมตีกลุ่มอำนาจเก่า

-ให้พื้นที่ข่าวกับพรรคการเมืองทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน แต่สำหรับ
พปช.ให้เสนอรายงานข่าวเน้นย้ำการกระทำ/ดำเนินการที่ไม่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของพรรค

-ใช้ข่าวลือ/สื่อที่ไม่เป็นทางการชี้ให้เห็นถึง ความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับประเทศสิงคโปร์ และพรรค พปช.ซึ่งมีแนวการบริหารประเทศโดยใช้ระบอบประธานาธิบดี

- ใช้ข่าวลือ/สื่อไม่เป็นทางการชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จ้างสื่อต่างประเทศลงเนื้อความ/บทความโจมตีสถาบัน

- จัดทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับผลร้ายจากนโยบายประชานิยม

ข้อมูลจาก : เวปไซต์มติชน ออนไลน์ ดูเอกสารลับได้จาก: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=8393&catid=1
(หมายเหตุ: จากการสำรวจของกอง บก.มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนพบว่า ข้อมูลเดียวกันนี้เผยแพร่บนเว็บไซต์รัฐสภาด้วย ที่: ข่าวสารบ้านเมือง, Parliament of Thailand http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=104569)

3. หมายเหตุ'มติชนออนไลน์'

เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณได้นำเอกสาร 8 แผ่นที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.)อ้างว่า เป็นของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ซึ่งนายทหารยศ'พันเอก'เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อสกัดพรรค พปช.ทุกวิถีทางไม่ให้ชนะการเลือกตั้งซึ่งปรากฏว่า เป็นเอกสารที่นำเสนอ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ให้ดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสกัด พปช. นายสมัคร และกลุ่มอำนาจเก่ามิให้ชนะการเลือกตั้ง. อย่างไรก็ตาม พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช.ได้ออกมาระบุว่า เอกสารที่เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณนำออกมาเปิดเผยนั้น มีการตัดต่อ

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2550 เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณได้นำเอกสารแผ่นที่ 9 ซึ่งมีลายเซ็นนายทหารระดับ'พลเอก'4 คนซึ่งเป็นผู้กลั่นกรองและอนุมัติการปฏิบัติตามแผนดังกล่าว(เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550)มานำเสนอโดย 'พลเอก'ทั้ง 4 คน ได้แก่ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก, พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.(ปัจจุบันเป็น ผบ.ทบ.) และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.
ภาพถ่ายเอกสาร 9 หน้านี้ เป็นภาพของเอกสารที่มาจากเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ โดยเป็นไฟล์ประเภท PDF

4. รายงานข่าวจากประชาไทออนไลน์

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 50 ในเว็บไซต์ ไฮ - ทักษิณ ปรากฏบทความที่ผู้เขียนในนามแฝงว่า 'ประดาบ' เขียนบทความเรื่อง "เปิดคำสั่งลับ คมช.กำจัดพลังประชาชน" ซึ่งเผยแพร่เอกสารราชการลับ เรื่อง "การปฏิบัติการข่าวสารตั้งแต่ปัจจุบันถึงวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง" เอกสารดังกล่าว เป็นบันทึกข้อความ ลงวันที่ 14 ก.ย. 50 ของแผนกปฏิบัติการข่าวสาร สปค. ศปศ. คมช. ซึ่งระบุว่าเป็นหนังสือลับ ด่วนมาก ส่งถึงผบ.ทบ. และประธาน คมช. ลงนามโดย พ.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองจก.ยก.ทบ./ผช.หน.สปค.ศปศ.คมช. โดยมีเอกสารแนบ เป็นตารางประสานสอดคล้องการปฏิบัติข่าวสาร คมช. โดยมีวัตถุประสงค์และภารกิจต่างๆ คือ

4.1 หนึ่ง สร้างความรัก ความสามัคคีให้เกิดขึ้น ภาระงานคือ

- สร้างและส่งเสริมความสามัคคีให้เกิดในหมู่ประชาชน โดยใช้จุดมุ่งหมายร่วมเป็นศูนย์รวมจิตใจ
- ชี้ให้ประชาชนไทยทุกคนเห็นโทษของการแตกความสามัคคี
- สร้างกระแสให้ทุกฝ่ายต่อต้านการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่าผ่านทางพรรค พปช.

4.2 สอง ด้อยค่าการต่อต้านของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และ คมช. ภาระงานคือ

- ป้องกันมิให้ชนชั้นกลางมีแนวคิดเอนเอียงไปสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน
- ชี้จุดด้อยของนโยบายประชานิยมให้ประชาชนรากแก้วได้รับทราบ/เข้าใจ
- สกัดกั้น/ลดแรงจูงใจมิให้ประชาชนรากแก้วเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมใน ก.ท.ม.
- จำกัดการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มต่อต้าน
- จำกัดมิให้ จนท.ของรัฐสนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่า

4.3 สาม สนับสนุนการรวมตัวกันของกลุ่มการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ภาระงานคือ

- ชี้ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางเห็นข้อเท็จจริงในการรวมตัวของกลุ่มการเมืองต่างๆ
- ชี้ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางเห็นความคล้ายคลึงกันของนโยบายอดีตพรรค ทรท.และ พปช.
- ชี้นำ/ชักจูงให้ประชาชนรากแก้วต่อต้านการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่าผ่านทางพรรค พปช. โดยแสดงให้เห็นว่านโยบายต่างๆ
ของ ทรท. ซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศและประชาชนก็จะกลับมาด้วย
- ชี้ให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความคดโกง/ทุจริต/ไม่ชอบธรรมของกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งกำลังจะกลับมาพร้อมกับพรรค พปช.

4.4 สี่ ลดความหวาดระแวงในเรื่องการสืบทอดอำนาจ ป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขใหม่ๆ ภาระงานคือ

- ปชส.การปฏิบัติภารกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภารกิจทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะประชาชนรากแก้วไว้วางใจทหาร
- ป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขที่ประชาชนรากแก้วจะเกลียดชัง/หวาดกลัวทหาร
- สร้างความเชื่อมั่นในทุกฝ่ายเห็นว่าจะไม่มีการสืบทอดอำนาจ
- ป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขใหม่ๆ เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เกิดความมั่นใจในการไม่สืบทอดอำนาจ

4.5 สมัครร้อง เอกสารลับเล่นงาน พปช.
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เปิดแถลงข่าวระบุว่า มีเอกสารลับแผนทำลายพรรคพลังประชาชน โดยนำเอกสารลับทั้ง 2 ฉบับมาโชว์ พร้อมกับเปิดอ่านเนื้อหาสาระในเอกสารลับบางส่วนให้สื่อมวลชน แต่ไม่อนุญาตให้ดูอย่างใกล้ชิด โดยระบุว่าเป็นแผนปฏิบัติการของหน่วยราชการหน่วยงานหนึ่ง ที่มีตัวย่อ 3 ตัว จัดทำขึ้นในการกำหนดภารกิจ โดยใช้ชื่อว่า "แผนสกัดไม่ให้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมามีอำนาจ". ทั้งนี้ เนื่องจากการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม มีผู้ส่งเอกสารลับของหน่วยราชการมาให้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นเอกสารที่มีการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาที่มีตัวตนจริงถึงวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยเอกสารชิ้นแรกลงวันที่ 14 กันยายน เอกสารชิ้นที่ 2 ลงวันที่ 26 กันยายน

สำหรับช่วงดังกล่าวเป็นปฏิบัติการที่คาบเกี่ยวช่วงตั้งแต่วันลงประชามติจนถึงวันลงปิดรับสมัคร หรือถึงวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ โดยในเอกสารมีการรายงานการสั่งการ พร้อมแผนการว่าจะดำเนินการอย่างไรกับพรรคพลังประชาชน (พปช.) และมีตารางชัดเจนว่าเป็นการประสานงานสอดคล้องปฏิบัติการข่าวสาร คมช. แม้ว่าจะออกจากราชการไปแล้วแต่งานยังคาบเกี่ยวกันอยู่. นายสมัคร กล่าวว่า เนื้อหาข้อมูลเป็นการรายงานผลการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ตามแผน มีการเชิญชวนประชาชนให้ร่วมเฉลิมฉลองประชาสัมพันธ์ ร่วมเชียร์นักกีฬาช่วงกีฬาซีเกมส์ แผนจัดทำสกู๊ปข่าวพิเศษเรื่องวันทำรัฐประหาร 19 กันยายน ชี้ให้เห็นผลร้าย สาเหตุหนึ่งเน้นย้ำเกิดจากการแตกความสามัคคี ทำให้บ้านเมืองตกต่ำ

4.6 เผยแผนสกัด พปช.
โดยเนื้อหาภารกิจตอนหนึ่งว่า สกู๊ปข่าวชี้ให้ประชาชนเห็นว่า กลุ่มอำนาจเก่าทำเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว ไม่คำนึงผลเสียหายต่อประเทศชาติ รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลร้ายจากนโยบายประชานิยมในระยะยาวซึ่งพรรคพลังประชาชนจะนำกลับมาอีก รวมทั้งจัดชุดสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดตั้งจุดตรวจสกัดเส้นทางในการเข้าสู่กรุงเทพฯ จัดชุดเกาะติดแสดงกำลังกดดันแกนนำกลุ่มอำนาจเก่า

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องคดีทุจริตแม้จะชนะเลือกตั้งก็จะต้องโทษ และไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือหากพรรคพลังประชาชนจะชนะเลือกตั้งก็ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ ตลอดจนสร้างความวุ่นวายให้ประเทศ หากทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ (คือ) นิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และยุบคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งจนนำไปสู่การทำรัฐประหารอีก. นายสมัคร ยังระบุอีกว่า กำหนดนโยบายให้ทุกพื้นที่สื่อต่างๆ กับทุกพรรค ยกเว้นพรรคพลังประชาชนจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีแผนปฏิบัติการนอกระบบในการให้ข่าวลือโดยใช้สื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาอยู่เบื้องหลังอย่างไร และข้อมูลต่างๆ

4.7 จวกเลวทรามจ้องเล่นงาน"แม้ว"ไม่เลิก
"ผมมองว่า ทำไมข้าราชการระดับสูงถึงทำเรื่องต่ำเลวทรามเช่นนี้ เมื่อปฏิวัติแล้ว ก็เอาผิดเขาไม่ได้ ก็ใช้วิธีตามล้างตามเช็ด ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำเลวทรามกับบ้านเมืองด้วยการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เห็นได้ชัดว่าเป็นการคิดสกปรก เล่นการเมืองทางลัด ผมอ่านเอกสารดูแล้ว เห็นชัดว่าต้องเป็นคนใจคอสกปรกถึงทำเอกสารเช่นนี้ได้ เท่าที่ตรวจสอบดูเป็นนายทหารยศพันเอก ที่เป็นคนรับปฏิบัติการจากหน่วยงาน 3 ตัวย่ออีกที" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร ระบุด้วยว่า ได้ข้อมูลที่พูดถึงขั้นให้เด็ดหัว ไอ้ตัวคนที่เป็นหัวหน้าพรรคซึ่งก็หมายถึงตน จะได้สิ้นเรื่อง ซึ่งเมื่อดูจากเหตุการณ์ที่ จ.แพร่ ไม่ต้องดู ก็รู้ว่าเป็นของจริง เป็นแผนสกัดที่เล่นกันถึงขั้นรุนแรงเอาเป็นเอาตาย ที่มาบอกตรงนี้ไม่ได้กลัวหรือถอย, เราไม่ถอย, เพียงแต่อยากจะร้องทุกข์กับประชาชนให้สังคมรับรู้ว่าพรรคพลังประชาชนกำลังถูกอำนาจนอกระบบจัดการอยู่ ทั้งนี้ตนไม่เคยประกาศว่าจะไปล้างแค้นใคร อดีตนายกฯ ก็ไม่ได้ประกาศล้างแค้นเช่นกัน ทำไมถึงร้อนตัวกันไปเอง ทำอะไรไว้แล้วคิดว่าจะเป็นอย่างนั้น "ผมประกาศเลยว่า ไม่อยากจะไปแตะต้องคนสกปรกพวกนี้ มันเป็นเอง มันโดน มันตายเอง ขอแนะนำให้ไปอ่านหนังสือเรื่อง "ไม่อยากเล่า"แล้วจะรู้ว่าคนที่เล่นสกปรกกับผมจะได้รับผลอย่างไร ไม่ได้โฆษณาขายหนังสือ แต่ต้องพูดไว้เพราะเป็นโอกาสเดียว พรุ่งนี้อาจไม่ได้พูด"

ด้าน พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนออกมาเปิดเผยเอกสารสารลับจากหน่วยราชการหนึ่ง ซึ่งมีอักษรย่อ 3 ตัว ที่มีแผนการสกัดกั้นไม่ให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลว่า ยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว คงต้องไปสอบถามเรื่องนี้จาก คมช.ว่า เป็นอย่างไร เพราะตนได้ลาออกจากประธาน คมช. ถือว่าหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว และในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะชี้แจงเรื่องนี้อีกครั้ง. เมื่อถามว่า ต่อไปหากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ คมช.จะดำเนินการอย่างไร? พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ให้ไปสอบถาม คมช.เอง เมื่อถามว่าเหตุใดเอกสารดังกล่าวจึงหลุดออกมาได้ พล.อ.สนธิ ยิ้มและปฏิเสธที่ตอบคำถาม ก่อนเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวไป

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด, โฆษก คมช. กล่าวว่า ตนยืนยันไม่ได้ว่าเอกสารนั้นจริงหรือไม่จริงอย่างไร สมมุติหากเอกสารที่นายสมัครออกมาแฉเป็นเอกสารจริง ก็ไม่ถูกต้องที่ตนจะเอารายละเอียดมาชี้แจงว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ และหากสมมุติว่าเป็นเอกสารไม่จริง ก็จะมีการไปสืบต่ออีกว่า แล้วที่จริงมันเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ไม่รู้จักจบจักสิ้น. "คงเป็นการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือกองทัพ หากเราไปเต้นตามกระแสจะทำให้นายทหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเอกสารเหล่านั้นมาเปิดเผย ก็จะนำเอกสารอื่นมาเปิดเผยกันอีกไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นกองทัพและ คมช. คงจะตรวจสอบไปตามขั้นตอน" โฆษก คมช.กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คมช.ไม่มีความจำเป็นต้องไปชี้แจงนายสมัคร เพราะไม่รู้ว่าเมื่อชี้แจงไปแล้วเขาจะเชื่อหรือไม่ การเปลี่ยนแนวความคิดของคนที่เชื่อแบบหนึ่งเพื่อให้เกิดความเข้าใจและเชื่ออีกแบบหนึ่งคงเป็นเรื่องยาก เหมือนกับกลุ่ม พีทีวี.ที่พยายามชี้แจงมาตลอดว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนใจคนบางกลุ่มที่ยังเชื่อมั่นว่า 2 กลุ่มนี้มีความเกี่ยวข้องกัน. เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คงตรวจสอบกันตามหน้าที่ แต่ไม่อยากให้ความสำคัญ ถือว่าเป็นเชิงการเมืองอย่างหนึ่ง เมื่อถามว่า ถือเป็นอีกครั้งที่เอกสารทางราชการหลุดออกมา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นบทเรียนเพราะเราวิตกกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไป จึงมีเอกสารหลุดออกมาซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปให้ความสนใจจะดีที่สุด และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจกองทัพ

เมื่อถามว่า หากเป็นเอกสารปลอมจะฟ้องร้องหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่คงมีการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริงอย่างไร เมื่อถามว่า ต่อไปต้องเข้มงวดการเก็บเอกสารมากขึ้น. พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นปกติเพราะเป็นเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องมีกลุ่มคนที่พยายามดำเนินการทางลับและไม่ลับ คงไปห้ามลำบากที่จะป้องกันไม่ให้มีการรั่วไหล. พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพมีความชัดเจนพยายามไม่เข้าไปวุ่นวายกับการเมือง การตกลงใจจะเลือก ส.ส.ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประชาชนหากพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมด้วยความบริสุทธิ์ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่น่าตกใจ

ข้อมูลจาก: http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=
10013&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

5. เผยแพร่ เอกสารลับ คมช. เข้าข่ายผิดกฎหมาย

พล.อ.อ.ชลิต ชี้สมัคร เผยแพร่ เอกสารลับ คมช.เข้าข่ายผิด กม. มั่นใจเลือกตั้ง ไม่มีพรรคใดกล้าประกาศตัวเป็นกลุ่มอำนาจเก่า เผยรัฐประหารซ้ำไม่ใช่เรื่องง่าย หากประชาชนไม่เอาด้วย

ก่อนการประชุม ครม.เช้าวันนี้ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.), พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม, และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเข้าประชุมกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.อ.ชลิต เปิดเผยว่า ไม่มีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ทุกวันอังคารจะมาพูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน สำหรับเรื่องเอกสารลับสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน ที่มีการนำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์นั้น ผู้เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบ ซึ่งเอกสารลับเป็นเรื่องการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ความจริงเป็นเรื่องอันตรายเหมือนกัน การนำเอกสารลับของทางราชการมาเปิดเผยก็เป็นความผิดได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่เห็นเอกสาร แต่เนื้อหาหนังสือราชการ ไม่มีใครจะไปเขียนแบบนั้น ไม่ทราบว่าจะมีการตัดต่อหรือไม่ พร้อมปฎิเเสธว่า ไม่มีความแตกร้าวภายใน คมช.

เมื่อถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นำเอกสารมาเปิดเผย จะมีความผิดหรือไม่ และจะมีการฟ้องร้องหรือไม่? พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตามกฎหมายคนที่นำออกมา รวมทั้งคนที่เปิดเผย ถือว่ามีความผิด หน่วยงานที่รับผิดชอบจะดำเนินการ และไม่ใช่แต่เฉพาะทางทหารเท่านั้น กระทรวง ทบวง กรม ถ้าเป็นเอกสารลับ ห้ามนำออกไปเผยแพร่ทั้งนั้น. ส่วนการเผยแพร่เอกสารลับจะส่งผลทำให้มองการเลือกตั้งไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น, พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน เรื่องเอกสารเป็นเรื่องหนึ่ง และการทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่คิดว่า คมช.หรือรัฐบาล จะไปสกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ต้องการให้ทุกพรรคปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า คมช. รัฐบาล และประชาชน ไม่ได้มุ่งหวังสกัดพรรคที่มีอยู่ ถ้าจะมีก็คืออำนาจเก่า จึงไม่คิดว่ามีพรรคไหนที่จะออกรับว่าเป็นพรรคของอำนาจเก่า. เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชาชน ได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาล จะมีการรัฐประหารหรือไม่? พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การทำรัฐประหารไม่ได้ทำง่าย ประชาชนต้องไม่คัดค้าน ส่วนจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาเกิดขึ้นอีกรอบหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน

ข้อมูลจาก: โฟสต์ทูเดย์

6. เอกสารลับ คมช.หลุดซ้ำซาก 'เกลือเป็นหนอน'บนรอยร้าว
เป็นประเด็นที่สะเทือน คมช. ไม่น้อย เมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แฉ เอกสารประทับคำว่า 'ลับ' ของ คมช. ที่มีแผนสกัดกั้นเส้นทางเครือข่าย 'อำนาจเก่า' กลับคืนสู่อำนาจบริหารประเทศภายหลังแปรสภาพมาเป็นพรรคพลังประชาชน. เอกสารที่นายสมัครออกมากล่าวอ้างว่าจัดทำขึ้นในสมัยที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ยังนั่งผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช.อยู่

ทั้งนี้ การออกมาส่งสัญญาณของนายสมัครครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนรู้ถึง 'ฉากหลัง' ของ คมช. ว่ามียุทธวิธี 'ลับ ลวง พราง' ต่อพรรคการเมืองที่ประกาศตัวเป็น 'นอมินีอำนาจเก่า' อย่างไร? ที่สำคัญ คือ ความมุ่งหวัง 'ดิสเครดิต' คณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และการแก้ไขปัญหาซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ที่ พล.อ.สนธิเป็นประธาน ซึ่งถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าวัตถุประสงค์ที่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา 'เพื่อให้คุณให้โทษ' พรรคการเมืองที่ คมช. มองเป็น 'ศัตรู'

การปฏิบัติการของนายสมัครครั้งนี้เป็นการ 'ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว' เพราะต้องยอมรับว่าพรรคพลังประชาชนยังมีภาพของความเป็น 'นอมินีไทยรักไทย' อยู่ ดังนั้น ย่อมปฏิเสธความเป็น 'ศัตรูหมายเลขหนึ่ง' ของ คมช.ไปไม่ได้ และปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่า 'แผนบันไดหลายขั้น' ของ พล.อ.สนธิ เป้าหมายหลัก คือ ทำทุกวิถีทางไม่ให้อำนาจเก่ากลับเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศอีกครั้ง. ทั้งนี้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา คมช.วางแผนงานดำเนินการเป็นขั้นตอน โดยแบ่งออกเป็นงาน 'ด้านยุทธศาสตร์' และ 'ฝ่ายปฏิบัติงาน' เดิมบรรดา 'บิ๊ก คมช.' ทั้ง 8 คน เป็น 'คีย์แมน' วางกรอบแผนงาน 'เชิงยุทธศาสตร์' และมีศูนย์ปฏิบัติการพิเศษของ คมช. (ศปศ.คมช.) เป็น 'หน่วยงานลูก' รับคำสั่งของ คมช. ใหญ่ไปดำเนินการ

ศปศ.คมช.นี้มี 'บิ๊กเปย' พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษแห่งนี้, 'บิ๊กป๊อก' พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. เป็นรองหัวหน้าศูนย์. ที่ผ่านมา ศปศ.คมช. ซึ่งมีกำลังพลทั้งสิ้น 355 คน มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปช่วยกำกับ ดูแล และติดตามการทำงานขององค์กรที่เกิดขึ้นจาก คมช. ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2549 โดยเฉพาะการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รวมถึงภารกิจของรัฐบาล

ทั้งนี้ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาของ คมช. 'เอกสารลับ' ทางราชการของกองทัพถูกนำออกมาเผยแพร่นับครั้งไม่ถ้วน ที่สำคัญ คือ เอกสารลับของ คมช. และกองทัพมักตกไปอยู่ในมือของ 'ฝ่ายตรงข้าม' ออกตีแผ่ใน 'เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ' อาทิ เอกสารลับที่ตั้งนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ญาติผู้น้อง พล.อ.สพรั่ง เป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจาก คมช. ให้มาดูแลงานประชาสัมพันธ์ของ คมช. ภายใต้งบประมาณ 12 ล้านบาท, หรือเอกสารข้อมูลด้านยุทธการของกองทัพภาคที่ 1 ที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ ทำให้กองทัพบกต้องตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาต้นตอว่าเอกสารหลุดออกมาได้อย่างไร?

กรณีของนายสมัครที่ออกมาแฉเอกสารสกัดพรรคพลังประชาชน หน่วยงานทางยุทธการของกองทัพบก และ ศปศ.คมช. ได้เรียกประชุมด่วนในวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมกางข้อมูลที่นายสมัครออกมาเปิดเผย พบว่า เอกสารที่ถูกเผยแพร่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในบางประเด็น โดยเฉพาะข้อความเกี่ยวกับการสกัดพรรคพลังประชาชน ต่างเห็นตรงกันว่าเอกสารของนายสมัครเป็นการทำเอกสารฉบับใหม่ขึ้นมา เรียกว่ามีการ 'แปลงสาร' นั่นเอง. โดยนำหัวท้ายเอกสารฉบับจริงที่สำนักเลขาธิการ คมช. ทำหนังสือถึงกำลังพลให้ไปรณรงค์ใช้สิทธิเลือกตั้ง มาบิดเบือนทำข้อมูลใหม่เป็นเอกสารฉบับดังกล่าวที่มีเนื้อหาสกัดพลังประชาชน ซึ่งเอกสารนี้เป็นการทำขึ้นภายในก่อนที่จะส่งถึงมือของแกนนำพรรคพลังประชาชน

นี่คือเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญว่า ภายใน คมช. ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ 'เห็นด้วย' และ 'ไม่เห็นด้วย' กับทุกอย่างที่ คมช.ดำเนินการ โดยเฉพาะบทบาทของสมาชิกแต่ละคนที่เริ่มเปลี่ยนไป อาทิ การหันหลังให้ คมช. ของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. หรือการเมินเข้าร่วมสังฆกรรมกับ คมช. ของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร. รวมถึงการไม่เข้าร่วมประชุมของสมาชิก คมช. อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม มีผู้เข้าร่วมเพียง 3 คนคือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธาน คมช., พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่า คมช.เริ่มเข้าสู่ 'ยุคถอยหลัง' จากที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาสู่ความกินแหนงแคลงใจกัน จาก ลาภ ยศ และผลประโยชน์ เป็นเหตุ. เพราะต้องยอมรับว่าสมาชิกทั้ง 8 คมช. 'กุมความลับ' ของแผ่นดินยุครัฐประหารไว้ไม่มากก็น้อย ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นปฏิเสธไม่ได้ว่ามี 'เกลือเป็นหนอน' ใน คมช. และเมื่อมิตรถูกผลักเป็นศัตรูแล้วไปผนึกกำลังกับ 'ศัตรูหมายเลขหนึ่ง' ที่กำลังต่อสู้ทางการเมือง เพื่อมุ่งหวังเข้ามาสู่อำนาจทางการเมืองอีกครั้ง น่าเป็นห่วงศึกครั้งนี้ของ คมช.ที่ยังไม่จบ เพราะนอกจากเปิด 'ศึกภายนอก' แล้วยังต้องมารบรากับ 'ศึกภายใน' อีกด้วย. ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปหา พล.อ.สนธิ ที่ต้องออกมาเคลียร์ว่าข้อมูลในเอกสารที่นายสมัครออกมาเผยแพร่ เป็นหนึ่งในแผนบันไดหลายขั้นอย่างที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่

ข้อมูลจาก: มติชนออนไลน์

7. เอกสารลับ คมช.ที่หลุด พิสูจน์ชัด'คนใน'ไส้ศึก
หวังผลกระทบวงกว้าง! ต้องโทษรัฐบาล-คมช.ที่ผิด

เผยเอกสารลับ คมช.ที่ปูดออกมาสู่สาธารณะ พิสูจน์ชัดคนใน คมช.มีไส้ศึก หวังให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่ก็ต้องโทษ "รัฐบาล-คมช." ที่เดินเกมผิดพลาดตั้งแต่ต้น ที่ไม่มีการวางแผน-มาตรการจัดการขั้วอำนาจเก่าอย่างเด็ดขาดทั้งหมด ชี้การมุ่งเผด็จศึก "ทักษิณ" คนเดียวตอนนี้ไม่สมเหตุสมผล. ติง "รัฐบาล-คมช." อย่านั่งรอเวลาให้หมดไปวันๆ เพื่อรอเวลาส่งให้กับรัฐบาลหน้า เพราะการมีอำนาจ-กฎหมายอยู่ในมือ หากไม่สามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี-มีความสุขได้ ก็ถือเป็นการทำลายชาติอย่างหนึ่ง

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยถึงกรณีที่มีคำสั่งจากทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมา เพื่อดูแลหรือช่วยเหลือการเลือกตั้งในสมัยหน้าให้เป็นไปอย่างดี เพื่อไม่ให้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมามีอำนาจได้อีกว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า คมช.สกัดไม่ให้พรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งนั้น อยากให้ประชาชนพิจารณากันเองว่า เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในสังคมไทย อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า ภายใน คมช.เองมีไส้ศึกที่จงใจเปิดเผยเอกสารเช่นนี้ออกมาให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง และเป็นการพุ่งเป้าโจมตีไปที่บุคคลเพียงไม่กี่คนที่เคยมีบทบาทสำคัญใน คมช. เพราะล่าสุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายอมรับเองว่า เอกสารดังกล่าวมีจริง

แต่อย่างไรก็ตาม หากมองในอีกมุมหนึ่ง การมุ่งประเด็นไปโจมตีที่กลุ่มอำนาจเก่า โดยเฉพาะตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว ก็ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรมนัก เพราะในระบอบประชาธิปไตย หากเราเชื่อถือในระบอบนี้ ควรจะปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจเองว่า อะไรจะเกิดขึ้น และควรจะทำอะไร จะเลือกใคร?

"เอกสารลับที่ทางนายสมัครออกมาเปิดเผย ถ้าเป็นจริงและไม่ใช่เอกสารปลอม อยากให้ทาง คมช.และรัฐบาลพิจารณากันให้ดี เพราะการที่จะดำเนินการหรือบริหารประเทศ จะต้องมีหลักการและมีสิ่งที่แน่นอน ไม่ใช่บริหารกันรายวันและเจาะจงเป็นการเฉพาะว่า จะจัดการกับกลุ่มอำนาจเก่าอยู่กลุ่มเดียว จริงๆ แล้วความผิดทั้งหมด และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ มีปัญหาเนื่องจากรัฐบาลและ คมช.เดินเกมที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ถ้าจะจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว ก็ควรดำเนินการตั้งแต่แรกที่มีการรัฐประหาร แต่ถ้าช่วงนั้นไม่ทำ แล้วมาทำภายหลัง ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะเหมือนเป็นการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากขณะนี้นักการเมืองน้ำเน่า ก็ยังคงมีบทบาทอยู่เช่นเดิมในแวดวงการเมือง รัฐบาลและ คมช.ต้องรับความผิดในส่วนนี้ไปเต็มๆ เพราะพิสูจน์ชัดว่า ความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้มีการวางแผน หรือมีมาตรการที่เด็ดขาดในการจัดการตั้งแต่แรก"นายเอกยุทธกล่าว

นายเอกยุทธ กล่าวว่า นอกจากนี้จะเห็นชัดเจนว่า มีปัญหามากมายเกิดขึ้นกับรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี คือเรื่องที่ดินที่เขายายเที่ยง หรือรัฐมนตรีหลายคนที่มีปัญหาเรื่องการถือครองหุ้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ คมช. และรัฐบาลไม่ได้วางกฎเกณฑ์ หรือกำหนดกฎเกณฑ์ให้ดีจริง ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอยู่ไม่ได้เข้ามาจัดการอย่างจริงจัง และไม่ได้มีมาตรการจริงจัง เพื่อให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาในสังคมบ้าง เราคงจะได้นักการเมืองหน้าเก่าๆ แต่เอาแค่ชั่วน้อยกว่าบางกลุ่ม คงจะทำได้แค่นั้น. ต้องฝากถึงรัฐบาลและ คมช.ว่า ถ้ายังไม่หมดอายุก็ควรจะดูแลประชาชนให้ได้ ไม่ใช่นั่งรอเวลาให้หมดไปวันๆ เพื่อรอเวลาส่งให้กับรัฐบาลหน้า ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งการมีอำนาจและกฎหมายอยู่ในมือแล้ว ถ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือมีความสุขได้ ถือว่าเป็นการทำลายชาติอย่างหนึ่ง

Thai Insider: Wednesday, 24 October 2007
ข้อมูลจาก: http://thaiinsider.info/portal/content/view/4179/57/


8. กกต.นัดประชุมกรรมการสอบเอกสารลับ เริ่ม 13 พฤศจิกายน 2550
ไทยรัฐ (๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ - ๐๓.๔๕)

นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเอกสารลับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)สกัดพลังประชาชนของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุมนัดแรก วานนี้ (6 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มีการวางกรอบการพิจารณาเป็น 3 แนวทาง คือ

1. สอบผู้ร้องคือสมาพันธ์ประชาธิปไตย และผู้ให้เอกสารคือพรรคพลังประชาชน
2. เชิญบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ที่ได้มีการลงข้อความเอกสารลับมาให้ถ้อยคำ
3. สอบทางฝ่ายทหารว่า เอกสารลับที่มีการเผยแพร่นั้น มีอยู่จริงหรือไม่

"ขึ้นอยู่กับฝ่ายทหารจะส่งตัวแทน หรือผู้ถูกกล่าวอ้างมาให้ถ้อยคำเองก็ได้ ส่วนการประชุมจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 13 พ.ย. และจะเชิญสมาพันธ์ ประชาธิปไตยมาให้ถ้อยคำเป็นลำดับแรกในฐานะผู้ร้อง. อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสอบคณะกรรมการฯ เห็นว่า ยังคงมีการกระทำตามที่ปรากฏในเอกสาร และก่อให้เกิดความเสียหายก็จะเสนอต่อ กกต. ให้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ให้มีการหยุดการกระทำ หรือควรให้พ้นจากหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพราะคณะกรรมการฯ ชุดนี้ ไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะไปสั่ง คาดจะสรุปผลสอบก่อนวันเลือกตั้ง" นายสุพล กล่าว

8.1 สมัครโร่แจงเอกสารลับ คมช., สมาพันธ์ ปชต.ยันของจริง
ไทยรัฐ (๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ - ๑๘.๐๒)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอกสารลับของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่มี นายสุพล นิติธาดา เป็นประธาน อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

วันเดียวกัน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวภายหลังการเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการชุดเดียวกัน กรณีร้องเรียนเรื่องดังกล่าวว่า เนื่องจากเชื่อว่าเอกสารฉบับนี้เป็นเรื่องจริง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมาพันธ์ประชาธิปไตย ที่ต่อต้าน คมช. ยืนยันไม่ใช่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพรรคพลังประชาชน เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง. นพ.เหวง กล่าวต่อว่า แม้คณะกรรมการชุดนี้ จะให้ความมั่นใจ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไป-ตรงมา แต่เห็นว่า ควรใช้กระบวนการนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วย เพราะนิติวิทยาศาสตร์ ไม่เคยโกหกใคร รวมทั้งควรเร่งนำเอกสารของจริงจาก คมช. มาตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการแก้ไข. ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า หากกระบวนการตรวจสอบระบุว่า เอกสารลับของ คมช.เป็นเรื่องที่กุขึ้น เพื่อดิสเครดิต คมช. สมาพันธ์ประชาธิปไตย พร้อมรับผิดชอบ

8.2 นปช.เข้าให้ข้อมูล 'กก.สอบเอกสารลับ'
'สมัคร' เข้าให้ข้อมูล 'กก.สอบเอกสารลับ' ปัดตอบคำถามสื่อ เดินเลี่ยงเข้าลิฟท์แต่ลืมกด ทั้งโวยทั้งทุบลิฟท์ก็ยังไม่มา. ด้าน นปช.เข้าชี้แจงย้ำ คมช.ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ของเท็จ ขณะที่ ปธ.กก.สอบฯ เตรียมเรียก 'สนธิ-พ.อ.' เข้าให้ข้อมูล 15 พ.ย.แย้มอาจใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์

ความคืบหน้าการสืบสวนกรณีเอกสารลับ ที่อ้างว่าออกโดยกองทัพบกและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) โดยมีเป้าหมายจะทำลายพรรคพลังประชาชน (พปช.) นั้น เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลา 15.20 น. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์, และนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ, ในฐานะผู้ร้องเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสืบสวนกรณีเอกสารลับของพรรคพลังประชาชนของ กกต. ที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธานฯ ที่สำนักงาน กกต.อาคารศรีจุลทรัพย์ (กรุงเทพฯ)

นายวิภูแถลง กล่าวหลังเข้าชี้แจง ว่า คมช.ไม่ได้ปฏิเสธว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารเท็จ แต่เป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าเอกสารหลักฐานดังกล่าวน่าจะมีอยู่จริง ถ้าเป็นเอกสารเท็จคงปฏิเสธไปแล้ว ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ทางคณะกรรมการฯ จะเชิญทาง คมช.มาให้ข้อมูล หากทาง คมช.ปฏิเสธ ทางคณะกรรมการก็จะใช้กระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ลายเซ็น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

8.3 สมัคร' ปัดตอบคำถามหนีลงลิฟท์ แต่ลืมกด ! - ย้อนสื่อ 'ตอบแล้วเดี๋ยวมีเรื่องอีก'
ต่อมาเวลา 14.50 น. นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการฯ ภายหลังการเข้าให้ข้อมูลแล้ว นายสมัครพยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสมัครได้เดินมาบริเวณหน้าลิฟท์เพื่อเดินทางกลับ โดยมีกลุ่มสื่อมวลชนมาดักรอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก แต่นายสมัครได้แต่เดินยกมือปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และเดินมุ่งไปยืนอยู่หน้าลิฟท์ตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้กดเรียกลิฟท์ ขณะที่สื่อมวลชนได้กรูเข้าไปรุมล้อมโดยทุกคนต่างยิงคำถามอยู่ด้านหลังนายสมัคร โดยนายสมัครไม่ยอมหันหน้าเข้าหากล้องของช่างภาพและสื่อมวลชน

กระทั่งได้หลุดปากออกมาว่า 'ไม่ควรพูด ไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่มีใครว่าอะไรผม ใครจะว่าอะไรผม ไม่ให้สัมภาษณ์ก็แล้วกันนะ' นายสมัครกล่าวพร้อมกับหัวเราะ เมื่อผู้สื่อถามว่าในฐานะที่นายสมัครเป็นผู้เปิดเผยเอกสาร จะยืนยันว่าเอกสารเป็นของจริงหรือไม่นั้น นายสมัคร กล่าวว่า จะพูดได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการฯ เป็นผู้ดูแล ส่วนเมื่อถามว่านายสมัครคาดหวังกับคณะกรรมการชุดนี้แค่ไหนนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ขอตอบคำถามเรื่องนี้ เมื่อถามว่าก่อนที่นายสมัครจะนำเอกสารมาเปิดเผย ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นเอกสารจริง นายสมัคร กล่าวว่า 'วิธีการทำไง ช่วยแนะนำหน่อยซิว่าวิธีการทำไง' โดยผู้สื่อข่าวตอบว่า 'อย่างน้อยก็ต้องสอบถามฝ่ายกฎหมายก่อน'

'ฝ่ายกฎหมายมันเก่งกว่าผมหรือ คุณไม่รู้หรือว่าผมจบนิติศาสตร์บัณฑิต' นายสมัครกล่าว. เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบความจริงแล้วใช่หรือไม่ นายสมัครไม่ตอบได้แต่หัวเราะ เมื่อถามว่าสัปดาห์ที่แล้วมีการร้องเรียนว่ามีการตัดต่อข้อมูลในเอกสารดังกล่าว พรรคพลังประชาชนจะดำเนินกับผู้ร้องเรียนหรือไม่นั้น นายสมัคร กล่าวว่า 'เรื่องของเขา เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของผม'. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสมัครยืนรอลิฟท์เป็นเวลานาน นายสมัครจึงกล่าวและโวยวายว่า 'เอ๊ะทำไมลิฟท์ยังไม่มา' พร้อมยกมือเคาะประตูลิฟท์จนเกิดเสียงดัง และกล่าวขึ้นว่า 'กดหน่อยๆ ' โดยสื่อมวลชนยืนหัวเราะอย่างครึกครื้น เนื่องจากนายสมัครหันหน้าเข้าหาลิฟท์ตลอดเวลา โดยลืมกดเรียกลิฟท์

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ กกต. ได้เชิญให้นายสมัครขึ้นลิฟท์อีกตัวหนึ่งที่เปิดรออยู่ จากนั้นนายสมัครเดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนที่เบียดเสียดไปยังลิฟท์ตัวนั้น พร้อมหันหน้ามาทางสื่อมวลชนและพูดอย่างมีอารมณ์หงุดหงิดว่า 'บอกแล้วว่าไม่ตอบคำถามนะ ก็ต้องไม่ตอบคำถาม ถ้าตอบแล้วเดี๋ยวมีเรื่องอีก รู้จักคำว่าไม่ตอบไหม' และเดินเข้าลิฟท์ไป

8.4 เตรียมเรียก 'บิ๊กบัง-พ.อ.' เข้าให้ข้อมูล ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ด้านนายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเอกสารลับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า, ที่ประชุมมีมติว่ายังไม่ควรเปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้ผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งต่อไปจะมีในวันที่ 14 พ.ย. โดยคณะกรรมการฯ ได้เชิญตัวแทนบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน และหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์เข้าให้ข้อมูล ส่วนในวันที่ 15 พ.ย.นี้ คณะกรรมการฯ ได้เชิญตัวแทนจากฝ่ายทหาร ในฐานะผู้ถูกกล่าว ได้แก่ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และ พ.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก ซึ่งถูกระบุในเอกสารลับเข้าให้ข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน

'หากพล.อ.สนธิ จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง ทางคณะกรรมการฯ ก็ยินดี เพราะคณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือเชิญ พล.อ.สนธิ ไปแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าพล.อ.สนธิจะมอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หรือบุคคลอื่นเข้าชี้แจงแทนหรือไม่' ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกล่าว และว่า สำหรับข้อมูลในวันนี้ก็ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสืบสวนต่อไป. ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ นายสุพลกล่าวว่า หากการให้ข้อมูลยังไม่ได้ข้อเท็จจริง ก็มีการพูดกันว่าอาจจะต้องใช้กระบวนการนี้ก็ได้

9. วางกรอบสอบเอกสารลับ คมช. สุพล คาดสรุปผลก่อนเลือกตั้ง
กรรมการสอบเอกสารลับ คมช. เริ่มวางกรอบการทำงานแล้ว สุพล คาดสรุปผลเสร็จก่อนเลือกตั้ง ด้าน สมัคร ท้า สนธิ ฟ้องปูดทหารปืนจ่อหัว. นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเอกสารลับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) สกัดพรรคพลังประชาชนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุมครั้งแรกว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการพิจารณาเป็น 3 แนวทาง คือ

1. สอบผู้ร้องคือสมาพันธ์ประชาธิปไตย และผู้ให้เอกสารคือพรรคพลังประชาชน
2. เชิญบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ได้ลงข้อความเอกสารลับมาให้ถ้อยคำ
3. สอบทางฝ่ายทหารว่าเอกสารลับที่มีการเผยแพร่นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ โดยขึ้นอยู่กับฝ่ายทหารจะส่งตัวแทน หรือผู้ถูกกล่าวอ้างมาให้ถ้อยคำเองก็ได้ ซึ่งผู้ที่คณะกรรมการจะเชิญมาทั้งหมดนั้นจะมาหรือไม่มาก็ได้ แต่ถ้าไม่มาย่อมเป็นผลเสียแก่ตนเอง

นายสุพลยังกล่าวอีกว่า จะประชุมครั้งหน้าในวันที่ 13 พฤศจิกายน โดยคณะกรรมการจะเชิญสมาพันธ์ประชาธิปไตยมาให้ถ้อยคำเป็นลำดับแรกในฐานะผู้ร้อง โดยขณะนี้เอกสารที่คณะกรรมการมีอยู่เป็นสำเนาของพรรคพลังประชาชนที่ยื่นมา และจากที่เผยแพร่ทางสื่อยังมีไม่ครบถ้วน จึงต้องพิสูจน์ว่าเอกสารดังกล่าวว่ามีจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเอกสารเท็จคณะกรรมการชุดนี้ก็ต้องยุติเรื่อง ส่วนระยะการสอบไม่ได้กำหนด แต่เห็นตรงกันว่าต้องเสร็จก่อนวันเลือกตั้ง

ด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึง คมช.ออกมาปฏิเสธกรณีที่ผู้ช่วยของนายชัยศรี กีฬา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ พรรคพลังประชาชน อ้างว่าถูกทหารใช้ปืนจ่อท้ายทอยว่า ไม่เข้าใจว่าทำไม คมช.ถึงบอกว่าไม่เป็นเรื่องจริง แต่เรื่องการจ่ายเงินซื้อเสียงรายละ 5,000 บาท กลับบอกว่าเป็นเรื่องจริง แบบนี้มันแสดงว่าอะไร?

ส่วนกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงขู่เตรียมจะฟ้องกลับผู้แจ้งข่าวเท็จ เรื่องทหารข่มขู่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน, นายสมัคร กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมข่าวลือกลุ่มอำนาจเก่าทุ่มเงินซื้อเสียง 2 หมื่นล้านบาท กลับเห็นว่าเป็นเรื่องจริง แต่ขณะที่ผู้สมัครของพรรคฯ ถูกทหารใช้ปืนข่มขู่ ซึ่งมีทั้งพยานและหลักฐาน แต่ฝ่ายที่มีหน้าที่ตรวจสอบบอกว่าไม่จริง ซึ่งถ้าคิดว่าตนกล่าวหาทหาร ก็พร้อมให้ดำเนินคดี

ข้อมูลจาก: คม ชัด ลึก http://www.komchadluek.net/2007/11/07/k001_168993.php?news_id=168993

10. รัฐธรรมนูญพ่นพิษ คมช.อ้าง ม.309 'ทำถูกเสมอ'!

ให้ กกต.กลับคำวินิจฉัยกรณีเอกสารลับ
ประชาไท - เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำหนังสือถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ กรณีที่มีการตัดสินว่า หนังสือซึ่งออกโดย คมช. (หนังสือ สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) เข้าข่ายความผิด 'เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง' ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา๕๗

ทั้งนี้ เนื้อความในจดหมายระบุว่า ขอให้มีการทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือลับ-ด่วนมาก ฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีใจความว่า (การดำเนินการของ คมช.) "ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๔๙ มาตรา ๓๔ วรรค ๑ และมาตรา ๓๗ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน มาตรา ๒๙๘ และมาตรา ๓๐๙ ให้ถือว่าการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.๒๕๕๐) เป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ"

การลงมติในสัดส่วน 4 ต่อ 3 ของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน จึงอาจถูกยกเลิก ด้วยเหตุผลดังกล่าว นอกจากนี้ พล.อ.สมเจตน์ยังได้ร้องเรียนให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนดำเนินการพิจารณาหลักฐานที่ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) นำมาเสนอต่อสื่อมวลชนและคณะกรรมการสืบสวนฯ ด้วย เพราะเห็นว่ามีเนื้อหาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ปรากฎในเอกสารลับ จึงเกรงว่านายสมัครจะทำเอกสารปลอมขึ้นมา โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมือง (ดาวโหลดเอกสาร คมช. ๐๐๐๒/๑๗๗๐ เรื่องขอให้ทบทวนบทบาทการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่นี่)
http://www.prachatai.com/05web/th/home/10407

10.1 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์

เลขที่รับ.......1214....................................................
วันที่.............30/11/50..........................................
ที่ คมช ๐๐๐๒/ ๑๗๗๐ สำนักเลขาธิการ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร
กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

เรื่อง ขอให้ทบทวนบทบาทการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน
กราบเรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสาธารณะว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้มีมติเมื่อ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ว่าหนังสือ สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ มีเนื้อหาที่น่าจะเข้าข่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา๕๗ นั้น

สำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้กรุณาพิจารณาทบทวนการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยมีเหตุผลดังนี้

๑. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติได้แปรสภาพมาจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้สึกสามัคคีของคนในชาติ อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย, การบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานองค์กรอิสระถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจึงมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหตุแห่งการยึดอำนาจสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

อนึ่ง เป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไป ทั้งจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน และจากการแถลงของหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองคนสำคัญพรรคหนึ่งว่าพรรคการเมืองนั้นก่อตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกยึดอำนาจ ทั้งยังมีการกระทำอีกหลายประการที่แสดงให้เห็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนดังกล่าวอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองนั้น เช่น การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคนั้นถ่ายภาพคู่กับอดีตนายกรัฐมนตรีมาหาเสียงเลือกตั้ง การประกาศโดยหัวหน้าพรรคการเมืองนั้นว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะยกเลิก คตส. และตนพร้อมที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญที่สุด คนใกล้ชิดของอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคนสำคัญ ประกาศชัดเจนว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลก็พร้อมที่จะกลับมา "คิดบัญชี" กับผู้เกี่ยวข้องอันเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย และสร้างความแตกสามัคคีให้สืบเนื่องต่อไป

การกระทำทั้งหมดนี้เป็นการขัดอย่างชัดแจ้งต่อเจตนารมณ์แห่งการยึดอำนาจดังที่ปรากฎอยู่ในคำปรารภของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ และขัดต่อประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับคณะรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการป้องปรามมิให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการทำลายความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความมั่นคงของชาตินั้น ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๔๙ มาตรา ๓๔ วรรค ๑ และมาตรา ๓๗ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน มาตรา ๒๙๘ และมาตรา ๓๐๙ ให้ถือว่าการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.๒๕๕๐) เป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

๒. ข้อกล่าวหาที่ว่าหนังสือ สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ มีเนื้อหาที่จะเข้าข่ายเจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งนั้น หากพิจารณาจากต้นฉบับแล้วจะพบว่าเป็นการนำเอาข้อความหรือข้อเท็จจริงที่สังคมได้รับทราบโดยทั่วไป โดยผ่านการวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ และสื่อมวลชนอื่นที่แพร่หลายอยู่แล้วมากล่าวถึงเท่านั้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตามมาตรา ๕๗ วรรค ๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติพร้อมที่จะให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบเอกสารต้นฉบับนี้ได้

๓. อนึ่ง เอกสารซึ่งหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งนำมากล่าวอ้าง ดังที่ปรากฎอยู่ในสื่อมวลชน มีการเพิ่มเติมข้อความในสาระสำคัญหลายที่ เพื่อแสดงให้เห็นว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจงใจทำลายพรรคการเมืองของตน โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมือง อันเป็นการปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนจึงน่าจะนำประเด็นที่มาของเอกสารมาพิจารณาก่อนว่า เอกสารที่ผู้ร้องนำมาใช้ เป็นการทำหรือใช้เอกสารปลอมหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบครบถ้วนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
จึงเรียนมาเพื่อทราบเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม
ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ

10.2 โยนเผือกร้อนใส่มือ กกต. ตัดสิน 'เอกสารลับ' มัด คมช. ไม่เป็นกลางหรือไม่
ประชาไท - นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีเอกสารลับ แผนปฏิบัติการข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำขึ้นซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) ระบุว่า เป็นการวางแผนเพื่อสกัดมิให้พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนว่า แม้สื่อมวลชนจะเสนอข่าวว่าคณะกรรมการมีมติออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 3 ว่า กองทัพไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองก็ตาม จะไม่ขอยืนยันว่าข้อมูลนั้นถูกหรือผิด จะไม่ขยายความเพิ่มเติมอีก เพราะกรรมการได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่เปิดเผยมติของที่ประชุม สำหรับการประชุมนัดสุดท้าย คณะกรรมการเข้าประชุมครบ 7 คน และจะลงนามส่งผลให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ภายในวันนี้ รายงานมีเพียง 17-18 หน้าเท่านั้น

นายสุพลกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการไม่ได้มุ่งเน้นสอบสวนเอกสารจากทั้งฝ่ายกองทัพและพรรคพลังประชาชนเป็นเอกสารจริงหรือปลอม แต่มองว่า เนื้อความในเอกสารส่งผลต่อการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมตามที่สมาพันธ์ประชาธิปไตยร้องเรียนหรือไม่ จากนั้นหยิบยก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนรษฎร(ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) พ.ศ. 2550 โดยเฉพาะมาตรา 57 เรื่องความเป็นกลางทางการเมืองของข้าราชการเป็นหลัก เพราะต้องวินิจฉัยว่าฝ่าย คมช. ทำผิดมาตรานี้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลการรายงานของสื่อมวลชนเป็นจริง นั่นหมายความว่า กองทัพไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง นายสุพลกล่าวว่า ถือเป็นประเด็นที่วินิจฉัยและได้เสนอในรายงานการสอบสวนว่ามีความเป็นกลางหรือไม่อย่างไร แต่ไม่มีอำนาจไปชี้ถูกชี้ผิด ไม่ได้มีอำนาจหาผู้รับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น ไม่ได้เสนอเห็นควรแจ้งข้อกล่าวหากับใคร ในรายงานบอกเพียงว่า เป็นเรื่องสำคัญ กรรมการมีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ แล้วให้ กกต.ไปพิจารณาผู้เปิดเผยผลสอบเอง กกต.มีสิทธิไม่เห็นด้วยก็ได้

เมื่อถามว่า หากผลการสอบสวนระบุว่ากองทัพไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง บุคคลที่มีความผิดก็มีเพียงผู้ลงลายเซ็นในเอกสารเท่านั้น นายสุพลกล่าวว่า ตามหลักกฎหมายแล้วองค์กรไม่สามารถทำความผิดได้ การกระทำความผิดต้องเป็นตัวบุคคลเป็นหลัก ถ้านิติบุคคลใดกระทำความผิด ผู้แทนของนิติบุคคลนั้นก็จะต้องเป็นผู้ร่วมทำความผิดด้วย. แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนเอกสารลับเปิดเผยว่า คณะกรรมการวินิจฉัยเพียงว่าเอกสารดังกล่าวส่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจโดยมิชอบ และเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายจนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ร้อง ส่วนเรื่องเอกสารจริงหรือปลอม ควรเป็นหน้าที่ศาล ทั้งนี้รายงานผลการสืบสวนจึงอธิบายความเห็นของกรรมการแต่ละคนทั้งเสียงข้างมาก 4 เสียงที่เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐผู้จัดทำเอกสารลับวางตัวไม่เป็นกลาง ฝ่าฝืนมาตรา 57 วรรคหนึ่ง และเสียงข้างน้อย 3 เสียง ที่เห็นว่า แม้มีการปฏิบัติที่ไม่เป็นกลาง แต่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 57 วรรคสอง ที่เห็นว่า คมช.และกองทัพบกมีหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง จึงถือว่า เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ตามปกติที่พึงปฏิบัติในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น รวมทั้งชี้ชัดว่า การกระทำเป็นความผิดอย่างไร เกิดขึ้นด้วยเหตุใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการชุดนายสุพลหลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง กกต. กล่าวคือไม่แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ กกต. มีคำสั่งที่ 288/2550 แต่งตั้งคณะกรรมการ และระบุอำนาจให้วินิจฉัยหรือเกี่ยวกับประเด็นในเรื่องที่สืบสวนสอบสวนดังกล่าว ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลจนสิ้นกระแสความ และมีอำนาจแจ้งข้อกล่าวหาและอธิบายข้อเท็จจริง หรือแสดงหลักฐานแทน กกต.เสร็จแล้วให้รายงานต่อ กกต.

ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า จะนำรายงานของกรรมการเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ภายในวันที่ 30 พ.ย. หากไม่ทันก็ไปเข้าวันอังคารที่ 4 ธันวาคม ส่วนจะยึดตามผลสอบของคณะกรรมการหรือไม่นั้น ยังบอกไม่ได้ ต้องให้ กกต.ทั้ง 5 คนวินิจฉัย ต้องดูให้ละเอียดว่าความเห็นของกรรมการสอบสวนแต่ละคนเป็นอย่างไร? "ก่อนหน้านี้มีการหารือใน กกต. ผมเห็นว่า กกต.ควรจะชี้ให้ชัดว่า เอกสารจริงหรือปลอม แต่มี กกต.บางคนมองว่าควรเป็นหน้าที่ศาล ถ้าเป็นอย่างนั้น กกต.จะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบเพื่ออะไร เรื่องนี้ กกต.น่าจะพิจารณาได้โดยไม่ต้องนำกลับไปสอบเพิ่มเติม" นายอภิชาตกล่าว

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.วินิจฉัยเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีทิศทางเดียวกันกับคณะกรรมการก็ได้ แต่จะนำผลการรายงานมาประกอบดุลพินิจและประกอบข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงต้องดูรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดด้วย หากผลการประชุมระบุว่า กองทัพกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย คงไม่มีผลให้ยุบกองทัพ แต่จะเป็นความผิดส่วนบุคคล ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ คมช.วางตัวไม่เป็นกลาง กกต.จะดำเนินการอย่างไร? นายประพันธ์กล่าวว่า จะยึดระเบียบและกฎหมายเป็นหลัก และจะให้คำตอบได้ในการประชุมวันที่ 4 ธันวาคมนี้

10.3 นายกฯ จ่อขยับเก้าอี้ 'สนธิ' ถ้าผิดจริง
ขณะที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมติของคณะกรรมการสอบสวน กรณีเอกสารลับสรุปการทำหน้าที่ของ คมช.ไม่เป็นกลางว่า คงต้องรอการตรวจสอบของ กกต. ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี อดีตประธาน คมช. เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์แก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) จะทำให้ภาพการเลือกตั้งไม่เป็นกลางหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า กกต.จะเป็นผู้ชี้ เมื่อ กกต.ชี้แล้ว จึงค่อยปฏิบัติ ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องดำเนินการอะไร

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าหาก กกต.ชี้มูลก็จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ พล.อ.สนธิใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า "ครับ อันนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการ เมื่อ กกต.ได้ชี้ออกมาแล้ว" เมื่อถามว่า รัฐบาลยืนยันได้ใช่หรือไม่ว่า รัฐบาลจะเป็นกลาง และไม่ให้มีความลำเอียงเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า แน่นอน ส่วนนี้รัฐบาลสามารถยืนยันได้ เพราะรัฐบาลเองพยายามดำเนินการเรื่องความเป็นกลางอย่างเต็มที่

พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ต้องเคารพการตัดสิน เมื่อ กกต.ตกลงใจ หรือมีคำสั่งอะไรออกมากองทัพก็ต้องปฏิบัติตาม. ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร? พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า ต้องถามกองทัพบก และ คมช. คิดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อกองทัพ เพราะกองทัพบก และ คมช.เป็นผู้ทำเอกสารนี้ขึ้นมา

ส่วนพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธาน คมช. กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเอกสารลับผิดกฎหมายประเด็นใด แต่เข้าใจว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารภายในกองทัพซึ่งออกก่อนที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ จะประกาศบังคับใช้ แต่ไม่ว่าจะผิดหรือถูกต้องว่ากันตามกฎหมาย เพราะสิ่งที่ทำไปแล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่ไม่น่าจะมีอะไรผิด, "เราต้องไปดูว่าคำสั่งนั้นออกหลังจากมีกฎหมายแล้วหรือยัง ถ้าเอกสารทำก่อนจะไปผิดได้อย่างไร ไม่ผิดเพราะเอกสารออกก่อน กฎหมายจะย้อนหลังได้อย่างไร? และเอกสารดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ เพราะเนื้อหาเป็นการพูดในเรื่องทั่วไป คือการส่งเสริมให้คนเข้าใจทำในสิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ควรทำ เอกสารพูดแค่นั้น เอกสารไม่ได้พูดว่าจะต้องทำลายล้าง คำสั่งที่ออกมายังคงมีอยู่ และไม่ยกเลิก ไม่ได้สั่งให้สกัดกั้น แต่เป็นการเสนอแนะ" รักษาการประธาน คมช.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าพรรคการเมืองจะฟ้องร้อง คมช. พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า ไม่สนใจ ส่วนการเลือกตั้งเป็นเรื่องของรัฐบาลและ กกต. โดย กกต. และรัฐบาลทำเรื่องขอความร่วมมือจากทหาร หากทหารไม่ส่งกำลังไปช่วยเหลือ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ทหารไม่ได้เข้าไปทำอะไร แต่เข้าไปอำนวยความสะดวก และไม่ได้สกัดกั้นพรรคการเมือง เพราะผิดกฎหมาย

เรียบเรียงจาก มติชน

11. 'กลาโหม' สั่ง ทบ.สอบเอกสารลับรั่ว - ชี้ข้อมูลถูกดัดแปลง
'สมเจตน์'ชี้เอกสารลับบิดเบือนข้อมูลจากฉบับจริง. กกต.อ้ำอึ้งไม่ตอบเอกสารลับผิดอาญาหรือไม่. 'บุญรอด' สั่งคุมเข้มเอกสารลับ. นายกฯ ระบุจะนำไปหารือกรณีเอกสารลับกับ 'ชลิต'. ด้าน รมว.กห.ให้ คมช.สอบที่มา ก่อนหน้านี้. 'สนธิ' ยอมรับเป็นเอกสารกองทัพจริง อ้างทำเพื่อความสงบ. กกต.รับลูก'สมัคร' เตรียมขอเอกสารลับมาสอบ

กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) อ้างว่ามีเอกสารลับหน่วยราชการวางแผนสกัดกลุ่มอำนาจเก่าและพรรค พปช.ไม่ให้กลับมามีอำนาจ และเด็ดหัวนายสมัครรวมถึงดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆรวมถึงการสร้างข่าวลือโจมตีกลุ่มอำนาจเก่า ใช้ข่าวลือในสื่อซึ่งมีนายทหารยศพันเอกได้นำเสนอต่อผู้บังคับบัญชานั้น

11.1 สมเจตน์'ชี้เอกสารลับบิดเบือนข้อมูลจากฉบับจริง
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นำเอกสารลับของ คมช. เกี่ยวกับการสกัดพรรคพลังประชาชนออกมาเผยแพร่ว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีการนำเอกสารทางราชการ 2 ฉบับมาดัดแปลง โดยฉบับแรกเป็นเอกสารของ สนง.เลขาธิการ คมช. ลงชื่อ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และหัวหน้า สนง. เกี่ยวกับการรณรงค์ประชาธิปไตยในหน่วยทหาร เพื่อเตรียมการรณรงค์เลือกตั้ง แต่อีกฉบับเป็นเอกสารใดไม่ทราบได้ โดยนำหัวและท้ายเอกสารไปประกอบให้เห็นว่าเป็นเอกสารฉบับเดียวกัน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อมูลในเอกสารฉบับจริงไปดัดแปลง

11.2 นักการเมืองโกหกสารพัดเพื่อให้คนสงสาร
เมื่อถามว่า การนำเอกสารลับ คมช. ออกเผยแพร่เป็นฝีมือคนใน คมช. หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า 'คนใน คมช. มีหลายระดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีเป็น 100 คน และบางครั้ง คมช. เชิญหน่วยงานอื่นมาประชุมก็แจกจ่ายเอกสารให้ไปหมด บางคนเมื่อได้ไปก็นำไปบิดเบือนทำให้ใหญ่โต เมื่อคนเราวัวสันหลังหวะอยู่แล้ว ก็สร้างภาพให้เห็นว่าถูกรังแก นักการเมืองบางคนก็วางระเบิดหน้าบ้านตัวเอง ยิงปืนถล่มบ้านตัวเอง หรือแม้กระทั่งโกหกสารพัดเพื่อให้คนสงสาร นักการเมืองพวกนี้ทำได้หมดเพื่อให้ตัวเองน่าสงสาร'

11.3 'ประพันธ์' อ้ำอึ้งไม่ตอบเอกสารลับผิดอาญาหรือไม่
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีเอกสารลับที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) นำมาเปิดเผย โดยมีข้อความทำนองสกัดกั้นพรรค พปช. โดยเมื่อถามว่าหากคมช.กระทำตามที่เอกสารระบุจริง จะต้องรับโทษทางอาญาหรือไม่, นายประพันธ์ นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า เรื่องเอกสารที่ระบุว่าเป็นของ คมช. และเรื่องที่หัวหน้าพรรคการเมืองออกมาระบุว่า มีการซื้อตัว ส.ส.ด้วยเงินจำนวน 40 ล้านบาทนั้น กกต.ได้มีมติว่า จะมอบหมายให้นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะส่งหนังสือยังผู้ออกมาให้ข่าว เพื่อให้นำข้อมูลดังกล่าวมามอบให้แก่ กกต.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากฝ่ายรัฐกระทำตามที่เอกสารดังกล่าวระบุ เช่น การใส่ร้ายกลุ่มอำนาจเก่า จะมีความผิดทางอาญาหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าถ้อยคำในเอกสารระบุว่าอย่างไร? อย่างไรก็ตาม กกต.ต้องทำงานด้วยความเป็นกลางและไม่อยู่ภายใต้การสั่งการของใคร ดังนั้น เมื่อผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองออกมาระบุถึงเรื่องดังกล่าว กกต.จึงต้องขอให้ท่านชี้แจงข้อเท็จจริงและมอบข้อมูลให้กกต. ส่วนการตรวจสอบดังกล่าวจะต้องตรวจสอบครอบคลุมถึง พล.อ.สนธิด้วยหรือไม่นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องขอดูเอกสารก่อนที่จะดำเนินการอื่นๆ ต่อไปได้ และหากบุคคลดังกล่าวไม่ยอมให้ข้อมูลแก่ กกต.นั้น ก็ต้องรับโทษทางอาญา

11.4 'สนธิ'ชี้' สมัคร'เรียกคะแนนสงสาร
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือของปลอม เป็นเรื่องที่ทางกองทัพบกต้องตรวจสอบ ทั้งนี้ ภัยคุกคามทางการเมืองและความแตกแยกทางการเมืองเป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่ง และไม่ใช่การสกัดกั้นการดำเนินการทางการเมือง แต่เป็นการสกัดกั้นปัญหาการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง

'ที่นายสมัครออกมาพูด มองว่าเป็นการพูดทางการเมือง เพื่อให้เกิดภาพความสงสารให้ประชาชนเห็นว่ากำลังถูกรังแก เหมือนเมื่อครั้งที่นายเนวิน ชิดชอบ ออกมาระบุบว่าถูก คมช.จับแก้ผ้า ซึ่งเป็นกุศโลบายทางการเมืองเรื่องของการหาเสียง เราไม่กังวลว่าประชาชนจะเข้าใจผิด เพราะทหารอยู่ในพื้นที่และเร่งทำความเข้าใจว่า คมช.ไม่คิดรังแกใคร' พล.อ.สนธิกล่าว. เมื่อถามว่า เหตุที่เอกสารลับรั่วเพราะความแตกแยกในกองทัพหรือไม่? พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นมานานแล้ว ถึงบอกว่ากองทัพจะทำอะไรต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ หากไม่บริสุทธิ์ปัญหาก็จะตามมา

11.5 'กลาโหมสั่ง'ทบ.'สอบเอกสารลับรั่ว
พล.ท.พิชษณุ ปุจฉาการ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือถึงเอกสารลับ แต่ พล.อ.บุญรอดเน้นย้ำในมาตรการรักษาความปลอดภัยในเรื่องสถานที่และเอกสาร ซึ่งเกิดมาหลายครั้ง จึงสั่งการให้วางมาตรการให้เข้มขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นความหละหลวมที่จะต้องสอบสวนกัน ซึ่งกองทัพบกคงจะสอบสวนเรื่องนี้ เอกสารดังกล่าวอาจเป็นเอกสารจริงหรือไม่จริงบางส่วนได้ ขอเวลาให้กองทัพบกสอบสวน. 'อาจเป็นไปได้มีเอกสารดังกล่าวถูกตัดต่อ แต่ขอให้รอการตรวจสอบที่ถูกต้องก่อน หากความจริงปรากฏขึ้น กองทัพบกจะแถลงให้สาธารณชนรับทราบ' พล.ท.พิชษณุกล่าว

11.6 เผย'แม้ว'ไม่สบายใจเอกสารลับ คมช.
ที่ทำการพรรคพลังประชาชน อาคารไอเอฟซีที. นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงว่า จากการโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความไม่สบายใจอย่างมากเกี่ยวกับเอกสารลับของ คมช. โดยเฉพาะเนื้อหาที่ระบุว่าใช้ข่าวลือ ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีแนวทางการบริหารประเทศโดยระบอบประธานาธิบดี รวมถึงการชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณจ้างสื่อต่างประเทศลงบทความโจมตีสถาบัน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีทางทำเช่นนั้น เพราะมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ

นายนพดลกล่าวว่า จากเนื้อหายังสะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมามีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเสียหาย แต่เราไม่อยากดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตประธาน คมช. แต่อยากชี้ให้เห็นว่า มีขบวนการใช้ข่าวลือโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้ฝากว่า ขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว

11.7 กกต.ขอเอกสารลับจาก'สมัคร'
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้งกล่าวว่า กกต.มีมติมอบหมายให้นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาฯ กกต. ติดต่อขอเอกสารจากผู้ที่ให้ข้อมูลว่า มีการซื้อตัว ส.ส.จำนวน 30-40 ล้านบาทต่อคน รวมถึงเรื่องเอกสารลับของ คมช. ที่สกัดกั้นบางพรรคว่า มีข้อมูลและหลักฐานเพื่อให้ กกต.พิจารณาอย่างไรบ้าง เมื่อมีคนระดับผู้ใหญ่มาพูดก็จะต้องขอให้ช่วยให้ข้อเท็จจริงมา เบื้องต้นอาจจะทำเป็นหนังสือให้ข้อมูลมาก่อนก็ได้ หรือจะเดินทางมาเองก็ได้ เพื่อที่จะดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ? 'หาก กกต.ขอข้อมูลไปแล้ว ไม่ให้ความร่วมมือตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ในมาตรา 26 และมาตรา 44 บุคคลนั้นอาจจะมีโทษทางอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ'นายประพันธ์กล่าว

11.8 นายกฯ เล็งถก คมช.สางปมเอกสารลับ-ให้ชลิตแจง
วันที่ 25 ตุลาคม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ว่า จะหารือกับพลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเอกสารที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาเปิดเผยให้สื่อมวลชนได้รับทราบ ส่วนจะมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ทาง คมช.จะเป็นผู้พิจารณาและดำเนินการต่อไป

11.9 'บุญรอด' เผยให้ คมช.สอบที่มาเอกสารลับ โต้ 'สมัคร' คิดไปเองมีคนปองร้าย
จากนั้น พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาเปิดเผยเอกสารลับของ คมช.เพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนว่า ต้องให้ คมช. ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ 2-3 หน้า เป็นเรื่องธรรมดาว่า ที่ผ่านมา คมช.จะต้องทำอย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมา แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้วจะต้องหยุด และต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ หากว่าจริงแล้วหลุดออกมาได้อย่างไร ? ซึ่งหากเป็นเอกสารของเราต้องนำมาตรวจสอบสอบสวน และมีมาตรการที่จะรักษาความปลอดภัยด้านเอกสาร

ส่วนความเป็นไปได้ที่ คมช. จะขัดแย้งกันเองทำให้ปล่อยเอกสารให้ฝ่ายตรงข้าม, พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า 'อย่าไปว่าเฉพาะใน คมช. ต้องดูในภาพกว้าง ตอนนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้เลย หากเป็นเอกสารจริง ต้องดูว่าเอกสารนี้ไปถึงไหน ซึ่งจะรู้ได้ว่าหลุดออกมาจากที่ไหน?' ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ คมช. สกัดกลุ่มอำนาจเก่าเหมาะสมหรือไม่? พล.อ.บุญรอด กล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ดูแล้วเป้าหมายดี เพราะเป้าหมายในตอนท้าย คือ การสร้างรากฐานประชาธิปไตยคืนอำนาจให้ปวงชน และสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป้าหมายสุดท้ายเห็นว่า มีการป้องกันและป้องปรามไม่ให้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เข้ามาปกครองประเทศบริหารประเทศ คิดว่าเป็นเป้าหมายที่ดี. เมื่อถามว่า ให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่า คมช.จะให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า มั่นใจ และได้คุยกับสมาชิก คมช. 3 คน ช่วงเช้าแล้ว ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งตามที่ กกต. กำหนดมา ซึ่งแต่ละคนต้องไปสั่งหน่วยของตนให้ฟังกฎกติกา

11.10 ประชาชนเป็นคนเลือกว่าต้องการกลุ่มอำนาจเก่ากลับมาหรือไม่
พล.อ.บุญรอด กล่าวถึงกรณีที่ คมช. จะระแวงหรือไม่ว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะขึ้นมาบริหารประเทศอีกครั้ง. ตอนนี้ไม่ได้พูดกัน แต่เราทำดีที่สุดแล้ว หมายถึงก่อนหน้านี้มีการแจ้งให้ประชาชนทั่วไปทราบความไม่ดีของระบอบเก่าที่มีการคอรัปชั่น ซึ่งช่วงนี้ต้องรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงความเสียหายในการขายเสียง ทั้งนี้ หน่วยที่เกี่ยวข้องที่ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง คิดว่าการทำทั้งก่อนและระหว่างการเลือกตั้ง ประชาชนน่าจะตัดสินได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราจะต้องวางตัวเป็นกลาง ที่ผ่านมาถือว่าได้ทำสำเร็จแล้วจนกระทั่งมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่หากว่าประชาชนยังเลือกกลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ถือว่าเขาได้กลับมาตามระบอบประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มองหรือไม่ว่าที่นายสมัครออกมาเปิดเผยเอกสารลับ เพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากประชาชนเพื่อให้เลือกกลุ่มอำนาจเก่า. พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้องมองทั้งสองด้าน บางคนก็มองว่าเขาถูกรังแกและต้องเห็นใจคนที่ถูกรังแก แต่อีกด้านคนอาจจะมองถึงข้อเท็จจริงว่า เป้าหมายที่ คมช.ออกมาเพื่ออะไร ซึ่งไม่ได้เป็นการรังแกใคร แต่เป้าหมายคือต้องการทำเพื่อประเทศชาติ มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองประเทศได้. เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมัครระบุว่า คมช. ส่งคนมาลอบสังหาร พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า "ไม่ถึงขนาดนั้น คงไม่มีใครคิดถึงขนาดนั้น ท่านคงปรุงแต่งไปเอง จิตของท่านคงปรุงแต่งไปเรื่อยๆ คงไม่" เมื่อถามว่า หากกลุ่มอำนาจเก่ากลับมาคมช.จะทำอย่างไร? พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า "คมช.ยุบไปแล้ว"

ข้อมูลจาก: มติชน

12. 'สมชาย' ชี้ คมช. ตีความ ม.309 ล้นฟ้า ทำลายหลักการรัฐธรรมนูญ
ประชาไท: ตามที่วันนี้ (30 พ.ย.) พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำหนังสือที่ คมช ๐๐๐๒/ ๑๗๗๐ ถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ กกต. ยืนยันการออกหนังสือลับ-ด่วนมาก เป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่า คมช. มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการป้องปรามมิให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการทำลายความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๔๙ มาตรา ๓๔ วรรค ๑ และมาตรา ๓๗ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน มาตรา ๒๙๘ และมาตรา ๓๐๙ ให้ถือว่าการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.๒๕๕๐) เป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และขอให้ กกต. พิจารณาทบทวนบทบาทการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนนั้น

ด้าน ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า หาก คมช. ตีความมาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 แบบกว้าง จะทำให้ตัวรัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างหลักการแห่งความขัดแย้งขึ้นมา ทั้งที่หลักการพื้นฐานของการเลือกตั้ง และการลงประชามติ รัฐต้องวางตัวเป็นกลางและเป็นธรรม ซึ่งหลักการนี้ รัฐธรรมนูญก็รับรองเอาไว้ แต่ 309 เราตีความยอมรับว่าทำทุกอย่างชอบธรรม แล้วหลักการเลือกตั้งก็ถูกลบไปง่ายๆ หลักการในรัฐธรรมนูญก็จะถูกลบไปหมดเลย

"ผมอยากรู้ว่า กับเรื่องเอกสารลับดังกล่าว กกต. จะมีน้ำยาขนาดไหน? ที่ผ่านมา กกต.พูดเรื่องความเป็นกลาง ความเป็นธรรมในการลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้ง และมักใช้อำนาจกับประชาชนและนักการเมืองอย่างเข้มข้น แต่บัดนี้ เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจที่แต่งตั้งตนขึ้นมาเอง กกต.จะยก คมช. ไว้เหนือหลักการความเป็นกลาง ความเป็นธรรมหรือเปล่า แล้วใช้หลักการความเป็นกลางและความเป็นธรรมกับประชาชนเท่านั้น ซึ่งนี่จะย่อมทำให้เห็นว่า ไม่ใช่การทำงานที่ตรงไปตรงมา"

นอกจากนี้ หากตุลาการรัฐธรรมนูญตีความ ม.309 แบบปกป้องการกระทำของรัฐ และวินิจฉัยว่าการกระทำของ คมช. เช่นนี้ ไม่ผิด สามารถทำได้ ก็จะได้เห็นกันว่า รัฐธรรมนูญที่ผู้ยกร่างอวดอ้างสรรพคุณว่าดีนักดีหนา เนื้อแท้นั้นเป็นอย่างไร และจะเห็นว่ามันเริ่มส่งกลิ่นเน่าแล้ว ผศ.สมชายกล่าว

13. 'สนธิ' แฉแผนเอกสารลับ คมช. เกมเขี่ยพ้นเก้าอี้ต้านซื้อเสียง
โดย คม ชัด ลึก วัน เสาร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2550 18:22 น.

"บิ๊กบัง" เผยปูดเอกสารลับ คมช. เกมบีบพ้น ครส. "อภิชาต" คาดสรุปเอกสารลับ คมช. 5 ธ.ค. กกต.เล็งขอเอกสารลับ คมช.ตัวจริง. "บุญรอด" โต้หนังสือออกก่อน พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง "พรรคเพื่อแผ่นดิน"ปราศรัยเดือด จวก "ขิงแก่" เละ, หลุดปากอดีต ส.ส.ทรท.แยกกันอยู่ กลับมารวมกันตีหลังเลือกตั้ง

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ มีหนังสือเลขที่ คมช.0002/1770 เสนอ กกต. เพื่อขอให้ทบทวนมติผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวนเอกสารลับที่ กกต.ตั้งขึ้น โดยนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน ว่า ยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว คงต้องถาม คมช. แต่ถ้า คมช.รู้ว่าอะไรเป็นอย่างไร ก็น่าจะเสนอแนะได้ ทั้งนี้ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีตั้งข้อสังเกตว่า คมช.ทำหนังสือดังกล่าวเพื่อช่วยตนเอง

"ผมยังไม่ได้คุยกับ คมช. เพราะถือว่าเวลานี้ออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ คมช.ต้องตัดสินใจเอง แต่ผมเห็นว่าการที่มีความพยายามนำเรื่องนี้มาดำเนินการ เพื่อให้ผมออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เป็นเรื่องปกติทางการเมือง เป็นความพยายามที่จะทำให้เป็นบวกกับฝ่ายตัวเอง" พล.อ.สนธิ กล่าว. พล.อ.สนธิ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งประธาน ครส. และย้ำว่าส่วนตัวไม่ได้ต้องการอะไร ที่ผ่านมา ถือว่าเสียสละมากพอสมควรแล้ว นอกจากนี้ยังเชื่อว่า กระแสที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ คมช.

ต่อข้อถามนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้การคุ้มครองในการอ้างเรื่องความมั่นคง เพื่อการทำลาย หรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ารัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ทำได้มากน้อยเพียงใด และเห็นว่านักกฎหมาย คมช. และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไปศึกษาพิจารณา โดยอย่ามุ่งหวังทางการเมืองมากนัก

13.1 เล็งขอเอกสารลับ คมช.ตัวจริง
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มีหนังสือเลขที่ คมช.0002/1770 เสนอ กกต. เพื่อขอให้ทบทวนผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวนเอกสารลับที่ กกต.ตั้งขึ้น โดยนายสุพล นิติธาดา เป็นประธานนั้น กกต.จะนำผลการรายงานสอบสวนเอกสารลับของคณะอนุกรรมการชุดนี้ รวมถึงหนังสือที่สำนักงานเลขาธิการ คมช. ยื่นเรื่องมาให้ทบทวน เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม กกต.ในวันที่ 4 ธันวาคม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 5 ธันวาคม

ประธาน กกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ต้องมีการพิจารณาในข้อกฎหมายที่ คมช.ทำหนังสือท้วงว่า เป็นการกระทำก่อนกฎหมายการเลือกตั้งประกาศใช้ และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ความคุ้มครอง ว่ามีผลย้อนหลังสามารถเอาผิดได้หรือไม่ รวมทั้งต้องดูข้อมูลจากคณะอนุกรรมการว่า เพียงพอต่อการวินิจฉัยหรือไม่ หากไม่เพียงอาจต้องขอเอกสารฉบับจริงจาก คมช.เพิ่มเติม. "ประเด็นสำคัญที่ กกต.จะพิจารณา คือ การวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้ง" ประธาน กกต. กล่าว. ส่วนกรณีที่ คมช.ทำหนังสือมายัง กกต.เพื่อให้ทบทวนมตินี้ ประธาน กกต. กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ ไม่เป็นการก้าวก่ายและแทรกแซงการทำงานของ กกต. เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสีย

13.2 ยันหนังสือลับออกก่อน พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
ด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่ คมช.ทำหนังสือถึง กกต.เพื่อให้ทบทวนมติคณะกรรมการสอบเอกสารลับ คมช.ที่สรุปว่าทหารผิดเพราะวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมืองนั้น คมช.ต้องการแสดงจุดยืนว่าสิ่งที่ได้ทำนั้นเป็นการทำตามหน้าที่เท่านั้น โดยไม่ได้มีข้อแนะนำอะไรให้ กกต. "เอกสารฉบับนี้ออกมาตั้งแต่เดือนกันยายน ส่วนพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเพิ่งออกมาเดือนตุลาคม ฉะนั้น ก็ทำตามหน้าที่ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นภารกิจที่ คมช.ต้องปฏิบัติ" รมว.กลาโหม กล่าว และว่า ต้องแยกสองส่วนออกจากกัน โดยในส่วนของกองทัพก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วน คมช.ก็มีบทบาทอยู่ และจะหมดบทบาทพร้อมรัฐบาลหมดวาระ

ขณะที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรักษาการประธาน คมช. กล่าวว่า หนังสือที่ คมช.ส่งไปเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูล ไม่มีเจตนาเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ กกต. เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่

13.3 นายกฯ ป้อง คมช.ไม่แทรกแซง กกต.
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ทราบข่าวตามสื่อเท่านั้นเอง เพราะรัฐบาลคงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ คมช.ทำหนังสือถึง กกต. อย่างไรก็ตาม คิดว่าไม่ได้เป็นการแทรกแซง เพราะไม่ได้เสนอให้ทบทวนมติดังกล่าว แต่เป็นการชี้แจงว่า คมช.ได้ทำอะไรในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก็คงทราบดีว่าทำไม คมช.ถึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว. ส่วนกรณีการพิจารณาให้ พล.อ.สนธิ ออกจากตำแหน่งประธาน ครส.นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.สนธิ และย้ำว่าต้องรอผลการชี้ขาดของ กกต.ว่าเป็นอย่างไร

ต่อข้อถามว่ามองหรือไม่ว่า หากพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะมีปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดไปไกล คิดแค่วันที่ 23 ธันวาคม จากนั้นค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าหลังเลือกตั้งจะไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ ยิ้มก่อนตอบว่า "ผมก็หวัง ความหวังทุกคนมี"

13.4 จวก คมช.เหิม กดดัน กกต.
ขณะที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แสดงความเห็นว่าการกระทำของ คมช.เป็นการกดดันการทำงานของ กกต.ที่เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนคาดไม่ถึงว่า คมช.จะกล้าทำถึงขนาดนี้ ซึ่งวันนี้ คมช.ต้องยอมรับว่าตัวเองหมดอำนาจแล้ว เพราะบ้านเมืองมีกฎกติกาจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยทุกองค์กรต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญทั้งสิ้น. "การที่ คมช.กลัวว่าจะถูกเราเช็กบิลนั้น แสดงให้เห็นว่า คมช.กำลังกลัวเงาตัวเองอยู่ คนที่ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรม เมื่อจะลงจากหลังเสือก็ต้องระแวงกลัวเสือกัดเป็นธรรมดา ถามว่าเขาไปแย่งอำนาจมาจากผู้มีอาวุธด้วยกันหรือไม่ "ไม่เลย" เขาแย่งอำนาจจากคนที่ไม่มีอาวุธ และถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีอาวุธอยู่ เราจะเอาอะไรไปแก้แค้น อยากให้ท่านเหล่านี้คิดใหม่ว่าประเทศต้องเดินหน้าต่อไป อย่ามัวกังวลในเรื่องนี้" ร.ท.กุเทพ กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือของ คมช.ว่ามีเหตุผลอะไร แต่เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายเกี่ยวข้องมีสิทธิที่จะเสนอความเห็นและเสนอข้อมูลที่ตัวเองมี เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาและตัดสินใจได้ หากมีการตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องดังกล่าว "ผมไม่ทราบว่า กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร แต่ขอให้เป็นไปบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเป็นกลาง ส่วนกรณีที่มีการอ้างเรื่องบทเฉพาะกาลว่าให้ความคุ้มครอง คมช.ให้สามารถดำเนินการได้นั้น ยังไม่ทราบข้อกฎหมาย แต่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่แล้ว กกต.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

(หมายเหตุ: คัดลอกข้อความมาบางส่วน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่อง)

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คลิกไปที่ กระดานข่าวธนาคารนโยบายประชาชน


นักศึกษา สมาชิก และผู้สนใจบทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
ก่อนหน้านี้ หรือถัดจากนี้สามารถคลิกไปอ่านได้โดยคลิกที่แบนเนอร์



สารบัญข้อมูล : ส่งมาจากองค์กรต่างๆ

ไปหน้าแรกของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน I สมัครสมาชิก I สารบัญเนื้อหา 1I สารบัญเนื้อหา 2 I
สารบัญเนื้อหา 3
I สารบัญเนื้อหา 4 I สารบัญเนื้อหา 5 I สารบัญเนื้อหา 6
ประวัติ ม.เที่ยงคืน

สารานุกรมลัทธิหลังสมัยใหม่และความรู้เกี่ยวเนื่อง

webboard(1) I webboard(2)

e-mail : midnightuniv(at)gmail.com

หากประสบปัญหาการส่ง e-mail ถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจากเดิม
[email protected]

ให้ส่งไปที่ใหม่คือ
midnight2545(at)yahoo.com
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจะได้รับจดหมายเหมือนเดิม

มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกำลังจัดทำบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทั้งหมด กว่า 1300 เรื่อง หนากว่า 25000 หน้า
ในรูปของ CD-ROM เพื่อบริการให้กับสมาชิกและผู้สนใจทุกท่านในราคา 150 บาท(รวมค่าส่ง)
(เริ่มปรับราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548)
เพื่อสะดวกสำหรับสมาชิกในการค้นคว้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ midnightuniv(at)gmail.com หรือ
midnight2545(at)yahoo.com

สมเกียรติ ตั้งนโม และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
(บรรณาธิการเว็บไซค์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน)
หากสมาชิก ผู้สนใจ และองค์กรใด ประสงค์จะสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชุมชน
และสังคมไทยสามารถให้การสนับสนุนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในนาม สมเกียรติ ตั้งนโม
หมายเลขบัญชี xxx-x-xxxxx-x ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานถนนสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หรือติดต่อมาที่ midnightuniv(at)yahoo.com หรือ midnight2545(at)yahoo.com





1

 

 

 

 

2

 

 

 

 

3

 

 

 

 

4

 

 

 

 

5

 

 

 

 

6

 

 

 

 

7

 

 

 

 

8

 

 

 

 

9

 

 

 

 

10

 

 

 

 

11

 

 

 

 

12

 

 

 

 

13

 

 

 

 

14

 

 

 

 

15

 

 

 

 

16

 

 

 

 

17

 

 

 

 

18

 

 

 

 

19

 

 

 

 

20

 

 

 

 

21

 

 

 

 

22

 

 

 

 

23

 

 

 

 

24

 

 

 

 

25

 

 

 

 

26

 

 

 

 

27

 

 

 

 

28

 

 

 

 

29

 

 

 

 

30

 

 

 

 

31

 

 

 

 

32

 

 

 

 

33

 

 

 

 

34

 

 

 

 

35

 

 

 

 

36

 

 

 

 

37

 

 

 

 

38

 

 

 

 

39

 

 

 

 

40

 

 

 

 

41

 

 

 

 

42

 

 

 

 

43

 

 

 

 

44

 

 

 

 

45

 

 

 

 

46

 

 

 

 

47

 

 

 

 

48

 

 

 

 

49

 

 

 

 

50

 

 

 

 

51

 

 

 

 

52

 

 

 

 

53

 

 

 

 

54

 

 

 

 

55

 

 

 

 

56

 

 

 

 

57

 

 

 

 

58

 

 

 

 

59

 

 

 

 

60

 

 

 

 

61

 

 

 

 

62

 

 

 

 

63

 

 

 

 

64

 

 

 

 

65

 

 

 

 

66

 

 

 

 

67

 

 

 

 

68

 

 

 

 

69

 

 

 

 

70

 

 

 

 

71

 

 

 

 

72

 

 

 

 

73

 

 

 

 

74

 

 

 

 

75

 

 

 

 

76

 

 

 

 

77

 

 

 

 

78

 

 

 

 

79

 

 

 

 

80

 

 

 

 

81

 

 

 

 

82

 

 

 

 

83

 

 

 

 

84

 

 

 

 

85

 

 

 

 

86

 

 

 

 

87

 

 

 

 

88

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

คิดต่างในเชิงสร้างสรรค์เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ดีกว่าและเสรีภาพ
03 December 2007
Free Documentation License
Copyleft : 2007, 2008, 2009
Everyone is permitted to copy
จัดทำสกู๊ปข่าวชี้ให้เห็นและวิเคราะห์ถึงความไม่ชอบธรรมของ หน.พปช. ที่ต้องคดีทุจริตอยู่ และถึงแม้จะชนะเลือกตั้งก็จะต้องโทษและไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี, สร้างข่าวโจมตีกลุ่มอำนาจเก่า, ให้พื้นที่ข่าวกับพรรคการเมืองทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน แต่สำหรับ พปช. ให้เสนอรายงานข่าวเน้นย้ำการกระทำ/ดำเนินการที่ไม่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของพรรค, ใช้ข่าวลือ/สื่อที่ไม่เป็นทางการชี้ให้เห็นถึง ความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับประเทศสิงคโปร์ และพรรค พปช. ซึ่งมีแนวการบริหารประเทศโดยใช้ระบอบประธานาธิบดี, ใช้ข่าวลือ/สื่อไม่เป็นทางการชี้ให้เห็นว่า…ฯลฯ